บทที่ 92 กล้าที่จะรัก กล้าที่จะเกลียด

ทันทีที่เย่เวิ่นเทียนปรากฎตัวออกมาจากที่ไหนสักแห่ง พร้อมกับส่งสายลมที่กันโชกผ่านพวกเขาไป  ชายชราคว้าเอาตัวหลงหวางเอ๋อออกไปจากอ้อมกอดของเย่เฟิง จากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว จากนั้นเขาก็ปรากฎตัวอยู่ห่างจากเย่เฟิงประมาณ 5 เมตร

“คุณหนูตระกูลหลง การเข้าใกล้หลานชายของฉันแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่สมควรเลย คิดงั้นไหม?”

เย่เวิ่นเทียนกล่าวเบา ๆ ขณะจ้องมองเธอ

หากเป็นหลงหวางเอ๋อก่อนหน้านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการได้พบเย่เวิ่นเทียนจะทำให้เธอรู้สึกประหม่าและเกรงกลัวขนาดไหน เพราะว่าเขาคือศัตรูเก่าตัวฉกาจของตระกูลเธอ แต่สำหรับตอนนี้ หญิงสาวไม่รู้สึกเกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะการที่เธอตัดสินใจหนีออกมาจากบ้านเพื่อมาตามหาเย่เฟิง มันทำให้เธอไม่ใส่ใจต่อสิ่งใดทั้งสิ้น

หญิงสาวเค้นเสียงเบาๆว่า “คุณไม่อยากรู้หรือไง ว่าหลานชายสุดที่รักของคุณได้ทำอะไรกับฉัน?”

หลังจากหลงหวางเฮ่อกล่าวเสร็จจบ หญิงสาวยกใบหน้าที่สวยงามของเธอจ้องมองไปยังเย่เฟิงด้วยสายตาที่ซับซ้อน

“หือ?”

คำพูดของหลงหวางเอ๋อ ทำให้เย่เวิ่นเทียนงงงันไปในทันที

เย่เฟิงจ้องมองไปยังหญิงสาวพร้อมกับคิดว่าเขาไม่รู้ว่าหลงหวางเอ๋อได้กระจายข่าวเรื่องที่เขาเอาชนะหลี่ฮวา ชายวิปริตแห่งวังกระบี่สวรรค์ออกไปหรือไม่ ส่วนสิ่งที่แน่นอนตอนนี้คือหลี่ฮวาคงต้องเก็บตัวรักษาบาดแผลอยู่ ยิ่งกว่านั้น ผู้คนตระกูลหลงไม่ได้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป

ใจของเย่เฟิงเริ่มคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ เวลานี้ปู่ของเขามาที่นี่แล้ว ซึ่งมันทำให้เรื่องราวยุ่งยากขึ้น หากหลงโม่หรันตามมาที่นี่ด้วย เขาคงไม่อาจรับมือได้

ดังนั้น เย่เฟิงจึงรีบตัดสินใจ ไม่ว่าอย่างไร เขาจะไม่มีทางยอมให้ปู่ทำอันตรายต่อเธอแม้แต่เส้นผม!

ในเมื่อหญิงสาวคนนี้มีร่างชีพจรเทวะซึ่งสำคัญต่อเขามาก ชายหนุ่มคิดว่ามันจะเป็นเรื่องดีมากหากเธอไม่ใช่ลูกสาวของหลงโม่หรัน แต่ก็น่าเสียดายที่เขาได้ทำแค่คิด

เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปยังหลงหวางเอ๋อ และบังเอิญหญิงสาวก็หันมาจ้องมองชายหนุ่มเช่นกัน เขาและเธอจึงประสานตาในชั่วขณะนั้น

“อย่าบอกนะว่า….”

ทันใดนั้น เย่เวิ่นเทียนพลันพูดออกมาเล็กน้อยขณะคิดถึงความเป็นไปได้ และเพื่อยืนยันความคิดนั้น ชายชราจ้องมองสีหน้าของเย่เฟิงอย่างเพ่งพิศ แล้วจึงหันมามองหลงหวางเอ๋อด้วยสายตาที่แหลมคม ชายชราจ้องมองเขาและเธอกำลังประสานสายตาซึ่งกันและกัน ซึ่งทำให้ชายชรามั่นใจในสิ่งที่คิดมากขึ้นไปอีก

“คุณคิดถูกแล้ว”

หลงหวางเอ๋อเค้นเสียงเบาๆพร้อมกับพูดว่า “คุณต้องการอะไรจากฉันก็ช่วยพูดออกมาตรงๆ เพราะถึงอย่างไร ฉันก็ไม่ใช่ศัตรูของคุณ”

“เธอช่างเหมาะสมกับชื่อ‘หญิงสาวผู้เย่อหยิ่งแห่งตระกูลหลง’จริงๆสาวน้อย ถึงแม้จะยืนอยู่ตรงหน้าไอ้แก่คนนี้ เธอก็ยังใจเย็นอยู่ได้”

เย่เวิ่นเทียนเค้นเสียงเย็น “ฉันไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอทั้งคู่ ต่อจากนี้ ห้ามมาหาหลานของฉันอีก เธอต้องยอมรับความจริงว่าตระกูลเย่ของฉันกับตระกูลหลงของเธอเป็นศัตรูกัน”

“แล้วถ้าฉันไม่ยอมล่ะ?”

หญิงสาวพูดขณะจองมายังเย่เฟิง และอดไม่ได้ที่เธอจะคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสุสานโบราณภายใต้แสงจันทร์ที่สลัววันนั้น

หลังจากเหตุการณ์นั้น ตัวเขาที่สวมหน้ากากได้ปรากฏตัวขึ้นมาสังหารปลาประหลาด จากนั้นชายหนุ่มช่วยชีวิตเธออีกครั้งโดยการถ่ายทอดอากาศเข้ามาในปาก ต่อมา เขาก็ยังยืนหยัดต้านทานกระบี่สะบั้นวายุอย่างมั่นคงจนบาดเจ็บสาหัส ชายหนุ่มคนนี้ช่วยชีวิตเธอไว้หลายต่อหลายครั้งมาก

หญิงสาวยังไม่รู้เลยว่าบาดแผลของเขาดีขึ้นหรือยังตอนนี้?

ขณะที่หลงหวางเอ๋อยังคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ดวงตาที่สดใสของเธอก็พลันขุ่นมัวลง

ในสายตาของเธอ ภาพของชายสวมหน้ากากทับซ้อนกับภาพของเย่เฟิง ซึ่งทำให้เธอมั่นใจว่าพวกเขาคือคนคนเดียวกัน!

อย่างไรก็ตาม หากความคิดนี้ของเธอไม่ถูกต้อง ถ้าอย่างนั้นในอนาคต หญิงสาวจะตามหาตัวชายสวมหน้ากากแล้วฆ่าเขาทิ้งซะ! และถึงแม้เธอจะทำไม่สำเร็จ หญิงสาวก็จะให้คนตระกูลของเธอช่วยกันตามหาเขาไปทุกที่เพื่อตามฆ่าเขาให้ได้!

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดที่เย่เฟิงยืนหยัดปกป้องเธอจากการโจมตีของชายวิปริตจากวังกระบี่สวรรค์ซึ่งมีวรยุทธ์สูงกว่าเขา เวลานั้นหญิงสาวตัดสินใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้คุ้มค่าที่จะเชื่อใจและฝากชีวิตไว้ได้

แล้วนี่ตกลงว่าเธอรักเขาหรือเกลียดเขากัน?

ตอนนี้ หลงหวางเอ๋อมั่นใจ 100% ว่าเย่เฟิงคือชายสวมหน้ากากคนนั้น และหญิงสาวไม่มีทางเปลี่ยนความรู้สึกที่เธอมีต่อชายหนุ่ม……เธอรักเขา

ถึงแม้เย่เวิ่นเทียนจะฆ่าเธอตอนนี้ หญิงสาวก็ยอมตายอย่างมีความสุขและจะไม่เสียใจอะไรอีก!

เย่เวิ่นเทียนเค้นเสียงอันดัง “ถ้าเธอยังยืนยันแบบนี้ ฉันคงปล่อยให้สาวน้อยอย่างเธอ-”

วืด!

ทันใดนั้น เย่เฟิงพลันเคลื่อนไหวพร้อมกับทิ้งภาพติดตาเอาไว้เบื้องหลัง ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปรวบเอวของหญิงสาวและพาเธอออกห่างจากปู่ของเขา

โดยไม่มีการแจ้งเตือน เย่เฟิงพลันใช้ทักษะเซียน ‘ย่างก้าวไร้เงา’ทันที!

“เจ้าเด็กหน้าเหม็น นี่แกกล้าพาเธอไปจากมือของไอ้แก่คนนี้งั้นรึ?”

ทันใดนั้น เย่เวิ่นเทียนก็พลันโมโห เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าเด็กน้อยอย่างเย่เฟิงจะชิงตัวใครไปจากมือเขาได้ เมื่อเขาหันไปมองเย่เฟิงที่อุ้มหลงหวางเอ๋อไว้ในอก ชายหนุ่มก็พาเธอไปไกลแล้ว

“ปู่ เหมือนว่าตอนนี้จะมีขโมยอยู่ในบ้านแหนะ ทำไมปู่ไม่ไปดูหน่อยละว่ามีอะไรหายรึเปล่า ผมขอตัวไปคุยกับเธอเดี๋ยวนึงแล้วจะรีบกลับ”

เมื่อพูดจบ เย่เฟิงรีบพาหญิงสาวจากไปอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของเย่เวิ่นเทียนพลันเปลี่ยนไปทันที มีขโมยอยู่ในบ้านงั้นรึ?

“ไอ้เด็กเวร กลับบ้านมาเมื่อไหร่ แกเตรียมตัวรับบทเรียนจากปู่คนนี้ได้เลย”

เย่เวิ่นเทียนไม่กล้ามองข้ามเรื่องนี้ เพราะในบ้านของเขามีสิ่งสำคัญมากๆเก็บไว้อยู่ ชายชราประทับฝีเท้าอย่างรุนแรงแล้วพุ่งเข้าตรวจสอบบ้านของเขา

……

เย่เฟิงหันหลังมองปู่ของเขาจากระยะไกลและเห็นว่าชายชราคนนั้นไม่ตามเขามา ชายหนุ่มจึงค่อยโล่งใจ โชคดีที่เขาเดาถูกว่าปู่ต้องซ่อนสิ่งสำคัญไว้ในบ้าน เนื่องจากบ้านหลังนั้นมีหลายห้องมาก แต่ปู่กลับห้ามไม่ให้เข้าไปในห้องบางห้องโดยไม่ยอมอธิบายอะไร

ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงก็ไม่อยากเสี่ยง ดังนั้น เขาจึงโอบร่างของหญิงสาวเข้ามาอย่างแนบแน่นแล้ววิ่งไปไกลหลายกิโลเมตร ชายหนุ่มหยุดลงก่อนจะถึงย่านบาร์ จากนั้นจึงค่อยคลายวงแขนของเขาออกจากร่างบางอันนิ่มนวลของเธอ

“ฉันคิดไว้ไม่ผิดว่าต้องเป็นนาย”

หลังจากเห็นทักษะของเย่เฟิง หลงหวางเอ๋อก็มั่นใจว่าเขาคือชายสวมหน้ากาก‘โม่จิ่วเกอ’ หญิงสาวตื่นเต้นและไม่ยอมคลายวงแขนของจากลำคอของชายหนุ่มเพื่อไม่ยอมให้เขาหนีไป เวลานี้ กระแสของความสุขอันเอ่อล้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวทำให้เธอดูงดงามอย่างยิ่ง

“ใช่ ฉันเอง”

เย่เฟิงพยักหน้า ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาเห็นหญิงสาวยังคงยืนหยัดไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจแม้เย่เวิ่นเทียนจะขู่เธอ ชายหนุ่มจึงยอมแพ้และเลิกปิดบังตัวตนกับหลงหวางเอ๋ออีก

“แล้วนายจะทำยังไงกับฉันล่ะ?”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความกระวนกระวาย

หลงหวางเอ๋อไม่คิดเลยว่าเธอจะหาตัวเขาเจอได้เร็วขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้น หญิงสาวไม่คาดคิดเลยว่าเย่เฟิงจะเป็นชายสวมหน้ากากจริงๆ ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นที่หน้าโรงพยาบาล เธอไม่อาจตรวจสอบวรยุทธ์เขาได้ และคิดว่าชายหนุ่มเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น

หากเธอไม่ได้รู้สึกว่าเย่เฟิงดูคล้ายกับชายสวมหน้ากากเล็กน้อย เธอก็คงไม่สงสัยในกลิ่นของเขา และไม่อาจเดาได้ว่าทั้งสองคนจะเป็นคนคนเดียวกัน

“เธอคือผู้หญิงของฉัน จะไม่มีใครหน้าไหนกล้าเอาเธอไปจากฉัน”

ขณะยังกอดหญิงสาวไว้ในอก เย่เฟิงพูดต่อด้วยท่าทางเศร้าสร้อย “ความจริงตอนแรก ฉันคิดว่าหากเธอเจอฉัน เธอจะฆ่าฉันเสียอีก…..”

“เดิมทีฉันก็อยากฆ่านาย แต่ตอนนี้ ฉันชอบนายมากนะ”

หญิงสาวพูดต่ออย่างเจ้าเล่ห์ “แต่ถ้านายทำให้ฉันเกลียดอีกครั้งละก็ ฉันฆ่านายแบบไม่ลังเลแน่นอน”

“ฉันไม่ยอมให้เธอได้เกลียดฉันแน่”

เย่เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม

“แล้วนายละ นายเกลียดฉันไหม?”

ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะลังเล แต่เธอก็ถามออกไปในที่สุด

เย่เฟิงรู้ว่าสิ่งที่เธอถามนั้นเกี่ยวพันธ์กับสถานะของเขา ชายหนุ่มจึงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ขอฉันถามคำถามหนึ่ง หากวันนึง ฉันฆ่าพ่อของเธอ แล้วเธอจะเกลียดฉันไหม?”

ในสายตาของคนอื่น คำพูดอย่างไม่เจียมตัวของเจ้าหนูที่มีวรยุทธ์เพียงแค่ไม่กี่ปีนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ เรื่องที่ชายหนุ่มคิดว่าสังหารผู้ที่เป็นอัจฉริยะและมีพรสวรรค์มากที่สุดของตระกูลหลงนั้นเป็นเหมือนเรื่องตลก

แต่สำหรับหลงหวางเอ๋อที่ได้เห็นความแข็งแกร่งอันน่าเหลือเชื่อของเย่เฟิงแล้ว เธอรู้ชัดเจนว่านี่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องขำขัน

อาศัยเพียงแค่วรยุทธ์ระดับ 5 ปี แต่เย่เฟิงกลับสามารถสังหารไห่ถัง หนึ่งในคู่รักสุขสรรค์แห่งวังกระบี่สวรรค์ได้ ไม่เพียงแค่นั้น เขายังสามารถใช้กระบี่พลังชี่ตัดแขนหลี่ฮวาข้างหนึ่ง และทำให้มันหนีไปแบบหัวซุกหัวซุนได้ พรสวรรค์ของชายคนนี้สูงส่งอย่างยิ่ง ดังนั้นในอนาคต เขาย่อมสามารถสังหารหลงโม่หรันได้แน่ และหลังจากนั้น ชื่อของเขาจะสั่นสะเทือนไปทั่ววงการยุทธภพ

“นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ และฉันก็ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้เช่นกัน”

หญิงสาวหันหน้าไปด้านหนึ่ง เธอถอนหายใจและพูดต่อว่า “หากวันนั้นมาถึงจริง ฉันจะไม่ขัดขวางการแก้แค้นของนาย หลงโม่หรันนั้นเย็นชาและไม่แยแสชีวิตใครเลย ไม่ใช่แค่นั้น เขายังฆ่าภรรยาของเขาด้วยมือตัวเอง…..ถ้าเป็นไปได้ ฉันไม่อยากจะคิดว่าเขา….เป็นพ่อของฉันเลย…..”

……………………………….

แปลโดยทีมงาน GSI