Ep.201

 

“ไม่ดีแล้ว! มังกรทมิฬกำลังคิดโต้กลับ!” ชายคนที่เพิ่งพูดกับหานคุน จู่ๆก็ตะโกนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก

 

หัวใจของหานคุนคล้ายถูกบีบรัด สะบัดหน้าไปทางมังกรเพลิงทมิฬอย่างรวดเร็ว

 

และพบว่าเวลานี้ มังกรเพลิงทมิฬลุกขึ้นจากพื้นดินแล้ว มันส่ายหัวสลัดเศษหินเศษฝุ่น เมื่อพบว่าคนที่ลอบโจมตีเป็นแค่มนุษย์เล็กจ้อย มันก็โกรธเกรี้ยว

 

“โฮกกกก!”

 

เสียงมังกรคำรามดังกึกก้องไปทั่วผืนฟ้า สั่นสะเทือนชั้นอากาศที่ว่างเปล่า

 

ในเวลาเดียวกัน แรงกดดันมหาศาลชนิดหาผู้ใดเทียบ กวาดกระจายออกไปทุกทิศทาง

 

ทุกหนแห่งที่กวาดผ่าน สัตว์กลายพันธุ์จะขดตัว หมอบคลานลงกับพื้น สั่นงันงก

 

หานคุนและคนอื่นๆที่อยู่บนกำแพงเมือง ก็ถูกแรงกดดันนี้บังคับให้ถอยไปด้านหลังเช่นกัน

 

มีเพียงซูเฉินที่ยังหนักแน่นดั่งขุนเขา ยืนหยัดอยู่ที่เดิมไม่หวั่นไหว

 

อย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าบนตัวเขากลับกระพือไปข้างหลังแม้ไม่มีลม ส่งเสียงพรึ่บพรั่บดังไม่หยุด

 

“เจ้าหมอนี่อวดเก่งชะมัด!” ซูเฉินปาดจมูกเขา บ่นพึมพำ

 

มังกรเพลิงทมิฬร้องคำราม พ่นเปลวเพลิงที่หนืดราวกับแมกมาใส่ซูเฉิน

 

“ลมหายใจมังกร!”

 

เห็นฉากนี้ ใบหน้าของหานคุนแปรเปลี่ยนไปอย่างบ้าคลั่ง ลมหายใจมังกรคือเปลวไฟที่แท้จริงของมังกรเพลิงทมิฬ นับเป็นเวทย์ธาตุไฟสายหนึ่ง

 

ยังไงก็ตาม เมื่อเทียบกับเวทย์ธาตุไฟทั่วๆไปแล้ว อำนาจของลมหายใจมังกรร้ายแรงกว่าถึงสองเท่า

 

ยกตัวอย่างเช่น แม้มังกรเพลิงทมิฬตัวนี้จะมีเลเวลแค่ 3 ทว่าเปลวเพลิงที่มันพ่นออกมานั้น ร้ายแรงยิ่งกว่าเวทย์บอลไฟเลเวล 4 ของมนุษย์

 

“จบสิ้นแล้ว” หานคุนถอนหายใจ

 

เดิมที เขายังมีความหวังริบหรี่ในตัวซูเฉิน แต่เมื่อเห็นลมหายใจมังกร ความหวังในใจก็ดับวูบลงอย่างสิ้นเชิง

 

ในความเห็นเขา ต่อให้เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 หากต้องเผชิญหน้ากับอำนาจทำลายล้างของลมหายใจมังกร จุดจบคือความตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ไม่ต้องกล่าวถึงซูเฉินที่อายุยังน้อย แถมยังมีร่างกายอ่อนแอเพราะเป็นปรมาจารย์มนตรา

 

หวู่หยางบน [รถศึกอัจฉริยะ] เมื่อเห็นลมหายใจมังกร หัวใจเขากระตุกวูบ

 

เขาเองก็คิดเช่นเดียวกันว่าซูเฉินคงไม่สามารถต้านทานลมหายใจมังกรได้ กรีดร้องในใจ “เร็วเข้า รีบหนีไป!”

 

คนอื่นๆไม่รู้จักลมหายใจมังกร แต่มองไปยังลูกไฟขนาดใหญ่ที่ร้อนระอุราวกับดาวตกกำลังพุ่งลงใส่ซูเฉิน สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดี

 

 

“ลูกไฟที่มีพลังทำลายเหนือกว่าเวทย์เลเวล 4 อย่างงั้นหรอ?” ซูเฉินหรี่ตาลง

 

เขาเองก็ไม่รู้จักลมหายใจมังกรเช่นกัน แต่สัมผัสได้ถึงอำนาจอันทรงพลังที่อัดแน่นอยู่ข้างในนั้น

 

เดิมเขาต้องการทดสอบพลังของ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] โดยไม่คิดหลบเลี่ยง

 

แต่หลังจากได้เห็นว่าลมหายใจมังกรน่ากลัวเพียงไร เขาก็ล้มเลิกความตั้งใจนี้ไป

 

แน่นอน การล้มเลิกมิได้หมายความว่าหวาดกลัว

 

ณ ขณะนี้ ในสมองของซูเฉินเริ่มปั่นความคิด ว่าต้องทำอย่างไรถึงสามารถสยบลูกไฟยักษ์ตรงหน้าได้

 

ฉุกคิดได้วิธีหนึ่ง ซูเฉินไม่รอช้า ปลดปล่อยพลังจิตห่อหุ้มมือเขา

 

ในเวลาเดียวกัน [เกล็ดแขนทองคำ] ก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน

 

เมื่อลมหายใจมังกรใกล้เข้ามา ซูเฉินเลือกที่จะไม่ถอย แต่โจมตีสวนกลับไป เขาเหวี่ยงแขนไปข้างหน้า ทานรับมันด้วยมือเปล่า

 

“นั่นเขาจะทำอะไร? บ้าไปแล้วหรอ?”

 

หานคุนอ้าปากค้าง คิดว่าตัวเองตาฝาดไป

 

เขาไม่เข้าใจพฤติกรรมแส่หาที่ตายของซูเฉิน

 

ลมหายใจมังกรคือเวทย์ที่ร้ายแรงถึงเลเวล 4 แล้วแบบนี้จะสามารถจับมันด้วยมือเปล่าได้อย่างไร?

 

ต่อให้หมดหวังแค่ไหน แต่ก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลยนี่?

 

หรือเป็นเพราะอีกฝ่ายอยากตายลงอย่างมีศักดิ์ศรีกันแน่?

 

ระหว่างที่หานคุนกำลังงุนงง ซูเฉินก็คว้าลมหายใจมังกรเอาไว้แล้ว

 

พลังงานธาตุไฟอันบ้าคลั่งทะลักออกจากมังกรเพลิงทมิฬ อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ชั้นอากาศเหมือนกำลังจะลุกไหม้เป็นไฟ

 

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับซูเฉิน เกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่เหลือแม้แต่ซาก

 

อย่างไรก็ตาม ซูเฉินกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

 

เมื่อมีพลังจิตและ [เกล็ดแขนทองคำ] เป็นด่านหน้า ช่วยลดทอนอานุภาพทำลายล้างลงส่วนหนึ่ง ไม่ว่าลมหายใจมังกรจะร้ายแรงแค่ไหน อุณหภูมิที่มันปลดปล่อยออกมาจะร้อนแรงเพียงใด ตราบใดที่เข้าถึงตัวซูเฉิน มันจะถูกทำลายโดยอัตโนมัติและไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย

 

ช่วงเวลานี้ ความสามารถชนิดท้าทายสวรรค์ของ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] ได้สำแดงอำนาจของมันให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว!