บทที่ 79

ฉินห่าวตัวแข็งทื่อ นิ้วของเขายังคงวางอยู่เหนือคำวิชาทลายสวรรค์ กระนั้น แม้ร่างของเขายังอยู่ในหอเก็บวิชา แต่ดวงตากลับพร่ามัว จิตได้ถูกส่งไปที่อื่นแล้ว!

เกิดเสียงคำรามดังขึ้นในใจเขา ไม่รู้ว่านี่คือความทรงจำของผู้อื่นหรือการย้อนเวลา แต่มันได้ดึงเขาเข้าสู่ท่ามกลางสนามรบโดยตรง

สภาพแวดล้อมเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพ แต่ก็ยังสามารถตรวจจับความผันผวนของพลังอันแก่กล้าจากพวกเขาได้

“ไอ้สุนัขรับใช้จากสวรรค์!”

ท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิด สตรีนางหนึ่งลอยตัวอย่างสง่าผ่าเผย

อีกด้านหนึ่ง คือสัตว์ปีศาจที่ใหญ่โตปกคลุมแผ่นฟ้าและแสงอาทิตย์ เมื่อเทียบกับสตรีที่ยืนอยู่ข้างหน้ามัน ฝ่ายแรกไม่ต่างอะไรกับมดตัวจ้อย

สัตว์ปีศาจตนนี้มีสองเขา คู่ดวงตาดำจมลึกคล้ายมองไม่เห็นก้นบึ้ง มันสวมเกราะสีดำสลับแดง

กรรร!

สัตว์ปีศาจคล้ายถูกกระตุ้นด้วยประโยคนี้ มันส่งเสียงคำราม สายฟ้าสีดำฟาดลงจากท้องฟ้า และสตรีนางนั้นก็พยายามต่อต้านอย่างสุดความสามารถ

ฉินห่าวมีสีหน้าสับสน เพราะเขาไม่เคยเห็นสายฟ้าสีดำมาก่อน

“เจ้าทำลายนิกายข้า สังหารผู้คนของข้า บัดซบ!”  ดวงตาของสตรีแดงก่ำเหมือนเลือด เปล่งเสียงครวญประหนึ่งนกกาเหว่าที่กำลังร่ำไห้ “แม้ตัวข้าหงเทียนเยว่ต้องเข้าสู่สังสารวัฏหรือตกสู่ขุมนรก ข้าก็จะไม่มีวันให้อภัยเจ้า!”

ระหว่างกล่าว นางได้ยื่นมือเรียวหยกชี้ไปเบื้องหน้า

“วิชาทลายสวรรค์!”

“ศิษย์น้องหญิง อย่า!”

ทันใดนั้นมีเสียงตะโกนโวยวายดังมาจากข้างหลังหงเทียนเยว่

แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไป

เมื่อร่ายวิชาทลายสวรรค์ ฉินห่าวสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณของหงเทียนเยว่  พลังทั้งหมดในร่างกาย รากฐาน พลังบำเพ็ญเพียร และกลิ่นอาย ล้วนพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่งภายใต้นิ้วที่ใช้ออกไป

บรึ้ม!

ไม่มีการโจมตีใดๆ เห็นเพียงแสงตะวันทะลุชั้นเมฆท่ามกลางท้องฟ้าที่แต่เดิมมืดมิด ฉินห่าวพยายามเพ่งมองฟ้า และเขาก็พบว่ามีเริ่มมีรอยแยกมากมายปรากฏขึ้นตามหมู่เมฆ

บรึ้ม!

ทันใดนนั้น รอยแยกก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่วงหล่นลงมาเหมือนเศษแก้ว

กรรรรร!

จู่ๆสัตว์ปีศาจตัวนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องน่าสังเวช มันยกมือขึ้นและขว้างสายฟ้าดำเส้นใหญ่ตรงไปยังหงเทียนเยว่

หงเทียนเยว่หลับตาลง ร่างเธอหมดสิ้นเรี่ยวแรง ฉินห่าวโผเข้ารับตัวเธอโดยไม่รู้ตัว ในใจไม่รู้ทำไมเกิดความรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา

“อ๊าาาา! จงตายให้ข้า!”

ชายที่เปล่งเสียงไล่หลังตามมาถึงแล้ว เขาสวมชุดคลุมทอง ในมือกำกระบี่ยาวและฟาดฟัน สร้างรอยตัดเป็นเส้นสายรุ้งยาวพาดผ่านแสงอาทิตย์ ตรงเข้าทำลายสายฟ้าดำ

เปรี้ยงงงง!

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! สวรรค์! ในเมื่อเจ้าต้องการทำลายนิกายของข้า เหตุใดเจ้าถึงส่งแค่พวกขี้ข้ามา? หรือนี่เป็นเพราะคำ ‘ความยุติธรรมของสวรรค์’ ที่พวกเจ้าเชิดชูกระนั้นหรือ?”

ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นฟ้าและร้องตะโกน “ในเมื่อเจ้าต้องการให้พวกเราตาย เช่นนั้นข้าจะไม่ยอมให้เจ้าสาแก่ใจ ข้าหวงเย่สาบานว่าจะกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าจะทำลายสวรรค์ของเจ้าให้แตกสลาย!”

ว่าจบ ร่างกายเขาก็ค่อยๆผุพังอย่างช้าๆ

ในเวลาเดียวกัน เสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นในปากเขา

“วิชากลับชาติมาเกิด!”

ชั่วขณะนี้ ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดหยุดนิ่ง ร่างของทั้งชายและหญิงก็แหลกสลายและหายไปพร้อมกัน

กรรรรร!

สัตว์ปีศาจคำราม มันฟาดตบลงในอากาศด้วยฝ่ามือเดียว เดิมไม่สมควรโดนสิ่งใด แต่เมื่อเงาจากฝ่ามือนั้นเหยียดยาวไปถึงเมืองเฟิงเทียน มนุษย์ทั้งเมืองก็ค่อยๆกลายเป็นหินและตายโดยไม่รู้ตัว

“นี่ … ”

ฉินห่าวเฝ้าดูอย่างว่างเปล่า ฉากนี้เขาจะไม่มีวันลืมเลือนมันไปตลอดชีวิต!

เมื่อได้สติกลับมา เขาก็พบว่าตัวเองยังคงอยู่ในหอเก็บวิชา

“ชายที่ชื่อหวงเย่นั่นคงจะเป็นจักรพรรดิใช่ไหม?”

ฉินห่าวส่ายหัวด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน เรื่องพวกนี้อยู่ไกลตัวเขานัก คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงเดินต่อไป รวบรวมตำราทั้งหมดและเดินออกจากหอเก็บวิชา

หลังจากเก็บกวาดหอเก็บวิชาเสร็จแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวห้องเก็บสมบัติ อย่างไรก็ตาม สำหรับส่วนนี้ฉินห่าวไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะตามหลักเหตุผลแล้ว ข้างในน่าจะว่างเปล่าไม่เหลืออะไรแล้ว

สิ่งเดียวที่ฉินห่าวคาดหวังในตอนนี้คือ สมบัติที่ตกหล่นเมื่อคนที่เข้ามาขโมยหนีจากไป แม้พูดแบบนี้มันจะน่าผิดหวัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าของเหลือทิ้งพวกนี้ สำหรับนิกายเซียวเหยาแล้วมันคือความมั่งคั่งอันน่าแตกตื่นตกใจ

ห้องเก็บสมบัตินั้นหาง่ายและถูกค้นพบอย่างรวดเร็ว ฉินห่าวผลักเปิดประตู

“ซู๊ดดด!”

ฉินห่าวสูดหายใจเย็นเยียบ ข้างในยุ่งเหยิงมากก็จริง แต่บนพื้นยังมีสิ่งของมากมายที่กระจัดกระจายทอดยาวไปจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

“ข้าพบโชคเข้าให้แล้ว!”

ฉินห่าวอุทานตื่นเต้น เขาวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สนใจว่าคืออะไร เอาไว้ค่อยตรวจสอบผ่านระบบเอาก็ได้

อ๊ะ บ่อน้ำพุนั่นสมควรนำไปตั้งไว้หน้าประตูนิกายเซียวเหยา อืม บันไดหินนี้เอาไว้ให้เหล่าสาวกใช้เดินฝึกฝนท่าจะดี เอ๊ะ รากวิญญาณนี่มัน … สมบัติระดับเทียน เข้าท่า!

“ฟู่ว …. แล้วนี่อะไร? จานค่ายกลวิญญาณ? น่าทึ่งนัก! ขอรับมันไปล่ะนะ!”

ฉินห่าวตื่นเต้นมาก พูดตามตรง สมบัติในที่นี้มีน้อยนักที่ทำให้เขาตื่นเต้นได้ แต่ที่กำลังตื่นเต้นตอนนี้ เป็นเพราะเขากำลังมีความสุขที่สามารถนำพวกมันไปช่วยพัฒนานิกาย

หลังจากรวบรวมสมบัติมาอย่างยาวนานครึ่งชั่วโมงเต็ม ฉินห่าวเริ่มอ่อนล้า เขาไล่เก็บสมบัติจนมือเป็นตะคริว ในโลกนี้ยังมีใครอีกบ้างที่มือเป็นตะคริวเพราะเรื่องนี้?

หลังจากตรวจสอบดูแล้วว่าไม่น่าจะมีชิ้นใดหลงเหลือ ฉินห่าวก็ออกจากห้องสมบัติ