Ep.134

 

“ก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วไง ว่าไสหัวไป อย่าบังคับให้ต้องลงมือ”

 

ซูเฉินเตะกวาดศพไร้ศีรษะของชายชุดดำออกไปด้านข้าง เบนสายตาหยุดลงบนร่างของชายชรา

 

ตัวเขาตอนนี้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและเจตนาฆ่า ราวกับผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งกําลังดูแคลนคนอ่อนแอกลุ่มหนึ่งก็มิปาน

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาของซูเฉิน ชายชราก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย รีบเอ่ยว่า “พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”

 

เขาเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 ก็จริง แต่เมื่อได้เห็นกับตาว่าซูเฉินสามารถสังหารผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 ได้ในพริบตา เขาก็กระจ่างแก่ใจว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้

 

หากยังรั้นอยู่ต่อ เกรงว่าชีวิตน้อยๆของตนก็คงไม่รอดเหมือนกัน

 

“มันสายไปแล้ว”

 

ซูเฉินแสยะยิ้มเย็น ปรากฏ [ดาบเสริมมนตรา] ในมือเขา หลังจากอัดฉีดพลังเวทย์ลม ก็ฟาดฟันออกไปในแนวนอน

 

ทันใดนั้น ใบมีดสายลมสีเทาที่มีความยาวกว่า 10 เมตรพลันก่อตัวขึ้น

 

“นี่มันอะไรกัน ..!” ความกลัวในหัวใจของชายชราพุ่งทะยานถึงขีดสุด

 

หลังจากซูเฉินฟันดาบเล่มนี้ เขากลับสามารถปลดปล่อยเวทมนต์ลมได้อย่างไม่คาดฝัน และแรงกดดันที่ระเบิดออกมา ทำให้ชายชรารู้สึกหายใจติดขัด

 

เมื่อเผชิญกับการโจมตีที่แปลกประหลาดและทรงพลังนี้ สีหน้าชายชราซีดเผือด แต่เขาไม่คิดยอมอยู่เฉย

 

“สู้มัน!”

 

นี่คือช่วงความเป็นความตาย ทุกคนต่างก็รู้ดี

 

พวกเขากำอาวุธในมือแน่น ง้างฟันลงบนใบมีดสายลมที่พุ่งเข้ามา

 

อย่างไรก็ตาม ช่องว่างความห่างชั้นของความแข็งแกร่ง มิใช่สิ่งที่สามารถทดแทนกันด้วยกำลังคนได้

 

หลังจากซูเฉินก้าวเข้าสู่เลเวล 3 คมดาบนี้ กระทั่งผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 หากโดนเข้าไปก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉะนั้นกลุ่มผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 และ 1 จะสามารถต้านทานมันได้อย่างไร?

 

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องน่าสังเวช ผู้คนนับสิบเบื้องหลังชายชราถูกสังหารสิ้น

 

ส่วนชายชรา แม้เขายังไม่ตาย แต่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

นี่มิใช่โชคช่วย แต่เป็นความตั้งใจของซูเฉินที่ต้องการให้เขายังมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้น ตอนนี้ชายชราคงกลายเป็นศพเย็นๆไปแล้ว

 

เมื่อเห็นลูกน้องทั้งหมดเสียชีวิตในคราวเดียว ปากของชายชราสั่นสะท้าน แข้งขาอ่อนเปลี้ย ทรุดลงกับพื้น

 

ความแข็งแกร่งของซูเฉินอยู่ไกลเกินกว่าจินตนาการของเขา

 

ชนิดที่ว่าต่อให้ประมุขนิกายของพวกเขา ท่านเตียวหลงก็ยังไม่สามารถระเบิดการโจมตีที่น่าสะพรึงเช่นนี้ได้

 

ณ จุดนี้ เขาตระหนักแล้วว่าไม่อาจรอดพ้นจากความตายไปได้ ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเทาซีด

 

“จงบอกพวกเรา ว่าภูมิหลังของพวกแกเป็นมาอย่างไร?” ซูเฉินจ้องชายชราด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยปากถาม

 

เหตุผลที่เขายอมให้ชายชรายังมีชีวิตอยู่ ก็เพื่อเค้นข้อมูลว่าอีกฝ่ายมาจากที่ไหน

 

เนื่องจากกลุ่มของชายชรา ทุกคนล้วนเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 ซึ่งการที่สามารถรวบรวมผู้แข็งแกร่งได้มากขนาดนี้ แสดงว่าไม่ใช่กองกำลังขนาดเล็ก อันที่จริงกลุ่มของพวกเขา กำลังรบไม่ได้ด้อยไปกว่าสถานชุมชนขนาดเล็กบางแห่งเลย

 

เช่นนั้น แล้วเหตุใดพวกเขาถึงได้มาที่นี่?

 

คงไม่ใช่เที่ยวเฉยๆหรอกกระมัง?

 

“ฉันจะอธิบายทุกอย่าง ขอแค่คุณไว้ชีวิตฉัน ตกลงไหม” ชายชรากัดฟัน

 

“แกไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับฉัน” ซูเฉินหรี่ตา กล่าวอย่างเฉยเมย “แต่ถ้าแกยังฉลาดอยู่บ้าง ฉันจะยอมให้แกตายในสภาพศพครบสามสิบสอง!”

 

ตัดหญ้าแต่ไม่ถอนราก พอถึงฤดูฝนเดี๋ยวพวกมันก็งอกใหม่ ด้วยอุปนิสัยของซูเฉิน เขาจะไม่ยอมให้เกิดอันตรายเช่นนั้นขึ้นเด็ดขาด

 

“ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องตาย งั้นฆ่าฉันเถอะ ฉันจะไม่ยอมบอกอะไรทั้งนั้น”

 

ในเมื่อเขารู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย แล้วทำไมถึงต้องทำตามประสงค์ของซูเฉินด้วย?

 

“ก็สวยสิ ฉันอยากจะรู้เหมือนกัน ว่าแกจะเก็บปากไว้ได้นานซักแค่ไหน” ซูเฉินยิ้มเยาะ หันไปตะโกนใส่รถว่า “เฉาหราน ลงมานี่”

 

“พี่เฉิน มีอะไรให้รับใช้?”

 

เฉาหรานวิ่งลงมา

 

“ควักลูกตาข้างหนึ่งของเขาเสีย” น้ำเสียงของซูเฉินเย็นยะเยือก ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

 

ในเมื่อคิดจะชุบเลี้ยงเฉาหรานในฐานะหัวหน้าห้องทรมาน งั้นก็ให้เขาได้ฝึกทรมาน บังคับคนให้สารภาพ เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด

 

“จัดไปพี่เฉิน”

 

เฉาหรานเลียริมฝีปากเขา ชักกริชเดินไปทางชายชรา

 

“จะทำอะไร อย่าเข้ามา!”

 

ชายชราร้องโวยวาย อย่างไรก็ตาม ขณะกำลังถอยหนีไปข้างหลัง เขากลับถูกพลังจิตของซูเฉินพันธนาการไว้ ต่อให้ดิ้นรนแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์