บทที่ 59 ขวานวายุปิดทางปล้น

จูไป๋เหนี่ยวฟังเย่เฟิงสอบถามเกี่ยวกับเวลาเหมาะสมที่จะออกไป แล้วเขาแสดงความคิดเห็นว่า เมื่อเงิน 10 ล้านมาถึงเร็วได้ที่สุดเท่าไหร่ พวกเขาสามารถออกไปพร้อมกันได้ทันที ยิ่งเร็ว ยิ่งดี

ด้วยเหตุนี้ ทำให้เย่เฟิงเรียกชายหน้าบากมา “หน้าบากฉันต้องการเงิน 10 ล้านด่วน นายสามารถทำให้ได้เมื่อไหร่?”

เขาไม่ได้ถามว่าจะสามารถเตรียมได้ไหม แต่ถามโดยตรงว่าจะได้เงินเมื่อไร  เขาเชื่อว่าแก๊งอสรพิษที่เป็น 1 ใน 3 แก๊งใหญ่ของเมืองหยานจิง แน่นอนว่าเงิน 10 ล้านจะไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขา

เมื่อชายหน้าบากได้ยินคำว่า 10 ล้านถึงกับผงะ “พี่เย่ เงิน 10 ล้านมันไม่ได้เป็นจำนวนเงินน้อย ๆ นะ แต่ถ้าพี่เย่ต้องการมันจริง ๆ พวกเราจะรวบรวมมันมาให้มากและเร็วที่สุด แต่ผลประโยชน์บางส่วนของแก๊งอสรพิษสวรรค์จะได้รับผลกระทบ”

“อย่างนั้นหรือ?”

เย่เฟิงไม่ได้พูดมาก แต่พูดขึ้นสั้น ๆ คำเดียว

“เออ ถ้าเป็นคำสั่งของพี่เย่ พวกเราจะทำตามนั้นทันทีครับ”

ชายหน้าบากสังเกตน้ำเสียงอันขุ่นเคืองเล็กน้อยของเย่เฟิง ดังนั้นเขาจึงต้องทำอย่างเร่งด่วน.

เย่เฟิงวางหูโทรศัพท์ลง แน่นอนเขารู้ว่าปัจจุบันชายหน้าบากกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ชายคนนั้นดูเหมือนจะเชื่อฟังเขามาก แต่มันถูกสร้างขึ้นด้วยเงื่อนไขของยาพิษ และสักวันเย่เฟิงจะต้องสอนวรยุทธ์ให้เขา

อย่างไรก็ตาม เรื่องการสอนวรยุทธ์นั้นเย่เฟิงยังไม่ได้รับปาก ดังนั้นชายหน้าบากจึงต้องเสียสละเพื่อทำให้เย่เฟิงพิจารณาเขา ชายหน้าบากหวังว่าเย่เฟิงจะมองเห็นความเสียสละของเขาโดยการสอยวรยุทธ์ให้

“แต่หน้าเสียดาย ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าวรยุทธ์นี้ คนธรรมดาจะสามารถฝึกได้ไหม……”

ตั้งแต่เริ่ม เย่เฟิงรู้ว่าชายหน้าบากอ่าจต้องผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ค่าตอบแทนที่เย่เฟิงจะให้คือเขาจะช่วยหาตัว ‘นักดาบ’เมื่อสิบปีก่อน นี่คือวิธีที่ชายหนุ่มจะช่วยหน้าบากในการแก้แค้น เย่เฟิงย่อมไม่ปล่อยให้ความช่วยเหลือของฝ่ายตรงข้ามเสียเปล่า แต่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย เพราะตอนนี้ เขากำลังยุ่งกับปัญหาส่วนตัว

ขณะที่รอ จูไป่เหนี่ยวหลบไปด้านหนึ่งแล้วนั่งลงพร้อมทั้งปิดตา และอีกด้าน เย่เฟิงยังคงยืนคุยอยู่กับอู๋เอ

ทั้งสองคนค่อนข้างสนิทกันแล้ว พวกเขาพูดคุยกันบางเรื่องทีดูมีความสุข สุดท้าย อู๋เอจึงพูดบางอย่างด้วยรอยยิ้ม “เย่น้อย ฉันรู้ว่าตัวตนของเธอค่อนข้างพิเศษ ถ้าในอนาคตลูกชายของฉันต้องเจอกับเรื่องยากลำบากละก็ ฉันหวังว่าเธอจะยื่นมือช่วยเหลือเขาใช่ไหม?”

“แน่นอนครับ มีคนบอกผมไว้ว่า ถ้าเราทำสิ่งใดให้แก่คนอื่น พวกเขาก็จะทำสิ่งนั้นให้เราเช่นกัน ลุงอู๋ช่วยผมไว้หลายเรื่องมาก ผมจะไม่ลืมบุญคุณของคุณเด็ดขาด”

สายตาของเย่เฟิงแน่วแน่ขณะพูดประโยคนั้น ทั้งค่าเสียหายสามเท่า หินจิตวิญญาณครึ่งก้อน รวมทั้งบัตรเชิญเข้างานจัดแสดงสินค้าโบราณ เขาล้วนซึ้งใจในน้ำใจของฝั่งตรงข้ามอย่างมาก

ขณะที่ภายนอก ชายหน้าบากยุ่งอยู่กับการเตรียมสิ่งต่างๆ ในเวลาเดียวกัน อู๋เอก็เตือนเย่เฟิงให้ระมัดระวังตัว จากนั้น เย่เฟิงจึงออกจากร้านไปพร้อมกับจูไป่เหนี่ยว

จูไป่เหนี่ยวคือผู้ช่วยของร้านขายของเก่าอู๋ชี โดยการหาของเก่ามาขายให้ทางร้ายเสมอ และพวกเขามีข้อตกลงระหว่างกันที่ดี อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่เย่เฟิงแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่อู๋เอจะยอมควักเงิน 10 ล้านให้แก่จูไป่เหนี่ยว

บางที เงินสิบล้านอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับตระกูลหลินแห่งเมืองเหยียนจิง ด้วยอิทธิพลที่พวกเขามีแล้ว คนเหล่านั้นคงมีทรัพย์สินมากกว่าคน 99% บนโลกใบนี้เสียด้วยซ้ำไป

“ผึ้งน้อย แล้วนายจะกลับมาเมื่อไหร่? นายจะไม่ไปโรงเรียนหรือไง?”

ก่อนจะจากไป อู๋บีรู้สึกกังวลจึงถามขึ้น

“ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่”

เย่เฟิงยิ้ม “ถึงจะน่าหนักใจสำหรับนายหน่อย แต่ยังไงก็ช่วยขอลาแทนฉันทีนะ”

“ได้เลยเดี๋ยวฉันจะให้ซูเหมิงหานทำแทนได้ ฮ่าๆ”

อู๋บีหัวเราะและแซวเขา น้ำเสียงของเขาไม่ได้แสดงถึงความจริงจังอะไร เขารู้สึกยินดีกับเย่เฟิงและซูเหมิงหานมากๆจากใจจริง

แน่นอน เมื่อเขาไปโรงเรียนพรุ่งนี้และได้ยินข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วทุกที ความคิดในใจเขาจะเปลี่ยนไปทันที

อะไรนะ? ทำไมถึงเป็นอย่างนี้? เย่เฟิงนี้มันเป็นพวกสัตว์ร้ายชัดๆ!

น่าเสียดาย เมื่อถึงเวลานั้นเย่เฟิงก็ไม่อยู่แล้ว แม้จะโทรศัพท์หายังเป็นเรื่องยากเสียด้วยซ้ำไป

……

รถ Hummer H2 วิ่งออกจากเมืองเหยียนจิงอย่างรวดเร็วในเวลากลางคืน และวิ่งในถนนสายปักกิ่ง-เสิ่นหยาง มุ่งหน้าไปยังทางตะวันออกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็ว

จากเหยียนจิงถึงเขาฉางไป่ในเมืองหลินเจียง มีระยะทางมากกว่า 1000 กิโลเมตร พวกเขาเดินทางอย่างเร่งรีบในเวลากลางคืนโดยใช้คนขับรถสองคนคือ ชายหน้าบากและจ้าวอี้เปย พวกเขาอาจจะสามารถไปถึงเมืองนั้นได้ก่อนรุ่งสาง

ชายทั้งคู่ขับรถอย่างระวังเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยระหว่างคืนนี้ ความจริงรถคันนี้ไม่เหมาะกับการเดินทางระยะไกลเพราะมีอัตราการบริโภคน้ำมันที่สูงมาก แต่เพราะเป็นคำสั่งของชายหน้าบาก คนของแก๊งอสรพิษสวรรค์จึงรีบจัดเตรียมให้ อย่างไรก็ตาม รถคันนี้สามารถบรรทุกน้ำหนักได้มาก พวกเขาจึงเตรียมน้ำมันสำรองมาเยอะจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าน้ำมันจะหมด

สำหรับเรื่องนี้ เย่เฟิงไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ ตราบเท่าที่มันสามารถพาเขาไปถึงจุดหมายได้ นั่นย่อมไม่ใช่ปัญหา

ระหว่างที่อยู่ในรถ เย่เฟิงและจูไป่เหนี่ยวนั่งอยู่ติดกันจึงสามารถพูดคุยสิ่งต่างๆได้ โดยระหว่างการเดินทาง เย่เฟิงแอบเลียบเคียงถามเกี่ยวกับเรื่องของรูปภาพเจ็ดใบนั้น แต่น่าเสียดายที่จูไป่เหนี่ยวเป็นพวกปากแข็ง เขาไม่ยอมเปิดอะไรเลยแม้แต่น้อย

คำคืนที่เงียบงัน และในวันเดียวกันยามรุ่งอรุณมาถึง รถปิ๊กอัพ Hummer ได้เดินทางอย่างรวดเร็วจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 มาถึงทางหลวงชนบทหมายเลข 303 มุ่งสู่หลินเจียง

เมืองหลินเจียงตั้งอยู่ทางตะวันออกของมณฑลจี๋หลินซึ่งติดกับประเทศเกาหลีเหนือโดยมีแม่น้ำตัดผ่าน และแม่น้ำสายนี้จะถูกล้อมรอบโดยหมู่บ้านสี่แห่งที่อยู่ห่างไกล

หากนี่เป็นทริปท่องเที่ยวเยี่ยมชมเขาฉางไป่ คงต้องเริ่มต้นจากเมืองซงเจียง เมืองไป่ ฯลฯ ซึ่งอยู่ทางเหนือของที่นี่ แต่จูไป่เหนี่ยวเคยไปที่ถ้ำสุสารโดยการทะลุผ่านมองหลินเจียง

เพียงไม่นานหลังจากเวลาตี 5 มันเป็นเวลาที่ฟ้าพึ่งสว่าง รถ Hummer H2 วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดบนเส้นทางชนบทไร้ซึ่งผู้คน

ทันใดนั้น มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้าซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องไม่ดี ยิ่งไปกว่านั้นมันยังจอดอยู่กลางถนน โดยที่นั่นมีชายเปลือยอกร่างกำยำยืนอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์ และเขาดูเหมือนกำลังจะเตะรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นด้วยความโมโห

ความจริงแล้ว รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นกำลังเสียจึงทำให้ชายคนนั้นโมโหมาก เดิมที เย่เฟิงไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อรถที่เขานั่งเคลื่อนที่เขาไปใกล้ ทันใดนั้น เขาก็พบว่าชายคนนั้นดูเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ขวานวายุ!

ที่งานจัดแสดงสินค้าของตระกูลมังกรในเมืองหลางฝาง เย่เฟิงได้สังหารดาบหมาป่าคู่หูของมันในดาบเดียว ซึ่งเขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอมันอีกครั้งที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะกำลังมีปัญหา

เย่เฟิงไม่ได้กังวลว่าอีกฝ่ายจะจำเขาได้ เพราะในตอนนั้น เขาสวมหน้ากางเอาไว้อยู่

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

เมื่อรถ Hummer H2 เข้ามาใกล้ ทันใดนั้น ขวานวายุพร้อมด้วยสายตาที่ดุร้ายได้กระโดดเข้ามาขวางทางด้วยท่าทีคุกคาม ถึงแม้ว่าคู่หูของมันจะตายไปแล้ว แต่ด้วยตัวมันคนเดียวก็มีความสามารถมากพอจะสร้างความเกรงกลัวให้แก่ผู้คนได้

เย่เฟิงคิดว่ามันคงมาที่นี่เพื่อมาเอา “หญ้าสื่อจิต”

ถนนเส้นนี้ไม่กว้างมากนัก ดังนั้น จ้าวอี้เปยจึงไม่สามารถขับรถอ้อมไปได้ แน่นอน เขาเหยียบเบรกทันที ในตอนแรก เขาคิดว่าชายคนนั้นเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่รถมอเตอร์ไซต์เสียจึงต้องการขอความช่วยเหลือ แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องขวัญหาย

จ้าวอี้เปยถึงกับตื่นตกใจได้ท่าทางคุกคามของขวานวายุ มันเข้ามาเปิดประตูด้านคนขับแล้วพูดว่า “ถ้าพวกแกไม่อยากตายก็ลงจากรถเดี๋ยวนี้!”

เจ้านี่มันกระโดดมาขวางทางเพื่อดักปล้นงั้นหรือ? หรือมันต้องการรถ Hummer คันนี้? ถึงท่าทางของมันจะดูอันตราย แต่มันถึงกับกล้าปล้นรถคันนี้ที่มีคนนั่งอยู่ถึง 4 คน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้ชายหมดเนี่ยนะ!

ถึงอย่างนั้นมีเพียงเย่เฟิงและจูไป่เหนี่ยวที่รู้ตัวตนของขวานวายุว่ามันเป็นใคร

……………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI