บทที่ 51: เขตสีแดง (1)

 

 

 

ซู่

<ถนนท้องฟ้า> สถานที่ที่เป็นที่จัดช่วงสองของบทฝึกซ้อม

และหอคอยขนาดใหญ่ที่อยู่ที่เกาะบนสุด

น้ำจำนวนมหาศาลกำลังไหลท่วมไปยังหอคอยนั้น

หรือพูดให้เจาะจง เกาะทั้งหมดได้จมลงใต้ทะเลอย่างรวดเร็ว

มันเป็นเวลาสักพักแล้วตั้งแต่ที่น้ำท่วมที่ชั้นแรกของหอคอย และระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างช้าๆ ก็ดูเหมือนว่าจะท่วมชั้นสามในไม่ช้า

ชี่

ชั้นสามที่เป็นทะเลเพลิงได้ถูกทะเลพิษไหลท่วมพร้อมกับที่เปลวเพลิงทั้งหมดเริ่มมอดดับลง

สถานการณ์ที่จะใช้เวลาไม่นานก่อนที่ทั้งหอคอยจะจมลงภายใต้ทะเล

และประตูเล็กๆ ที่อยู่บนยอดของหอคอยก็ได้เปิดออกพร้อมกับร่างของใครบางคนที่ได้ออกมา

ร่างรุ่งริ่งของชายคนหนึ่งที่มีเลือดโชกกาย

“ไอ้ฉิบหายเอ้ย… การที่ไอ้ตัวนั้นออกมาในตอนจบ มันใช้เวลานานเกินไป”

ฮันซูกัดฟันกรอด

มันไม่มีอาร์ติแฟคชิ้นใดบนร่างของเขาที่ไม่เสียหายเช่นกัน

มีจำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีสภาพดี ทว่าพวกมันต่างกลายเป็นฝุ่นแตกสลายไปราวกับว่ามันมีปัญหาบางอย่างอยู่

‘ดูเหมือนว่าฉันต้องหาใหม่หมด’

อย่างไรก็ตาม อาร์ติแฟคเหล่านี้ก็ไม่อาจใช้ได้ในเขตสีแดงที่เขาจะไปในอีกไม่นานอยู่แล้ว

และมันไม่ได้สูญเปล่าหากเขาคิดถึงสิ่งที่เขาได้รับมา

ฮันซูที่ได้โยนอาร์ติแฟคทุกชิ้นบนร่างออกไปนอกจากแหวนเนอร์มาฮาประมาณเวลาก่อนจะเดาะลิ้น

‘…เหลือเวลาอีกสองชั่วโมง’

90 วัน

2 ชั่วโมงก่อนที่บทฝึกซ้อมจะสิ้นสุดลง

หลังจากเห็นความเร็วของน้ำที่ท่วมสูงขึ้น ทุกสิ่งจะจมลงใต้น้ำหลังจาก 2 ชั่วโมง

คนส่วนมากได้ออกไปแล้ว

ฮันซุกระโดดออกไปขณะที่เขามองไปลงด้านล่างหอคอยก่อนจะแทงมือของเขาเข้าไปในหอคอย

ครืดดดดดดด

รูนสีแดง ไม่ใช่ไร้สีได้เริ่มปรับเปลี่ยนกฎของร่างกายของชายหนุ่ม และมือของเขาที่ถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้นจากมันเริ่มที่จะกระแทกไปที่หอคอย

จากนั้นฮันซูก็คงความเร็วนั้นไว้ด้วยแรงกระแทกจากการกระทำของเขา มุ่งหน้าลงไปจากหอคอยด้วยความเร็วคงที่

ครืดดด

‘เข้าไปทางชั้นสี่’

ทางเข้าออกที่ราล์ฟ ลอเรนได้ใช้ออกมา

และชั้นบนสุดของหอคอย

‘มันคงจะกระชั้นชิดไปหน่อยที่จะสร้างเรือ’

เขาต้องการเรือที่ถูกสร้างขึ้นโดยแฟรี่เพื่อที่จะไปจากเขตไร้สีสู่เขตสีแดง

เมื่อสถานที่แห่งนี้จะจมลงโดยสมบูรณ์

ฮันซูวิ่งตรงไปยัง <พื้นที่เตรียมพร้อม> บนชั้นสี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

“ฉิบหายเอ้ย! ไอ้พวกเวรจากสหพันธ์กิลด์นั่น! การที่พวกนั้นทิ้งพวกเราและไปจริงๆ!” กัมชานและคนอื่นๆ อีกเจ็ดคนขบฟันแน่นขณะที่พวกเขาค้นหาไปทั่วป่า

‘ไอ้พวกเวรบ้านั่น…พวกมันไปแม้ว่าจะยังมีที่ว่างอยู่?’

มันไม่มีความไม่พอใจมากมายอะไรกับเรือที่ถูกสร้างขึ้นโดยสมาคมอิสระที่ได้ออกไปเมื่อสี่วันก่อน เมื่อพวกเขาคือคนที่เลือกที่จะไม่ขึ้นไป แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าพวกคนจากสหพันธ์กิลด์จะทำแบบนั้น

และเพราะแบบนั้น พวกเขาจึงกำลังค้นหาบางอย่างไปรอบๆ ป่าเช่นนี้

“เร็วเข้า! เราต้องหาปรสิตคูรอนและไปที่นั่น!”

ปรสิตคูรอน

พวกเขาได้รวบรวมวัสดุอย่างอื่นที่เหลือทั้งหมดสำหรับเรือภายในเวลา 2 วันหลังจากที่สหพันธ์กิลด์ออกเดินทางไป แต่พวกเขายังไม่ได้รับปรสิตคูรอน

และแฟรี่จะสร้างเรือให้พวกเขาก็ต่อเมื่อพวกเขาให้ปรสิตคูรอนกับมัน

แต่หนึ่งในคนที่วิ่งอยู่ได้เอ่ยออกมาพร้อมกับแสงสีหน้าลนลาน

“เฮ้! แต่ปรสิตคูรอนมัน…”

กัมชานตะโกนออกมาขณะที่เขากัดฟันกรอด

“เวรเอ้ย! งั้นอะไร! เราจะสร้างเรือไม่ได้ถ้าไม่มีมัน!”

ปรสิตคูรอน

มันไม่มีอะไรมาก

มันอ่อนแอมากเสียจนสามารถตายได้เพียงแค่บีบมันเบาๆ

ปัญหาคือสถานที่ที่พวกมันอยู่

<จระเข้กาลาปากอน>

จระเข้ยักษ์ยาว 30 เมตรที่อาศัยอยู่ในหนองน้ำส่วนในของป่าในชั้นสี่

มันได้ถูกเขียนไว้อย่างใจดีในแคตตาล๊อคในการสร้างเรือโดยพวกแฟรี่ว่ามันอาศัยอยู่ในปากของตระเข้กาลาปากอน

เมื่อมันมีคำอธิบายง่ายๆ เกี่ยวกับเรือและสถานที่สำหรับวัสดุที่ต้องใช้

พวกเขาสัญญากับตัวเองว่าพวกเขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกหลังจากเห็นนักผจญภัยคนหนึ่งที่พยายามจะเก็บวัสดุถูกกระชากขาขาด แต่พวกเขากลับต้องกลับมาแบบนี้

‘เวรเอ้ย… มันไม่มีอะไรที่พวกเราทำได้’

กัมชานขบฟันแน่น

พวกเขาต้องสร้างเรือ

คนจำนวนหนึ่งที่ได้เริ่มลนลานหลังจากที่สหพันธ์กิลด์จากไป ได้ตัดต้นไม้จำนวนหนึ่งในป่าและพยายามที่จะไปยัง <เขตสีแดง> ด้วยการสร้างแพและออกทะเลไป

ผลลัพธ์นั้นเลวร้ายด้วยตัวมันเอง

พวกนั้นต่างตายหลังจากที่ติดพิษจากคลื่นของทะเลพิษ

คนคนหนึ่งอาจจะลอยอยู่ได้สักพัก แต่หากคนคนนั้นจมเมื่อใด ร่างทั้งร่างของเขาก็จะหลอมละลาย

แฟรี่หัวเราะคิกคักราวกับว่ามันสนุกสนนานอย่างมากก่อนจะเอ่ยขึ้น

<โอ้ ว้าว ฉันบอกให้พวกคุณนำวัสดุมาเพราแบบนี้ ฉันไม่แม้แต่จะบอกให้คุณสร้างมัน ฉันแค่บอกว่าเราจะให้มันกับพวกคุณถ้าพวกคุณนำวัสดุมา แม้ว่าเรือที่สร้างขึ้นโดยพวกเราจะดูค่อนข้างบอบบาง มันก็เป็นความสะดวกสบายที่สุดสำหรับนักผจญภัยแล้ว มันมีเวลา… เหลืออีก 39 ชั่วโมงในตอนนี้>

และทุกคนที่เห็นเช่นนั้นก็ได้เริ่มค้นหา <พื้นที่เตรียมตัว> ไปรอบๆ ชั้นสี่

เมื่อพวกเขาอาจจะหลอมละลายลงจริงๆ หากไม่อาจที่จะหาวัสดุมาได้ทันเวลา

นั่นคือเมื่อสองวันก่อน

และตอนนี้มันอาจเหลือเวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมง

สมาคมอิสระและสหพันธ์กิลด์ต่างสร้างเรือลำยักษ์ที่ยังคงเหลือพื้นที่อยู่หลังจากที่บรรจุคนไปกว่า 2,000 คนแล้ว

พวกเขากลายมาเป็นแบบนี้เพราะพวกเขาเห็นว่าทั้งสมาคมอิสระ 500 คนและสหพันธ์กิลด์ 600 คนต่างสร้างเรือที่สามารถบรรจุคนได้ 2,000 คน และคิดว่าพวกนั้นจะนำพวกเขาไปด้วย พวกเขาจึงล่าอย่างสบายใจ

ถ้าหากพวกเขาเตรียมเรืออย่างซื่อตรงก่อนหน้า พวกเขาก็คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้

‘เวรเอ้ย… เราควรจะไปหาวัสดุแม้ว่ามันจะอันตราย หรือเราควรจะติดตามสมาคมอิสระไป’

หลังจากวิ่งไปเล็กน้อย เขาก็สามารถเห็นหนองน้ำสีหม่นที่อยู่ห่างออกไปได้

“… ทำไมพวกนั้นถึงได้สร้างเรือใหญ่แบบนั้นถ้าพวกมันไม่คิดจะเอาเราไปด้วย”

เขาได้วิ่งอย่างเร่งรีบ ทว่าจากนั้นก็รู้สึกกระวนกระวายอีกครั้ง

หากสัตว์อสูรที่เขาต้องฆ่าเพื่อที่จะได้รับวัสดุมันฆ่าง่าย เช่นนั้นพวกเขาก็คงทำไปแล้ว

แต่ราวกับว่าไม่ใช่เพียงเขาคนเดียวที่คิดเช่นนั้น ฝีเท้าของอีก 6 คนเบื้องหลังเขาเองก็เชื่องช้าลงเช่นกัน

และในตอนนั้นเองที่เสียงดังขึ้นจากด้านบนของพวกเขา

“พวกนายจะไม่ฆ่ามันใช่ไหม? งั้นฉันทำเอง”

“หือ?”

เมื่อพวกเขามองขึ้นไปหลังจากตะลึงไปจากการเห็นคนที่วิ่งไปบนกิ่งไม้ในป่า

และมันมีสิ่งที่พิเศษอย่างมากเกี่ยวกับคนคนนั้น

‘…เขาไม่มีอะไรเลยบนร่าง?’

การที่ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ เลยบนร่าง

ไม่เหมือนกับชั้นสามของหอคอยที่ทุกคนถูกแยกจากกัน ชั้นสี่เป็นสถานที่ที่กว้างมากเสียจนผู้รอดชีวิตทุกคนสามารถอยู่ด้วยกันได้

แน่นอนว่ามันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่พวกเขาต่างได้เห็นคนที่แตกต่างกันจำนวนมากด้วยความที่ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ปิด

และคนจำนวนหนึ่งในบรรดาผู้รอดชีวิต 2,000 ก็ได้โดดเด่นสะดุดตา

อย่างกิลด์กองกำลังพิเศษของปาร์คกยองมิที่เลื่องชื่อในการเป็นยอดฝีมือกลุ่มเล็กที่มีเธอเป็นลอร์ด

ชายที่แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อพร้อมด้วยหน้ากากแปลกประหลาด

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่วิ่งไปโดยที่ไม่มีอะไรเลยบนร่าง

‘ไม่ เขามีแหวนอยู่วงหนึ่ง’

พวกเขาไม่มีหนทาง แต่หมอนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ไม่สิ พวกเขาไม่แม้แต่จะรู้ถึงวิธีการรับมือเรื่องนี้เพราะคนที่พิเศษแบบนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหัน

“อ่าใช่ ในเมื่อมันมีมากกว่าหนึ่งตัว”

กระทั่งก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร ชายคนนั้นที่เอ่ยจบได้วิ่งลงไปยังหนองน้ำ

พวกเขาจ้องมองภาพนั้นด้วยสายตาว่างเปล่าอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเอ่ยถามกัมชาน

“นายจะทำยังไง”

กัมชานครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากพูด

“มันดูเหมือนว่าหมอนั่นจะสู้ เราควรจะไปดูสถานการณ์เมื่อเรา…”

ตูมมม!

ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ แสงสีทองดำได้พุ่งทะลวงผ่านหนองน้ำขึ้นมาพร้อมกับเสียงดังสนั่น

กร๊าซซซซซ

จากนั้นเสียงกรีดร้องดังลั่นก็ดังขึ้นเสียจนสั่นสะท้านหนองน้ำที่ระเบิดออก

เสียงกรีดร้องของจระเข้กาลาปากอน

เมื่อกลุ่มคนที่ประหลาดใจวิ่งไปถึง พวกเขาก็เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ

หัวกะโหลกของจระเข้ยักษ์ได้ถูกบดขยี้ลง และชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังดึงปาราสิตคูรอนออกจากภายในปากของมันที่เขาได้กระชากออก

‘… เหี้ยอะไรเนี่ย เขาตีมันด้วยอะไร? สกิล?’

ความหนาของกะโหลกของมันที่พวกเขาเห็นได้จากรอยแตกนั้นหนากว่า 50 เซนติเมตร มันดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่กระดูกธรรมดาเมื่อดูจากประกายของมัน

แต่มันแตกออกแล้วกับเต้าหู้

ชั้นสี่นั้นกว้างก็จริง ทว่ามันไม่ได้กว้างเสียจนข่าวลือจะไม่แพร่กระจายออกไป

หากหมอนั่นแข็งแกร่งขนาดนั้น เช่นนั้นพวกเขาก็ควรจะได้ยินเกี่ยวกับอีกฝ่ายอย่างน้อยครั้งหนึ่ง ทว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องของอีกฝ่ายเลย

‘หรือเป็นเขา? เขาไม่มีเคียวโซ่กับกริช…’

และจากที่พวกเขาคิด หมอนั่นไม่เคยใช้สกิลมาก่อน

มันอาจมีเหตุผลให้หมอนั่นไม่อาจใช้มันได้

แต่ประกายแสงนั่นต้องเป็นเอฟเฟคของสกิลอย่างแน่นอน

‘เวรเอ้ย… ฉันไม่รู้ว่าเขาคือใคร เขาได้รับบางอย่างมาโดยบังเอิญรึเปล่า’

ในขณะที่กัมชานกำลังอึ้งอยู่นั้น หนึ่งในคนที่อยู่ฝั่งเขาก็ตะโกนขึ้นก่อนที่เขาจะสามารถห้ามได้ทัน

“เฮ้! เดี๋ยวก่อน!”

“หืมม?”

เมื่อชายคนนั้นหมุนตัวกลับมา หนึ่งในคนเบื้องหลังกัมชานก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง

“มันดูเหมือนว่านายเองก็จะไม่มีเรือเหมือนกัน ไปกับพวกเราเป็นไง? เรามีทุกอย่างยกเว้นปรสิตนั่น!”

แม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะได้มันมาฟรีๆ แต่มีปรสิตคูรอนเพียงตัวเดียวอาศัยอยู่ในปากของจระเข้แต่ล่ะตัว และพวกเขาไม่รู้ว่าหมอนั่นทำอะไร แต่การที่อีกฝ่ายมีพลังที่จะบดขยี้จระเข้ได้ด้วยการโมตีเพียงครั้งเดียวนั้นหมายความว่าการต่อต้านอีกฝ่ายด้วยพลังนั้นเป็นไปไม่ได้

แค่ตัวจระเข้กาลาปากอนนั้นก็เป็นปัญหามากพอแล้ว มันไม่มีเหตุผลที่จะไปเป็นศัตรูกับคนที่สามารถฆ่าไอ้ตัวพรรคนั้นได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

แต่ว่ามันไม่มีความจำเป็นในการต่อสู้กัน

เรือที่พวกเขาสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยวัสดุที่พวกเขามีและปรสิตคูรอนสามารถรองรับคนสิบคนได้อย่างสบายๆ

มันพียงพอสำหรับพวกเขาเจ็ดคน และผู้ชายคนนั้นอีกคนในการขึ้นไป

“โอ้…!”

ในขณะที่กัมชานแสดงสีหน้าพึงพอใจ คนจำนวนหนึ่งก็มายังหนองน้ำขณะที่หอบหายใจ

“อะไรนะ? นายได้ปรสิตคูรอนแล้ว?”

พวกเขาต่างหอบหายใจและมีแววตาเป็นประกาย

พวกเขาทำได้เพียงกระวนกระวายเมื่อพวกเขาไม่อาจสร้างเรือได้ทั้งๆ ที่ระดับน้ำทะเลพิษกำลังเพิ่มขึ้นทุกๆ นาที

พวกเขาต่างรวบรวมวัสดุง่ายๆ ทั้งหมดภายในเวลาสองวันหลังจากที่สหพันธ์กิลด์จากไป แต่ว่ามันยังมีคนจำนวนมากวนเวียนอยู่รอบๆ หนองน้ำด้วยความหวาดกลัวที่มากกว่าที่พวกเขาคิด

พวกเขาต่างรวมตัวกันที่นี่เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของจระเข้กาลาปากอนที่กำลังตาย

ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าตะโกนเสียงดังไปทางฮันซู

“เฮ้! นายฆ่ามันให้พวกนั้นเหรอ? งั้นช่วยเราฆ่ามันด้วยสิ!”

จากนั้นกัมชานก็ตะโกนขึ้นด้วยความงุนงง

“พวกนายกำลังพูดอะไร! พวกเราไม่ได้บอกให้เขาฆ่ามันแต่กำลังให้ข้อเสนออยู่ต่างหาก! พวกนายคิดว่าเราจะขอมันมาฟรีๆ รึไง? เราต้องการมอบวัสดุที่เหลือทั้งหมดกับเขา!”

จกานั้นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดก็ยิ้มออกมา

“งั้นมันก็ยิ่งดีกว่า มันจำเป็นเหรอว่าต้องเป็นพวกนาย?”

“อะไรนะ?”

ชายคนนั้นเมินกัมชานก่อนที่จะตะโกนไปทางฮันซู

“เราเองก็มีวัสดุที่เหลือเหมือนกัน! แต่เรือของเราเป็นเรือสำหรับคน 20 คน! เราแค่ไม่อาจได้รับเรือมาเพราะเราไม่มีปรสิตที่ไอ้จระเข้กาลาปากอนนั่นปกป้องอยู่! มันไม่ดีกว่าเหรอในการที่พวกนายจะไปกับเรือที่ใหญ่กว่า?”

ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ

จากที่เขาเห็น พวกมือสมัครเล่นตรงนั้นมีเพียงแค่ 7 คน

เรือที่พวกเขาเตรียมไว้นั้นอาจเป็นเรือสำหรับ 10 คน

ในทางกลับกัน พวกเขามีทั้งหมด 13 คน และมีความสบายกว่าเล็กน้อย ดังนั้นแล้วเรือที่พวกเขาได้เตรียมเอาไว้จึงเป็นเรือสำหรับ 20 คน ขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย

ไม่ใช่ว่าพวกเขาดีกว่าหรือ

กัมชานกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินเช่นนั้น

มันเหมือนกับที่หมอนั่นพูด

พวกเขามองไปยังเรือที่กำลังข้ามทะเลที่ดูอันตรายนั่นไปยังทิศทางที่แฟรี่ชี้

มันไม่ใช่เรื่องของคนที่อยู่บนเรือ

มันเพียงแค่พวกเขาจะปลอดภัยกว่าตามจำนวนวัสดุที่พวกเขาใช้เพื่อที่จะได้รับเรือที่ใหญ่กว่าจากแฟรี่ที่จะทำให้พวกเขาสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยกว่า

การที่คนจำนวนมากกว่าเดิมสามารถขึ้นไปได้เป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น

แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่กัมชานที่เข้าตาจนจากคำพูดนั้น

มันเหลือเวลาไม่มากจริงๆ

“ไอ้พวกโง่! ถ้าพวกแกทำแบบนั้น งั้นพวกเราก็มีวัสดุเหมือนกัน! ไปกับเราะเถอะ!”

“กับเรา!”

“เวรเอ้ย! งั้นอย่างน้อยก็รับพวกเราไปอย่างล่ะคน! เรากำลังจะตายกันหมด!”

‘หืมม…’

ฮันซูมองภาพความวุ่นวายรอบกายเขาพร้อมกับส่ายศีรษะก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

“ฉันไม่ต้องการวัสดุพวกนั้น”

“…อะไรนะ?”

“ฉันจะสร้างเรือสำหรับ 500 คน พวกนายใช้พวกนั้นเองเถอะ”

‘… ไอ้หมอนี่มันเสียสติรึเปล่า สร้างเรือสำหรับ 500 คนเพื่อใช้คนเดียว?’

โยฮานที่จะสร้างเรือสำหรับ 20 คนหมดคำพูด

 


TL: ปู่นี่ฮอตจังเลยนะคะ มีแต่คนแย่งตัว//หัวเราะ