วันนี้ลง 135 136

Ep.135

มองไปยังกริชที่ะท้อนแสงวาววับ และปลายแหลมของมันที่กำลังแหย่เข้าไปในเบ้าตา ชายชรารีบอ้อนวอนขอความเมตตา “หยุดมือ! ฉันยอมแล้ว ฉันจะสารภาพทุกอย่าง”

ซูเฉินขยิบตาให้เฉาหราน บอกให้อีกฝ่ายหยุด จ้องไปที่ชายชรายอีกครั้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แกควรจะพูดความจริง ถ้ากล้าโกหก ก็เตรียมรับความเสี่ยงที่ตามมาได้เลย”

ชายชราหลั่งเหงื่อเย็น สูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวสารภาพราวกับยอมจำนนต่อโชคชะตา “ฉันมาจากนิกายวูหยิน”

“นิกายวูหยิน?” ซูเฉินทวนคำ หันไปถามหวู่หยาง

เขาไม่เคยได้ยินชื่อ ‘นิกายวูหยิน’ มาก่อน เลยอยากถามความเห็นว่าหวู่หยางรู้อะไรบ้างหรือไม่

หวู่หยางหันมาสบตาซูเฉิน ส่ายหัวเล็กน้อย

ได้คำตอบแบบนี้ ซูเฉินก็หันไปถามชายชราอีกครั้งว่า “นิกายวูหยินอยู่ที่ไหน”

“อยู่ในเขตหยูหลิน” ชายชราตอบกลับอย่างรวดเร็ว

พอได้ยิน ดวงตาของซูเฉินหรี่แคบลง เขารู้จักเขตหยูหลิน แต่ถ้าให้อธิบายชัดๆ สมควรบอกว่าเขาเคยเห็นมันใน [แท็บเล็ตแผนที่ทวีปเสวียนเทียน]

เขตหยูหลินตั้งอยู่ใจกลางเกาะเฉียนหยู

เกาะเฉียนหยูแบ่งออกเป็นสามภูมิภาคหลัก อันได้แก่ เขตหยูหลิน , เขตเตอหลิน และเขตหวงหลิน

ในบรรดาทั้งสาม เขตหยูหลินมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุด ส่วนตำแหน่งที่ซูเฉินอยู่ตอนนี้คือเขตหวงหลิน

“กำลังรบของนิกายวูหยินของพวกแกเป็นยังไง? แข็งแกร่งที่สุดเลเวลไหน?”

หลังจากทราบแล้วว่านิกายวูหยินอยู่ที่ใด ซูเฉินก็เริ่มถามข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง

“นิกายวูหยินของเราเป็นหนึ่งในขุมกำลังที่ดีที่สุดของเขตหยูหลิน ท่านประมุขเตียวหลงเป็นถึงผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 ”

ขณะกล่าว เขาก็ลอบสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของซูเฉิน

เดิมที ชายชราคิดจะเอ่ยชื่อ ‘ท่านเตียวหลง’ ออกมาขู่ให้ซูเฉินรู้สึกกลัว

แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะสีหน้าของซูเฉินยังคงเรียบเฉย ราวกับผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 ไม่ได้อยู่ในสายตาเขา

“จากที่ได้ฟังมา ต้องขอยอมรับว่านิกายวูหยินของพวกแกยังพอแข็งแกร่งอยู่บ้าง” ซูเฉินพยักหน้าเล้กน้อย

ผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 แทบจะเป็นสิ่งมีชีวิตบนยอดปิระมิดของเกาะเฉียนหยู

จากข้อมูลนี้ ช่วยให้เราสรุปได้ว่า นิกายวูหยินเป็นหนึ่งในขุมกำลังที่ทรงพลังที่สุด

แน่นอน ว่านั่นสำหรับคนอื่นๆ

ในสายตาของซูเฉิน มันก็แค่สิ่งของที่สามารถทำลายล้างเมื่อไหร่ก็ได้หากต้องการ

“แล้วพวกแกมาที่นี่ มีจุดประสงค์อะไร?” ซูเฉินถาม

เขตหยูหลินอยู่ห่างออกไปหลายหมื่นไมล์ ต่อให้ขับรถฐานทัพก็ยังต้องใช้เวลาสิบวันถึงครึ่งเดือน

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกพวกซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์โจมตีเอาระหว่างทาง

ทั้งๆที่เสี่ยงและยากลำบาก แต่อีกฝ่ายกลับยืนกรานที่จะมา ดังนั้นเลยเกิดความสงสัย

ใบหน้าของชายชราแสดงออกถึงความไม่แน่ใจขึ้นมา ดูเหมือนเขาค่อนข้างลำบากใจกับคำถามนี้ แต่สุดท้ายยอมตอบว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อส่งจดหมายตามคำสั่งของประมุข”

“ส่งจดหมาย?” ซูเฉินผงะไปครู่หนึ่ง เขาหรี่ตาลง กล่าวเสียงหม่น “นี่แกไม่ได้กำลังล้อเล่นกับฉันใช่ไหม?”

เดินทางมาสุดขอบฟ้า เพื่อส่งจดหมายเนี่ยนะ?

เรื่องแบบนี้ จะให้ซูเฉินเชื่อได้อย่างไร?

“พี่เฉิน ไอ้หมอนี่มันไม่จริงใจ ฉันว่าเลาะลูกตาเขาซักข้างดีกว่า” เฉาหรานเองก็คิดว่าชายชราไม่ได้พูดความจริง เอ่ยเสนอแนะ

ชายชราตัวสั่นด้วยความตกใจ รีบอธิบายว่า “สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง และจดหมายก็อยู่กับฉัน”

“เอามันออกมาให้ดูหน่อย” ซูเฉินถอนพลังจิตของเขา ปล่อยชายชราได้รับอิสภาพกลับคืน

ภายใต้การจับจ้องของซูเฉิน ชายชราหยิบซองจดหมายจากอ้อมแขนอย่างว่าง่าย ยื่นแก่ซูเฉิน

เมื่อลองเปิดอ่านมัน สีหน้าของซูเฉินตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย

เพราะในซองจดหมาย มีกระดาษเพียงแผ่นเดียว และมีข้อความคล้ายลูกอ๊อด เขียนเอาไว้ย่อหน้าหนึ่ง

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงกลายเป็นโง่งม ไม่เข้าใจอย่างไม่ต้องสงสัย

เพราะตัวอักษรบนจดหมายไม่ใช่ของโลกใบนี้

แต่ซูเฉินรู้จักมัน และเขาก็รู้ด้วยว่านี่เป็นอักษรของชนเผ่าใด มันคือภาษาของเผ่าเต่าเขียวที่เพิ่งคุยกับเขาเมื่อครู่นี้เอง