บทที่ 78

เมื่อมองไปรอบๆ บนชั้นสี่มีชั้นวางตำราน้อยยิ่งกว่า อาจมีแค่ราวๆสองร้อยเท่านั้น แต่ก็ถือว่ายังเยอะอยู่ดีถ้ามองว่าพวกมันเหล่านี้อาจเป็นทักษะที่เหนือกว่าจะระดับเทียน

ฉินห่าวกางตำราดูอย่างตื่นเต้น แต่แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะตำราในมือนั้นแก่กล้าก็จริง แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับเทียนขั้นสูง ไม่สิ หากจะพูดเป๊ะๆ สมควรกล่าวว่าอยู่ในระดับเทียนขั้นสูงสุดต่างหาก

ซึ่งยังไม่ใช่สิ่งที่เขาตามหา

ฉินห่าวส่ายหัวอย่างผิดหวัง ตอนนี้เขาจำเป็นต้องพิสูจน์เรื่องหนึ่งอย่างเร่งด่วน นั่นคือหาตำราที่อยู่เหนือระดับเทียนว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่พอมองตำราอีกนับไม่ถ้วนที่กระจัดกระจาย เขาก็เบาใจลง

มันต้องมีซักเล่มล่ะน่า! ตามหาต่อไป!

“หือ?”

ฉินห่าวกางตำราพลิกอ่านไปมา และเมื่อถึงเล่มที่สี่ เขาก็ต้องผงะ เพราะทักษะนี้คล้ายกับค่ายกลกระบี่เทพเต๋าของตัวเองมาก และมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าซะอีก

[ติ๊ง!]

[ค้นพบค่ายกลกระบี่จุดสูงสุดแห่งเต๋า เรียนรู้สำเร็จ และหลอมรวมมันเข้ากับค่ายกลกระบี่เทพเต๋าแล้ว]

[ค่ายกลกระบี่จุดสูงสุดแห่งเต๋า]

[ระดับความสามารถ : ระดับชิงขั้นกลาง]

[คุณสมบัติ : ตราบใดที่มีพลังปราณเพียงพอ ค่ายกลกระบี่นี้จะไม่มีวันหยุด และเมื่อเรียกใช้งานแล้ว ระหว่างที่ค่ายกลกำลังทำงาน สามารถควบคุมมันได้โดยใช้พลังปราณเพียงนิดเดียว!]

ฉินห่าวตกตะลึง หมายความว่าระดับของทักษะฝึกที่เหนือกว่าระดับเทียน ก็คือระดับชิง?

เห็นได้จากทักษะนี้ว่ามันทรงพลังมาก เพราะเมื่อปลดปล่อยค่ายกลกระบี่แล้ว การควบคุมมันใช้แค่พลังปราณเพียงน้อยนิด ไม่เหมือนค่ายกลกระบี่เทพเต๋าแบบเดิมที่ใช้ทีนึงก็แทบหมดแรงอีกต่อไป

“น่าทึ่งมาก! ไม่ขาดทุนเลยที่อยู่เหนือระดับเทียน!”

ใช้เวลาตั้งสติอยู่นาน ก่อนฉินห่าวจะเอ่ยประโยคหนึ่งและถอนหายใจ

มีตำรากระจัดกระจายอยู่บนพื้นอีกประมาณ 30 เล่ม ตำราระดับต่ำสุดอยู่ในระดับเทียน ขณะที่ดีที่สุดคือระดับชิงขั้นกลาง

“และแล้วก็มาถึงชั้นที่รอคอย”

ฉินห่าวรวบรวมตำราทั้งหมด และเดินไปยังชั้นห้า

พูดตามตรง ตอนนี้อารมณ์เขาซับซ้อนมาก เขาไม่รู้หรอกนะว่ามันยังมีทักษะที่อยู่เหนือระดับชิงอีกไหม แต่แค่ระดับชิงก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงความแก่กล้าของนิกายนี้

แต่เมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วผู้ใดกันที่สามารถทำลายนิกายที่ทรงพลังเช่นนี้? เป็นนิกายที่มีอำนาจยิ่งกว่าในยุคนั้นหรือ?

เมื่อเปิดประตูชั้นห้า ฉินห่าวพบว่ามีชั้นหนังสืออยู่เพียงหลักสิบ และมีตำราตกบนพื้นน้อยมากๆ ประมาณสิบกว่าเล่มเท่านั้น

หลังจากพลิกดู พบว่ามันเป็นวิชาทรงพลังในระดับชิง พิจารณาได้ว่าเป็นตำราระดับชิงขั้นสูงสุด

“หือ? วิชาเทพสวรรค์ลี้ลับ?”

ฉินห่าวสะดุดกับวิชานี้ มันคือวิชาที่ช่วยเสริมทักษะทางกายภาพอันยอดเยี่ยม และเห็นได้ว่าทรงพลังมาก แต่รายละเอียดนั้นไม่ชัดเจน เขาเลยต้องพลิกอ่านมันอย่างละเอียด

และในที่สุด

[ติ๊ง!]

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณได้รับวิชาเทพสวรรค์ลี้ลับ เรียนรู้สำเร็จ และหลอมรวมเข้ากับวิชาร่างบรรจบแล้ว]

[วิชาเทพสวรรค์ลี้ลับ]

ระดับความสามารถ : ระดับเยว่ขั้นต่ำ

[คุณสมบัติ : ด้วยพลังรบของโฮสต์ในปัจจุบัน มันสามารถช่วยต้านทานการโจมตีในขอบเขตผันแปรสู่เซียนได้]

ฉินห่าวพยักหน้า นี่มันแข็งแกร่งจริงๆ ตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่มีร่างอมตะ ก็บอกได้เลยว่าทักษะนี้โคตรเทพ!

แก่นทองคำ -> ก่อเกิดจิต-> รู้แจ้ง-> ผันแปรสู่เซียน

จะเห็นได้ว่ามีสองขอบเขตใหญ่คั่นกลาง

“ที่แท้เหนือระดับชิงขึ้นไปก็คือระดับเยว่ งั้นหมายความว่าระดับเยว่ขึ้นไปก็คือระดับหยางน่ะสิ?”

*(ระดับทักษะฝึกเริ่มจาก หวง เสวียน ตี้(ปฐพี) เทียน(สวรรค์) ชิง(ดวงดารา) เยว่(ดวงจันทร์) หยาง(ดวงอาทิตย์) )

ฉินห่าวแสดงสีหน้าแปลกๆ แต่แล้วเขาก็ส่ายหัว

อย่างไรก็ตาม ที่นี่ไม่มีตำราในระดับเยว่ขั้นสูง ตำราระดับเยว่ที่ดีที่สุดในชั้นนี้อยู่ในขั้นต่ำเท่านั้น จะเห็นได้ว่าคนของนิกายนี้ได้นำทักษะอันทรงพลังและทักษะหลักๆออกไปหมดแล้ว จึงเหลือแค่เฉพาะที่ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนัก

ฉินห่าวรวบรวมตำราทั้งหมดและยืนขึ้น แต่แล้วสายตาเขาก็กวาดไปเห็นตัวอักษรเล็ก ๆ ที่สลักไว้บนชั้นวางอย่างไม่ตั้งใจ

“วิชาทลายสวรรค์”

ฉินห่าว “…”

เอาล่ะ เขาเคยชินกับการตั้งชื่อของที่นี่แล้ว และลองตรวจสอบชั้นวางนี้อย่างใจเย็น แต่ก็ไม่พบตัวอักษรใดๆเพิ่มเติมเลย

“นี่หมายความว่ายังไง? วิชาทลายสวรรค์นี่มันพิเศษมากหรือถึงมีการสลักชื่อเอาไว้?”

ฉินห่าวขมวดคิ้วและแตะชั้นวางตำรา หากมีกลไกลับซ่อนอยู่ มันก็ต้องแตกต่างจากชั้นวางอื่นๆ ซึ่งเขาจะสังเกตเห็นมันได้ในทันที แต่นี่ไม่เห็นอะไรเลย

หึ่ง หึ่ง~

แต่ในตอนนั้นเอง เมื่อฉินห่าวสัมผัสมือลง ตัวอักษร ‘วิชาทลายสวรรค์’ ก็กะพริบแสงวาบ ฉินห่าวรู้สึกดวงตาพร่ามัว

และเมื่อลืมตาขึ้น

ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขากลายเป็นโง่งม