9/10

 

Ep.1103

 

ซูเฉินเองก็สามารถยกระดับขึ้นเป็นระดับเทวะขั้น 10 ได้สำเร็จเช่นกัน อีกทั้งยังบรรลุ [หมื่นกระบี่คืนสู่หนึ่ง] เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

นอกจากนี้ เขายังได้รับสุดยอดพลังศักดิ์สิทธิ์ [พายุกาแลคซี] จากอสูรเทพปลุกพลังอีกด้วย

 

[พายุกาแลคซี] คือทักษะลับสายหมัด ครั้งก่อนตอนที่ได้รับพลังนี้มา เขาเคยทดลองใช้มันใน [มิติสันโดษ] ดู และพบว่าเกือบทำลายลงในหมัดเดียว

 

พลังอำนาจของมันร้ายกาจชนิดยากหาผู้ใดเทียบ ไม่ด้อยไปกว่า [หมื่นกระบี่คืนสู่หนึ่ง] เลย

 

นับแต่นั้นมา ซูเฉินจึงมีไพ่ตายที่ทรงพลังเพิ่มขึ้นอีกใบ

 

นอกจากนี้ พืชวิญญาณข้างใน [พื้นที่เพาะปลูก] ยังเติบโต ปริดอกออกผลอย่างต่อเนื่อง ซูเฉินกินผลไม้วิญญาณเหล่านั้นไปหลายครั้ง

 

ส่งผลให้พลังจิต , ความแข็งแกร่งทางกายภาพ และพละกำลังพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

 

แม้ตัวเขายังไม่ก้าวเท้าสู่ขอบเขตเทพเจ้า แต่ด้วยกำลังรบที่มีในตอนนี้ รวมผู้คนทั้งหมด เหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณ และหุ่นเชิดในเขตแดนลับเข้าด้วยกัน–

 

–ไม่อาจมีผู้ใดเป็นศัตรูกับเขาได้อีกต่อไป

 

และเมื่อเปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] เขาก็จะทะยานสู่ขอบเขตเทพเจ้าได้ในทันที

 

ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้า เวลานี้ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกในสายตาเขา

 

“นักพรตเทียนซ่าน … ฉันอยากเจอหน้าแกจนแทบทนไม่ไหวแล้ว … ”

 

ซูเฉินหรี่ตาลง บ่นงึมงำ

 

 

เมื่อครบกำหนด 100 ปี ซูเฉินรวบทุกคนเข้าไปใน [มิติสันโดษ] จากนั้น เขาถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งตัวกลับมา

 

เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้ง เจ้าตัวพบว่าเขายังคงยืนอยู่ริบทะเลสาบ

 

“ซูเฉิน เป็นอย่างไรบ้าง?”

 

เห็นซูเฉินปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนเอ่ยถามทันที

 

“ผมสามารถเลื่อนขั้นเป็นเทวะขั้น 10 ได้แล้ว” ซูเฉินตอบอย่างแผ่วเบา

 

“อัจฉริยะจริงๆ!”

 

เสิ่นหยวนลอบถอนหายใจ ยังไงก็ตาม เขายังคงรู้สึกกังวลในใจ

 

เพราะต่อให้เป็นระดับเทวะขั้น 10 ที่ห่างกับขอบเขตเทพเจ้าเพียงขั้นเดียว แต่ขั้นที่ว่านั้นกว้างขวางราวพื้นดินกับสวรรค์

 

หากให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ ต่อให้ผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 10 หลายสิบคนร่วมมือกัน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขอบเขตเทพเจ้า

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม แม้ซูเฉินสามารถเลื่อนขั้นเป็น ระดับเทวะขั้น 10 ได้แล้วก็ตาม แต่เสิ่นหยวนก็ยังไม่เชื่อว่าซูเฉินจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบันได้อยู่ดี

 

“ผู้อาวุโส ผมจะออกจากที่นี่ได้ยังไง?” ซูเฉินถาม

 

ฐานฝึกตนของเขาทะยานก้าวกระโดด ตอนนี้ถึงเวลาออกไปมอบบทเรียนให้นักพรตเทียนซ่านและสัตว์ร้ายมิติที่ร่วมมือกันแล้ว

 

“รีบร้อนขนาดนั้นเลย?”

 

ผู้ทรงเกียรติ เสิ่นหยวน ขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

ถึงอย่างไรซูเฉินยังเป็นแค่ ระดับเทวะขั้น 10 หากออกจากเขตแดนลับมิติแล้วไปพบเจอกับศัตรูในขอบเขตเทพเจ้าเข้า เกรงว่าคงถูกกุดหัวได้อย่างง่ายดาย

 

“ทำไมเจ้าไม่ฝึกต่ออีกสักระยะหนึ่งเล่า?” เสิ่นหยวน พยายามโน้มน้าว

 

“ไม่จำเป็น เวลาไม่คอยท่า ผู้อาวุโสหวูอาจต้านไม่ไหวแล้ว” ซูเฉินกล่าว

 

หวูซางคนเดียวต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งมากมายจากทางฝั่งนักพรตเทียนซ่าน อีกฝ่ายโดนกดดันถึงขนาดไหนคงพอจินตนาการกันได้ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนโดยเร็วที่สุด

 

ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนสับสนเล็กน้อย เพราะขนาดหวูซางซึ่งเป็นขอบเขตเทพเจ้าก็ยังมิอาจแก้ปัญหาได้ แล้วซูเฉินซึ่งอยู่แค่ ระดับเทวะขั้น 10 ยังจะไปทำอะไรได้?

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อซูเฉินเอ่ยปากขอ เขาก็ไม่สะดวกขัด เปิดเส้นทางสู่โลกภายนอกให้แต่โดยดี

 

ซูเฉินนำ [รถศึกอัจฉริยะ] ออกมา ขณะเขากำลังจากไป ผู้ทรงเกียรติ เสิ่นหยวน ได้เอ่ยปากว่า “ซูเฉิน! ข้าขอไปกับเจ้าด้วย!”

 

พิทักษ์เขตแดนลับมิติมาเป็นหมื่นปีแล้ว ตอนนี้นับว่าภารกิจสำเร็จลุล่วง ไม่ควรอยู่อย่างไร้ความหมายที่นี่อีกต่อไป

 

เช่นนั้น จะดีกว่าไหมหากร่วมติดตามซูเฉินออกไปฟันฝ่าอุปสรรค?

 

ซูเฉินไม่ปฏิเสธ หลังจากเชิญเสิ่นหยวนขึ้นรถแล้ว ก็ออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ] ว่า “เสี่ยวจือ ออกไปจากที่นี่”

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] น้อมรับคำสั่ง ขับออกจากสถานที่สาบสูญอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อพ้นปากทางมา โลกภายนอกก็ยังคงเป็นกลุ่มอุกกาบาตขนาดใหญ่

 

“เจ้านาย พวกเราจะไปที่ไหน?” [รถศึกอัจฉริยะ] ถาม

 

ซูเฉินครุ่นคิดพักหนึ่ง ให้คำตอบว่า “ไปเกาะโหยวเชิง ”

 

เกาะโหยวเชิงคืออาณาเขตของสัตว์ร้ายมิติ เขาวางแผนจะทำลายมันมานานแล้ว!

 

10/10

 

Ep.1104

 

หลังจากนั้น [รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคตำแหน่งเกาะโหยวเชิง บินไปอย่างรวดเร็ว

 

เมื่ออัพเกรดเป็นรูปแบบที่ 21 ความเร็วของมันปานสายฟ้าแลบ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมาย

 

“เสี่ยวจือ สแกนภายในเกาะโหยวเชิง ว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ขั้นไหน”

 

ซูเฉินกวาดสายตามองเกาะโหยวเชิง ออกคำสั่ง

 

“เจ้านาย ผู้แข็งแกร่งที่สุดคือสัตว์ร้ายมิติ ระดับเทวะขั้น 10 ” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันที

 

ซูเฉินพยักหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ขับเข้าไปเลย”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ไม่พูดพล่ามทำเพลง บินเข้าเกาะโหยวเชิงทันที

 

“ซูเฉิน นี่เจ้าคงไม่คิดสังหารหมู่เกาะโหยวเชิงหรอกกระมัง?” ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนสะดุ้งโหยง

 

เกาะโหยวเชิงคืออาณาเขตของสัตว์ร้ายมิติ นอกจากนี้ยังมีระดับเทวะขั้น 10 ประจำการอยู่

 

ห้ามลืมนะว่าความสามารถในการต่อสู้ของสัตว์ร้ายมิตินั้นเหนือกว่าผู้ฝึกตนในหมื่นเผ่าพันธุ์ เขาเลยไม่คิดว่าซูเฉินจะสู้กับพวกมันได้

 

นอกจากนี้ สถานการณ์ในปัจจุบันนับว่าเลวร้ายมาก หากเกิดศึกใหญ่ขึ้น ร่องรอยของพวกซูเฉินคงถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน

 

ถึงเวลานั้น ก็มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่าจะมียอดฝีมือในขอบเขตเทพเจ้าบุกมาตามล่า

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ในความรู้สึกของเสิ่นหยวน ความคิดนี้ของซูเฉินเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลมาก

 

“ตั้งแต่ที่พวกสัตว์ร้ายมิติกับนักพรตเทียนซ่านร่วมมือกัน ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะกวาดล้างพวกมันทั้งหมด” ซูเฉินกล่าวอย่างมั่นใจ

 

“ยังไงก็เถอะ … ” ขณะที่เสิ่นหยวนกำลังเกลี้ยกล่อม [รถศึกอัจฉริยะ] พลันเตือนขึ้นว่า “เจ้านาย ตรวจพบสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 หนึ่งตัวและขั้น 9 อีกสองกำลังตรงเข้ามา”

 

“เข้าใจแล้ว” ซูเฉินตอบอย่างใจเย็น เดินเปิดประตูและก้าวออกไปเพียงลำพัง

 

“เฮ้อ!”

 

เห็นซูเฉินทำตามใจตัวเองไม่ฟังใคร เสิ่นหยวนถอนหายใจยาวเหยียด

 

“ซูเฉิน! เป็นเจ้าจริงๆ!”

 

สัตว์ร้ายมิติสามตัวเมื่อเข้าใกล้ และเห็นชัดเต็มสองตาว่าคือซูเฉิน ตอนแรกพวกเขาตกใจ แต่ซักพักก็ระเบิดเสียงเฮด้วยความปิติยินดีออกมา

 

ช่วงหลายวันก่อน พวกเขาพยายามค้นหาร่องรอยของซูเฉินอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่พบเบาะแสใดๆเลย ราวกับว่าซูเฉินหายไปในอากาศธาตุ

 

แต่ไม่นึกเลย ว่าซูเฉินจะเป็นผู้มาเคาะประตูถึงบ้านของพวกเขาเอง นี่ทำให้ทั้งสามประหลาดใจมาก

 

“ซูเฉิน! เจ้าจะยอมจำนนหรือบีบให้พวกเราลงมือ?” สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 จับจ้องซูเฉิน กล่าวเสียงเย็นชา

 

จากข้อมูลก่อนหน้านี้ที่ได้รับมา ซูเฉินเพียงอยู่ในระดับเทวะขั้น 7 เท่านั้น ต่อให้มีพรสวรรค์สูงส่งแค่ไหน หายตัวไปสามเดือน ก็ไม่น่าจะยกระดับไปอีกขั้นได้

 

พวกเขาจึงหลงคิดว่าแค่สามตน ก็น่าจะสามารถบดขยี้ซูเฉินได้อย่างหมดจด

 

ดังนั้นน้ำเสียงและถ้อยคำที่เปล่งออกมา จึงดูเหิมเกริมมาก ไม่เห็นซูเฉินอยู่ในสายตา

 

“อาศัยแค่ขยะสามตัวคิดฆ่าฉันงั้นหรอ?” ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวด้วยความรังเกียจ

 

ด้วยกำลังรบในปัจจุบันของเขา ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับขอบเขตเทพเจ้าก็ยังสังหารได้

 

ดังนั้นเขามีคุณสมบัติพอที่จะด่าว่าทั้งสามเป็นขยะจริงๆ

 

แน่นอน สัตว์ร้ายมิติทั้งสามไม่รู้ด้วยซ้ำเรื่องการยกระดับของซูเฉิน ทุกตนเลยรู้สึกว่าซูเฉินพล่ามวาจาใหญ่โต

 

“ช่างไม่รู้จักชั่วดี! ไปจับตัวเขา!”

 

สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 กระชากเสียงเย็น หันไปส่งสายตาให้ สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 ทั้งสองตัว

 

ฝ่ายหลังเข้าใจทันที ตรงเข้าหาซูเฉินอย่างรวดเร็ว

 

“ช่างไม่รู้จักประมาณตน!”

 

ซูเฉินส่งเสียงฮึในลำคอ ปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณออกมา

 

ได้ยินเพียงเสียงโผล๊ะ โผล๊ะ! ดังสองครั้งติด

 

เห็นแค่เพียงร่างของสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 ทั้งสองตัวที่กำลังตรงเข้าหาซูเฉิน ระเบิดออกพร้อมกันเป็นละอองเลือดสองกลุ่ม

 

“ได้ไงกัน?”

 

ในขณะนั้นเอง สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 ตะลึงงัน ไม่ทราบเลยว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น

 

“นั่นเป็นฝีมือซูเฉินงั้นหรือ?” เสิ่นหยวนตกตะลึงอ้าปากค้าง เกิดความรู้สึกหายใจไม่ออก

 

สัตว์ร้ายมิติสองตัวที่ตายไป เห็นได้ชัดว่าถูกบดขยี้ด้วยพลังจิต

 

และบังเอิญในที่นี้ เป็นซูเฉินคนเดียวที่ครอบครองพลังแห่งจิตวิญญาณ

 

กระนั้น สัตว์ร้ายมิติทั้งสองตัวเป็นถึง ระดับเทวะขั้น 9 ถึงซูเฉินจะมีพลังจิตในระดับเทวะขั้น 10 แต่ก็ไม่น่าจะสามารถฆ่าพวกมันได้ง่ายๆเช่นนี้ ถูกไหม?