บทที่ 86: อูโรโบรอส (2)

 

 

 

 

ฮันซูแสดงสีหน้าประหลาดใจไปยังมิยาโมโตะที่ยืนอยู่ข้างต้นไม้

‘สกิลจำนวนมาก… และระดับความเชี่ยวชาญที่สูง’

เขาค่อนข้างจะแข็งแกร่งสำหรับการที่เดินทางไปรอบๆ ที่นี่เป็นเวลากว่า 20 ปี

และมันดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างมีพรสวรรค์เช่นกัน

หากอีกฝ่ายเลือกที่จะขึ้นไปแทนที่จะอยู่ที่นี่ งั้นเขาก็คงค่อนข้างมีชื่อเสียงไม่น้อย

มิยาโมโตะมองไปยังฮันซูก่อนจะเอ่ยขึ้น

“นายจะสู้กับไอ้สิ่งนั้นจริงๆ เหรอ? เพื่ออะไร? รางวัล?”

จากนั้นมิยาโมโตะจึงมองไปยังอูโรโบรอสที่พันร่างกายของตนเองไปรอบลำต้นขนาดยักษ์ของต้นไม้โลก

เป็นขนาดที่น่ามหัศจรรย์

หากคนจะบอกว่าพวกเขาไม่หวาดกลัวหลังจากที่มองไปยังสิ่งนั้นที่ดูเหมือนสัตว์อสูรที่ปรากฏในเทพนิยาย พวกเขาก็คงกำลังโกหกอยู่

ฮันซูมองไปยังมิยาโมโตะก่อนจะเอ่ยขึ้น

“นายสามารถบอกออกมาตรงๆ ได้นะ ที่ว่านายไม่อยากจะสู้น่ะ”

“…”

ดวงตาของมิยาโมโตะกลอกไปมาเมื่อได้ยินคำพูดเถรตรงของอีกฝ่าย

‘…เขากำลังคิดอะไรอยู่’

ทำไมจู่ๆ หมอนั่นถึงได้พูดกับเขาแบบนี้

มิยาโมโตะตะลึงไปกับคำพูดกะทันหันของฮันซู ทว่าก็ทำเพียงยักไหล่ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“นายกำลังพูดอะไร ฉันบอกว่าฉันจะสู้กับนาย”

และในตอนที่เขากำลังจะเอ่ยเพิ่มเติมนั้น เสียงวุ่นวายก็ได้ดังขึ้น

มิยาโมโตะหรี่ตามองไปยังต้นกำเนิดของเสียงนั้น

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ค่อนข้างห่างจากต้นไม้โลก มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนในระดับฮันซูที่จะรับรู้ถึงมัน

‘มันเริ่มแล้ว’

มิยาโมโตะมองไปยังการต่อสู้ที่เกิดขึ้นห่างออกไป จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นกับฮันซูอย่างสบายๆ

“ดูเหมือนว่าจะเกิดการทะเลาะกันนิดหน่อย มันก็เป็นได้แค่แบบนี้เวลาที่พวกนั้นพยายามรวบรวมคนจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆ”

มิยาโมโตะมองไปยังปฏิกิริยาของอีกฝ่ายขณะที่เขาพูด

หากตัวประกันมีความหมาย งั้นมันก็เป็นเรื่องง่าย

เขาแค่ต้องจับตัวประกันและข้ามทะเลสาบไป

จากนั้นฮันซูก็จะทำอะไรไม่ได้

แต่หากตัวประกันไม่มีความหมาย มันก็จะเป้นปัญหาขึ้นมาหน่อย

ในเมื่อเขาจะต้องหาช่องว่างของอีกฝ่ายในขณะที่กำลังต่อสู้กับอูโรโบรอส

แน่นอนว่าอย่างแรกนั้นสบายกว่ามาก

ในเมื่ออย่างหลังมันหมายความว่าเขาต้องต่อสู้กับอูโรโบรอส

‘ไหนดูสิ’

มิยาโมโตะมองไปยังฮันซูที่ดูจะสนใจในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นห่างออกไป

 

 

‘หืม’

ฮันซูเปรียบเทียบระหว่างสองฝั่ง

แม้ว่ามันจะอยู่ค่อนข้างห่างออกไป มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ฮันซูที่มีความสามารถในการขยายรีลิคและใช้พลังของต้นไม้โลกจนถึงระดับนั้น จะไม่สามารถมองเห็นได้

หลังจากมองไปรอบๆ เล็กน้อย ทั้งสองฝั่งต่างก็มีใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่จำนวนหนึ่ง

ฝั่งหนึ่งมีมิฮีและซังจิน

อีกฝั่งก็เป็นใบหน้าที่คุ้นเคย แต่เป็นเพราะเหตุผลที่ต่างออกไป

‘… ลอร์ดวิปลาส?’

ฮันซูเดาะลิ้น

ในเมื่อเขารู้ว่าสิ่งใดเกิดขึ้น

‘พวกเขาฟื้นคืนชีพหมอนี่ที่กางเขนงั้นเหรอ’

ทว่าชายหนุ่มส่ายศีรษะ

ในเมื่อมันไม่ใช่ส่วนที่สำคัญ

‘มันมีคนที่คุ้นๆ มากเกินไป’

ทุกคนที่เขาเคยรู้จักได้ถูกรวบรวมเอาไว้

มันไม่มีเหตุผลเลยแม้แต่น้อยในการที่คนทั้งหมดนั่นมาเจอกันโดยบังเอิญ

และทั้งหมดล้วนอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตทั้งนั้น

‘ไอ้เวรบางคนรวบรวมพวกนั้นไว้ด้วยกันสินะ มันดูเหมือนว่าพวกนั้นจะตายกันหมดถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง’

ฝั่งที่โจมตีเองก็โจมตีโดยเอาชีวิตแขวนไว้บนเส้นด้าย

มันดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะจับตัวประกันและทำให้เขาต้องรับมือกับพวกปรสิต

พวกนั้นทำแบบนี้เพื่อค้นหาจุดอ่อนของเขา แต่มันมีคนมากเกินไปที่น่าสงสัย

มันอาจจะเป็นฝีมือมิยาโมโตะที่อยู่ข้างหลังเขา หนึ่งในหกขั้วอำนาจ หรือกระทั่งสิบสองราก

คนที่มีความสามารถในการผ่านกระจกไปในเวลานี้ แต่ไม่อาจข้ามไปได้เพราะเขา

ผู้คนที่ต้องการรักษาร่างกายของพวกเขาไว้เป็นอย่างน้อย

ฮันซูถอนหายใจอยู่ภายใน

‘มันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างวุ่นวาย’

เขาเป็นคนเพียงคนเดียวที่ต้องการฆ่าอูโรโบรอส

คนอื่นๆ แค่พยายามถึงที่สุดในการที่จะหาช่องในการหลบหนี

‘พวกเขาอาจจะทำแบบนี้เพราะพวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถหนีไปได้’

มันดูเหมือนว่าการที่เขาปิดทางเข้าออกด้วยปรสิตจะไม่ดูเหมือนการปิดทางออกสำหรับคนพวกนี้

ตอนนี้พวกนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนเกินไป

พวกนั้นคิดว่าหากพวกเขาไม่ถูกจับมันก็แค่นั้น แต่สถานการณ์ของฮันซูไม่ได้เป็นแบบนั้น

‘ฉันเข้าใจ’

คนที่มีชีวิตรอดมีแค่คนที่อยู่ที่เขตสีม่วงเท่านั้น

ในเมื่อทุกคนที่อ่อนแอกว่านั้นจะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น

ดังนั้นแล้ว แม้ว่าคนพวกนี้จะขึ้นไปจากที่นี่ พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ราวๆ 5 ปี

แต่เขาเข้าใจการกระทำของคนเหล่านี้ ในเมื่อคนพวกนี้ไม่รู้ถึงความจริงพวกนั้น

และคนพวกนี้ก็อาจจะยังพยายามหลบหนีแม้ว่าจะรู้แบบนั้น

พวกนี้อาจจะตายในทันทีที่สู้กับอูโรโบรอสและปรสิต แต่หากพวกเขาหลบหนีไป พวกเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสามหรือสี่ปี

คนเกือบๆ ร้อยล้านที่นี่จะตาย แต่มันจะสำคัญอะไรในมุมมองของคนพวกนั้น

‘แต่ก็นั่นแหละ’

เขาไม่ได้ปิดกระจกทั้งหมดเพื่อเผื่อไว้หากเขาล้มเหลว

ในเมื่อเขาจะไม่สามารถเปิดประตูมิติได้จนกว่าเขาจะฟื้นฟูต้นไม้โลกได้อย่างสมบูรณ์

แต่แม้ว่าเขาจะคิดว่ามันเพียงพอ แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นๆ จะไม่คิดแบบนั้น

มนุษย์พวกนั้นพยายามที่จะฉุดรั้งของเท้าของเขาไว้อย่างต่อเนื่อง

‘มันไม่มีอะไรที่ฉันทำได้ในเมื่อฉันกับพวกนายคิดต่างกัน’

หากคนพวกนั้นและมิยาโมโตะหนีไปได้สำเร็จจริง งั้นแม้ว่าจะเป็นเขาก็ไม่อาจที่จะฆ่าอูโรโบรอสได้

พวกเขาทำได้เพียงแค่ปะทะกัน ในเมื่อเป้าหมายของพวกเขาต่างกัน

ฮันซูเริ่มจัดการรีลิคทั้งห้ารอบตัวเขา

กิ้ง

มานาโค้ดภายในรีลิคเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปยังร่างของฮันซู

สัญลักษณ์ไม้กางเขนของผู้ดูแลบนหน้าผากของชายหนุ่มเริ่มที่จะส่องสว่าง

จากนั้นเขาจึงวางมือของเขาลงที่ต้นไม้โลก และเอ่ยไปยังมิยาโมโตะ

“มิยาโมโตะ นายจะส่งข้อความหน่อยได้ไหม? ให้คนอื่นน่ะ?”

“อะไรล่ะ?”

“ในตอนนี้มันจะไม่มีหนทางอื่นถ้าเราไม่ฆ่าอูโรโบรอส”

“…นายกำลังพยายามทำอะไร?”

มิยาโมโตะเอ่ยอย่างไม่สบายใจขณะที่มองไปยังสัญลักษณ์ไม้กางเขนบนหน้าผากของฮันซู

ฮันซูแย้มยิ้มเมื่อได้ยินเสียงตอบรับของมิยาโมโตะ จากนั้นจึงเอ่ย

“ก็แค่เพราะ ฉันรู้สึกว่าเราคงต้องสนิทกันมากกว่านี้”

ฮันซูคิดและส่งคำสั่งไปยังต้นไม้โลก

<ปิดประตูมิติด้วยอำนาจของผู้ดูแล>

มานาโค้ดที่อาบย้อมต้นไม้โลกได้มุ่งตรงไปยังส่วนลึกในทะเลสาบ

สถานที่ที่มานาที่จะเปลี่ยนแปลงให้ทะเลสาบกลายเป็นประตูมิติหนึ่งครั้งต่อเดือนรวมตัวกัน

ไม่ช้า มานาที่อยู่ในที่แห่งนั้นก็ได้สลายหายไป

บัดนี้ ทะเลสาบนั้นจะไม่สามารถกลายเป็นกระจกไปได้

ไม่จนกว่าต้นไม้โลกจะฟื้นฟูของสมบูรณ์

‘แต่มันยังไม่พอ’

ทำไมพวกนั้นจะเชื่อเขาหากเขาทำแค่พูดว่าประตูปิดแล้ว

มันมีความจำเป็นให้ผู้คนรับรู้มันอย่างชัดเจนขึ้นอีกหน่อย

สถานการณ์ปัจจุบันเป็นแบบนั้น

ฮันซูส่งคำสั่งออกไปเพิ่ม

และไม่ช้า ความเปลี่ยนแปลงก็ปรากฏขึ้น

 

 

 

‘พวกนั้นสู้ได้ดี’

เขาคิดว่าคนพวกนี้จะถูกกวาดล้างจนหมดในเสี้ยววินาที ทว่าพวกเขากำลังยื้อไว้ได้ค่อนข้างดี

จุงม่าแสดงสีหน้าขบขันออกมาขณะที่เขามองไปยังเหล่าเด็กใหม่ต่อสู้อย่างรุนแรงห่างออกไป

การชมการต่อสู้เป็นเรื่องน่าสนใจเสมอ ทว่าสิ่งที่ดีที่สุดนั้นคือการมองเด็กใหม่สู้กันเอง

การต่อสู้เหล่านี้ดูค่อนข้างน่ารักหลังจากที่เขาเห็นการต่อสู้ระหว่างฮันซูกับไอ้ปีศาจแปลกประหลาดนั่น

‘มีคนจำนวนหนึ่งที่โดดเด่นออกมาแม้ว่าจะเป็นตรงนั้น ฉันควรจะพยายามชักชวนพวกนั้นไหมถ้าพวกนั้นรอด’

จุงม่าสำรวจคนจำนวนหนึ่ง

มันไม่สำคัญว่าพวกนั้นมีอะไร

พวกเขาสามารถมอบของเหล่านั้นให้ได้

สิ่งที่สำคัญนั้นคือพวกนั้นสามารถใช้ของเหล่านั้นได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน

มันคือพรสวรรค์

‘มันอาจจะไม่มีใครที่เป็นเหมือนฮันซู แต่… มันก็ไม่มีอะไรแย่ในการที่ชวนพวกนั้นเข้าร่วมกิลด์’

มันไม่มีความจำเป็นให้พวกนั้นตายทั้งหมด

ในเมื่อสิ่งที่สำคัญนั้นคือการตรวจสอบว่าฮันซูจะมีปฏิกิริยาอย่างไรในเวลาอันตราย

ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก

“อะไรกัน?”

จุงม่าที่กำลังมองไปยังท่าทีของมิยาโมโตะและฮันซูที่อยู่ด้านบนมุ่นคิ้วกับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นกะทันหัน

‘อูโรโบรอสขยับตัวหรือ?’

มันมีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียวสำหรับแรงสั่นสะเทือนในระดับนี้

จุงม่ามองไปยังใจกลางทะเลสาบที่หางของงูยักษ์จุ่มอยู่อย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาจึงรู้สึกสงสัยในประสาทสัมผัสของตนเองอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

ในเมื่อภาพที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ได้เกิดขึ้น

วูบบบบ

ระดับของน้ำในทะเลสาบได้ลดลงอย่างรวดเร็ว

ก้นของทะเลสาบที่เต็มไปด้วยปรสิตได้แตกออก ทำให้น้ำที่อยู่ในทะเลสาบเหือดแห้งไป

ปรสิตที่กำลังตกใจกับพื้นที่แยกออกอย่างกะทันหันได้หลบหลีกไปมา

มันมีเพียงสิ่งเดียวที่ปรากฏขึ้นในศีรษะของเขา

‘เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?’

ความคิดหลายๆ อย่างพันกันยุ่งเหยิงในศีรษะของจุงม่า

‘ทำไมมันถึงได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน? เราจะยังสามารถออกไปไดไหมถ้าน้ำในทะเลสาบแห้งหมด? อุโมงค์อาจจะเปิดขึ้นด้วยวิธีที่ต่างออกไป…’

แต่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้ค่อยๆ ครอบคลุมสมองของเขา

และนกพิราบสื่อสารสีแดงก็ได้บินมาหาจุงม่า

‘พิราบสื่อสารของมิยาโมโตะ’

พิรายสื่อสารสีแดง ที่มักจะอยู่เฉยๆ ราวกับว่ามันสะท้อนให้เห็นถึงนิสัยของผู้เป็นเจ้าของได้พุ่งเข้ามาหาเขา

ไม่สิ มันไม่ได้มาหาแค่จุงม่า

พิราบสื่อสารสีแดงได้บินไปยังอีกห้าขั้วอำนาจและสิบสองรากที่อยู่ห่างออกไปเช่นกัน

เขาอาจจะชื่นชมความสามารถในการควบคุมพิราบสื่อสารสีแดงของมิยาโมโตะซึ่งยากกว่าการควบคุมพิราบสื่อสารสีฟ้า แต่ข้อความภายในนกพิราบได้เติมเต็มจิตใจของเข้าให้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวในเสี้ยววินาที

“ไอ้เวรเสียสตินี่…”

 

 

‘พวกเขากำลังมา’

ฮันซูเห็นเหล่าผู้คนที่โกรธเกรี้ยวทะยานมาหาเขาจากที่ใกล้ๆ ก่อนจะโคลงศีรษะ

ใต้เท้าของฮันซูได้ปรากฏร่างของมิยาโมโตะที่กุมท้องหอบหายใจอยู่

“อั่ก… แกทำอะไร…”

แม้ว่าจะเป็นลิงก็คงจะรู้

ว่าทำไมทะเลสาบข้างล่างนั่นถึงแห้งลง

พวกเขาตระหนักได้ถึงอีกสิ่งหนึ่งในเวลาเดียวกัน

ว่าหนทางหลบหนีที่ปลอดภัยได้หายไปแล้ว

สติของมิยาโมโตะแข็งค้างไปในวินาทีนั้น

เขาไม่ได้กังวลมากแม้ว่าทางออกจะถูกปกคลุมไปด้วยปรสิต

คนอื่นๆ อาจจะไม่สามารถฝ่าออกไปได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถผ่านไปได้

แต่เรื่องมันเปลี่ยนไปหากมันกลายเป็นแบบนี้

เขาต้องสู้โดยเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้ายจริงๆ

มิยาโมโตะที่ป้อมที่เขาปกป้องมากว่า 20 ปีได้พงัทลายลง ไม่อาจรักษาหน้ากากเอาไว้ได้อีกต่อไปและพุ่งเข้าหาฮันซู

และนี่คือผลลัพธ์

‘เอาเถอะ เขาอาจจะคิดว่ามันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักษามันไว้อีกก็ได้’

ฮันซูพึมพำขณะที่มองไปยังมิยาโมโตะ

หากเขาไม่มีรีลิค เขาก็คงไม่อาจเอาชนะมิยาโมโตะได้

แหวนเนอร์มาฮา พลังสนับสนุนมังกรปีศาจ และทหารพันเกราะล้วนเป็นอาร์ติแฟคที่ยอดเยี่ยม แต่มันมีขีดจำกัดในการร่นระยะห่าง 20 ปีลงด้วยแค่ของพวกนั้น

ปัญหาคือการที่เขามีรีลิค

ในขณะที่ฮันซูกำลังมองไปยังมิยาโมโตะที่พุ่งเข้ามาหาเขาและถูกจัดการ ผู้คนนับร้อยก็ได้ทะยานเข้ามายังที่ที่เขายืนอยู่

ทุกคนล้วนเป็นคนสำคัญจากหกขั้วอำนาจและสิบสองราก

เหล่าผู้คนที่พุ่งเข้ามาด้วยความกราดเกรี้ยวชะงักเมื่อเห็นว่ามิยาโมโตะนอนอยู่บนพื้น

ในเมื่อมันไม่ใครไม่รู้จักใบหน้าของเจ็ดเสี้ยววิญญาณที่ได้ทำตัวราวกับพระราชาในสถานที่แห่งนี้มากว่า 20 ปี

มิยาโมโตะที่นอนกองอยู่กับพื้นมองไปยังฮันซูก่อนจะตวาด

“ไอ้เวรเสียสติ… แกกำลังคิดอะไรอยู่ แก ไม่รู้หรือไงว่าแกจะถูกแทงข้างหลังถ้าแกทำตัวเผด็จการแบบนี้?”

ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ดีกว่าที่จะสร้างศัตรูให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

คนที่ถูกกดขี่ด้วยพลังมักจะมองหาโอกาสอยู่เสมอ

เขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนับจากนี้แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่การที่เขากลายมาเป็นแบบนี้

ฮันซูแสดงสีหน้าขบขันออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น

“นายสามารถคำนวณได้หลังจากที่เรื่องทั้งหมดจบลง สิ่งที่สำคัญคือพวกนายต้องการฉันเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่และขึ้นไปจากที่นี่ มันเป็นเรื่องที่วิน-วินในเมื่อฉันต้องการพวกนายเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ?”

“…”

“และฉันไม่รู้ว่าเป็นใครในสหายทั้ง 18 คนนี้ แต่พวกนายควรจะหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ข้างล่างนั่นนะ มันน่ารำคาญ”

มันคือแนวป้องกันมาจิโนต์

มันดีกว่าที่จะใช้วิธีการที่ต่างออกไปถ้าพวกนี้ยังพยายามรั้งข้อเท้าของเขาไว้แบบนี้

แม้ว่าเขาจะต้องควบคุมผู้คนข้างหน้าเขาด้วย

‘ฉันควรจะไปหาซังจิน’

ในขณะที่ฮันซูกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ มิยาโมโตะก็กัดฟันอยู่เงียบๆ

‘รีลิคนั่น ถ้าแค่ฉันสามารถยึดรีลิคพวกนั้นมา…’

หมอนี่ก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ไม่สิ เขาอาจจะสามารถฟื้นคืนประตูมิติได้ด้วยซ้ำ

มิยาโมโตะมองไปยังริลิคที่ส่องแสงสว่างจ้ารอบกายของฮันซู

 


TL: ตอนนี้กูเป็น GM แล้ว ถ้ากูจะปิดแมพตีบอสก็เรื่องของกู//ปู่ไม่ได้กล่าวไว้