ลง 139 140

Ep.139

ซูเฉินนึกถึงภูมิประเทศบนแผนที่ของเกาะเฉียนหยู และพบว่ามีสถานที่อย่างเทือกเขาเฟิงหลวนอยู่จริงๆ

นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงยังมีสถานชุมชนขนาดกลางที่ชื่อว่า ‘ชางเยว่’ อยู่อีกด้วย

“ในเมื่อมีหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 3 อยู่ที่เทือกเขาเฟิงหลวน แถมข่าวนี้ยังตกมาถึงคุณ ฉะนั้นคนอื่นๆก็น่าจะรู้เหมือนกัน แล้วทำไมถึงไม่มีใครไปขุดมัน?” ซูเฉินรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

มูลค่าของหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 3 น่ะสูงมาก แค่ก้อนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะแลกเปลี่ยนเป็นหินพลังงานเลเวล 2 ได้หลายสิบก้อน หากนำไปแลกเป็นหินพลังงานธรรมดา จะสามารถแลกได้ถึงหลายร้อยก้อน

ซึ่งตามหลักเหตุผล ของดีๆแบบนี้น่าจะถูกคนอื่นแย่งไปตั้งนานแล้ว ยังจะเหลือให้พวกซูเฉินขุดอีกหรือ?

หยางหลิงเทียนอธิบายว่า “เพราะที่นั่นมีฝูงหมูป่ากระหายเลือดอาศัยอยู่ จำนวนมากเกือบ 300 ตัว แถมในฝูงยังมีเลเวล 2 อีกหลายตัว เลยไม่มีใครกล้าเข้าไปรุกรานถิ่นของพวกมัน”

“แต่ผมกล้า พรุ่งนี้พวกเราจะไปเทือกเขาเฟิงหลวนกัน” ซูเฉินตัดสินใจ

เทือกเขาเฟิงหลวน ไม่เพียงแต่มีหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 3 เท่านั้น แต่ยังมีฝูงสัตว์กลายพันธุ์อีก 300 ตัว ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็มากพอที่จะทำให้หัวใจเขาเต้นแรง

หลังจากปรึกษากับหวู่หยาง ซูเฉินก็ขอตัวไปพูดคุยกับคนอื่นๆอีกสักพัก

จากนั้นก็หลับพักผ่อน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซูเฉินและคนอื่นๆขึ้น [รถศึกอัจฉริยะ] ขณะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาเฟิงหลวน เสียงสัญญาณเตือนภัยบนหน้าจอควบคุมส่วนกลางก็ดังขึ้น

“คำเตือน รถฐานทัพสามคันกำลังวิ่งตรงมาทางเราด้วยความเร็วสูง ปัจจุบันห่างกันน้อยกว่า 1 ไมล์ โปรดเตรียมรับมือล่วงหน้า”

ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] ให้หยุดทันที หรี่ตามองออกไปนอกตัวรถ

ในวันสิ้นโลก คนที่สามารถเป็นเจ้าของรถฐานทัพได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา และการที่พวกมันปรากฏขึ้นพร้อมกันถึงสามคัน เห็นได้ชัดว่าไม่ควรประมาทอีกฝ่าย

ไม่กี่นาทีต่อมา รถทั้งสามคันก็กระจายตัว แยกกันล้อมรอบ [รถศึกอัจฉริยะ]

“ซูเฉิน พวกเขาไม่ได้มาดี” หวู่หยางเตือน สีหน้าเขาตึงเครียดเล็กน้อย

ทันทีที่มาถึง อีกฝ่ายก็ตีวงล้อมกรอบทันที คล้ายกลัวว่าพวกซูเฉินจะหนีไป มาทรงนี้ไม่น่าจะคิดดี มีเจตนาร้ายแน่นอน

“ลงไปดูกันเถอะ” ซูเฉินไม่ใส่ใจมากนัก ค่อยๆเดินลงจากรถ

หากผู้มาเยือนเป็นตัวร้ายที่คิดขัดขวางเขา ที่นี่ก็จะกลายเป็นหลุมฝังศพของพวกมัน

ไม่ว่าภูมิหลังของอีกฝ่ายจะเป็นใคร ตราบใดที่กล้ายั่วโมโหซูเฉิน นั่นคือการรนหาที่ตาย

ขณะเดียวกันกับที่ซูเฉินก้าวลงจากรถ ผู้คนนับสิบลงจากรถฐานทัพทั้งสามคัน รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เว้นระยะห่างออกมา ยืนเผชิญหน้ากับซูเฉิน

ทางด้านซูเฉิน หวู่หยางกับหยางหลิงเทียนเดินตามลงไปติดๆ ยืนขนาบซ้ายขวา คอยเฝ้าระวังอยู่เสมอ

“คุณเป็นใคร มาขวางทางพวกเราทำไม” ซูเฉินมองไปที่อีกฝ่าย ตะโกนถาม

“เจ้าหนู วันก่อนแกเพิ่งไปที่เมืองจิงกังมาใช่ไหม?”

ฝั่งตรงข้าม เป็นชายวัยกลางคนสวมชุดจีนดูน่าเกรงขาม กำลังจ้องมองซูเฉินด้วยความเย็นชา

ซูเฉินรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้คุ้นหน้ามาก แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอกันที่ไหน”

แต่เขาไม่คิดเสียเวลานึกถึงมัน แสยะยิ้มเย็น “ฉันจะเคยหรือไม่เคยไปเมืองจิงกัง มันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณด้วย?”

“ท่านเจ้าเมือง เป็นเขา รถสีเงินขาวคันนี้แหละที่ฉันเห็นในวันนั้น”

ขณะนั้นเอง ชายอ้วนคนหนึ่งเดินตามชายน่าเกรงขามเข้ามา เอ่ยยืนยัน

“ไอ้หนู แกคือคนที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ในเมืองจิงกังอย่างไม่เลือกหน้า แถมยังบังอาจฆ่าลูกชายของฉัน วันนี้แกจะต้องถูกสับเป็นหมื่นๆชิ้น!” ชายน่าเกรงขามขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สบถด่าซูเฉิน

“ที่แท้แกก็คือหวงคัง เจ้าเมืองจิงกังนี่เอง” ซูเฉินนึกออกทันที

มิน่าเล่าเขาถึงได้รู้สึกคุ้นๆ แค่ไม่ทันคิดว่าอีกฝ่ายเป็นพ่อของหวงจวินหลินก็เท่านั้นเอง

“หวงคัง แกต้องการล้างแค้นให้ลูกชายสินะ?” ซูเฉินหรี่ตาลง แสยะยิ้มแดกดัน “วันก่อนฉันไล่ฆ่าไปทั้งเมืองจิงกัง ลูกชายแกเองก็ตาย แต่ทำไมตอนนั้นถึงทำตัวเป็นเต่าหัวหด? ไม่กล้าเสนอหน้าออกมาเล่า?”