บทที่ 39: ปราสาทจอมมาร (6)

 

 

ตูมมม

“เล็งไปที่คอ!”

“เวรเอ้ย! เราถูกผลักด้านนี้!”

เหล่าลูกกิลด์เริ่มที่จะเข้าปะทะกับผีดิบภายใต้คำสั่งของเหล่าลอร์ด

เสียงของการปะทะและฉีกกระชากดังขึ้นไปทั่วทุกทิศทาง

และภายใต้ช่องว่างเล็กๆ ที่ลูกกิลด์ได้เปิดขึ้น ฮันซูและกองกำลังพิเศษได้เริ่มที่จะพุ่งเข้าไปอย่างโหดเหี้ยมยังรูปปั้นขนาดยักษ์ ไม่สิ ไปยังจอมมารที่เริ่มที่จะยืดตัวออก

จากนั้นฮันซู กองกำลังพิเศษ และจอมมารก็ได้เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง

กร๊าซซซซ!

‘อาจเป็นเพราะมันเป็นเวอร์ชั่นที่อ่อนแอกว่า มันถึงได้พูดไม่ได้’

ฮันซูพึมพำอยู่ภายในใจขณะที่เขามองไปยังจอมมารรูปร่างเหมือนมนุษย์ที่สูง 15 เมตร

‘แต่… อย่างที่ฉันคาด’

ชายหนุ่มเดาะลิ้น

เหล่าลอร์ดไม่ได้โจมตีอย่างตั้งใจ

พวกเขาไม่จำเป็นต้องฆ่าจอมมาร

พวกเขาก็แค่ต้องอดทน

30 นาที

เวลาจะยืดออกถ้าเพ่งความสนใจไปยังการป้องกันและยื้อเวลาเอาไว้

มันมีกิลด์ทั้งหมด 12 กิลด์ และไม่ว่าใครที่มีชีวิตรอดก็คือส่วนหนึ่งของกองกำลังที่พวกเขาสามารถนำขึ้นไปด้านบนได้

มันชัดเจนว่าทุกคนต้องการช่วยเหลือให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

และเพราะแบบนั้น เหล่าลอร์ดที่แม้ว่าจะส่งกองกำลังพิเศษออกไปที่แนวหน้า ก็ทำเพียงแค่รักษาระยะห่างออกไว้

จอมมารได้ส่งหมัดออกไปพร้อมกับเสียงคำรามกระด้างในขณะที่ทุกคนไม่ได้ต่อสู้อย่างตั้งใจ

คว้างงง

ร่างยักษ์รวมกับความเร็วที่น่าเหลือเชื่อได้สร้างแรงลมมหาศาลเช่นเดียวกับคลื่นกระแทกรุนแรง

ตูมมม!

“เวรเอ้ย!”

“อ๊ากกก!”

ราวกับเป็นการแดกดัน จอมมาร ราชาแห่งมาร ไม่ได้ใช้สกิลใดๆ

สิ่งที่มันมีคือพลังกาย พลังชีวิต ความเร็ว และอัตราฟื้นฟูที่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง

แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอจนถึงจุดที่ทุกๆ การโจมตีของมันได้บดขยี้ไปยังผู้คนอย่างโหดเหี้ยม แต่มันเพียงแค่ช่วยทำให้เหล่าลอร์ดไม่กล้ากระทำการใดๆ ไปมากกว่าเดิม

หากมันใช้การโจมตีแบบหมู่ เช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะโจมตีมันเพราะความหวาดกลัว แต่หลังจากที่เห็นว่ามันกำลังฆ่าพวกเขาทีล่ะคน มันก็ดูเหมือนว่าพวกเขายังคงสามารถรักษาคนจำนวนมากให้มีชีวิตรอดได้ และหลังจากนั้นค่อยหลบหนีไปผ่านคริสตัล

และกระทั่งดีกว่านั้นหากกองกำลังพิเศษจากกิลด์อื่นตาย

“ฉิบหายเอ้ย! ตั้งใจเกาะกลุ่มกันหน่อย! ทำไมพวกนายถึงได้ถอย!”

แทจินกัดฟันกรอดเมื่อเห็นการกระทำของคนอื่นๆ

กองกำลังพิเศษที่ตั้งใจสู้นั้นมีเพียงของเขาและเยริน

ทั้งสองเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะสู้อยู่ด้านหน้าเช่นกัน

พวกเขาเพียงแค่อยู่เพราะมันดูเหมือนว่าทุกสิ่งอาจจะล้มลงได้ในเสี้ยววินาทีหากพวกเขาถอยเช่นกัน

แต่คนที่ต่อสู้อย่างตั้งใจมากที่สุดในตอนนี้คือฮันซู

เมื่อคนอื่นนั้นคือคนอื่น และเขาต้องฆ่าไอ้สิ่งนี้

เขาไม่ได้มีเวลาพอที่จะไปสนใจสิ่งอื่นๆ

‘เพราะมีเพียงแค่ตอนนั้นที่ผลึกหยกมารจะดรอปออกมา’

ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังสู้ระยะประชิดกับจอมมาร

‘มันเป็นเวลาสักพักแล้วที่พวกเราได้สู้กัน บาร์บาทอย’

เขาไม่ใช่ฮันซูคนก่อน และมันก็ไม่ใช่จอมมารตนก่อนเช่นกัน ทว่าการสู้กับมันที่มีการโจมตีและนิสัยที่ได้ถูกสลักไว้ในสมองของเขานั้นได้ทำให้มันลำบากน้อยลงสำหรับชายหนุ่ม

บาร์บาทอยนั้นเป็นสายกายภาพเต็มตัว

หากต้องไปต่อสู้กับผู้ที่มีสกิลพิเศษ มันก็ย่อมมีแรงกดดันอย่างมากแม้เป็นฮันซูก็ตาม

แน่นอนว่าสกิลพื้นฐานที่มันมี <การคาดเดา> ได้ทำให้ลูกกิลด์ทั่วไปไม่อาจเข้าใกล้มันได้

‘และมันเป้นสาเหตุที่ทำให้กองกำลังพิเศษต้องทำได้ดี’

ฮันซูร่อนไปรอบๆ ร่างของจอมมารขณะที่เขาเริ่มที่จะมัดมันด้วยพลังจำนวนมาก

เคร้งง!

เมื่อจอมมารเพิ่มพลังขึ้น โซ่ก็ได้ส่งเสียงเคร้งคร้างออกมาราวกับมันกำลังจะขาด

‘ทำแบบนี้ไม่ได้’

ฮันซูดึงอาร์ติเฟคใหม่ของเขาออกมา <คำพิพากษาแห่งดีคราดอส>

ซูมม

เมื่อฮันซูส่งมานาบางส่วนของเขาลงไป กริชเพียงเล่มเดียวก็ได้กลายเป็นสิบสองเล่ม

<การแบ่งแยก>

หนึ่งในสองสกิลของความยุติธรรมแห่งดีคราดอส

กริชนั้นสามารถแบ่งออกเป็นสิบสองเล่มที่มีความทนทานเดียวกันได้ แต่เมื่อหนึ่งในนั้นพัง อันที่พังก็จะไม่อาจฟื้นฟูได้แม้ว่าจะใช้สกิลการแบ่งแยกอีกครั้งก็ตาม

ฮันซุหลบการโจมตีของศัตรูพร้อมกับแทงกริชในมือลงไปยังร่างของจอมมารที่ถูกมัดด้วยโซ่ของคำพิพากษาแห่งดีคราดอส

ฉึก

ฉึก ฉึก ฉึก

กริชผ่านโซ่ไปและปักตรึงลงไป

เมื่อมันถูกสร้างขึ้นเป็นเซ็ทไอเท็ม รูบนโซ่จึงเป็นขนาดที่พอดีสำหรับกริชในการลอดผ่านเข้าไป

สกิล <สนับสนุน> ที่จะใช้ได้เมื่อใช้อาร์ติเฟคทั้งสองด้วยกันได้ทำงานขึ้น

และด้วยรูปแบบที่พิเศษนี้ โซ่ก็ได้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งกริชก็ได้แหลมคมขึ้น

ฮันซูที่ได้แทงกริชทั้งสิบสองลงไปอย่างคล่องแคล่วได้ดึงโซ่อย่างรุนแรง

ปึดดด

ขณะที่เขาดึงโซ่นั้น กริชที่ได้ถูกปักตรึงลงไปบนร่างของศัตรูก็ได้ถูกลากมาพร้อมกับโซ่ กรีดเฉือนเนื้อของจอมมาร

ราวกับเลื่อยไฟฟ้า เมื่อโซ่ที่พันไปรอบร่างของจอมมารได้ถูกดึง กริชก็ได้เริ่มกรีดเฉือนร่างกายของมันเป็นชิ้นๆ

อ๊ากกกก!

‘มันอาจจะขาด’

ขณะที่จอมมารที่กราดเกรี้ยวอย่างมากเริ่มสะบัดร่าง โซ่ก็ได้ตึงขึ้นราวกับว่ามันกำลังจะขาด

มันเป็นสถานการณ์ที่เขาไม่อาจปลดโซ่ได้เพราะกริชได้ทิ่มแทงลึกอยู่ในร่างของมัน

แต่แม้ว่าสกิลของเซ็ท <สนับสนุน> จะถูกใช้ มันก็ยังคงมีขีดจำกัด

‘แต่มันไม่สำคัญ’

ซูมมม

ขณะที่อันซูส่งมานาไปเป็นระลอก กริชทั้งสิบสองก็ได้หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งและกลับไปยังมือของชายหนุ่ม

<เก็บ> และ <การแบ่งแยก>

มันเป็นสิ่งที่เรียบง่าย ทว่าเป็นสกิลที่ทรงประสิทธิภาพอย่างมาก

ตราบเท่าที่มีสองสกิลนี้ เช่นนั้นเขาก็ย่อมไม่ขาดอาวุธในมือ

เมื่อกริชได้ถูกดึงออกและโซ่ได้คลายลง จอมมารก็เริ่มที่จะบ้าคลั่งมากขึ้น

“อ๊ากกก!”

“ไอ้ฉิบหายเอ้ย!”

‘ชิ พวกกองกำลังพิเศษต้องตั้งใจสู้กว่านี้’

แม้ว่าเขาจะทำให้มันบาดเจ็บได้ ความเร็วในการฟื้นฟูของมันก็มหาศาลมาก

ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมันนั้นมาจากอัตราฟื้นฟู ความสามารถในการรับการโจมตี พลังป้องกัน ส่วนสิ่งอย่างพลังกาย ความคล่องแคล่ว และความอำมหิตนั้นเป็นเพียงฉากหน้าของมัน

กองกำลังพิเศษต้องสาดสกิลของพวกเขาไปที่มันและจัดการมันให้เร็วกว่าความเร็วในการฟื้นฟูของมันขณะที่เขามัดมันอยู่

มันมีขีดจำกัดของพลังโจมตีของคนคนเดียวที่กระทำต่อจอมมาร แต่แม้ว่ากองกำลังพิเศษจะกำลังโจมตีมันอยู่ พวกเขาก็ได้ทำในท่าทีระมัดระวังจนเกินไป และใช้กลยุทธ์ที่ปลอดภัย ดังนั้นแล้วความเสียหายจึงไม่อาจตามความเร็วในการฟื้นฟูของมันได้ทัน

‘ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป จะมีคนตายมากขึ้นก่อนที่จะถึง 30 นาที’

และเหล่าลอร์ดต่างก็ถอยห่างออกจากสนามรบมากขึ้นเมื่อพวกเขาตัดสินได้ว่าสนามรบนั้นอันตราย

ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อเห็นเช่นนั้น

“ไอ้พวกโง่! นายจะสั่งอะไรจากข้างหลังนั่น!”

แทจินกัดฟันกรอด

มันดีกว่าในการที่ลอร์ดจะอยู่ในสถานที่ปลอดภัย

เมื่อมันจะจบลงสำหรับทุกคนถ้าพวกเขาตาย

แต่หากต้องการที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของกิลด์ มันก็ดีกว่าที่จะสั่งการจากใจกลางลูกกิลด์

มันดีที่จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างอัตโนมัติ แต่มันเองก็เป็นเรื่องสำคัญในการดูแลสถานการณ์ของการต่อสู้เพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของกิลด์ด้วยการรักษาจำนวนของพวกเขา และกระทั่งบีบบังคับให้พวกเขาต่อสู้ในเวลาหนึ่ง

แต่คนที่สู้อยู่ใจกลางกิลด์ของพวกเขานั้นมีเพียงเยรินและแทจิน

ลอร์ดอีกสิบคน รวมทั้งกั๊กแตได้ถอยออกไปห่างๆ แล้ว

ลอร์ดคนอื่นๆ แสยะยิ้มใส่แทจินที่ตะโกนอยู่ห่างๆ

“ทำไมนายถึงได้สู้อยู่ข้างหน้าแบบนั้นถ้าไม่ว่ายังไงนายก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก”

“ไอ้เวรนี่… ถ้านายเอาคนที่ปกป้องพวกเราไป แล้วใครจะสู้กับผีดิบ”

หนึ่งในลอร์ดหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“เราก็เอามาด้วยแค่คนล่ะสองคน อย่าอ่อนไหวนักสิ และเราก็ได้ส่งกองกำลังพิเศษออกไปสู้ข้างหน้าแล้วด้วย”

“…”

ในขณะที่แทจินกำลังกัดฟันแน่น กั๊กแตก็ตะโกนออกมาขณะที่มองไปยังอีกฝ่ย

“พวกนายควรจะมาตรงนี้ด้วยเพราะมันอันตราย แถมมันอาจจะรบกวนด้วยเพราะพวกนั้นต้องปกป้องพวกนาย”

“ฉันขอปฏิเสธอย่างเจียมตัว”

แทจินที่เอ่ยจบได้ควบคุมกิลด์ของเขาและพุ่งตรงไปยังจอมมาร

กั๊กแตแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยขณะที่เขามองไปยังแทจินและเยริน

“เก้าคน… ถึงมันจะน่าเสียดาย แต่แค่นี้ก็พอ”

“อะไรนะ?”

ในขณะที่ลอร์ดคนอื่นๆ แสดงสีหน้าแปลกประหลาดเมื่อได้ยินคำกล่าวของกั๊กแต ผ้าคุลมที่คลุมร่างของกั๊กแตเอาไว้ก็ได้เริ่มที่จะส่องแสงสว่าง

“ไอ้เหี้ย…  มึงทำอะไร!”

กั๊กแตหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“นายหมายความว่ายังไงที่ฉันทำอะไร ฉันก็แค่เรียกผุ้คุ้มครองนิดหน่อย”

<ผ้าคุลมไหล่ของจ้าวแห่งความป่าเถื่อน>

ผู้ครอบครองสามารถเรียกผู้คุ้มครองสิบสองคนมาปกป้องตนเองได้หนึ่งครั้งต่อวัน

และสิ่งที่ออกมาจากแสงนั้นก็คือกองกำลังพิเศษทั้งสิบสองของกั๊กแต

กั๊กแตเอ่ยกับเหล่ากองกำลังพิเศษ

“จับพวกมัน”

ทันทีที่สิ้นคำ คนคุ้มกันทั้งสองและกองกำลังพิเศษทั้งสิบสองก็ได้พุ่งตรงไปยังคนคุ้มกันของลอร์ดคนอื่นๆ

ฉัวะ

ฉัวะ

“อ๊ากกกก!”

“ไอ้ฉิบหาย!”

คนคุ้มกันทั้งสิบแปดคนตอบโต้ ทว่าพลังของกองกำลังพิเศษนั้นมากกว่าหนึ่งก้าว และกองกำลังพิเศษของกั๊กแตนั้นกระทั่งเหนือกว่านั้น

“เวรเอ้ย!”

ในขณะที่เหล่าลอร์ดกำลังเรียกกองกำลังของพวกเขาอย่างเร่งรีบ ลูกกิลด์คนอื่นๆ ของกั๊กแตก็ได้เริ่มบ้าคลั่งและพุ่งเข้าไปขัดขวางคนเหล่านั้น

แม้ว่าจำนวนจะแตกต่างกัน แต่เพราะพวกเขาได้ปกป้องโดยเอาชีวิตแขวนไว้บนเส้นด้าย ความเร็วของกิลด์อื่นๆ จึงได้เชื่องช้าลง และเมื่อกิลด์อื่นๆ ได้จัดการลูกกิลด์ของกั๊กแตได้และเข้าไปใกล้ เหล่าลอร์ดของพวกเขาก็ได้กลายเป็นตัวประกันของกั๊กแตไปแล้ว

กั๊กแตหัวเราะคิกคักขณะที่เขามองร่างโทรมๆ ของกองกำลังพิเศษทั้งสิบรอบกายเขา

สองคนตายไป อีกสิบคนมีชีวิตอยู่ แต่ว่าได้รับบาดเจ็บอย่างมาก แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาในการตัดศีรษะของเหล่าลอร์ดที่พวกเขาจับไว้เป็นตัวประกัน

‘ทุกคนก็แค่ต้องปกป้องฉัน มันชัดเจนอย่างมาก’

หนึ่งในลอร์ดกัดฟันกรอดขณะที่มองไปยังกั๊กแต

“ไอ้เวรเสียสติ! ถ้าเป็นแบบนี้มึงก็จะตายเหมือนกัน! ไม่ใช่ว่าความสามารถของนายมันล้ำค่างั้นรึไง!”

ทำไมพวกเขาจะไม่คิดถึงสถานการณ์เช่นนี้

เหตุผลเดียวที่พวกเขาไม่ได้คาดถึงการต่อสู้ภายในระหว่างลอร์ดนั้นเป็นเพราะหากหนึ่งในลอร์ดสร้างความวุ่นวายขึ้น พวกเขาทุกคนก็จะตายที่นี่

แล้วจะทำอย่างไรหากจับพวกเขาเป็นตัวประกัน

หากคุณทำเรื่องบ้าๆ ลงไปและสร้างความวุ่นวายขึ้น พวกเขาก็จะถูกกดดันโดยผีดิบและคนที่เหลือก็จะตายหมดจากน้ำมือของผีดิบและจอมมาร

มันเป็นเวลาสักพักแล้วตั้งแต่ที่การต่อสู้เริ่มโน้มเอียงไปทางเหล่าผีดิบในที่ไกลๆ นั่น

พวกเขาล่าถอยอย่างรวดเร็วขณะที่คนที่เหลือกำลังปะทะกับพวกมัน

ฮันซูและกองกำลังพิเศษที่เหลืออีกสองนั้นกำลังหยุดยั้งจอมมาร แต่ว่าพวกเขาจะทนได้ถึง 20 นาทีได้อย่างไรหากเป็นเช่นนี้

พวกเขาไม่แม้แต่จะมีผลึกเล็ก

กั๊กแตหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“มันไม่สำคัญหรอกถ้าฉันจะตาย”

ไม่สิ มันไม่ใช่ว่ามันไม่สำคัญไม่ว่าเขาจะตายหรือไม่

งานของเขานั้นคือการนำทุกคนมาที่นี่และตายด้วยกัน

ทำไมเขาถึงต้องจัดการผลึกเล็กทั้งหมดกันล่ะ?

“อะไรนะ?”

เขาเป็นไอ้วิปริตในบรรดาคนวิปริตหรือไง?

และในตอนนั้นเอง หนึ่งในลอร์ดที่มีดาบจ่ออยู่ได้แสดงสีหน้าขาวซีดออกมาเมื่อเขาคิดถึงบางอย่างได้

“ไอ้เวร มึง… มึงมันไอ้บ้าเสียสติ! มึงหมายความว่ามึงจะตายก็ไม่เป็นไรรึไง!”

สีหน้าของกั๊กแตเย็นเยียบเมื่อได้ยินเช่นนั้น

พูดแบบนั้นทั้งที่ชีวิตของพวกนั้นอยู่ในมือของคนอื่น แม้ว่าจะมีพลังมหาศาลเช่นลอร์ดก็ตาม

‘มันแตกต่างมากเกินไป’

เขาคิดถึงยามที่ลอร์ดของเขาส่งเขามาที่นี่

<นายเอาตั๋วไปสามใบ ไปยังเกาะกลางและแสดงละคร คนอื่นๆ ที่นั่นที่ได้รับข้อความแล้วจะทำเหมือนว่านายเป็นลอร์ด>

สัญลักษณ์นั้นสามารถมอบจากลูกกิลด์คนอื่นได้ตราบเท่าที่ลอร์ดให้อนุญาต และลูกกิลด์จะสามารถติดต่อกันได้ด้วยข้อความ

คำสั่งนั้นก็เรียบง่ายเช่นกัน

เพราะมันเป็นคำสั่งแรกที่คนเข้าใหม่ทุกคนในกิลด์ได้รับ

<ทำเหมือนว่ากั๊กแตเป็นลอร์ดและทำตามคำสั่งของเขา>

หากทำเช่นนี้ เขาก็จะสามารถแสร้งทำว่าตัวเองเป็นลอร์ดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อกั๊กแตคิดจบก็ได้ส่งสัญญาณด้วยสายตา มือของกองกำลังพิเศษที่กำอยู่รอบคอของลอร์ดก็ได้กำแน่นขึ้น

ปึด

“คะ… อั่กก”

“มึงหมายความว่ายังไงที่บอกว่าไอ้บ้าเสียสติ เขาเป็นคนที่น่าเกรงขามกว่าพวกกระจอกอย่างพวกมึง”

และในเวลาเดียวกัน สีหน้าของทุกคนก็แปรเปลี่ยนไปเมื่อกั๊กแตหัวเราะเสียงเย็นใส่พวกเขา

ฮันซูแสดงสีหน้าเย็นเยียบออกมาขณะที่เขามองไปยังความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเบื้องหลังเขา

‘…ลอร์ดปลอม’

เทคนิคที่ใช้หนึ่งในลูกกิลด์แสดงเป็นลอร์ดแทน ทำให้พวกเขาประมาทและตายด้วยกัน

ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำแบบนี้ได้

อย่างแรก หากต้องการที่จะเป็นลอร์ดปลอม คนคนนั้นจำเป็นต้องสามารถที่จะคงจำนวนลูกกิลด์ที่เท่าเทียมกับกิลด์อื่นๆ ไว้ได้

เมื่อมันย่อมเป็นเรื่องแปลกประหลาดหากลอร์ดที่สามารถสั่งการคน 100 คนได้ไม่อาจรักษาคนทั้ง 100 ไว้ได้

ซึ่งหมายความว่าคนคนนั้นจำต้องสามารถควบคุมคนหนึ่งร้อยคนเพื่อสนับสนุนลอร์ดปลอมไว้ได้ และอีกหนึ่งร้อยสำหรับตนเอง รวมแล้วเป็นสองร้อยคน

ทั้งยังต้องมีพลังควบคุมเพื่อที่จะสั่งฆ่าตัวตายเช่นกัน

เมื่อลูกกิลด์ไปอยู่ภายใต้อำนาจของลอร์ด พวกเขาก็ได้สร้างการเชื่อมต่อระหว่างพวกเขา และมันไม่มีสถานการณ์ที่ลอร์ดไม่สามารถสั่งการลูกกิลด์ได้เพราะการเชื่อมต่อนี้

เมื่อลูกกิลด์และลอร์ดนั้นเป็นระบบของเบื้องบนและเบื้องล่าง

แต่คำสั่งเช่นการฆ่าตัวตายนั้นทำได้ยาก เพราะเมื่อพวกเขาสั่งคำสั่งที่เกินไป สัญลักษณ์ก็จะแตกสลายเสียเป็นส่วนมาก

แน่นอนว่ามันมีข้อยกเว้นเช่นกัน

สถานการณ์ที่คนคนนั้นได้เสริมสร้างลักษณะพิเศษลอร์ดขึ้นด้วยความถนัดที่เหนือปกติ และลักษณะพิเศษได้เหนือกว่าเดิมจนถึงจุดที่ลักษณะพิเศษนั้นแข็งแกร่งกว่าดวงวิญญาณของพวกเขา

เมื่อกลายเป็นเช่นนั้น มันก็เป็นไปได้ที่จะสั่งคำสั่งที่แทบจะเรียกได้ว่าบีบบังคับ

และมันมีคนคนหนึ่งที่ทำได้ในบทฝึกซ้อมในอดีตเช่นกัน

คนที่ได้แสดงความถนัดที่เหนือกว่าลักษณะพิเศษของลอร์ดออกมา

แม้ว่ามันจะมีส่วนที่น่าเศร้าเมื่อคนคนนั้นวิปลาส

‘ลอร์ดวิปลาศ… นายทำอะไรลงไปแล้วสินะ หืม’

ตัวอย่างง่ายๆ ที่แสดงให้เห็นว่าแม้คนบ้าจะอันตราย แต่คนบ้าที่มีความสามารถที่ดีนั้นกระทั่งอันตรายกว่า

และในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญในการเตรียมตัวสำหรับดันเจี้ยนสุดท้ายนี้

หนึ่งในตัวแทนของ <จ้าวแห่งความชั่วร้าย>

ฮันซูจ้องไปยังกั๊กแตที่สร้างความวุ่นวายอยู่ห่างออกไปด้วยสีหน้าเย็นเยียบ

 


TL: เชือดมัน! หั่นมันเป็นชิ้นๆ!//ผิด