บทที่ 6 พี่อู๋

อันธพาลทั้งสามเป็นเพียงพวกลิ่วล้อของแก๊งอสรพิษสวรรค์ พวกมันถูกส่งมาโดย‘พี่เถี่ย’เพื่อจับตัวเย่เฟิงที่ปาก้อนอิฐใส่หน้าสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มของพวกมันที่ย่านบาร์

ความจริงแล้ว พวกมันไม่ได้มีฝีมืออะไรมากนัก อย่างน้อยก็เทียบไม่ได้กับกลุ่มชายขี้เมาที่ล้อมซูเหมิงหานไว้เมื่อคืน

อันธพาลทั้งสองวิ่งเข้ามาหาเย่เฟิงพร้อมเขวียงหมัดออกมา เขาหลบหลีกอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งควบแน่นเจินฉีไว้ที่กำปั้นทั้งสอง เมื่อได้จังหวะ เย่เฟิงก็จัดการปล่อยหมัดเข้าใส่พวกมันทั้งคู่

หมัดปากั้ว!

หมัดซ้ายของเขาต่อยเข้าไปยังท้องของอันธพาลคนหนึ่ง และในเวลาเดียวกัน หมัดขวาของเขาก็ต่อยเข้าไปยังอกของอันธพาลอีกคนหนึ่ง ด้วยเสียดัง “ปัง!”ที่ดังขึ้นสองครั้ง เหล่านักเรียนที่ยืนมุ่งดูเห็นอันธพาลทั้งสองกระอักเลือดออกมาและร่างของพวกมันลอยเคว้งไปบนอากาศ พร้อมตกลงพื้นอย่างรุนแรง เลือดของพวกมันสาดไปบนพื้นพร้อมทั้งเกิดฝุ่นควันปกคลุมไปทั่วบริเวณ

เย่เฟิงส่งพวกมันลอยเคว้งโดยใช้เพียงแค่หมัดเดียว!

เมื่อผู้คนที่อยู่ใกล้ประตูโรงเรียนล้วนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาถึงกับตกตะลึง

ซูเหมิงหานเบิกตาที่กลมโตขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ เธอไม่คิดเลยว่าพวกอันธพาลจะถูกต่อยจนลอยเคว้งโดยนักเรียนชายคนหนึ่งที่ดูธรรมดาสามัญแบบนี้

นี่ทำให้เธอรู้สึกช๊อคอย่างยิ่ง!

เมื่อคืน เย่เฟิงที่เข้ามาช่วยเธอโดยการขว้างก้อนอิฐใส่ชายขี้เมาแล้วจูงมือเธอหนี นี่ถือเป็นการกระทำที่ปกติสำหรับคนทั่วไป แต่การกระทำของเย่เฟิงตอนนี้ ทำให้เขาดูต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างมาก

เมื่อเทียนโย่วเหลียงที่ยืนอยู่ข้างซูเหมิงหานเห็นเย่เฟิงจัดการกับคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์โดยไม่มีแม้แต่เหงื่อสักหยด เขาถึงกับอ้าปากค้างแบบคนโง่งม เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย นี่ใช่คนอ่อนแอ่ที่ใช้เวลาทั้งวันในร้านเกมออนไลน์จริงหรือ?

ต้องมีความแข็งแรงมากมายแค่ไหนกันถึงจะส่งชายร่างโตไปลอยเคว้งบนอากาศแบบนั้นได้?

ในเวลานี้ เย่เฟิงเห็นนักเรียนสี่คนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอ ใบหน้าของพวกเขาล้วนแสดงถึงความประหลาดใจอย่างไม่ปกปิด เพราะขนาดผู้ชายที่โตเต็มวัยแล้วยังไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารล้วนติดต่อส่งผ่านทางอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถหยุดข่าวนี้ไม่ให้กระจายออกไปได้ และเพียงไม่นาน นักเรียนทุกคนในโรงเรียนมัธยมปลายเหยียนก็ล้วนรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น

ที่ประตูโรงเรียน รปภ.คนดังกล่าวยังคงอยู่ในอาการช๊อค เขาเตรียมจะโทรแจ้งรถพยาบาลอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิด เขาไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าเด็กนักเรียนธรรมดาสามารถจัดการอันธพาลจากแก๊งอสรพิษสวรรค์ได้ด้วยตัวคนเดียวแบบนี้

“เฮ้อ ชีวิตของเจ้าหนุ่มนั้นคงจบสิ้นแล้ว เล่นไปท้าทายแก๊งอสรพิษแบบนั้น……”

ถึงแม้รปภ.ของโรงเรียนไม่คิดว่าสุดท้ายผลจะออกมาแบบนี้ แต่เขาก็ส่ายหัวให้เย่เฟิงอย่างสงสาร เด็กหนุ่มคนนั้นเลือดร้อนและหุนหันพลันแล่นเกินไป จึงลงมือแบบไม่ยั้งคิดแบบนั้น

เขากังวลกับความปลอดภัยของเย่เฟิง แต่หากผู้คนในบริเวณนี้รู้ว่าเย่เฟิงกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาคงตกใจจนฉี่ราด

“พวกแก๊งอสรพิษสวรรค์นี่ชอบสร้างปัญหาให้เราจริงๆ เห็นที่ต้องหาทางจัดการถอดรากถอดโคนพวกมันให้สิ้น……”

เย่เฟิงคิด เขาเหลือบตามองซูเหมิงหานและเทียนโย่วเหลียงขณะเดินเข้าประตูโรงเรียนไป

ตั้งแต่ยังเด็ก อาจารย์คนสวยสอนเขาเสมอว่า ถ้าวันใดมีใครก็ตามแสดงการคุกคามต่อเขา เขาต้องจัดการพวกมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และห้ามปล่อยพวกมันไปเด็ดขาด! นี่คือกฏพื้นฐานของการเอาตัวรอดในโลกเทวะ

“ชิ ภูมิใจอะไรของเขานะ?”

เมื่อเห็นเย่เฟิงเหลือบมองเธอด้วยหางตาแล้วหันตัวจากไป ซูเหมิงหานก็อดที่จะบ่นไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็รู้สึกแย่ในใจนิดหน่อย

อย่างไรก็ตาม ทั้งเธอและเขาก็เรียนอยู่ห้องเดียวกัน ดังนั้น ซูเหมิงหานจึงได้แต่เดิมตามเขาไป โดยตลอดทาง เธอรู้สึกไม่ดีกับท่าทางของเย่เฟิงที่แสดงออกมา แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร ทั้งหมดนั้นเพราะเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอ และตัวเธอเองยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกใต้ดิน ดังนั้น เธอคงรู้สึกผิดเอามากๆหากเขาเป็นอะไรไป

…………….

เมื่อเย่เฟิงเดินเขาไปในห้องเรียนที่อยู่ในชั้นสามของอาคาร เสียงจอแจของเหล่านักเรียนในห้องเงียบกริบลงทันที พวกเขาล้วนมองเย่เฟิงเหมือนมองตัวประหลาด ชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนในห้องล้วนรับรู้หมดแล้ว

“ให้ตายเถอะเพื่อน บอกฉันที ทำไมวันนี้นายฮอทจัง?”

เมื่อมีน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น เย่เฟิงจึงได้หันไปที่มาของเสียงนั้นและพบกับเพื่อนสนิทของเขา

ชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า‘อู๋บี’ ด้วยลักษณะนิสัยที่พิเศษรวมทั้งสีผมของเขาครึ่งนึงเป็นสีขาว ทำให้ง่ายต่อการจดจำ

(note: ‘อู๋’นี่คือนามสกุลหรือชื่อตระกูลนะครับ จริงๆในภาษาอังกฤษเขาเขียนว่า ‘Ou’ และถ้าออกเสียงตามพินอินของจีนจะได้คำว่า‘โอว’ แต่ผมขอใช้คำว่าอู๋ละกันนะฮะ มันอ่านง่ายดี)

หลายปีก่อน มณฑลหัว อนุญาติให้ใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นชื่อได้ และตอนนั้น ปู่ของอู๋บีคิดว่าการใช้ชื่อตามตัวอักษรดูมีเสน่ห์ จึงตั้งชื่อลูกชายของเขาว่า‘อู๋เอ’ ซึ่งอู๋เอก็ตั้งชื่อลูกชายของเขาต่ออีกว่าอู๋บี

“ไม่มีอะไรหรอก อ่อ ฉันมีเรื่องให้นายช่วยหน่อยน่ะ”

เย่เฟิงยิ้มขณะมองข้ามสายตาประหลาดใจและอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนร่วมห้อง เขาเดินตรงไปยังอู๋บี

ในโลกเทวะ เย่เฟิงเคยเห็นสมบัติสวรรค์มากมายที่สามารถดูดซับหลิงฉีได้ และเมื่อใครก็ตามได้ดูดซับพวกมัน พวกเขาจะมีระดับวรยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ครอบครัวของอู๋บีทำธุรกิจเกี่ยวกับวัตถุโบราณ นี่ช่างเป็นโชคดีของเย่เฟิงจริงๆ

“สบายใจได้สหาย พี่อู๋ของนายพร้อมจะแก้ปัญหาทุกอย่างที่นายต้องการ”

อู๋บียิ้มขณะเอามือมาแตะที่ไหล่ของเย่เฟิงพร้อมกับพูดขึ้น “อ่อ ฉันว่าจะถามนายพอดี ฉันได้ยินว่ามีพวกแก๊งอันธพาลมาหาเรื่องนักเรียนโรงเรียนเรา อ่า ให้ตายเถอะ ดีจริงๆที่ฉันไม่ใช่พวกที่ชอบใช้กำลัง…..”

“เอาละ เย็นนี้นายพาฉันไปที่บ้านทีนะ”

เย่เฟิงตัดบทและบอกความต้องการไปทันที ถึงแม้ว่าความจริงแล้ว เขาอยากจะไปตอนนี้เลย แต่มันคงจะดูไม่มีเหตุผลเกินไป ทั้งหมดนั้น พวกเขายังเป็นแค่นักเรียน และไม่ควรโดดเรียนไปที่อื่น

“ฮะ! ไปบ้านฉันหรอ?”

อู๋บีลุกขึ้นยืน

“อ่า ฉันมีของที่อยากไปดูหน่อยน่ะ”

เย่เฟิงพูดขณะนั่งลงในโต๊ะแถวหลังของห้อง

“ฮ่าๆ เอาสิเอาสิ”

ตาที่เหมือนลูกบอลของอู๋บีกวาดมองไปทั่วห้อง พร้อมกับปรากฏใบหน้าห่อเหี่ยว “เฮ้อ สาวสวยในห้องเรายังไม่มา นี่ทำให้ฉันรู้ไม่กระชุ่มกระชวยเลยแฮะ……..”

เย่เฟิงไม่พูดอะไร เขาเงยหน้าขึ้นและในเวลาเดียวกัน เขาเห็นซูเหมิงหานในชุดสีขาวเดินเข้ามาในห้อง ความสวยของเธอดึงดูดความสนใจของนักเรียนชายในห้องรวมทั้งอู๋บีทันที

“ว้า ซูเหมิงหานนี่น่ารักชะมัดเลยแฮะ นอกจากจะเป็นดาวโรงเรียนแล้ว พ่อของเธอยังเป็นถึงประธานบริษัทในเครือซูเฉิงกรุ๊ปอีก นี่ไม่ใช่นางในฝันหรือยังไง? ถ้าชั้นได้เธอมาครอบครองละก็……”

อู๋บีเริ่มฝันกลางวัน

ทันใดนั้น ซูเหมิงหานหันมาจ้องอย่างเอาเรื่อง

ด้วยสายตาที่แหลมคมของเธอ ทำให้อู๋บีหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง แต่ไม่นานเขาก็พบว่าเธอไม่ได้มองมาที่เขา แต่มองไปยังเย่เฟิง อู๋บีก็รีบถามขึ้นทันที “เฮ้เพื่อน บอกฉันมาตามตรง มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนายกับซูเหมิงหานใช่ไหม?”

อู๋บีรู้ว่าบ้านของเย่เฟิงและซูเหมิงหานอยู่ติดกัน

“ไม่มี”

เย่เฟิงปฏิเสธทันที

“ไอเพื่อนเลว นายอย่ามาหลอกฉันให้ยากเลย!”

อู๋บีจ้องเย่เฟิงเขม็ง

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเราจริงๆ เชื่อฉันสิ แต่ช่างเรื่องนี้ก่อน นายรู้จักแก๊งอสรพิษสวรรค์ไหม?”

เย่เฟิงไม่อยากเล่าเรื่องไร้สาระ เขาจึงพูดเปลี่ยนเรื่อง

“แก๊งอสรพิษสวรรค์?”

เป็นไปตามที่เย่เฟิงคาด อู๋บีมีสีหน้าตื่นตระหนกพร้อมทั้งสายตาที่วอกแวก เขาจ้องมายังเย่เฟิงพร้อมถามขึ้น “ฉันเคยได้ยินมาบ้าง นายถามทำไม?”

“ฉันไปมีเรื่องกับพวกมันมา…..”

เย่เฟิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาตามตรง

“ฮะ! เพื่อน นายอยากฆ่าตัวตายหรือไง?”

เมื่ออู๋บีได้ยินว่าอันธพาลทั้งสามเป็นคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ เขาจ้องมายังเย่เฟิงด้วยสายตาที่หวาดผวา

แก๊งอสรพิษสวรรค์! มันคือหนึ่งในสามแก๊งที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองเหยียนจิงนี่นา

เย่เฟิงถึงกับกล้าไปมีเรื่องกับพวกมัน?

……………….