Ep.263

 

กลับขึ้นมาบนรถ ซูเฉินออกคำสั่ง “เสี่ยวจือ รีบมุ่งหน้าไปเมืองเฮยฉีต่อ”

 

ว่าจบก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้คนขับ หลับตาพักผ่อน

 

อย่างไรก็ตาม ตรงมุมปากเขาผุดรอยยิ้มตลอดเวลาไม่เสื่อมคลาย

 

คราวนี้ ต่อให้ฆ่าซอมบี้ได้แค่นิดเดียว และมีชิ้นส่วนดรอปเพียงไม่กี่ชิ้น แต่หนึ่งในนั้นคือสีม่วงทอง นี่ทำให้เขารู้สึกพอใจมาก

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ คนอื่นๆว่างไม่มีอะไรทำก็หันมาเล่นไพ่โต้วตี้จู่กันต่อ

 

สามวันให้หลัง ซูเฉินไม่ได้ออกล่าซอมบี้เลย

 

ไม่ใช่ว่าเขาไม่พบซอมบี้ระหว่างทาง แต่จำนวนซอมบี้ที่แจ้งเตือนบนหน้าจอมันมีน้อยเกินไป

 

ฝูงนึง 30 – 40 ตัวเท่านั้น ไม่คู่ควรให้เสียเวลาลงมือ

 

ในวันที่สี่ สุดท้ายเมืองเฮยฉีก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง

 

ขอบเขตการตรวจจับของ [รถศึกอัจฉริยะ] คือ 200 กิโลเมตร นั่นหมายความว่า เขาอยู่ห่างจากเมืองเฮยฉีไม่ถึง 200 กิโลเมตรแล้ว

 

ซูเฉินเริ่มรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เฝ้ารอให้มุ่งหน้าไปถึงเมืองเฮยฉีอย่างใจจดใจจ่อ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าในเมืองเฮยฉีไม่มีจุดสัญญาณสีแดงอยู่เลย แต่กลับมีจุดสีน้ำเงินไม่กี่จุดอยู่แทน ใบหน้าของซูเฉินก็กลายเป็นแข็งทื่อ

 

เพราะหากไม่มีจุดสัญญาณสีแดง นั่นหมายความว่าไม่มีซอมบี้

 

แต่เขามาที่นี่เพื่อล่าซอมบี้

 

บัดนี้ซอมบี้กลับหายตัวไป ยังจะให้เขาฆ่าผายลมอันใด หลายวันมานี้ไม่เท่ากับสูญเปล่าหรือ?

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?” ซูเฉินเริ่มครุ่นคิด

 

ก่อนหน้านี้ ซูหวู่ฮั่วเคยบอกว่ามีมนุษย์เป็นแสนคนอยู่ในเมืองเฮยฉี แต่ต่อมาเมืองแห่งนี้ได้ล่มสลายลง และถูกซอมบี้เข้ายึดครอง

 

ในกรณีดังกล่าว จำนวนของซอมบี้ในเมืองสมควรพุ่งทะยานเป็นตัวเลขที่น่าหวาดกลัว

 

แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับไม่เหมือนที่คิด

 

หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ซูเฉินก็ตัดสินใจว่าจะลองเข้าไปตรวจสอบในเมืองดู

 

เขาเกิดข้อสงสัย ว่าซอมบี้ในเมืองเฮยฉีอาจเคยมีอยู่จริงๆ แต่ทั้งหมดได้เดินทัพจากไปแล้ว

 

ซึ่งหากสามารถหาเบาะแสของพวกมันได้ ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะพบคลื่นซอมบี้ขนาดกลาง

 

สองชั่วโมงต่อมา เมืองใหญ่ก็ค่อยๆปรากฏสู่สายตาผู้คนบน [รถศึกอัจฉริยะ]

 

จะเป็นที่ไหนไปได้อีก หากไม่ใช่เมืองเฮยฉี

 

“เมืองนี้ใหญ่มากจริงๆ” เฉาหรานถอนหายใจ

 

เมืองเฮยฉี ในแง่ของขนาดนั้นใหญ่กว่าเมืองจิงกังซะอีก แถมยังงดงามมาก

 

กำแพงทั้งเมืองถูกสร้างขึ้นจากศิลาดำ แต่ละก้อนมีน้ำหนักหลายตัน

 

อย่างไรก็ตาม สภาพของเมืองเฮยฉีตอนนี้ มันได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง

 

กำแพงเมืองเกือบทั้งหมดพังทลายลง อาคารส่วนใหญ่ในเมืองกลายเป็นซากปรักหักพัง ราวกับว่าพวกมันได้ผ่านศึกหนักมา

 

ซูเฉินขอให้ [รถศึกอัจฉริยะ] จอดตรงหน้ากำแพงเมืองที่พังทลาย พอลงจากรถ ก็ก้าวเข้าไปในเมืองล่มสลาย

 

แต่การเข้าไปในครั้งนี้มิใช่การเข้าไปเพื่อล่อซอมบี้เหมือนครั้งก่อนๆ คราวนี้เขาเข้ามา เพราะต้องการตามหามนุษย์ที่อาศัยอยู่เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์

 

คนอื่นๆถูกสั่งให้รออยู่ในรถ

 

เมื่อดูจากหน้าจอควบคุมส่วนกลาง ที่ระบุตำแหน่งของมนุษย์เหล่านั้นเอาไว้ ซูเฉินก็เร่งฝีเท้า มุ่งหน้าไปยังที่พักของพวกเขา

 

สิบนาทีต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าอาคารเล็กๆหลังหนึ่ง

 

อาคารเล็กๆหลังนี้ค่อนข้างสมบูรณ์ยังไม่บุบสลาย บริเวณลานบ้านถูกล้อมไปด้วยกำแพงที่ทำจากหิน และมีพืชบางชนิดถูกปลูกเอาไว้เป็นอาหาร

 

ซูเฉินกวาดสายตามอง เดินตรงไปยังหน้าประตูลานบ้าน ตะโกนเข้าไปข้างในว่า “มีใครอยู่ที่นี่รึเปล่า?”

 

เนื่องจากเขามาที่นี่เพื่อสอบถามสถานการณ์ ดังนั้นไม่สะดวกที่จะบุกเข้าไป

 

ไม่นาน ชายชราหลังค่อมก็เดินง่อนแง่นออกมาจากอาคารหลังเล็กๆ เขากวาดสายตามองออกไปข้างนอกอย่างระแวดระวัง จากนั้นตะโกนไปทางซูเฉิน “คุณเป็นใคร?”

 

“ท่านผู้เฒ่า ผมเป็นแค่คนผ่านทางมา มีเรื่องจะสอบถามนิดหน่อย คุณไม่ต้องกังวลไป ผมขอรบกวนแค่ไม่นาน นอกจากนี้ ผมยังจะจ่ายหินพลังงานเป็นรางวัลสำหรับข้อมูลอีกด้วย” ซูเฉินตะโกนเสียงดัง

 

ชายชราหลังค่อมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก้าวออกไปและเปิดประตูลานบ้าน

 

เมื่อพบว่าภายนอกมีซูเฉินยืนอยู่เพียงลำพัง ทั้งยังเยาว์วัย เขาก็ถอนหายใจเล็กน้อย “เจ้าหนุ่ม มีอะไรให้ช่วยงั้นหรือ?”