บทที่ 33 ได้คืบอย่าเอาศอก

เดิมที เย่เฟิงตั้งใจจะทำให้หลงหวางเอ๋อได้รับบาดเจ็บแล้วไล่ตามเขาไม่ได้อีก แต่สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าดีกว่าแผนที่เขาวางไว้มาก เวลานี้ กระโปรงของเธอมีรอยขาดวิ่นมากมายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี หากเธอยังคงวิ่งไล่เขาต่อไป ผิวขาวเนียนสวยของเธอต้องเป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้พบเห็นเป็นแน่ ชัดเจนว่าหญิงสาวไม่น่าจะทนเรื่องแบบนี้ได้

เย่เฟิงหันหลังมองแล้วเห็นร่างสวยของเธอค่อยๆทิ้งห่างออกไป ในขณะที่อีกด้าน หลงหวางเอ๋อรู้สึกโกรธจัด เธอขยี้เท้ากับพื้นหลายต่อหลายครั้ง เวลานี้ เธอใช้แขนข้างหนึ่งพยายามปกปิดทรวงอกที่ขาวเนียน และใช้แขนอีกข้างปกปิดช่วงล่าง จากนั้นจึงหันไปมองรอบๆ หญิงสาวกัดฟันแล้วพยายามคิดวิธีแก้ปัญหา

จะให้เธอปล่อยเขาไปง่ายๆแบบนี้น่ะรึ?

ฝันไปเถอะ!

…………..

เย่เฟิงยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ และไม่นานนักเมื่อมาถึงถนนใหญ่ เขาเก็บหน้ากากและแหวนดาบมังกรโบราณไว้กับตัว จากนั้นจึงเรียกแท็กซี่พาเขาไปส่งที่โรงพยาบาล

เย่เฟิงรู้เพียงว่าซูเหมิงหานให้คนของแก๊งอสรพิษสวรรค์พาญาติของเธอไปส่งโรงพยาบาล แล้วที่นั่นเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้เธอต้องรีบโทรหาเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรน จนเขาเกือบจะถูกจับได้เสียแล้ว

โชคดีที่หลงหวางเอ๋อไม่ไล่ตามเขาต่อ ถึงอย่างนั้นเย่เฟิงก็รู้ว่าซูเหมิงหานทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

เขาลงจากแท็กซี่หน้าทางเข้าโรงพยาบาล จากนั้นจึงมองหาร้านขายเสื้อเพื่อเปลี่ยนชุดเสียใหม่ ก่อนเดินเข้าไปในโรงพยาบาล เย่เฟิงได้โทรศัพท์หาซูเหมิงหานแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“พวกเขาเริ่มทะเลาะกันอีกครั้งแล้ว ผลตรวจออกมาว่าญาติของฉันติดยาเสพติด นายรีบมาเร็วเข้า……”

ซูเหมิงหานรับโทรศัพท์ทันทีแล้วตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรน

เย่เฟิงวางสายและรีบวิ่งเข้าไปข้างใน เขาวิ่งมาถึงวอร์ดที่ซูเหมิงหานและคนอื่นๆยืนอยู่อย่างรวดเร็ว

เขามองไปรอบๆแล้วพบว่ากำลังมีการโต้เถียงอย่างรุนแรงระหว่างพ่อแม่ของต้าเกินและคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ ขณะที่ซูเหมิงหานพยายามไกล่เกลี่ยความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

เสียงทะเลาะของพวกเขาเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนในแทบนั้นมาก

“พวกแกทำให้ลูกชายของฉันต้องมีสถาพเป็นแบบนี้ พวกแกต้องรีบผิดชอบ!”

แม่ของต้าเกินพูดอย่างหยาบคายด้วยความโมโห ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าแก๊งอสรพิษสวรรค์ไม่กล้าทำอะไรเธอแล้ว หญิงวัยกลางคนจึงไม่ยกโทษให้พวกเขาและเริ่มทำสิ่งไร้เหตุผลในโรงพยาบาล

“แล้วจะให้พวกฉันรับผิดชอบยังไง?”

ชายแว่นดำถามขณะพยายามข่มความโกรธของตัวเอง

“พวกแกต้องจ่างค่าเสียหายมา หรือพวกแกคิดจะทำร้ายลูกคนอื่นแล้วทิ้งไว้แบบนี้รึไง?”

แม่ของต้าเกินมองชายแว่นดำอย่างเอาเรื่อง ในเมื่อซูเหมิงหานเป็นญาติของเธอ ดังนั้นหญิงวัยกลางคนจึงรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามย่อมไม่กล้าที่จะลงมือต่อเธอ

“คุณป้าคะ เรื่องค่ารักษาหนูจัดการให้แล้ว ต้าเกินตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะงั้นเลิกแล้วต่อกันเถอะนะ”

ซูเหมิงหานพยายามโน้มน้ามให้ป้าของเธอเลิกเอาเรื่องคนเหล่านี้ เธอไม่รู้ว่าเย่เฟิงมีความเกี่ยวข้องอะไรกับคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ ดังนั้นหากป้าของเธอยังต้องการอะไรไปมากกว่านี้ แล้วคนเหล่านั้นเกิดทนไม่ไหวขึ้นมา สุดท้ายต้องเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมาแน่ๆ

“ไม่! พวกแกทำให้ต้าเกินต้องติดยา ดังนั้นวันนี้พวกแกต้องจ่ายค่าเสียหายให้ฉันเป็นการรับผิดชอบ!”

แม่ของต้าเกินโมโหแล้วพูดด้วยน้ำเสียงรุนแรง จนเหมือนว่าหากฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมจ่ายเงินมา พวกเขาต้องโดนเอาเรื่องจนตายกันไปข้างหนึ่ง

“ต้าเกินจะลงแดงแล้ว……..เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เราให้ยากับเขาในปริมาณเล็กน้อยได้ไหม? สถาพของเขาต้องนี้ทำให้ฉันปวดใจเหลือเกิน”

น้ำเสียงแสดงความปวดใจของพ่อต้าเกินดังมาจากข้างในวอร์ด แล้วตามมาด้วยเสียงสั่นที่ร้องด้วยความเจ็บปวดของต้าเกินซึ่งดิ้นพล่านอยู่บนเตียง ดูเหมือนว่าต้าเกินจะมีอาการติดยาขนาดหนัก เขาจึงดิ้นรนอย่างมากจากอาการลงแดง ขณะที่พ่อของเขาพยายามกดเขาไว้กับเตียง

“ไม่ได้ ให้เขาเสพยาอีกไม่ได้…….”

ซูเหมิงหานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เวลานี้เธออยู่ขั้นกลางระหว่างฝ่ายญาติของเธอกับคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ นี่มันยากเกินไปที่เธอจะรับมือไหว ตอนนี้เธอรู้สึกอยากร้องไห้และภาวนาให้เย่เฟิงมาถึงที่นี่โดยเร็ว

“ไม่ ไม่นะลูก! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา พวกแกต้องรับผิดชอบ!”

แม่ของต้าเกินพูดอย่างรุนแรงแล้วจ้องมายังซูเหมิงหาน เด็กสาวหันไปพูดกับชายแว่นดำอย่างร้อนรน “ช่วยเขาเร็วเข้า เขาจะทำไม่ไหวแล้ว…..”

“เกิดอะไรขึ้น?”

ทันใดนั้นเย่เฟิงได้มาถึงที่นี่แล้วเอ่ยปากถาม เมื่อหญิงวัยกลางคนสังเกตเห็นเย่เฟิง ท่าทางคุกคามของเธอได้หายไปแล้วเปลี่ยนเป็นหน้าซีด เย่เฟิงมองเข้าไปในวอร์ดแล้วเห็นพยาบาลสาวกับพ่อของต้าเกินอยู่ในห้อง พวกเขาทั้งคู่พยายามกดต้าเกินเอาไว้บนเตียง

เส้นเลือดต่างปูดโปนออกมาทั่วร่างของต้าเกิน เวลานี้เขาได้รับความเจ็บปวดอย่างมหาศาลและพยายามจะเอาหัวโขกกำแพงเหมือนคนฆ่าตัวตาย แต่ด้วยที่พ่อของเขาและพยาบาลพยายามกดเขาไว้ จึงทำได้แค่ดิ้นพล่านอยู่บนเตียง

ซูเหมิงหานตลอดจนคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์รู้สึกดีใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นเย่เฟิงมาถึงที่นี่เสียที เพราะพวกเขาเกือบจะทนหญิงวัยกลางคนคนนี้ไม่ไหวแล้ว

โดยไม่ลังเล เย่เฟิงก้าวเข้าไปในวอร์ดแล้วตบไปที่หลังหัวของต้าเกินทีหนึ่ง ทันใดนั้นต้าเกินเลิกดิ้นรนและรู้สึกผ่อนคลาย จากนั้นจึงค่อยหลับไป

“เธอทำอะไรกับต้าเกิน!”

พ่อแม่ของต้าเกินร้องตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนกพร้อมกัน

“แค่ทำให้เขานอนเงียบๆ เดี๋ยวสักพักก็ตื่น”

เย่เฟิงพูดอย่างไม่แยแส

พยาบาลสาวเอื้อมมือไปจับต้าเกินเล็กน้อยแล้วรู้สึกโล่งใจ เพราะในที่สุดผู้ป่วยคนนี้ก็สงบ และหยุดรบกวนผู้ป่วยคนอื่นเสียที

เย่เฟิงหันกลับมามองซูเหมิงหานและคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์แล้วพูดว่า “เอาละ พวกคุณกลับไปได้แล้ว ซูเหมิงหาน พวกเราก็จะกลับแล้วเหมือนกัน เธอจ่ายค่ารักษาแล้วใช่ไหม?”

“อืม……”

ซูเหมิงหานพยักหน้าเล็กน้อยอย่างอึดอัดใจ เพราะเงินสองแสนนี่ไม่ใช่เงินของเธอแต่เป็นของเย่เฟิง หลังจากแอ็ดมิทต้าเกินเข้าโรงพยาบาล เธอพบว่าเงินสองแสนนี่ไม่พอจ่ายค่ารักษา ดังนั้นเธอจึงขอให้คนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ช่วยจ่ายในส่วนที่เหลือ

โรงพยาบาลแห่งนี้ต้องจ่ายค่ารักษาเต็มจำนวนทันทีสำหรับการผ่าตัด แต่นอกจากค่ารักษาแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือเซลล์สมองของต้าเกินได้รับความเสียหาย จนเขาอาจต้องกลายเป็นสภาพผัก นอกจากนั้น ยังมีอาการติดยาเสพติดอย่างหนักอีกด้วย

(note: สภาพผัก Vegetative State เป็นชื่อทางการแพทย์ของอาการ เจ้าหญิง/เจ้าชายนิทรา สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากอากู๋นะครับ)

“ไปเถอะ”

เย่เฟิงโบกมือบอกลาให้กับชายแว่นดำและคนอื่นๆ พวกเขาต่างแยกย้ายด้วยไปด้วยท่าทีโล่งใจ

ตามปกติ หากเจอคนเรื่องเยอะแบบหญิงวัยกลางคนผู้นี้ พวกเขาคงตบเธอให้กระเด็นไปนานแล้ว แต่เพราะเย่เฟิง พวกเขาจึงไม่กล้าลงมืออะไร และได้แต่อดทนอยู่เป็นเวลานาน จนเกือบจะอกแตกตายอยู่รอมร่อ

“นี่ คิดจะหนีไปแบบนี้หรือไง ฉันบอกให้จ่ายค่าเสียหายมา ได้ยินไหม! ฉันบอกให้……”

แม่ของต้าเกินรีบเรียกพวกเขาให้หยุด

“ผมขอเตือนคุณนะ!”

เมื่อเย่เฟิงเห็นหญิงวัยกลางคนไม่ยอมหยุดง่ายๆ เขาจึงหันหลังกลับแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “คุณควรหัดเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองบ้าง อย่าได้คืบจะเอาศอก อย่าพลักความโชคดีออกไปจากตัว แล้วอย่าเรื่องเยอะให้มันมากนัก ไม่อย่างนั้น สุดท้ายชีวิตของคุณจะมีแต่เรื่องน่าเศร้าที่รออยู่”

ความจริง แก๊งอสรพิษสวรรค์ถือว่าได้ชดใช้พอแล้ว พวกเขาได้ละเว้นหนี้สามแสนของต้าเกิน และช่วยซูเหมิงหานจ่ายค่ารักษาส่วนที่เหลือ หญิงวัยกลางคนคนนี้ยังกล้าเรียกร้องมากกว่านี้อีกหรือไง?

คำพูดที่รุนแรงของเย่เฟิง ทิ้งให้แม่ของต้าเกินต้องหวาดกลัวจนตัวสั่น และไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

ซูเหมิงหานที่เห็นดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน ความจริงเธอก็คิดแบบเดียวกับชายหนุ่มเรื่องขอเรียกร้องของป้าเธอที่มากเกินไป แต่เธอไม่กล้าพูดออกมาแบบเดียวกับเขา

“ที่ญาติของเธอต้องกลายเป็นคนติดยา มันอาจจะไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมด บางทีเขาอาจมีเหตุผลส่วนตัวก็ได้”

เย่เฟิงพูดขณะจ้องมองด้วยสายตาเยียบเย็นไปยังพ่อแม่ของต้าเกิน จากนั้นจึงจูงมือซูเหมิงหานกลับไป

แม่ของต้าเกินมองหลังของพวกเขาที่เดินจากไปแล้วยังไม่สำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำ เธอหันไปหาสามีแล้วตะโกนเสียงดัง “ดูหลานสาวของคุณสิ เธอไม่เข้าใจสายสัมพันธ์ของตระกูลคุณรึไง?”

“ใครที่ไม่เข้าใจกันแน่?”

แม้แต่พ่อของต้าเกินก็ทนดูต่อไปไม่ได้ คนพวกนั้นมีความสัมพันธ์กับพวกเรางั้นหรือ? แม้แต่พี่น้องร่วมสายเลือดยังไม่เต็มใจช่วยเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ หลานสาวของเขากลับช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลกว่าสองแสน นี่ก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว

“เธอยังคงพูดจาว่าร้ายพวกเขา ทั้งๆที่พวกเขาช่วยเรา เธอมันไม่มีหัวคิดบ้างเลยหรือไง!”

ทันใดนั้นหญิงวัยกลางคนก็ร้องออกมาทันที “คุณดูต้าเกินของพวกเราสิ พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปถ้าเขาต้องนอนเป็นผักอยู่บนเตียง…….หรือต่อให้รักษาหาย เราจะทำอย่างไรกับอาการติดยาของเขา……?”

พ่อของต้าเกินยังคงเงียบ เขามองไปที่ภรรยา และคิดว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริง แล้วคำโวยวายของเธอมันช่วยให้อะไรดีขึ้นหรือไง?

……………

เย่เฟิงและซูเหมิงหานกุมมือกันมาตลอดทางจนถึงทางออกของโรงพยาบาล เวลานี้ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย แล้วพยายามคิดว่าทำไมเขาถึงต้องจับมือเธอไว้อย่างนี้ มันมีความหมายอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่านะ?

หากเป็นก่อนหน้านี้ เธอคงแสดงท่าทีไม่พอใจออกไปแล้ว แต่หลังจากมาที่หลางฝางและพบเจอกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากมาย เธอค่อยๆเริ่มยอมรับเย่เฟิงเข้ามาในหัวใจเธอแล้ว

“เย่เฟิง หยุดเดี๋ยวนี้!”

แต่เมื่อพวกเขาเดินมาถึงทางออกของโรงพยาบาล สาวสวยคนหนึ่งก็พลันปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทั้งสอง เธอหอบหายใจด้วยความเหนื่อยแต่สุดท้ายก็วิ่งไล่ตามเขาทัน เธอคือหลงหวางเอ๋อนั้นเอง!

…………………..

ผู้แปล : Solar Spark