บทที่ 31 คมดาบที่รุนแรงและรวดเร็ว

ตามที่เย่เฟิงรู้มาในโลกเดิมของเขา ความแข็งแกร่งคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หากยังมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ เขาก็ไม่อยากคิดถึงเรื่องผู้หญิงมากนัก

ไม่เช่นนั้นจะเป็นเหมือนกับชายหนุ่มผิวดำคนนี้ที่จะต้องหน้าแตกในอีกไม่ช้า

“ไม่ต้องมาเรียกร้องความสนใจจากฉันด้วยวิธีนี้”

หลงหวางเอ๋อก้าวเดินไปหาชายคนนั้นขณะยิ้มมุมปากแล้วกล่าวต่อไปว่า “หลงหวางเอ๋อคนนี้ ไม่สนใจผู้ชายคนไหนที่อ่อนแอกว่า!”

เมื่อชายผิวดำได้ยิ้นพูดของเธอ สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปทันที

เหมือนดั่งที่หลงหวางเอ๋อพูด ความจริงแล้วเขาตั้งใจก่อความวุ่นวายเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อที่จะเรียกร้องความสนใจของเธอ แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะถูกเธอมองออกง่ายขนาดนี้

“เพียงแค่คุณพูดจายั่วยุฉัน นั้นไม่ได้แปลว่าคุณจะเอาชนะใจฉันได้”

หลงหวางเอ๋อยิ้มอ่อน “ฉันได้ยินมาว่าทักษะมวยของนิกายหมัดเทวะหาที่เปรียบได้ยาก ขอให้ฉันได้ทดสอบดูหน่อยเป็นอย่างไร?”

เมื่อเธอพูดจบ ทุกๆคนต่างเห็นร่างบางของเธอหมุนตัวครั้งหนึ่ง และทันใดนั้นเรียวขาของเธอกวาดเข้าใส่ร่างผิวดำอย่างรวดเร็ว!

ชายคนนั้นถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นการจู่โจมที่รวดเร็วของเธอ ถึงอย่างนั้น เขารีบตั้งท่าแล้วรวบรวมพลังฉีในร่างไว้ที่กำปั้น เขาตั้งใจจะใช้มวยจีนในการป้องกันลูกเตะของเธอ

แต่ก่อนที่ชายคนนี้จะได้ปล่อยหมัดออกไป ลูกเตะอันรุนแรงของหลงหวางเอ๋อกวาดเข้ามาที่ใบหน้าเขา และเธอได้ใช้ขาอีกข้างเตะเข้าใส่ขาทั้งสองข้างของเขา ส่งผลให้ร่างของชายผิวดำเสียการทรงตัวแล้วล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

เย่เฟิงมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นจากด้านหนึ่ง เขารู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกเมื่อนึกถึงเรื่องหลายวันก่อนในโรงแรมที่เขาถูกหลงหวางเอ๋อคนนี้เตะเข้าใส่ในแบบเดียวกับที่เธอเตะใส่ชายผิวดำ

หลงหวางเอ๋อกลับมายืนในท่าเดิมอย่างสวยงาม กระโปรงยาวของเธอเปิดขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียนซึ่งทำให้ผู้ชายหลายคนที่ยืนอยู่โดยรอบจ้องมองอย่างไม่กระพริบตา

วรยุทธ์ระดับ 8 ปี

ในเวลานี้ เพียงแค่เห็นการโจมตีของเธอ เย่เฟิงก็สามารถประเมิณระดับวรยุทธ์ของหลงหวางเอ๋อคนนี้ได้ ความแข็งแกร่งของเธอทำให้เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย ท่วงท่าที่สง่างาม ความรวดเร็ว และความคล่องตัวที่น่าทึ่งนั้น นี่คือทักษะวรยุทธ์งั้นหรือ?

เวลานี้เย่เฟิงค่อนข้างลังเล

เหตุผลหลักสองข้อที่ดึงดูดให้เขาเดินทางมายังงานจัดแสดงสินค้าที่นี่คือ เรื่องแรก เขาอยากรู้ข้อมูลต่างๆของยุทธภพในโลกใบนี้เพื่อเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ อีกเรื่องคือ เขาต้องการมองหาอะไรก็ได้ที่จะช่วยพัฒนาระดับวรยุทธ์ของเขาให้สูงขึ้น แต่โชคไม่ดีที่เขาไม่เจอสิ่งใดที่น่าสนใจเลยจนถึงปัจจุบัน

และเขาคงจะสามารถขายยาผสมได้อย่างไม่ลังเลหากหลงหวางเอ๋อไม่อยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาต้องรีบกลับแล้ว ไม่ฉะนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่หากเธอเกิดจำเขาได้ขึ้นมา

เมื่อเย่เฟิงครุ่นคิดอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยอมแพ้เรื่องการขายยาผสม เวลานี้ความปลอดภัยของเขาสำคัญกว่าเรื่องเงินมากนัก

“ตระกูลมังกรของเราเป็นเจ้าภาพจัดงานจัดแสดงสินค้านี้ขึ้น ดังนั้นดิฉันขอให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านกรุณารักษากติกามารยาท และไม่สร้างปัญหาให้แก่พวกเรา”

หลงหวางเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้มหวานแล้วมองไปรอบๆ ทันใดนั้นเธอก็พบกับชายสวมหน้ากากที่ดูแปลกตาคนหนึ่ง เธอหยุดคิดเล็กน้อย บางทีเขาอาจจะไม่ยากให้ใครรู้ตัวตนที่แท้จริงก็เป็นได้

ในเวลาเดียวกัน เย่เฟิงก็รับรู้ถึงสายตาของเธอที่หันมองมา

หลงหวางเอ๋อและศิษย์ตระกูลมังกรเริ่มเดินตรวจความเรียบร้อยภายในงาน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาใดๆอีก ในเวลาเดียวกัน ชายร่างผอมอัปลักษณ์และคู่หูเจียงซูกำลังเดินออกจากงาน แต่ก่อนที่จะเดินออกไป พวกมันจ้องมองมายังเย่เฟิงด้วยเจตนามุ่งร้าย

เย่เฟิงเปล่งเสียงทางจมูกในใจ คิดจะดักรุมฉันนอกงานงั้นหรือ? หึ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก

จากนั้นเย่เฟิงได้เดินดูของที่เหลือในงาน

ภายในงานจัดแสดงสินค้า สิ่งของส่วนใหญ่ที่ขายมักทำมาจากวัสดุจำพวกแร่หยกเข้มข้น ตลอดจนยาผสมต่างๆ นอกจากใบมีดสีดำที่แตกหักของหวงเหล่าแล้ว ของส่วนใหญ่จะขายในราคาประมาณหนึ่งหมื่นถึงหนึ่งแสน อาจมีสมุนไพรชั้นเยี่ยมบางตัวที่ใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บ แต่กลับมีราคาสูงถึง 3 ล้าน

นอกจากผู้ฝึกวรยุทธ์ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนอย่างหวงเหล่าแล้ว คนอื่นที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ รวมทั้งคนธรรมดาที่รู้ความลับเกี่ยวกับโลกยุทธภพแบบชายร่างผอมอัปลักษณ์

เย่เฟิงมองไปยังหวงเหล่าและเห็นเขาเดินอยู่กับหลงหวางเอ๋อขณะพูดคุยกันถึงเรื่องบางเรื่อง เขาอดจะส่ายหัวไม่ได้ เพราะตอนแรกเขาตั้งใจจะใช้ยาผสมของเขาดึงดูดความสนใจและทำความรู้จักกับหวงเหล่า เผื่อว่าในอนาคต เย่เฟิงจะได้มีคนรู้จักที่มีอิทธิพลช่วยจัดการกับคนแบบคู่หูเจียงซู หรือใครก็ตามที่สร้างปัญหาให้เขาในโลกยุทธภพนี้

แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไป ขณะที่เขาเดินวนเวียนไปทั่วงานนี้ เขาได้สอบถามผู้คนเกี่ยวกับเรื่องของคู่หูเจียงซู และพบว่าพวกมันมีวรยุทธ์เพียงระดับ 5 ปี ดังนั้นแม้ไม่มีหวงเหล่า เขาก็สามารถจัดการพวกมันได้ไม่ยาก

ดูเหมือนว่าพวกมันทั้งคู่จะสร้างวีรกรรมไว้เยอะพอสมควร ผู้คนทั้งหลายล้วนแสดงความตื่นกลัวออกมาเมื่อได้ยินชื่อของพวกมัน คู่หูเจียงซูสังหารผู้คนมาหลายสิบชีวิต พวกมันปล้นชิงทุกอย่างของเหยื่อ และไม่มีใครรู้ว่าพวกมันขืนใจเด็กสาวไปมากเท่าไหร่แล้ว หากได้ปะทะกันเมื่อไหร่ เย่เฟิงไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะลบเจ้าสัตว์นรกพวกนี้ออกจากโลกยุทธภพไป

แต่เมื่อเย่เฟิงตั้งใจจะกลับออกจากงาน ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วพบว่าเป็นสายจากซูเหมิงหาน นี่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะรับสาย “ว่าไง?”

“เย่เฟิง! เย่เฟิง นายอยู่ที่ไหน รีบมาที่โรงพยาบาลเร็วเข้า พวกเขา……..”

เสียงใสของซูเหมิงหานพูดอย่างเร่งรีบแล้วจึงวางสายไป ดูเหมือนว่าที่นั่นจะเกิดเรื่องฉุกเฉินเข้าแล้ว

ไม่ดีแล้ว!

เย่เฟิงไม่คิดว่าเธอจะวางหูโทรศัพท์ไปแบบนี้ เขารีบวิ่งไปยังประตูทางออกทันที เขาไม่ได้กังวลมากนักกับเรื่องซูเหมิงหาน แต่สิ่งที่เขากังวลจริงๆคือเสียงของเธอที่เรียกชื่อเขาอย่างดังในโทรศัพท์

ในขณะเดียวกัน หวงเหล่าและหลงหวางเอ๋อที่กำลังพูดคุยกัน เมื่อพวกเขาได้คำสองคำว่า “เย่เฟิง” พวกเขารีบหันไปเห็นชายสวมหน้ากากกำลังรีบวิ่งออกจากห้องนี้ไปอย่างรีบร้อน

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

สีหน้าของหลงหวางเอ๋อเปลี่ยนไปทันที

จากรายงานของผู้กำกับหลิว เธอรู้ว่าชายที่ขโมยหญ้าใบทองไปจากเธอมีชื่อว่า‘เย่เฟิง’ และถึงแม้ว่าเธอจะสัญญากับชายแก่คนนั้นว่าจะไม่ไล่ตามเขาอีก แต่นั้นก็มีเงื่อนไขของมันอยู่!

เวลานี้ เย่เฟิงคิดว่าเธอไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆแน่

“หยุดเขาไว้!”

หลงหวางเอ๋อไล่ตามเย่เฟิงไปอย่างเร่งรีบ ชายรูปงามคนก่อนหน้านี้ก็รีบตามเธอไปเช่นกัน แต่ด้วยที่เขายังมีวรยุทธ์ไม่สูงและมีทักษะเสริมความเร็วที่ไม่ค่อยได้เรื่องสักเท่าไหร่ ไม่เพียงเขาไล่ตามหลงหวางเอ๋อไม่ทัน เขายังสะดุดจนเกือบล้ม ตอนนี้ เมื่อเหล่าศิษย์ตระกูลมังกรเห็นหลงหวางเอ๋อวิ่งไล่ชายสวมหน้ากาก พวกเขาจึงรีบวิ่งตามไปเช่นกัน

ในห้องๆนี้ มีคนหลายร้อยได้แต่ยืนจ้องมองความปั่นปวนที่อยู่ๆก็เกิดขึ้น พวกเขามึนงงและพยายามคาดเดาตัวตนของชายสวมหน้ากากที่ทำให้หลงหวางเอ๋อต้องร้อนใจขนาดนี้

หวงเหล่าขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายเขาก็นั่งลงแล้วหลับตาเหมือนกับไม่สนใจอะไรในสิ่งที่เกิดขึ้น

อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มท่าทางฉลาดเฉลียวซึ่งมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขารู้สึกดีใจที่ไม่ยอมให้ชายสวมหน้ากากใช้แผงลอยของเขาในการขายยาผสม เพราะไม่งั้นมันอาจเป็นการล่วงเกินคนตระกูลมังกรก็เป็นได้ ทุกๆคนล้วนรู้ว่าโลกยุทธภพในวันนี้ การล่วงเกินตระกูลมังกรที่มีอำนาจและทรงอิทธิพลย่อมไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย!

………

เย่เฟิงวิ่งตามทางเดินของห้องอย่างเร่งรีบ เขาคอยระมัดระวังตัวเสมอเพราะรู้ว่าคู่หูเจียงซูต้องคอยดักรออยู่ข้างนอกแน่ๆ

เขากระชับแหวนดาบมังกรโบราณที่นิ้วไว้อย่างแน่นหนา แล้วนำยาผสมหลายชิ้นในกระเป๋าโยนเข้าปาก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

ทันทีที่เขาวิ่งออกมาจากกระท่อม เขาเห็นร่างของคนสองคนยืนอยู่ข้างหน้า คนหนึ่งนั้นกำขวานคู่ไว้ในมือทั้งสองข้างซึ่งรู้จักกันในชื่อขวานวายุ ส่วนอีกคนถือดาบเล่มหนึ่งไว้ในมือและรู้จักกันในชื่อดาบหมาป่า พวกมันทั้งคู่คือคู่หูเจียงซู แต่ถึงอย่างไร พวกมันไม่รู้ว่าชายสวมหน้ากากคนนี้คือเย่เฟิง และไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังโดนไล่ล่าจากหลงหวางเอ๋อ ดังนั้นพวกมันจึงไม่ให้ความสนใจเขามากนัก แต่ก็ยังคงแสดงท่าทางโหดเหี้ยม จนแค่มองดูก็รู้ว่าพวกมันคือพวกคนชั่วที่สังหารผู้คนมาแล้วมากมาย

“ไอ้หนุ่ม ส่งเงินของแกมา แล้วยกมือไว้บนหัว ไม่งั้นแกจะไม่มีทางได้ออกจากที่นี่!”

ขวานวายุพยายามจะขู่เย่เฟิงให้มอบเงินมา แล้วพูดเป็นนัยว่าหากคิดจะมีเรื่องกับพวกมันละก็ เขาจะต้องพบจุดจบที่น่าอนาถ

แต่เย่เฟิงไม่สนใจพวกมันแม้แต่น้อย เพราะรู้ว่าตอนนี้กำลังมีกลุ่มคนที่นำโดยหลงหวางเอ๋อไล่ตามเขามา

‘คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ’

เพราะเขาไม่ต้องการให้คนพวกนั้นไล่ตามทัน เวลานี้เขาจึงเหลือเพียงทางเลือกเดียว…..

ฉับพลัน เย่เฟิงตัดสินใจควบแน่นเจินฉีไว้ที่เท้าและแหวนดาบมังกรโบราณ เวลานี้เขาใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงาเพื่อทิ้งภาพติดตาไว้ด้านหลัง และในเวลาเดียวกัน ประกายดาบโบราณสีแดงก็ฉายวาบออกมาจากแหวนที่นิ้ว

ประกายแสงสีแดงทำให้ขวานวายุรู้สึกขวัญหาย ใจของเขาเต้นรัวขณะรีบหันไปมองสหายของเขาที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาเห็นหัวของดาบหมาป่า คนที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี ถูกตัดออกไปพร้อมกับเลือดสดๆที่กระฉูดออกมาจากร่างไร้หัวและกระจายไปทั่วทุกที่

มันคือการจู่โจมอันรวดเร็วและรุนแรงของเย่เฟิง!

………………………

แปลโดย : Solar Spark