บทที่ 5 ปะทะกันหน้าประตูโรงเรียน

ทุกๆคนในโลกเทวะล้วนมี‘เมล็ดพันธุ์’ในจุดตันเถียนของพวกเขา ซึ่งมันคือแก่นหลักในการผลิตและควบคุม‘เจินฉี’ภายในร่าง

ถึงอย่างนั้นผู้คนบนโลกใบนี้กลับไม่มีเมล็ดพันธุ์ในจุดตันเถียนของพวกเขา ผลก็คือ ร่างกายของพวกเขาไม่สามารถผลิตเจินฉีออกมาได้ แล้วพวกเขาจะบ่มเพาะวรยุทธ์ได้อย่างไร

เย่เฟิงทำหน้าบูดบึ้งโดยไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป แต่ทันใดนั้น แหวนดาบมังกรโบราณในมือขวาของเขาก็ส่องประกายขึ้น พร้อมปรากฏร่องรอยของกระแสคลื่นลึกลับบางอย่างไหลเข้าไปในร่างของเขา

“นี่มัน………การก่อกำเนิดเมล็ดพันธุ์?”

เย่เฟิงเบิกตาขึ้นอย่างตื่นเต้น

แหวนวงนี้ช่างมีความสามารถในการแหกกฏของสวรรค์จริงๆ นี่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งโดยเฉพาะที่เมื่อเขามีเมล็ดพันธุ์ในอยู่ในร่าง เขาก็สามารถบ่มเพาะวรยุทธ์ในโลกใบนี้ได้แล้ว นอกจากนั้น เขาอาจจะเป็นเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ที่สามารถใช้วรยุทธ์ได้ก็เป็นได้

เพราะเขาไม่คิดว่าจะมีใครในโลกใบนี้ที่มีของวิเศษอย่างแหวนดาบมังกรโบราณ ซึ่งแม้แต่ในโลกเทวะ ของวิเศษเหล่านี้ล้วนเป็นของหายาก ผู้คนต่างเข้าประหัตประหารแย่งชิงกันเพื่อให้ได้มันมา

ดังนั้น ตราบเท่าที่เขายังคงระวังตัว เย่เฟิงก็สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัย และสามารถมุ่งมั่นกับการหาทางกลับไปยังโลกเทวะโดยไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนต้องขอบคุณปฏิหารของแหวนวงนี้ ที่มอบเมล็ดพันธุ์ให้แก่เขา ตอนนี้ เขาก็สามารถเริ่มบ่มเพาะวรยุทธ์ตามแนวทางโคจรดาวสุสานได้แล้ว

ในเวลาที่เย่เฟิงยังอยู่ในโลกเทวะ เขาฝึกฝนแนวทางโคจรดาวสุสานมาแล้วถึงแปดปีจนคุ้นเคย ตอนนี้ เขาใช้ความคิดเพื่อเคลื่อนเจินฉีอันน้อยนิดในจุดตันเถียนของเขาไปตามเส้นลมปราณที่กำหนดไว้ และหมุนเวียนไปทั่วร่าง โดยเริ่มจากช้าๆแล้วค่อยเพิ่มความเร็วขึ้น

ไม่นานนัก เส้นลมปราณภายในร่างของก็ถูกปรับเปลี่ยนด้วยผลของเจินฉี สำหรับขั้นต่อมาคือการเริ่มฝึกตามแนวทางโคจรดาวสุสาน ซึ่งจะทำให้ระดับวรยุทธ์ของเขาเติบโตขึ้นในทุกๆวัน

แน่นอนว่า การอาศัยแนวทางการบ่มเพาะวรยุทธ์เพียงอย่างเดียวย่อมไม่เพียงพอ เย่เฟิงต้องการเพิ่มระดับวรยุทธ์ให้เร็วขึ้นกว่านี้ และเพื่อการนั้น เขาจำเป็นต้องมองหาสมบัติสวรรค์ ยาทิพย์โอสถ หรือสิ่งอื่นๆ เพื่อนำมาดูดซับ‘หลิงฉี’จากพวกมัน จากนั้น ระดับวรยุทธ์ของเขาจะเติบโตได้รวดเร็วอย่างยิ่งยวด!

และในเมื่อตอนนี้ ร่างของเขาสามารถผลิตเจินฉีได้เล็กน้อย เพียงพอที่จะสามารถใช้ทักษะ‘หมัดปากั้ว’ซึ่งเป็นทักษะการต่อสู้พื้นฐานในโลกเทวะ เพื่อปกป้องตัวเขาจากสิ่งอันตรายต่างๆได้แล้ว

ในโลกเทวะ จะมีทักษะวรยุทธ์ต่างๆมากมายในการแสดงพลังออกมา เมื่อใครก็ตามที่ใช้ทักษะเหล่านั้นแล้ว พวกเขาจะสามารถ ข้ามเมฆ เหยียบลม โค่นล้มภูผา หรือแม้กระทั่งพลิกมหาสมุทร แม้ทักษะหมัดปากั้วนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในการต่อสู้ แต่โชคไม่ดี ปริมาณเจินฉีในร่างเขาตอนนี้ เพียงพอแค่ให้ใช้ทักษะนี้เท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้น หากเย่เฟิงสามารถใช้หมัดปากั้วนี้ในตอนที่ยังอยู่ในย่านบาร์ได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนีชายขี้เมาจากแก๊งอสรพิษสวรรค์ และจัดการกับพวกมันอย่างง่ายดาย

ในที่สุด เย่เฟิงรู้สึกว่าร่างกายของเขาค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นทีละนิดทีละนิด ตอนนี้ เขารู้สึกผ่อนคลายและพร้อมจะเข้านอนแล้ว

……………

เช้าวันถัดมา เย่เฟิงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะวันนี้ เขาตัดสินใจว่าจะไปโรงเรียนเหยียน ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมปลาย

ความจริงแล้ว เขาไม่ได้ต้องการจะไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือ แต่เย่เฟิงในโลกใบนี้ มีเพื่อนร่วมห้องที่สนิทอยู่คนหนึ่ง และครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับวัตถุโบราณ เย่เฟิงอยากไปดูว่าวัตถุโบราณเหล่านั้น มีสมบัติสวรรค์อยู่บ้างหรือไม่

ตอนนี้เย่เฟิงมีเงินอยู่สองแสน เขาอาจจะสามารถหาซื้อสมบัติสวรรค์บางอย่างที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกของเขา

ตามความทรงจำแล้ว เขารู้ว่าในโลกใบนี้ มีอาวุธที่น่ากลัวชนิดหนึ่งที่เรียกว่าปืน หากเขาต้องเผชิญหน้ากับอาวุธชนิดนี้ ด้วยระดับวรยุทธ์ของเขาในปัจจุบันนั้นย่อมเป็นการยากที่เขาจะหลบหนีได้ ดังนั้น เขาต้องรีบแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โรงเรียนมัธยมปลายเหยียนอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านชิงเฟิงมากนัก

เย่เฟิงออกจากบ้าน โดยใช้เวลาเดินไปถึงโรงเรียนประมาณ 20 นาที และเมื่อเขามาถึงประตูโรงเรียน มีรถยนต์สีดำคันหนึ่งมาจอดข้างๆเขา คนที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังคือเด็กสาวแสนสวยในชุดสีขาว แน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากดาวโรงเรียน ซูเหมิงหาน

“ชิ”

ซูเหมิงหานมองมายังเย่เฟิงโดยไม่แสดงสีหน้าอะไร เธอก้าวออกมาจากรถและเดินมุ่งตรงไปยังประตูโรงเรียน ความสวยของเธอนั้นเป็นที่ดึงดูดสายตาของเหล่านักเรียนชายในโรงเรียนเป็นอย่างมาก

ตราบเท่าที่ท่าทีของดาวโรงเรียคนนี้ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อเขา เย่เฟิงย่อมไม่เก็บมาใส่ใจ

แต่เมื่อเขามองไปยังประตูโรงเรียน เขาถึวกับตกใจเมื่อเห็นนักเลงสามคนยืนอยู่ใกล้ประตูโรงเรียนพร้อมกับรอยสักรูปงูที่ข้อมือพวกเขา

คนจากแก๊งอสรพิษสวรรค์! พวกอันธพาลทั้งสามของแก๊งอสรพิษสวรรค์มาที่นี่เพื่อจะสั่งสอนเขางั้นหรือ?

เมื่อพวกมันเห็นซูเหมิงหาน ก็จำได้ทันทีว่าเธอคือเด็กสาวเมื่อคืน แต่พวกมันไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำอะไรกับเธอ พวกมันตรวจสอบประวัติของสาวน้อยคนนี้มาแล้วว่าเธอคืนลูกสาวของประธานบริษัทในเครือซูเฉิงกรุ๊ป ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เกรงกลัวอะไรมากนัก แต่พวกมันก็ไม่อยากสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นซูเหมิงหานที่นี่ ไอเด็กเวรเย่เฟิงก็ย่อมต้องมาที่นี่เช่นกัน

แล้วก็เป็นไปตามนั้น  เมื่ออันธพาลทั้งสามมองเห็นเย่เฟิงกำลังเดินมายังประตูโรงเรียน พวกมันหัวเราะและพร้อมจะจัดการกับเย่เฟิงแล้ว

“พวกมันคือ…..”

ซูเหมิงหานมองเห็นพวกอันธพาลที่หน้าประตูโรงเรียนก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เมื่อเธอเห็นว่าพวกมันค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เย่เฟิงด้วยรอยยิ้มประสงค์ร้าย เธอก็รู้ทันทีว่าพวกมันมาที่นี่เพื่อเล่นงานเขา

“ซูเหมิงหาน เธอมาโรงเรียนเช้านะวันนี้ อ่า ฉันดีใจจังที่เธอไม่เป็นอะไร”

ซูเหมิงหานได้ยินน้ำเสียงน่ารังเกียจดังเข้ามาในหู เขาคือเทียนโย่วเหลียงที่ทิ้งเธอไว้แล้วหนีไปเมื่อคืน

เธอไม่แม้แต่จะมองเขา เพราะไม่อยากสนใจอะไรกับคนอย่างเทียนโย่วเหลียง ตอนนี้ เธอกังวลกับความปลอดภัยของเย่เฟิงมากกว่า

ถึงแม้ซูเหมิงหานจะยังเคืองเย่เฟิง และแสดงท่าทีที่ไม่แยแสเขา แต่ลึกๆในใจแล้ว เธอค่อนข้างจะเป็นห่วงเขาอยู่

เทียนโย่วเหลียงในชุดหนังสีดำที่ยืนถัดไปจากซูเหมิงหาน เมื่อเขาเห็นเธอเมินเฉยต่อเขา นี่ทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นดำคล่ำ ชัดเจนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เธอไม่อยากเจอหน้าเขา

เทียนโย่วเหลียงมองไปยังเย่เฟิงที่ค่อยๆเดินมายังประตูโรงเรียน และคิด “ฉันไม่รู้ว่าแกช่วยซูเหมิงหานเมื่อคืนยังไง แต่เมื่อแกไปท้าทายแก๊งอสรพิษสวรรค์เข้าก็เตรียมตัวตายได้เลย!”

เย่เฟิงค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ประตูโรงเรียนในสถานการณ์ที่น่าตึงเครียด

เมื่อเหล่านักเรียนรู้สึกว่าเริ่มมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล พวกเขาล้วนหยุดอยู่ใกล้ประตูโรงเรียนเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้น และพวกเขาเห็นอันธพาลทั้งสามแสแยะยิ้มขณะเดินเข้ามาใกล้เย่เฟิง

รปภ.ของโรงเรียนเห็นเหตุการณ์นี้เช่นกันแต่ไม่ได้เข้าไปห้าม แน่นอนว่า รปภ.ตัวเล็กๆอย่างเขาจะกล้าท้าทายอิทธิพลของแก๊งอสรพิษสวรรค์ได้อย่างไร?

หากเขาเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ เขาอาจทำงานที่นี่ไม่ได้อีก เพราะฉะนั้น เขาหวังว่าเด็กนักเรียนคนนั้นคงไม่บาดเจ็บปางตายเมื่อเจอคนพวกนั้นกระทืบ ยังไง เขาก็ตัดสินใจจะเรียกรถพยาบาลไว้ก่อน

“ไอหนู มากับพวกเราซะดีๆ”

ชายร่างผอมสูงมองเย่เฟิงด้วยสายตาที่เหมือนเขาเป็นเหยื่อพร้อมกับพูดขึ้น

แม้เห็นท่าทีคุกคามของเหล่าอันธพาลแบบนั้น เย่เฟิงก็ไม่ได้มีสีหน้าตื่นกลัวแต่อย่างใด ใบหน้าของเขายังคงสงบ แต่ทันใดนั้น เขาควบแน่นเจินฉีไว้ที่ขาขวาแล้วเตะออกไปในทันที

เย่เฟิงไม่แสดงความปราณีแม้แต่น้อย เพราะในโลกเทวะของเขา การลังเลแม้แต่เพียงเสี้ยววินาทีอาจเป็นหนทางไปสู่ความตาย ฉะนั้น จะเสียเวลาพูดมากไปทำไม?

“ปัก!” เย่เฟิงเตะไปยังหว่างขาของมันอย่างรุนแรง

ในชั่วพริบตา เสียงของบางอย่างที่แตกดังขึ้น ส่งผลให้ผู้คนในบริเวณนี้ได้ยินเต็มสองหู เสียงนั่นทำให้เหล่านักเรียนชายถึงกับต้องเอามือมากุมเป้าตัวเองอย่างหวาดเสียว

อำมหิตอย่างยิ่ง!

ใบหน้าของชายร่างผอมกลายเป็นซีดเซียวแสดงให้เห็นว่ามันไม่อาจทนความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนี้ได้ จนต้องเอามือมากุมน้องชายตัวเองและคุกเข่าลงไป

“ไอเด็กเวรเอ้ย!”

“ฆ่ามัน!”

อันธพาลอีกสองคนยืนอึ้งอยู่ชั่วครู่ แต่ไม่นาน พวกมันก็รีบวิ่งเข้ามารุมเย่เฟิงอย่างไม่ลังเล

………………………………….