บทที่ 69

ฉินห่าวไม่ได้เอาเรื่องของหลิวเฮ่อมาใส่ใจ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เอาชนะเขาไม่ได้

ฉินห่าวโยนเรื่องนี้ทิ้งไว้ข้างหลัง และมุ่งหน้าไปยังหอโรงกลั่นโอสถ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุด

เมื่อฉินห่าวมาถึงห้องโถงด้านใน เขาพบว่าตนเองตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน ศิษย์น้องคนหนึ่งก้าวเข้ามาต้อนรับเขาอย่างกระตือรือร้น

“ศิษย์พี่ฉินมีอะไรให้รับใช้?”

สาวกที่รับหน้าที่ดูแลหอโรงกลั่นโอสถกล่าวอย่างนอบน้อม

“ข้าอยากขอพบปรมาจารย์นักกลั่นโอสถทั้งหมดที่นี่ มีธุระบางอย่างจะคุยกับพวกเขา”

ฉินห่าวตรงเข้าประเด็น เขามีความคิดนึงมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ตัวเองยังสั่งสมชื่อเสียงไม่มากพอจึงไม่กล้ามา

“นี่ … รับทราบแล้วขอรับ”

คำขอนี้ทำให้สาวกผู้ดูแลค่อนข้างลำบากใจ แต่ฉินห่าวเป็นถึงหนึ่งในเจ็ดยอดเขา และชื่อเสียงกำลังรุ่งโรจน์ ดังนั้นไม่อาจล่วงเกินได้

ครู่หนึ่ง ชายสูงวัยห้าหกคนเดินออกมา กระนั้น ภาพลักษณ์ของพวกเขาไม่ได้ดูโอ่อ่า แต่ดูเลอะเทอะยุ่งเหยิง

“สหายน้อยฉินเรียกพวกข้ามา ไม่ทราบมีเรื่องอะไร?”

ชายสูงวัยทั้งหกไม่กล้าหงุดหงิดใส่

“แค่ก แค่ก คือแบบนี้ พอดีข้าบังเอิญเชิญปรมาจารย์นักกลั่นโอสถคนหนึ่งมาเป็นอาจารย์ให้พวกท่านได้ แน่นอน แค่คำพูดของข้าอาจยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ เชิญไปหาเขาก่อนเถิด หากพวกท่านคิดว่าชายผู้นั้นไม่ผ่านคุณสมบัติ ก็ไม่ต้องเรียนรู้กับเขาก็ได้”

ฉินห่าวไอแห้งๆ เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เพราะยังไงซะ สิ่งที่ต้องพูดนั้นมันเถรตรงเกินไป มันเหมือนกับด่าอ้อมๆว่าฝีมือการกลั่นโอสถของพวกเจ้ายังไม่ดีพอ

แน่นอน เมื่อได้ฟังช่วงต้นของประโยค สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไป แต่พวกเขาก็ไม่ถึงขั้นโวยวาย หลังจากฟังจบประโยคแล้ว สีหน้าก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย

“เช่นนั้นก็ย่อมได้”

หลายคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้า

ช่วงนี้แพนด้าว่างมาก มีที่พักและอาหารการกินครบถ้วน ทุกครั้งที่มันย้อนนึกถึงวันเวลาในส่วนลึกของพื้นที่เสียงก็รู้สึกปวดใจ ข้างในนั้นเหมือนอยู่ไปให้เสียเวลาเปล่า มีเจ้าหมาโง่อยู่ด้วยแต่ก็พูดอะไรไม่เคยเข้าหูกัน แต่ตอนนี้ …

หมีแพนด้าแทะหน่อไม้อย่างมีความสุข อืม นี่มันกรอบ มันหอมจริงๆ แต่ขณะที่กำลังกิน จู่ๆมันก็รู้สึกว่าข้างหน้ามืดลง คล้ายมีคนยืนบังแสง

แวบแรกมันสั่นสะท้านไปทั้งตัว เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และยิ้มออกมา “ที่แท้ก็นายท่านนี่เอง ไม่ทราบมีสิ่งใดให้ข้ารับใช้?”

“อืม ขอฝากพวกเขาให้เจ้าดูแล”

ฉินห่าวพยักหน้าและชี้ไปทางกลุ่มชายสูงวัยที่อยู่ข้างหลังซึ่งมีทั้งนักกลั่นโอสถและนักหลอมอาวุธ

“ดูแลยังไง?”

แพนด้างง

“สอนวิธีการกลั่นโอสถและหลอมอาวุธให้พวกเขา”

“ข้าเนี่ยนะ … ”

แพนด้าอ้าปากกว้าง

“ใช่!”

แพนด้าแสดงสีหน้าเจ็บปวดเป็นเวลานาน แต่แล้วมันก็ยอมรับ เพราะยังไงซะชีวิตในตอนนี้ก็ดีกว่าตอนอยู่ในถ้ำมาก

“เอาล่ะ ถึงตาพวกเจ้าแล้ว แสดงฝีมือให้อาจารย์แพนด้าดูหน่อย ”

“นี่ … ”

ได้ยินคำสั่งฉินห่าว กลุ่มชายสูงวัยชำเลืองมองหน้ากัน บางทีพวกเขาอาจย้อนนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของฉินห่าว จึงพยักหน้าและหยิบเตาดดินออกมาจุดไฟ

เห็นเพียงการเคลื่อนไหวที่เป็นระเบียบและเรียบร้อย วัสดุแต่ละชิ้นค่อยๆถูกจ่อมลงไป และในที่สุดก็จับตัวแข็งเป็นโอสถ

โอสถระดับสองเสร็จสมบูรณ์!

โอสถที่ใช้ได้มีทั้งสิ้น 23 ก้อน และของเสีย 36 ก้อน

ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง

ระหว่างรับชม แพนด้าส่ายหัวหลายรอบ แต่ก็รอให้พวกเขากลั่นเสร็จ ถึงค่อยพูดว่า “ข้าจะสาธิตแค่ครั้งเดียว พวกเจ้าตั้งใจดูให้ดี”

ว่าจบ แพนด้าก็เทวัตถุดิบทั้งหมดในถาดลงไปในคราเดียว

“เอ๊ะ? ส่วนผสมต้องละลายทีละอย่าง ทำแบบนี้จะกลั่นโอสถได้ยังไง?”

“นี่เจ้าเคยกลั่นโอสถบ้างไหม?”

“ใช่ ของแบบนี้จะเรียกว่ากลั่นโอสถได้ยังไง?”

กลุ่มนักกลั่นโอสถมองด้วยความโกรธ พวกเขาคิดว่าฉินห่าวกำลังดูถูกพวกตน ทุกคนต่างรู้ว่าการกลั่นโอสถนั้นต้องใส่วัตถุดิบทีละชิ้น แต่นี่เทลงไปทั้งหมดในทีเดียว

เมื่อวัตถุดิบทุกอย่างเทลงเตา

เพี๊ยะ!

แพนด้าประกบฝ่ามือเข้าหากัน ไฟใต้เตาลุกพรึบ แม้แต่เตาต้มก็คล้ายทนไม่ไหว เปลี่ยนเป็นสีแดงสด อุณหภูมิของทั้งห้องก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

“นี่ … ต้องรีบหยุดแล้ว เตากำลังจะระเบิด!”

กลุ่มนักกลั่นโอสถหน้าซีดด้วยความกลัว

แรงระเบิดของเตากลั่นนั้นสูงมาก ยิ่งเป็นเตาที่ยัดวัตถุดิบมากมายลงไปไม่ต้องกล่าวถึง อย่างเตาเบื้องหน้านี้ก็มากพอแล้วที่จะระเบิดทั้งห้องนี้ให้ราบเป็นหน้ากลอง

“จงจับตัวเป็นก้อน!”

แพนด้าคำรามลั่น

สิ้นเสียงเขา ไฟค่อยๆเบาลง แต่ยังไม่หายไปในทันที

ปัง!

หมีแพนด้าตบผนังเตาและเปิดฝาเตาออก

เม็ดโอสถกว่าร้อยลูกลอยออกมา

และเมื่อทุกคนมองมัน ก็อ้าปากค้างทันที

โอสถระดับสองชั้นยอด!

และกลั่นได้ทั้งสิ้น 163 เม็ดโดยไม่มีเม็ดใดเสียเลย!