บทที่ 94 ทำได้ดีมาก!

เย่เฟิงกลับมายังหมู่บ้านชิงเฟิงด้วยอารมณ์แจ่มใส เพราะก่อนหน้านี้เขาได้แก้ปัญหาใหญ่ที่เขากังวลเสร็จสิ้นแล้ว

เรื่องของหลงหวางเอ๋อจำเป็นต้องจัดการตั้งแต่ต้นอย่างเร่งด่วน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้ร่วมมือกันในเร็วๆนี้ แต่อย่างน้อย พวกเขาก็ได้เข้าใจความรู้สึกของกันและกัน

ภายใต้แสงไฟที่สว่างไสวในหมู่บ้าน เย่เฟิงเปิดประตูและเข้ามาในบ้าน แต่น่าแปลกใจที่ในห้องโถงมีเย่เวิ่นเทียนกำลังนั่งดื่มชาอยู่บนโซฟา ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงบางอย่างออกมาจากห้องครัว

“แค่ก แค่ก ท่านปู่”

เย่เฟิงวิ่งท่าเท้าสามสิบสองขั้นมาที่ด้านข้างของเย่เวิ่นเทียน เขานั่งลงบนโซฟาแล้วมองไปยังห้องครัว “เหมิงหานอยู่ข้างในหรอ ?”

“อืมมม ฉันหิวเลยให้สาวน้อยคนนั้นทำอาหารให้ จะไม่อธิบายหน่อยหรอว่าแกไปทำอะไรตั้งนานสองนานกับคุณหนูตระกูลมังกรคนนั้น”

เย่เวิ่นเทียนไม่ได้โกรธแถมมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ในขณะที่วางถ้วยชาลง

“อย่าถามเรื่องนั้นได้ไหม……..ว่าแต่ปู่ไม่โกรธหรอ?”

เย่เฟิงถึงกับงงงันในทันทีเพราะเขาคาดว่าชายชราคนนี้จะต้องบีบคอเขาแน่ แต่ไฉนตอนนี้ถึงมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าของปู่เขากัน?

“อืมม ทำไมฉันต้องโกรธ?”

เย่เวิ่นเทียนจู่ ๆ ก็ลดเสียงของเขา “แกทำได้ดีมาก! ถึงกับประสบความสำเร็จในการสร้างความสัมพันธ์กับคุณหนูตระกูลหลงคนนั้น นี้ถ้าหลงโมหรันรู้เรื่องนี้เข้าละก็ มันจะต้องอกแตกตายเป็นแน่แท้ ฮ่า ฮ่า…..!”

เมื่อเย่เฟิงได้ยิยเช่นนั้นก็เหมือนโดยสายฟ้าฟาด เขาไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร และไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องให้กับสถานการณ์แบบนี้ดี

ก็ในเมื่อความจริงที่ว่าเย่เฟิงได้คว้าเอาลูกสาวของศัตรูเก่าของตระกูลมาทำ(……) แล้วทำไมไอ้แก่อย่างเขาคนนี้จะไม่ดีใจได้อย่างไรกันล่ะ? ไม่ต้องพูดถึงถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของหลงโมหรันแล้วละก็ แน่นอนว่าผู้นำของตระกูลมังกรคงอกแตกตายแน่ๆ แล้วความทุกข์ของศัตรูนี่แหละที่ทำให้ชายชรามีความสุขแทบตาย ฮ่า ฮ่า

“เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันก่อนดีกว่า”

เย่เวิ่นเทียนเริ่มมีท่าทีขึงขังและกล่าว “เรื่องที่หลานฝึกยุทธ์ได้ ผู้หญิงตระกูลมังกรคนนั้นรู้เรื่องนี้รึเปล่า?”

“รู้ครับ”

เย่เฟิงผงกหัวตอบรับ “แต่ผมก็ไว้ใจเธอนะ”

เย่เวิ่นเทียนฟังเขาพูดเช่นนั้นก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร ชายแก่กลับเห็นด้วยในแบบของเขา “ดีมาก หญิงสาวคนนั้นเป็นคนที่ใจเด็ดคนนึง อย่าว่าแต่หลงโมหรันเลย ต่อให้บรรพบุรุษของเด็กคนนั้นลุกขึ้นจากหลุมก็ง้างปากให้เธอพูดอะไรไม่ได้หรอก”

เห็นได้ชัดเลยว่าภาพลักษณ์ของหลงหวางเอ๋อได้สร้างความประทับใจไม่น้อยเลยแก่เย่เวิ่นเทียน

ถ้าหญิงสาวตกหลุมรักเย่เฟิง เช่นนั้นมันก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะหากเธอไม่เป็นเช่นนั้นจริงด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของเธอคงพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อฆ่าเย่เฟิงแล้ว

“อย่างไรก็เถอะ ให้คนแก่คนนี้ได้เตือนอะไรแกสักอย่าง”

เย่เวิ่นเทียนกล่าวด้วยท่าทีผ่าเผย “ผู้หญิงตระกูลหลงคนนั้น แกเล่นสนุกกับเธอได้ แต่ห้ามจริงจังเด็ดขาด เข้าใจไหม?”

เย่เฟิงขมวดดคิ้ว เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ปู่พูด

“เจ้าโง่เอ้ย ฉันหมายถึงเล่นสนุกกับเธอเป็นครั้งคราวได้แต่ห้ามพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอ รู้ไว้ด้วยว่าพ่อของแกถูกฆ่าด้วยมือของหลงโมหรัน อย่าลืมสิ!”

เย่เวิ่นเทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและกล่าวย้ำอีกครั้ง “ในเมื่อหลานเริ่มฝึกยุทธ์แล้วอย่างลืมแวะไปทักทายและขอบคุณปรมาจารย์เกาเหรินเหวยด้วยล่ะ ถ้าเรื่องทุกอย่างเป็นไปด้วยดีละก็ตระกูลเย่ของเราอาจกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง”

“………..”

คำพูดของเย่เวิ่นเทียนทำให้เย่เฟิงถึงกับกล่าวอะไรไม่ออก เรื่องก็คือเขาไม่ได้คิดกับหลงหวางเอ๋อเล่นๆเท่านั้น หากชายหนุ่มเป็นคนอย่างนั้นจริงเขาจะต่างอะไรกับพ่อที่ตายไปแล้วกันล่ะ?

เย่หยุนเฟยเล่นกับความรู้สึกของผู้คนและลอบเล่นชู้กับชาวบ้าน เพราะการกระทำของเขานำมาซึ่งการพังทลายของตระกูลเย่

เย่เฟิงไม่อยากจะทำผิดพลาดตามรอยของชายคนนั้นหรอกนะ

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมพ่อของเขาเป็นพวกเจ้าชู้เช่นนี้ ก็ดูปู่เขาสิ การกระทำที่ไม่ให้เกียรติผู้คนเลย แล้วพ่อที่ถูกปู่สั่งสอนมาจะออกมาสภาพเป็นแบบไหนกันล่ะ

แน่นอนว่าเย่เฟิงยังไม่อยากจะสร้างความขัดแย้งหรือโต้เถียงอะไรกับปู่ของเขาตอนนี้ ชายหนุ่มรู้ดีว่าการเถียงกับคนแก่จะไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมา มีแต่เสียเวลาไปเปล่าๆ

เย่เฟิงไม่ได้ใส่ใจเลยว่าเขาจะต้องฟื้นฟูตระกูลกลับมาให้ยิ่งใหญ่ดังเดิม ที่เขาสนใจคือการปกป้องผู้คนรอบตัวเขา ผู้คนที่มีค่าต่อชายหนุ่มแค่นั้นเอง

แต่เรื่องทั้งหมดกลับต้องยุ่งยากไปหมดไม่ว่าจะเพราะเย่เวิ่นเทียนหรือหลงโมหรันก็ตามที

ด้วยความต้องการที่จะปกป้องผู้คนสำคัญ สิ่งเดียวที่ตอบโจทย์นี่ได้ก็คือพลัง การฝึกทักษะแห่งเซียน

ความแข็งแกร่งเป็นพื้นฐานของทุกสิ่งอย่างแท้จริง!

เย่เฟิงเข้าใจความหมายของประโยคนี้ชัดเจนมากกว่าใครอื่น

ในโลกเทวะถ้าไม่ใช่เพราะว่าพ่อของโม่จิ่วเกอเป็นคนที่น่าเกรงขาม เขาจะมีปัญญาบังคับให้ซูเฟยหยิ่งหมั้นกับเขาได้อย่างไรกัน ยิ่งกว่านั้นโม่จิ่วเกอยังเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด ใช้อำนาจของพ่อตนเองทำสิ่งต่างๆตามใจชอบมากมาย ไม่รู้มีหญิงงามกี่คนในโลกเทวะต้องถูกทำลายชีวิตเพราะมัน

คนที่น่าเกลียดเช่นโม่จิ่วเกอกับหญิงงามผู้เลอโฉมอย่างซูเฟยหยิ่ง สองคนพอมายืนด้วยกันเหมือนอยู่คนละด้านของโลก! อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลอีกฝ่าย ซูเฟยหยิ่งได้แต่ยินยอมอย่างไม่เต็มใจนักที่จะต้องหมั้นกับผู้ชายเจ้าชู้หน้าตาน่าเกลียดทำตัวไม่เอาไหนอย่างโม่จิ่วเกอ

หรือเพราะด้วยเหตุการณ์ประหลาดหลายๆอย่างนี้ทำให้เธอมาที่โลกกัน ยังไงก็เถอะหากซูเฟยหยิ่งมาอยู่กับเขานั่นจึงจะเป็นเรื่องที่เข้าท่าที่สุดแล้ว

เมื่อเห็นเย่เฟิงเงียบงันไปเย่เวิ่นเทียนจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขาครุ่นคิดอยู่สักพักและพูด “อ๋อใช่แล้ว ในเมื่อแกกลับมา ต่อจากนี้สองอาทิตย์ห้ามออกจากเมืองเหยียนจิงเด็ดขาด จนกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะจบลง ฉันจะคอยจับตาดูแกเอาไว้”

เย่เฟิงที่ได้ยินก็พลันเลิกลั่ก

ชายหนุ่มกำลังคิดจะไปยังทะเลจีนตะวันออกเพื่อมองหาซูเฟยหยิ่ง แต่ตอนนี้ปู่ของเขากลับไม่ยอมให้เขาไปไหนทั้งนั้นเป็นเวลาครึ่งเดือน ถ้าเกิดรอจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจบก่อนร่องรอยของซูเฟยหยิ่งก็อาจจะหายไปอีกน่ะสิ!

“ถึงแม้ฉันจะมีหลายวิธีในการทำให้แกเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเหยียนจิงได้ แต่ถ้าคะแนนของแกห่วยมาก จะทำแบบนั้นไปมันก็น่าอายเสียเปล่า…”

เย่เวิ่นเทียนกระแอมแล้วพูดต่อ “เมื่อกี้นี้ฉันพึ่งคุยกับเจ้าเฒ่าตระกูลหลินให้จัดการนัดพบระหว่างแกกับหลานสาวของเขาพรุ่งนี้แล้วนะ”

“อะไรนะ?”

ข่าวที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มตกตะลึง เขาไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย “ไม่ใช่ปู่พูดไว้ว่ารอให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก่อนงั้นเหรอ?”

“ตอนนี้ข่าวมันคึกโครมกระจายไปทั่วหมดแล้ว ในเมื่อเราปิดบังไว้ไม่ได้อีกก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นอีกต่อไป”

ชายชราขมวดคิ้ว “เตรียมตัวให้พร้อม สร้างความประใจไว้ให้ดีๆล่ะ ถ้าอีกฝ่ายเกิดไม่ชอบแกขึ้นมาถึงตอนนั้นฉันคนนี้สับแกเป็นชิ้นๆเลย”

“…………”

เป็นอีกครั้งที่เย่เฟิงถึงกับไร้คำพูด เขาได้แต่รอไปกับกับสาวงามเลื่องชื่อหลินชื่อฉิงคนนั้น จนกว่าจะถึงเวลานั้นเขาไม่มีสิทธ์มีเสียงอะไรเลย

ชายหนุ่มยังจำเรื่องที่เขาสัญญาไว้กับซูเหมิงหานก่อนหน้านี้ได้ดี แน่นอนว่ามันก็ต้องเป็นไปตามนั้นด้วย

ไม่นานนักซูเหมิงหานถือชามบะหมี่มาเสิฟให้กับเย่เวิ่นเทียน

“เย่เฟิง กลับมาแล้วเหรอ…”

เด็กสาวรู้สึกกังวลเล็กน้อย หลังจากวางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะเธอก็ไปยืนอยู่ด้านข้างของเย่เฟิง

อยู่ดีๆก็มีชายชราคนนึงบุกเข้ามาเปิดตู้กับข้าวดูวุ่นวายไปหมดทำให้ซูเหมิงหานรู้สึกกลัว ต่อมาเธอถึงได้รู้ว่าชายชราคนนี้คือปู่ของเย่เฟิงเองทำให้เธอตื่นตกใจยิ่งกว่าเดิม

เด็กสาวทราบอยู่แล้วว่าปู่ของเย่เฟิงเป็นเพื่อนกับผู้นำตระกูลหลิน ยิ่งกว่านั้นการหมั้นระหว่างเย่เฟิงกับหลินชื่อฉิงก็ดูเหมือนจะถูกจัดการโดยชายแก่ทั้งสองคนนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ ปู่ของเย่เฟิงไม่น่าจะชอบหน้าเธอนัก จริงไหม?

อย่างไรก็ตามที่น่าประหลาดใจคือเมื่อปู่ของเย่เฟิงพบซูเหมิงหานในบ้านเขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นกลับคนหาข้าวของไปทุกที่ เป็นไปได้ว่าเขาแค่อยากตรวจสอบว่ามีอะไรถูกขโมยไปหรือไม่ หลังจากตรวจค้นเสร็จแล้ว เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายลงและกล่าวกับเด็กสาวว่า “ฉันหิวแล้ว”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซูเหมิงหานจะทำเช่นไรต่อ เธอรีบวิ่งไปยังห้องครัวต้มบะหมี่ให้ชายแก่กินทันที

“อืม”

เย่เฟิงยิ้มให้กับดาวโรงเรียนคนสวยของเขาจากนั้นจึงมือเธอ แล้วลากมานั่งข้างๆกายราวกับเป็นที่พักพิง

เห็นท่าทีกินอย่างตะกละตะกลามของเย่เวิ่นเทียนชายหนุ่มจึงถาม “ว่าแต่ ของที่ซ่อนในบ้านนี้เป็นของสำคัญอะไรงั้นเหรอ?”
เย่เวิ่นเทียนวางชามลง สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม “อยากรู้งั้นเหรอ? รอฉันกินเสร็จก่อนแล้วตามมาสิ”

………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI

Teepo_V : ซูเหมิงหานรีบเอาใจปู่ก่อนเลย เรียกว่าอยู่เป็นจริงๆ 555+