Ep.142

เอี๊ยดดดด ….!!

บังเกิดเสียงเหล็กเสียดสีอย่างรุนแรง สุดท้ายเป็นอาวุธของหวงคังที่พ่ายแพ้ ทั้งคนทั้งขวานถูกผ่าแยกเป็นสองซีก

เลือดมหาศาลกระเซ็นจากร่างหวงคัง บรรยากาศโดยรอบถูกย้อมไปด้วยสีแดงน่าสยดสยอง

เดิมชายชราแซ่โหยวต้องการลอบโจมตีซูเฉิน แต่พอเห็นฉากนองเลือดนี้ ก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว

ที่เหลืออีกสิบกว่าคน เนื่องจากไม่ได้แข็งแกร่งอะไร เลยวิ่งมาข้างหน้าช้ากว่าพวกหวงคัง แต่ยังไม่ทันถึงที่ หัวหน้าของพวกเขาก็ถูกสังหารเสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นจุดจบอันน่าสังเวชของหวงคัง ทั้งหมดชะงักงัน ฝีเท้าหยุดกึก จ้องมองซูเฉินด้วยความสยดสยอง

แค่ฉับเดียว .. เมื่อครู่แค่ดาบเดียวเท่านั้น ..!

แต่กลับร้ายแรงถึงขั้นผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 ตายในครั้งเดียว!

บรรดาลูกน้องที่ติดตามมา มีระดับการฝึกฝนสูงสุดอยู่ที่ผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 เท่านั้นเอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 เช่นซูเฉิน พวกเขายังเหลือความกล้าที่จะต่อสู้อีกหรือ?

หลังจากสังหารหวงคัง ซูเฉินสะบัดๆ [ดาบเสริมมนตรา] หลังจากสะบัดคราบเลือดส่วนใหญ่ออกได้แล้ว เขาก็หันไปมองชายชราแซ่โหยว

ภายใต้การจับจ้องของซูเฉิน ชายชราแซ่โหยวสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าอันหนาวเหน็บ มันเสียดแทงลึกลงไปถึงกระดูก

“ผู้อาวุโส โปรดรับฟัง ฉันมีบางอย่างจะพูด”

ชายชราแซ่โหยวกลัวว่าหากพูดช้าเกินไปจะถูกสังหาร เลยรีบเอ่ยออกมา “พวกเราไม่มีความคับข้องใจใดๆต่อกัน ฉันแค่ถูกหวงคังลากตัวมาด้วย ขออาวุโสโปรดยั้งมือ ปล่อยพวกเราไป”

แม้ซูเฉินจะยังเด็ก แต่ความแข็งแกร่งเหนือล้ำกว่าทุกคนที่นี่

ชายชราแซ่โหยวรู้สึกกระทั่งว่า ซูเฉินน่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 เมื่อมีผู้แข็งแกร่งอยู่ตรงหน้า เขาจึงไม่รู้สึกกระดากอายที่ต้องเรียกอีกฝ่ายอย่างสมเกียรติว่า ‘ผู้อาวุโส’

“แกกำลังหมายความว่าระหว่างพวกเรา มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดงั้นหรอ?” ซูเฉินหรี่ตาลง กล่าวอย่างเฉยเมย

“ใช่ ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ชายชราแซ่โหยวพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ก่อนเอ่ยเสริมทับว่า “แน่นอน เรื่องนี้พวกเราเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ดังนั้นขอมอบหินพลังงานให้เป็นการชดใช้”

ซูเฉินถูจมูกเขา มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย

“ไม่ต้องลำบากหรอก เพราะเดี๋ยวฉันจะไปค้นมันจากศพแกเอง!”

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

เขาได้รับคำตอบแล้ว ว่าจิตใจซูเฉินยังคงพยาบาท ดังนั้นไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไป

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ เขาก็หันหลังกลับ เตรียมวิ่งหนีไปโดยไม่พูดอะไรอีก

เพียงแต่ว่า เขายังไม่ทันจะได้ยกเท้าขึ้น กลับรู้สึกว่าตรงข้อเท้าของตัวเอง ถูกบางสิ่งบางอย่างรั้งเอาไว้

ในเวลาเดียวกัน พลังมหาศาลลุกฮือไปทั่วสารทิศ บีบคั้นเขาจนหายใจไม่ออก

“เวทมนต์พันธนาการธาตุไม้! พลังจิตเลเวล 3 !”

หัวใจของชายชราแซ่โหยวเต้นครึกโครม มันหล่นฮวบลึกลงไปจนไม่เห็นก้นบ่อ

เขารู้ดี ว่าตนติดกับเวทมนต์ไม้และพลังจิต เลเวล 3 พร้อมกัน ซึ่งยากที่จะหลบหนี เริ่มร้องขอความเมตตา “ผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิต ฉันเป็นคนของเมืองทงเทีย–”

ฉัวะ!

ซูเฉินแค่นเสียงเย็นชา ตวัดดาบขัดจังหวะคำพูดของชายชราแซ่โหยว

ชายชราแซ่โหยวสัมผัสได้ถึงประกายเย็นเยียบสว่างวาบต่อหน้าต่อตา จากนั้นศีรษะเขาก็แยกจากลำตัว สติดิ่งวูบจมสู่ความมืดมิดอย่างสิ้นเชิง

“วิ่ง!”

ลูกน้องที่เหลืออีกสิบกว่าคนหวาดกลัวแทบตาย ทั้งหมดวิ่งขึ้นไปบนรถฐานทัพด้วยความสิ้นหวัง

“พี่ชาย นึกจะมาก็มา ตอนนี้คิดหรือว่าจะหนีไปไหนได้?” ซูเฉินเยาะเย้ย

เมื่อคนนับสิบวิ่งขึ้นรถฐานทัพ สตาร์ทเครื่องเตรียมล่าถอย ซูเฉินก็เหยียดมือ ยิงบอลสายฟ้าออกไป

ตามมาติดๆด้วยเสียงอัสนีบาต สะเทือนเลือนลั่นผืนดิน รถฐานทัพทั้งสามคันกลายเป็นขี้เถ้า

ผู้คนนับสิบที่วิ่งขึ้นไปเมื่อครู่ ถูกระเบิดไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูกให้เห็น

หวู่หยางและหยางหลิงเทียนมองหน้ากัน ทั้งสองส่งเสียง เกร๊าะ เดาะลิ้นตัวเอง

ความแข็งแกร่งของซูเฉินทำให้พวกเขาต้องตกตะลึงอีกครั้ง

เผชิญหน้ากับศัตรูสามคนในเลเวลเดียวกัน แต่เป็นซูเฉินเพียงลำพังที่สามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้

นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าซูเฉินคือตัวตนคงกระพันในเลเวลเดียวกัน

และยังเป็นไปได้สูง ว่าเขาอาจถึงขั้นสามารถสังหารศัตรูข้ามขั้นได้