บทที่ 32: เกาะกลาง (5)

 

 

ฮันซูยักไหล่ให้กับสายตาที่จับจ้องมายังเขา

แน่นอนว่าเขาไม่มีความคิดที่จะขึ้นไป

นี่เป็นเพียงแค่การข่มขู่เท่านั้น

เมื่อเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงเพราะต้องการล่ารูนเพิ่มอีกเล็กน้อย

และเพราะแบบนั้น เขาจึงไม่อาจยอมให้ผลึกที่จะออกมานับแต่บัดนี้แก่ผู้อื่นได้

“ลอร์ดควรจะมาคุยกับฉันหน่อย”

ทั้งสิบสองมีสีหน้าขมขื่นขณะที่เดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม ทั้งหมดหายไปจากสายตาของทุกคนขณะที่คนอื่นๆ กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่

“ชิ ฉันไม่มั่นใจว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดี”

กั๊กแตพึมพำอยู่คนเดียวหลังจากที่การประชุมจบลง

ข้อเสนอของฮันซูนั้นง่ายดายนัก

<ฉันจะจัดการปีศาจและผลึกทั้งหมดนับตั้งแต่บัดนี้>

‘เขาเป็นกรณีที่พิเศษมากจริงๆ’

กั๊กแตรู้ว่าหมอนั่นสามารถที่จะจัดการหน้าที่ทั้งหมดรวมทั้งการป้องกัน และเดินทางเกือบจะเป็นตัวคนเดียว

เมื่อไม่มีใครสามารถหยุดหมอนั่นได้ถ้าหมอนั่นทำแบบนั้น

มันจะจบแค่นั้นถ้าหมอนั่นตัดสินใจที่จะไม่กำจัดผีดิบและล่าอยู่ในดันเจี้ยนใต้ดินอย่างต่อเนื่อง และกลับมาเพื่อตัดหัวของปีศาจตอนที่ทุกคนยุ่งวุ่นวายอยู่กับการต่อสู้กับมัน

เมื่อโอกาสที่จะมีคนขัดขวางหมอนั่นได้หากเขาต้องการที่จะโจมตีเป็นคนสุดท้ายได้ยังคงเป็นคำถามอยู่

ใครกันที่จะขัดขวางหมอนั่นที่มีพลังและหายตัวได้แบบนั้น

แต่ฮันซูไม่ทำแบบนั้น

<ถ้าเป็นแบบนั้น กฎก็จะพังทลาย อย่ากังวล ฉันจะไม่ละเลยการป้องกันเหมือนกัน>

‘… เขาคิดอะไรอยู่? อะไรกัน?’

กล่าวโดยสรุป มันหมายความว่าหมอนั่นจะรับความเสี่ยงของปีศาจด้วยตนเอง

ถ้านับรวมถึงความแข็งแกร่งของปีศาจ มันก็หมายความว่าฮันซูรับภาระหนักอยู่คนเดียว แม้ว่าจะคำนวณรวมไปถึงผลประโยชน์จากผลึกแล้วด้วยก็ตาม

จากการกระทำของหมอนั่น มันดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นคนใจร้อนเพราะเขาไม่อาจช่วยเหลือใครบางคนไว้ได้

แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรแย่เกี่ยวกับมันก็ตาม

‘ปีศาจ… มันแปลกประหลาด’

มันมีข้อมูลไม่เพียงพอเพราะมันเพิ่งจะออกมาแค่ตัวเดียวเท่านั้น

เขาไม่รู้ว่าหากพวกมันต่างใช้สกิลที่คล้ายคลึงกัน หรือว่าตัวที่แข็งแกร่งกว่าจะออกมาหลังจากนี้

เมื่อปัญหาไม่ใช่ความแข็งแกร่ง แต่เป็นข้อได้เปรียบของพวกมัน

มันไม่ได้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่อาจเอาชนะฮันซูได้ถ้าหากทุกคนในกิลด์พุ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกัน

แต่ไอ้ตัวแบบนั้นมันมีข้อได้เปรียบที่น่าขยะแขยง

เหมือนกับการเล่นเป่ายิ้งฉุบ

มันก็ยากอยู่แล้วที่จะฆ่ามันเมื่อมันสามารถรับการโจมตีได้อย่างดี แต่มันกระทั่งมีการโจมตีแบบพื้นที่

มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อาจฆ่ามันได้หากพวกเขาใช้สกิลและลักษณะพิเศษ แต่อย่างน้อยนับสิบชีวิตต้องตายอย่างแน่นอน

มันไม่ใช่จำนวนที่น้อยแม้จะเทียบกับคนทั้งหมด และหากมันเกิดขึ้นทุกครั้งที่ปีศาจออกมา พวกเขาทั้งหมดคงตาย

ดังนั้นแล้ว ข้อเสนอของฮันซูที่ชายหนุ่มจะจัดการปีศาจทั้งหมดเองจึงไม่เลว

และผลึกเองก็ไม่ได้ดึงดูดขนาดนั้นเช่นกัน

‘มันเป็นเพียงกับดัก’

มันไม่ได้ดึงดูดสำหรับเหล่าลอร์ดที่ต้องช่วยเหลือลูกกิลดิ์ของตัวเองให้มากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ว่าอาร์ติแฟคที่สามารถแลกได้จากการรวบรวมผลึกจะดี และแม้ว่าผลึกจะสามารถใช้ได้ในกรณีฉุกเฉินก็ตาม

และเหตุผลที่พวกเขาต้องการมันอย่างมากเพราะมันคงสร้างความตึงเครียดอย่างมากหากมันตกไปอยู่ในน้ำมือของผู้อื่น

ไม่มีใครรู้ว่าราชาที่ได้รับมันไปจะทำสิ่งบ้าคลั่งอะไรเพื่อความปลอดภัยของตนเองเมื่อทุกสิ่งอันตรายขึ้น

พวกเขาสามารถทำเพียงแค่หลบหนีหากการป้องกันล้มเหลว

‘มันดีกว่าที่จะเป็นแบบนี้’

ให้ตัวเขาเอาทุกอย่างไปเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้

ลอร์ดทุกคนแบ่งผลึกกัน

มันเป็นแผนที่ดี แต่มันไม่มีความหมายมากนัก

มันจะไม่มีประโยชน์มากเมื่อคิดถึงจำนวนลูกกิลดิ์ที่พวกเขาต้องเสียงไปเพื่อได้รับผลึกมา รวมทั้งมันยังทำให้ยากที่จะคาดประมาณความแข็งแกร่งของกันและกันอีกด้วย

และมันยังมีพวกที่ไม่มีกิลดิ์บางคนที่แข็งแกร่งไม่น้อย

คนพวกนี้ไม่ลังเลที่จะแทงพวกเขาจากด้านหลังระหว่างช่วงเวลาสำคัญในการแย่งชิงผลึก

เมื่อพวกเขาสามารถนำผลึกพวกนั้นไปและขึ้นไปได้เลย

ไม่ว่าจะเป็นทางใด มันจะดีที่สุดถ้าทั้งผลึกและปีศาจไม่ปรากฏขึ้น

การที่ฮันซูจะนำทุกอย่างไปไม่ได้แตกต่างจากกฎที่ว่าของที่ดรอปจากสัตว์อสูรที่ถูกล่าจะกลายเป็นของผู้ที่ล่าเท่าใดนัก

‘ถึงมันจะค่อนข้างน่าหงุดหงิดในการที่ไอ้หมอนั่นเอาผลึกทั้งหมดไป…’

เขาเองก็ได้ดูแคตตาล๊อคแล้วเช่นดัน

อาร์ติแฟคที่บ้าคลั่งและน่าเหลือเชื่อเรียงรายอยู่

แต่หากให้เขาเลือกระหว่างให้ของพวกนี้ตกอยู่ในมือของลอร์ดกับฮันซู เขาย่อมเลือกอย่างหลัง

<กลองแห่งเลมพัล>

‘มันไม่บ้าไปหน่อยเหรอ ของแบบนี้…’

ของที่สามารถแลกมาด้วยผลึก 15 ผลึก

พันธมิตรทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ภายในระยะ 300 เมตรจะมีค่าสถานะเพิ่มขึ้น 15% แม้จะเพียงแค่ถือมันไว้เฉยๆ

และหากตีกลอง ผลของมันจะยิ่งมากมายขึ้นไปอีก

ตีกลองหนึ่งครั้ง ความเร็วในการฟื้นฟูของคนที่ได้ยินจะเพิ่มขึ้น ตีกลองสองครั้งจะลดความเข้าใจลง 15% แต่เพิ่มพลังกายและความคล่องแคล่วขึ้น 25% และการตีกลองสามครั้งกระทั่งเพิ่มพลังป้องกันขึ้น

คุณไม่อาจใช้มันได้เป็นเวลา 5 วันเมื่อตีครบสามครั้ง แต่เมื่อคิดว่ากิลด์อื่นนอกจากกิลด์เขามีมัน มันก็กลายเป็นเรื่องน่าผวาแล้ว

และไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร ค่าของสิ่งนี้ก็ไม่อาจเทียบได้กับผลึกเพียงแค่ 15 ผลึก

เหตุผลเดียวที่มันถูกแลกได้ด้วยผลึก 15 ผลึกเท่าที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียว

มันคือราคาที่ดูเหมือนจะเป็นราคาจากการที่แต่ล่ะกิลด์ปะทะและเข่นฆ่ากัน

ถ้าราคาของมันอยู่ที่ 100 ผลึก เขาอาจยอมแพ้ แต่ 15 ผลึกนั้นเป้นราคาที่ยอมรับได้

และมันดูเหมือนว่าของทุกชิ้นในแคตตาล๊อคจะเป็นเช่นนี้

เขาไม่รู้ว่ามันเป็นความจงใจหรือไม่ แต่ของที่ใช้ได้เป็นกลุ่มนั้นทรงพลังกว่าของที่ใช้ได้เพียงคนเดียวมากนัก

ราวกับว่ามันกำลังพยามทำให้พวกเขาเข่นฆ่ากันเอง

‘ไอ้พวกเลวร้าย’

กั๊กแตเดาะลิ้นขณะที่เขาคิดถึงแฟรี่

จากนั้นซังฮูน หนึ่งในลูกกิลดิ์ที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ได้เอ่ยปากถามขึ้น

ผู้ที่ได้รับตำแหน่งองครักษ์ส่วนตัวเพราะเป็นเพื่อนของเขาและคนที่เขาเชื่อใจมากที่สุด

“งั้นเราควรยอมแพ้ในการสร้างกองกำลังพิเศษ?”

กั๊กแตส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

มันไม่มีกฎที่เอ่ยว่ากองกำลังพิเศษต้องใช้เพื่อต่อต้านปีศศาจเพียงอย่างเดียว

“เตรียมตัวพวกนั้นไว้ก่อน และ… มันอาจมีใครบางคนที่รู้จักฮันซูตั้งแต่บททดสอบแรก หาพวกเขาให้เจอไม่ว่าอย่างไรก็ตามและสืบข่าวมา ไม่ว่าจะเป็นข่าวอะไร”

ซังฮูนผงกศีรษะอย่างเต็มใจพร้อมด้วยสีหน้าหนักแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น

จากนั้นกั๊กแตจึงเอ่ยเพิ่มอีกประโยคกับอีกฝ่าย

“และลงไปที่ดันเจี้ยนใต้ดิน หาคนที่มีพลังจิตพิเศษให้ได้มากที่สุด”

2,000 คน

ถ้าหา มันย่อมมีปรากฏขึ้น

พลังจิตที่จะสามารถต่อต้านการหายตัวได้

ไม่สิ ไม่เพียงแค่การหายตัว

เขาได้เลือกผู้คนด้วยความสามารถในการต่อกรกับมนุษย์คนอื่นเพราะเขาคิดว่าพลังนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

มันเป็นการคำนวณที่ผิดพลสด

ทุกสิ่งตั้งแต่ปีศาจนั่น จนกระทั่งผู้ชายที่ชื่อฮันซู

คู่ต่อสู้ของพวกเขานั้นไม่ใกล้เคียงคำว่ามนุษย์ และปัญหาที่ยากที่จะจัดการกับผู้คนที่สามารถเหวี่ยงดาบของพวกเขาได้ดีจะปรากฎขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ตอนนี้

เพื่อที่จะเตรียมรับมือกับสถานการณ์ทุกอย่าง เขาต้องการผู้คนที่มีสกิลที่หลากหลายและพลังจิต

เขาต้องเตรียมพร้อมทุกสิ่งอย่างละเอียดนับตั้งแต่ตอนนี้

‘มันจะไม่เป็นไรตราบเท่าที่ฉันทำมันอย่างแนบเนียนตั้งแต่ตอนนี้’

เขาได้พบกับเสือหลังจากที่มองกวางมาจนถึงตอนนี้

ซึ่งหมายความว่าเขาเพียงต้องเตรียมพร้อมหนทางที่จะต่อกรกับเสือนั่น

เพราะเมื่อใดกันที่มนุษย์สู้กับเสือมือเปล่า

‘อีกอย่าง… มันก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าการออกจากเกาะนี้จะยากขนาดนั้น?’

ฮันซูจะจัดการกับปีศาจขณะที่คนอื่นๆ จะจัดการกับผีดิบแทน

เขาไม่ต้องการที่จะยอมรับมัน แต่กฎได้ถูกตั้งขึ้นโดยที่ไม่มีความวุ่นวายมากนักนั้นเป็นเพราะฮันซู

การสุญเสียอาจมีบาง แต่คนจำนวนมากจะสามารถมีชีวิตรอดได้หากเป้นเช่นนี้

‘แต่ฉันก็ยังคงควรที่จะเตรียมตัว’

มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคิดว่าเสือเป้นเพื่อน แม้ว่ามันจะช่วยคุณก็ตาม

กั๊กแตเริ่มที่จะเตรียมตัวขณะที่คิดถึงฮันซูที่อาจอยู่ที่ใดก็ได้

“ว้าว… มันดูเหมือนว่าจะมีพวกเราที่จะมีชีวิตรอดมากกว่าที่ฉันคิด?”

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น…”

ทุกคนมองไปยังฮันซูที่กำลังต่อสู้กับปีศาจอย่างรุนแรงในที่ไกลๆ

ตอนแรกมันมีการต่อต้านเล็กๆ เมื่อชายหนุ่มบอกว่าจะเก็บผลึกไว้เพียงคนเดียว แต่หลังจากนั้นสักพัก มันก็ชัดเจนว่ามันไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่

‘ใช่ มันเป็นเรื่องยากสำหรับเราอยู่แล้วในการที่จะได้มองผลึกนั่นสักครั้ง… มันดีกว่าที่จะให้หมอนั่นสู้กับปีศาจและสำหรับพวกเราทุกคนที่จะมีชีวิตรอด’

เวลาแห่งการป้องกันผ่านพ้นมา 20 วันแล้ว

จำนวนคนที่รอดชีวิตนั้นมีมากถึง 1,300 คน

600 คนตาย แต่หากพวกเขาไปต่อกรกับปีศาจ และหากผลึกไม่ได้ถูกกำหนดไว้ เช่นนั้นจำนวนคนตายและคนรอดจะสลับกัน

แต่ฮันซูที่ได้ตัดศีรษะของปีศาจออกส่ายศีรษะ

‘… ตอนนี้ชิ้นส่วนลับจะทำงาน’

การต่อสู้ป้องกัน

มันไม่เหมาะกับบุคลิกของเขาจริงๆ

แต่แม้กระนั้น เขาก็ได้ให้ความสนใจกับการป้องกันในระหว่างกระโดดไปมาและฆ่าปีศาจอย่างต่อเนื่อง

เขาได้จัดการทุกอย่างด้วยความสามารถของเขาเพื่อที่จะได้รับผลึกและติดอาวุธให้ตนเอง รวมทั้งตั้งกฎที่จะทำให้การต่อสู้ภายในไม่เกิดขึ้น

เขาไม่แม้แต่จะมุ่งไปทางปราสาทจอมมารแม้แต่ก้าวเดียวเพราะเขาก็ต้องดูแลผู้ที่กำลังพยายามเล็งมาที่หลังของเขาเช่นกัน

เมื่อตราบเท่าที่ชิ้นส่วนลับยังไม่ทำงาน มันก็ไม่มีประโยชน์ในการไปยังปราสาทจอมมาร

ฮันซูพึมพำอยู่ในใจ

‘ฉันไม่มั่นใจว่าถ้าพวกนายกลับมาแทนมันอาจจะดีกว่าก็ได้’

เขาได้เห็นและเรียนรู้จากการเฝ้ามองเคลเดียนและแอรีส แต่เขาทำได้เพียงเลียนแบบทั้งสองและทำแบบเดียวกัน

แต่ฮันซูส่ายศีรษะ

หากมันเป็นสิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเพียงแค่ราชาที่แข็งแกร่งคนเดียว เช่นนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลกับการที่มนุษย์ทั้งหมดสูญพันธ์

เขาได้กลับมาเพื่อทำสิ่งที่แอรีสไม่อาจทำได้

‘ทำให้คนมากกว่า 50% มีชีวิตอยู่จนกระทั่งวันที่ 20 ฉันทำสำเร็จแล้วแอรีส แต่ไม่ใช่ว่าฉันชนะเหรอ? ฉันช่วยได้มากกว่าอีก’

ชายหนุ่มแสยะยิ้มกว้าง

เขาไม่อาจทำให้พวกนั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่นแอรีส แต่ด้วยการลดความเสียหายจากปีศาจเท่าที่จะเป็นไปได้ เขากระทั่งช่วยได้มากกว่า

และด้วยเหตุนี้ แฟรี่ ที่ไม่อาจเฝ้ามองความสงบสุขของผู้คนได้ ได้ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับที่ชิ้นส่วนลับทำงาน

‘มันอยู่ที่นี่’

“สวัสดี! ทุกคน! นี่ก็ 20 วันแล้วนะ! พวกคุณที่นี่ป้องกันได้ดีจริงๆ ! โดยปกติแล้วตอนนี้น่าจะเหลือแค่ราวๆ 500 คน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่ามนุษย์ก็แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจพร้อมกับที่พวกเขายิ้มยิงฟัน

เมื่อพวกเขารู้สึกราวกับว่าได้บดขยี้แฟรี่จากการที่พวกเขาสามารถหลบความต้องการที่ซ่อนอยู่ของมันได้และป้องกันมันได้ในทิศทางที่ยอดเยี่ยม

‘ถ้ามันเป็นแบบนี้… พวกเราก็จะสามารถขึ้นไปได้โดยไม่มีปัญหามาก’

แต่แฟรี่แสยะยิ้มขณะที่มันกำลังมองไปยังเหล่ามนุษย์

“แต่เราจะทำยังไงดี ตอนนี้มันคงแย่แล้ว ทุกคน พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าจะออกไปจากเกาะนี้ได้ยังไง?”

ทุกคนพึมพำเมื่อได้ยินเช่นนั้น

พวกเขาจะรู้เรื่องแบบนั้นได้ยังไง?

แฟรี่หัวเราะขณะที่มันเอ่ยพูด

“ง่ายมาก หลังจากหนึ่งเดือน ประตูจะเปิดออกจากคริสตัลที่พกคุณป้องกัน พวกคุณสามารถขึ้นไปได้ด้วยสิ่งนั้น”

“หืม…”

“แต่ว่ามันมีปัญหาเล็กน้อย คริสตัลนั้นมีขีดจำกัด มีคนเพียงแค่ 500 คนที่สามารถผ่านไปได้ด้วยคริสตัลนั่น”

“…”

“ทำยังไงดีละ? คนรอดเยอะเกินไป โดยปกติแล้วฉันไม่แม้แต่จะต้องออกมา… เมื่อสสถานการณ์ที่คนรอดชีวิตมากกว่า 500 คนไม่ค่อยเกิดขึ้นมากเท่าไหร่”

สีหน้าของทุกคนเริ่มไปถึงขีดจำกัด

ผู้รอดชีวิตในตอนนี้อยู่ที่ 1,300 คน

และหากพวกเขาป้องกันได้ต่อไปแบบนี้ อย่างน้อย 1,000 คนจะรอด

ทว่าจำนวนคนที่สามารถจากไปได้อยู่ที่ 500 คน

แต่จากนั้นแฟรี่ก็แสยะยิ้มขณะที่มันมองไปยังผู้คนเหล่านี้

“อย่ากังวลมากไป มันมีสถานที่ที่มีคริสตัลที่ใหญ่กว่า! มันยิ่งกว่าพอเสียอีกในการที่จะให้ทุกคนหนีออกไปผ่านที่แห่งนั้น!”

“… ที่ไหนกัน?”

ใครบางคนเอ่ยถามขึ้น แฟรี่แย้มยิ้มขณะที่มันชี้ไปยังปราสาทจอมมารที่สามารถมองเห้นได้จากที่ไกลๆ

“ตรงนั้น ปกติแล้วมันไม่ทำงาน แต่… ฉันจะเริ่มมันเดี๋ยวนี้ ฮี่ฮี่”

คว้างงง

สิ้นคำ เสียงดังกึกก้องก็เริ่มที่จะดังขึ้นจากสถานที่แห่งหนึ่งภายในปราสาทจอมมาร และทุกคนที่ได้ยินมันต้องกัดฟันกรอด

และในเวลาเดียวกัน ผู้คนก็เริ่มที่จะแบ่งตัว

ฮันซูเองก็มีสีหน้าเย็นเยียบเช่นกัน

‘มันเริ่มแล้ว’

โดยปกติแล้ว มันเป็นยิ่งกว่าเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจเมื่อคิดถึงความยากของมัน

มันเป็นชิ้นส่วนลับที่จะไม่เกิดขึ้นจนกว่าข้อกำหนดที่มีผู้มีชีวิตรอดเกินกว่า 50% ในวันที่ 20 ได้ถูกเติมเต็ม

เมื่อหากมันต่ำกว่านั้น จำนวนขณะที่ป้องกันจะมีต่ำกว่า 500 ชีวิต

แอรีสจะไปที่ปราสาทจอมมารเพราะเธอต้องการหรือ?

แอรีสไม่รู้ว่าอะไรจะออกมาตอนที่เธอไปในตอนนั้น

เธอไม่รู้ว่าเธอจะได้รับอะไร แต่มันชัดเจนว่าคนจำนวนมากกว่าเดิมจะตายถ้าพวกเธอป้องกัน

ในสถานการณ์ที่หญิงสาวต้องการให้มนุษย์มีชีวิตอยู่มากที่สุดด้วยการรวมพลังกัน มันไม่มีเหตุผลที่จะไป

แต่มันมีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอมุ่งหน้าไปยังปราสาทจอมมารในสถานการณ์เช่นนี้

ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้ชิ้นส่วนลับบัดซบนี่

แอรีสป้องกันได้ดีเกินไป

และแน่นอนว่าคนจำนวนมากเกินไปมีชีวิตรอด

ในขณะที่กลุ่มอื่นๆ นั้นไม่อาจรักษาชีวิตรอดได้ถึง 200 คนจาก 2,000 คนที่เป็นพื้นฐาน แอรีสได้รักษาชีวิตคนกว่า 1,000 ให้มีชีวิตรอดก่อนที่วันที่ 20 จะมาถึง

มันเป็นผลลัพธ์จากการมองเมินผลึกเล็กโดยสิ้นเชิงและรวบรวมพลังของผู้คนเข้าด้วยกัน

แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพียงแค่แอรีสที่ได้กระตุ้นชิ้นส่วนลับนี้

มันมีอยู่ไม่กี่ครั้งเมื่อยามที่มีคนที่มีลักษณะพิเศษที่ยอดเยี่ยมและสกิลที่ต่อสู้ได้ดีกับปีศาจ ทั้งยังได้บังคับให้ผู้คนที่เหลือรวมพลังกันเพื่อที่จะรักษาชีวิตคนมากกว่า 1,000 คนให้มีชีวิตอยู่ได้ปรากฏอยู่

และผู้คนเหล่านั้นที่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าชิ้นส่วนลับจำต้องเลือก

ว่าจะมุ่งหน้าตรงไปยังปราสาทจอมมารแม้ว่ามันจะอันตราย

หรือป้องกันและป้องกัน… และมีการประลองครั้งยิ่งใหญ่เพื่อที่จะเลือก 500 คนในท้ายที่สุด

และหลังจากที่รวบรวมข้อมูลจากกองพันสุดท้าย มันไม่มีใครที่เขารู้จักที่ได้เลือกตัวเลือกแรกนอกเหนือไปจากแอรีส

มันชัดเจน เมื่ออย่างน้อย 500 คนจะมีชีวิตอยู่แม้ว่าพวกเขาจะไม่ไป

และหากคน 500 คนที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้พูดว่าพวกเขาจะไม่ไป คนที่เหลือย่อมไม่อาจไปได้

เมื่อพวกเขามีพลังไม่พอ

“เราจะไม่ไป มันดีกว่าที่จะเพ่งความสนใจไปในการป้องกัน”

“เราเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปเหมือนกัน แทนที่ทุกคนจะตายด้วยการไป ช่วย 500 คนไว้เถอะ”

แต่ล่ะกิลด์ได้แบ่งตัวออกและรวมตัวกับลอร์ดของพวกเขาเป็นศูนย์กลาง

‘ยายนั่นจัดการคนพวกนี้ได้ หืม’

ฮันซูเริ่มที่จะนับถือแอรีส

และคิดว่า

เขาไม่อาจที่จะเป็นเช่นหญิงสาวได้ตลอดชีวิต

ชายหนุ่มเดินตรงไปพร้อมกับเริ่มอบอุ่นร่างกาย


TL: ทั่นปู่สายโหด มาเจรจาอะไรไม่มี้//หัวเราะ

 

ติดตามข่าวสารที่รวดเร็วกว่าได้ทาง Facebook: Netear.ST นะคะ