บทที่ 32 ไล่ล่า
หลงหวางเอ๋อวิ่งไม่หยุดมาตลอดทาง เมื่อออกมานอกกระท่อม เธอเห็นดาบในมือของดาบหมาป่าแตกออกเป็นสองเสี่ยงพร้อมด้วยเสียง “ปัง” ที่ตามมา ในแทบจะทันที ชิ้นส่วนของดาบล่วงหล่นลงพื้นพร้อมกับศพที่ไร้หัวที่ทอดร่างลงไป เวลานี้ทั่วทั้งลานล้วนเปียกชุมไปด้วยโลหิตสดๆ
ขณะเดียวกันชายสวมหน้ากากหรือเย่เฟิง ได้หลบหนีออกจากลานตรงนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เร็วเข้า”
ขวานวายุเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวเมื่อคิดว่าหากเป้าหมายของชายสวมหน้ากากไม่ใช้ดาบหมาป่าแต่เป็นเขา หากเป็นเช่นนั้น ร่างไร้หัวที่นอนอยู่นั่นคงจะเป็นตัวเขาแทนแล้ว
ชายคนนั้นสังหารดาบหมาป่าในดาบเดียว
“พวกนายจัดการเขาด้วย ฉันจะไล่ตามเจ้านั่นไปเอง”
หลงหวางเอ๋อกัดฟันกรอด เธอของคนสั่งกับคนตระกูลมังกร และในชั่วพริบตา ร่างอันงดงามของเธอได้ทะยานราวกับโบยบินออกจากลานแห่งนี้ และโลดแล่นไล่ตามเย่เฟิงไป
แต่ในระหว่างนี้ เธอสงสัยว่าชายสวมหน้ากากคนนั้นอาจไม่ใช่เย่เฟิงที่เธอเคยพบเจอในโรงแรมคราวนั้น พิจารณาได้จาก เย่เฟิงเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาที่ถูกตำรวจจับกุมอย่างง่ายดาย แต่ชายสวมหน้ากากคนนี้กลับใช้ดาบได้อย่างชำนาญและสังหารยอดฝีมือดาบอย่างดาบหมาป่าที่มีวรยุทธ์ระดับ 5 ปีได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เขามีพรสวรรค์อย่างไร มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนาฝีมือได้รวดเร็วปานนี้
หลงหวางเอ๋อต้องนำตัวชายสวมหน้ากากที่สังหารคนในงานมาสอบสวนให้ได้ ไม่เช่นนั้น ตระกูลมังกรจะไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงเอาหรอกรึ?
เมื่อบรรดาผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ของตระกูลมังกรออกมาข้างนอก พวกเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกเมื่อเห็นศพไร้หัวของดาบหมาป่า แต่อย่างแรก พวกเขาต้องทำให้แน่ใจก่อนว่าศพๆนี้จะไม่ถูกตรวจพบโดยตำรวจ และอย่างที่สอง พวกเขาต้องจับตัวฆาตกรมาสอบสวนให้ได้
ทั่วร่างของขวานวายุตอนนี้ยังคงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาไม่เคยพบประสบการณ์เฉียดตายแบบนี้มาก่อน และเมื่อสติเขากลับคืนมา เขาพบว่าตัวเองนั่งอยู่ในห้องเล็กห้องหนึ่ง และมีกลุ่มคนของตระกูลมังกรมากมายยืนอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ พวกเขาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ขวานวายุไม่กล้าพูดปด เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทุกสิ่งอย่างรีบร้อน “ก่อนหน้านี้ที่ห้องโถง พวกเรารวมหัวกันแบล๊กเมย์ชายสวมหน้ากาก จากนั้น เมื่อเขาออกมาจากห้อง เขาได้ใช้ดาบสังหารน้องชายของผม……..”
“เขาใช้แค่ดาบในการลงมือใช่ไหม?”
มีใครบางคนถามขึ้นมา
“ใช่ครับ ดาบสีแดง”
ขวานวายุพยักหน้า
“ดาบของชายสวมหน้ากากสามารถตัดดาบยาวของดาบหมาป่าออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย ดูเหมือนว่าดาบเล่มนั้นจะเป็นอาวุธสวรรค์ที่ถือว่าหาได้ยากในปัจจุบัน”
มีบางคนถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินข้อสันนิษฐานนั้น
“ผมรู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร”
ทันใดนั้น ประตูของห้องพลันถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่เดินเข้ามา เขาพูดด้วยถ่อยคำหนักแน่น “ชายคนนั้นชื่อ‘โม่จิ่ว’และเขาได้รับบัตรเชิญจากหวงเหล่า……”
“หวงเหล่า?”
กลุ่มคนตระกูลมังกรต่างหันไปจ้องมองกันเองอย่างมึนงง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากในการรับมือกับชายชราคนนั้น
………
อีกด้านหนึ่ง ยาผสมที่เย่เฟิงกลืนลงไปก่อนหน้านี้ค่อยๆเริ่มฟื้นฟูเจินฉีของเขา สาเหตุที่เขารีบใช้มันตั้งแต่อยู่ในห้องใต้ดินนั้น เพราะยาชนิดนี้ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งในการดูดซึมเข้าสู่เส้นลมปราณ
เย่เฟิงวิ่งไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดพัก เวลานี้เขาวิ่งมาไกลหลายกิโลเมตรจนในที่สุดก็มาถึงใจกลางเมืองหลางฝาง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่าผู้คนจอแจมากมายซึ่งง่ายต่อการหลบหนีโดยปะปนเข้าไปในฝูงชน นี่คือบทเรียนอย่างหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์หลายปีในโลกเดิมของเขา
ถึงอย่างไร หมู่บ้านแห่งนั้นตั้งอยู่ห่างจากที่นี่ถึง 34 กิโลเมตร จนกว่าจะถึงที่นั่น เย่เฟิงต้องมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกจับกุมจากผู้ไล่ล่าฝีมือร้ายกาจอย่างหลงหวางเอ๋อ
“ยัยผู้หญิงหน้าเหม็น ไม่คิดเลยว่าเธอจะไล่ตามมาได้เร็วขนาดนี้”
เย่เฟิงหันกลับไปมองและเห็นร่างบางของหลงหวางเอ๋อที่สวมกระโปรงยาวไล่ตามเขามาติดๆ หากเขาไม่มีทักษะย่างก้าวไร้เงาแล้วละก็ ต่อให้วิ่งสุดแรงเกิดก็คงไม่มีทางหนีเธอพ้นแน่
หลงหวางเอ๋อมีระดับวรยุทธ์อยู่ที่ 8 ปี เขาสามารถสัมผัสกลิ่นอายที่ทรงพลังได้รอบๆตัวหญิงสาวคนนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่เธอวิ่งตามมาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น ย่างก้าวของเธอไม่มีร่องรอยของเศษฝุ่นที่ฝุ้งกระจายออกมาเลยแม้แต่น้อย ร่างพุ่งตามมาอย่างรวดเร็วเหมือนดั่งสายลมที่แผ่วเบา และใกล้จะถึงตัวเขาในไม่ช้า
“เย่เฟิง หยุดเดี๋ยวนี้!”
เย่เฟิงได้ยินเสียงที่ไพเราะของเธอย่างชัดเจน
“หญิงสาวตระกูลมังกร ผมไม่ใช่เย่เฟิง”
เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก แน่นอนว่าเขาพยายามจะปกปิดตัวตนที่แท้จริงจากเธอ
“หึ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร การกระทำคุณมันแสดงให้เห็นถึงความเลือดเย็น คุณคือศัตรูตัวร้ายของโลกยุทธภพ!”
หลงหวางเอ๋อส่งเสียงฮึดฮัดทางจมูก เธอใกล้จะจับตัวเขาได้แล้ว
เมื่อได้ยินถ้อยคำของเธอ เขาก็คิดอย่างดูถูกในใจ การกระทำของเขาถือว่าเลือดเย็นงั้นหรือ? หึ ในโลกเทวะ การสังหารใครสักคน หรือแม้แต่การฆ่าล้างทั้งตระกูลก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งกว่านั้นในสถานการณ์ปัจจุบัน เขาเป็นฝ่ายที่ถูกคนพวกนั้นคุกคามก่อน หากสิ่งที่เขาทำถือว่าเลือดเย็น ก็ช่างมารดามันเถอะ
และหากเขาไม่สังหารดาบหมาป่าด้วยวิธีนี้ คู่หูเจียงซูคงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ และเขาคงถูกตระกูลมังกรจับตัวได้ในที่สุด
เขาเป็นพวกไม่ชอบความรู้สึกเวลาถูกใครจับตัวไว้เสียด้วยสิ
“ตอนนี้ ระดับวรยุทธ์ของเรายังต่ำเกินไป ในระหว่างนี้ เราควรมีเรื่องกับคนของยุทธภพให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และรีบมองหาสมบัติสวรรค์มาเลื่อนระดับวรยุทธ์ให้เร็วที่สุด……….”
ในการสังหารดาบหมาป่า เขาได้ใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงารวมทั้งแหวนดาบมังกรโบราณ เจินฉีที่ถูกใช้ไปนับว่ามหาศาล และตอนนี้ เขาเริ่มรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยที่เส้นลมปราณของขาทั้งสองข้าง ภายใต้ระดับวรยุทธ์ของเขาในปัจจุบัน ถือว่าไม่ง่ายเลยที่จะใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงาอีกครั้ง
หากตอนนี้เขามีวรยุทธ์ระดับ 5 ปี เขาคงใช้ย่างก้าวไร้เงาหลายต่อหลายครั้ง และสามารถหลบหนีหญิงสาวคนนี้ไปอย่างง่ายดายแล้ว
เวลานี้มีความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว เย่เฟิงเริ่มกวาดตามองหาตรอกซอยแคบๆที่อยู่ในรัศมีรอบๆตัวเพื่อใช้หลบหนีจากหลงหวางเอ๋อ หญิงสาวคนนี้อยู่ห่างจากเขาเพียง 10 เมตร และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะไม่มีทางหลบหนีไปจากเธอได้เลย
เวลานี้ ยาผสมสองสามเม็ดที่เขาได้กลืนลงไป ช่วยฟื้นฟูเจินฉีอย่างน้อยครึ่งหนึ่งแล้ว พลังกายได้สูบฉีดไปทั่วร่างของเย่เฟิง และทันใดนั้น เขาชะงักฝีเท้าพร้อมกับหันหลังกลับแล้วปล่อยหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว
หลงหวางเอ๋อที่วิ่งตามหลังเขามาติดๆ เมื่อเธอเข้าใกล้เย่เฟิง ก็รับรู้ได้ถึงการจู่โจมที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน การโจมตีนี้ทำให้หญิงสาวตื่นตระลึงไปชั่วครู่ และก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร หมัดของเย่เฟิงได้พุ่งตรงมายังเบื้องหน้าของเธอในเสี้ยววินาที
ในขณะเดียวกัน เย่เฟิงได้ควบแน่นเจินฉีในแหวนดาบมังกรโบราณ เขาคิดว่าหญิงสาวสามารถหลบหมัดที่เขาปล่อยออกมาได้อย่างแน่นอน ดังนั้น เขาจึงตั้งใจจะจู่โจมด้วยหมัดและคมดาบพร้อมกัน และทันใดนั้นก็เกิดประกายแสงสีแดงพร้อมกับดาบเล่มแดงที่โผล่ออกมาจากแหวน
จงฉีกกระชาก!
แน่นอนว่าวรยุทธ์ระดับ 8 ปี ของหลงหวางเอ๋อไม่ได้มีไว้แค่โชว์ แม้อยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน เธอก็สามารถใช้สัญชาตญาณหลบหลีกอันตรายพุ่งที่เข้ามาได้อย่างเฉียดฉิว
ถึงอย่างนั้น หลังจากที่เกิดประกายแสงของดาบเล่มแดง เสื้อตัวบางของเธอบริเวณหน้าอกก็พลันถูกกรีดออก เผยให้เห็นทรวงอกอันเปลือยเปล่าที่ขาวเนียนดังหิมะ โผล่ออกมาต่อหน้าต่อตาเย่เฟิง
ทันใดนั้น หลงหวางเอ๋อก็รับรู้ได้ถึงบางอย่าง เธอร้องออกมาด้วยความโกรธ “แกตาย!”
หญิงสาวรีบใช้มือข้างหนึ่งมาปกปิดหน้าอกคู่สวยของเธอ ขณะจ้องเขม็งไปยังเย่เฟิง ในเวลาเดียวกัน เธอกวาดขาแล้วเตะเข้าใส่เขา
เย่เฟิงคิดว่าในเมื่อเขาก็เคยจับหน้าอกคู่นั้นมาแล้ว แค่เห็นนิดเห็นหน่อยจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร?
เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าการจู่โจมของเขาไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ ปฏิกิริยาและทักษะของเธอ รวดเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก
เมื่อเห็นลูกเตะของเธอที่ใกล้เข้ามา เย่เฟิงกลิ้งตัวหลบเรียวขาสวย แล้วควบแน่นเจินฉีเข้าไปในแหวนอีกครั้งเพื่อเรียกดาบเล่มแดงออกมาถือค้างไว้
แต่หญิงสาวมองเห็นอาวุธในมือของเย่เฟิงชัดเจน เธอจึงถอยฉากหลบไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว
ในชีวิตของหลงหวางเอ๋อ เธอไม่เคยพบเจอใครแปรเปลี่ยนพลังฉีเป็นอาวุธสวรรค์ได้อย่างเชี่ยวชาญเหมือนชายสวมหน้ากากคนนี้มาก่อน สำหรับโลกยุทธภพแล้ว ความสามารถระดับนี้เหมือนกับการขัดต่อกฎสวรรค์ แม้แต่ผู้อาวุโสที่มีวรยุทธ์ระดับหลายทศวรรษก็ไม่อาจควบคุมพลังฉีเหมือนชายคนนี้ได้
เย่เฟิงยังถือว่าอยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบ เขาแกว่งดาบกรีดกรายไปมาทางแนวขวางอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าการฟันดาบของเขาจะไร้รูปแบบ แต่หญิงสาวก็รับมือการโจมตีอย่างระมัดระวัง ถึงอย่างนั้น ดาบของเย่เฟิงก็ยังกรีดผ่านกระโปรงช่วงล่างของเธอโดยบังเอิญ เผยให้เห็นเรียวขาคู่สวยที่ดึงดูดสายตาของเขาไว้อย่างไม่ตั้งใจ
หลงหวางเอ๋อหอบหายใจอย่างหนักหน่วงด้วยความเกรี้ยวกราด เวลานี้ หญิงสาวพยายามปกปิดผิวขาวดั่งหิมะของเธอไว้ จึงทำให้ไม่สามารถต่อสู้อย่างเต็มที่ได้
และเพียงไม่นาน ก็ปรากฏรอยขาดวิ่นอีกมากมายบนเสื้อผ้าของหญิงสาว เผยผิวขาวเนียนที่มองเห็นได้จากทั่วสารทิศ ผิวของเธอช่างน่าดึงดูดใจ ขณะที่อีกด้าน เจินฉีของเย่เฟิงก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว และดาบเล่มแดงในมือเขาพลันอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เอาละ มาดูกันว่าที่นี่เธอจะไล่ตามฉันได้อีกไหม”
เย่เฟิงส่งยิ้มให้หญิงสาว แล้วจึงเริ่มวิ่งหนีจากไปอีกครั้งหนึ่ง
……………………….
ผู้แปล : Mediate
ปรับสำนวน : Solar Spark
Solar Spark: แหม่ๆ พอเป็นชะนีนี่ฟันแต่เสื้อผ้าเลยนะเย่เฟิง
