บทที่ 30: เกาะกลาง (3)

 

 

ฮันซูเอ่ยขึ้นขณะที่เขามองไปยังกั้กแต

“ฉันมั่นใจว่าเราได้ตกลงในการทำตามกฎแล้ว เราเอ่ยว่านายสามารถนำสิ่งที่นายได้รับระหว่างล่าไปได้ แต่ว่าเราก็ยังคงต้องรักษาสัดส่วนระหว่างการล่าและการป้องกัน

กั้กแตมีสีหน้ากระวนกระวายเล็กๆ ทว่าส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว

เขาไม่อาจถอยได้ที่นี่

‘ไม่งั้นการกบฏของฉันจะสูญเปล่า’

พวกเขาได้เติบโตขึ้นจนถึงขั้นที่ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถสั่นคลอนพวกเขาได้

ทว่านี่เป็นไปได้ก็เพราะฮันซูได้มอบอำนาจทั้งหมดให้พวกเขา

ดังนั้นแล้วเขาจึงสงสัย

หมอนั่นเชื่อในอะไรถึงได้มอบอำนาจทั้งหมดให้พวกเขาและสร้างพวกเขาขึ้นแบบนี้

‘ฉันต้องหาให้ได้ว่าหมอนั่นเชื่อในอะไร’

กิลด์ของพวกเขาอยู่ในระดับที่ไม่อาจเทียบได้กับเมื่อก่อน

เพราะชายที่ชื่อฮันซูเบื้องหน้าพวกเขาได้สร้างมาตรการที่ปลอดภัยขึ้น พวกเขาจึงสามารถต่อสู้ได้รวดเร็วขึ้นและมีความสูญเสียน้อยลง

และจำนวนมาชิกที่อยู่ภายใต้อำนาจของเขาได้สนิทกับเขามากขึ้นเพราะความมีน้ำใจของเขา

ทุกสิ่ง ทั้งในด้านของปริมาณและคุณภาพ

พลังของพวกเขาไม่อาจกระทั่งเทียบเทียมได้กับฮันซูที่ได้บดขยี้ผู้อื่นในวันแรก

‘เอาเถอะ… หมอนี่เองก็แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ’

มันดูเหมือนว่าหมอนั่นเองก็แข็งแกร่งขึ้น

ราวกับว่าเขาได้แข็งแกร่วขึ้นจากการกินรูนไร้สีในดันเจี้ยน

‘แม้ว่ามันจะมัศจรรย์ที่รูนทั้งหมดของเขากลายเป็นระดับไร้สี…’

มันไม่ใช่ว่าคมอาวุธไม่อาจทะลวงผ่านไปได้

ความเร็วของคนๆ เดียวที่แข็งแกร่งขึ้นจะเทียบเท่ากับความเร็วของคน 150-160 คนแข็วแกร่งขึ้นได้อย่างไร

‘และฉันก็ไม่ได้อยู่คนเดียว’

อย่างน้อยกิลด์จำนวนสองสามกิลด์ก็ได้มีความคิดแบบเดียวกับกั้กแต และการป้องกันจะล้มเหลวหากพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่

ดังนั้นแล้ว หมอนั่นจะฆ่าเขาในสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร

เหตุผลเดียวที่พวกเขามีความสะดวกสบายอยู่บ้างเป็นเพราะกิลด์ทั้ง 12 กิลด์ได้ป้องกัน หากมีการทะเลาะกันขึ้น การป้องกันย่อมพังทลาย

‘แต่มันก็ยังคงมีความผ่อนคลายอยู่เล็กๆ อยู่ดี’

ซึ่งหมายความว่ามีบางสิ่งที่สามารถคุกคามพวกเขาได้

และกั้กแตไม่ชื่นชอบสถานการณ์ปัจจุบันที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร

‘ฉันต้องยั่วยุเขาอีกหน่อย’

กั้กแตที่คิดจบมีสีหน้าผ่อนคลายขณะที่เขาเอ่ย

“ฉันหมายความว่า เอาน่า เพื่อน ฟังก่อน แฟรี่จะปล่อยให้เราอยู่แบบนี้เหรอ? มันเป็นเรื่องปกติที่จะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเรายังสามารถทำมันได้อย่างสบายๆ นายต้องมีความผ่อนปรนในกฎบ้าง”

ฮันซูมีสีหน้าขบขันก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้น

“งั้นทำไมนายไม่ปรึกษามันกับคนอื่นๆ ล่ะ? ฉันค่อนข้างมั่นใจว่ามันอยู่ในข้อตกลง สัดส่วนในการล่าและป้องกันไม่ได้ถูกตัดสินโดยกิลด์เพียงกิลด์เดียว แต่เป็นการลงคะแนนเสียงของกิลด์ 6 กิลด์”

“…”

เยรินจ้องมองไปทางกั้กแตด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว

กิลด์ของเธอนั้นได้รับความเสียหายเพราะหมอนั่นไม่ได้ทำตามกฎและทำตามอำเภอใจ จีมิน น้องสาวที่ล้ำค่าของเธอได้รับบาดเจ็บและกำลังฟื้นตัวอยู่

กั้กแตพึมพำอยู่ในใจ

‘มันจะมีประโยชน์อะไรในการทำตามกฎพรรคนั้น’

เหตุผลที่เขาได้ลอบนำกองกำลังส่วนหนึ่งออกไปนั้นก็เพื่อที่จะเหนือกว่ากิลด์อื่น

เขารู้โดยสัญชาตญาณ

สถานที่แห่งนี้มันอันตราย แต่ว่ามันก็เป็นสถานที่ที่พวกเขาสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้รวดเร็วกว่าในเกาะอื่น

พวกเขาจำเป็นต้องสร้างช่องว่างที่นี่เพื่อที่พวกเขาจะสามารถบดขยี้คนอื่นๆ ได้หลังจากที่ขึ้นไปสูงยิ่งขึ้น

แต่หากกิลด์ทั้งหมดได้นำลูกกิลด์จำนวนเท่าๆ กันไปใช้ในการล่า เช่นนั้นมันจะมีความหมายอะไรถ้ากิลด์อื่นๆ อีก 11 กิลด์เองก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับกิลด์ของเขา?

ความเหนือกว่าคือผลลัพธ์ของความแตกต่าง

มันไม่ได้เป็นเวลานานที่เขามายังที่นี่ แต่เขารู้ว่าบางสิ่งนั้นสำคัญมาก

‘ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่ว่าเมื่อใดที่ได้รับโอกาส โดยไม่หยุดยั้ง’

มันเป็นทางเดียวที่จะชนะ

‘แต่ฉันไม่อาจพูดแบบนั้นออกไปได้’

“มันเป็นเพราะว่ามันคือการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ฉันกำลังคิดอยู่ และดูเหมือนว่าทุกคนจะกำลังยุ่ง”

มันเป็นข้ออ้างที่กระทั่งสุนัขยังไม่เชื่อ แต่ว่ามันจึงกลายเป็นเหตุผลให้มันมีประสิทธิภาพ

‘เร็วสิ แสดงในสิ่งที่นายเชื่อให้ฉันเห็นสิ’

หมอนั่นทำตัวแบบนั้นเพราะเขาเชื่อว่าจะสามารถตัดคอทุกคนที่นี่ได้เหรอ?

เขารู้ว่าฮันซูไม่ใช่คนโง่

และมันมีการ์ดจำนวนมากอยู่ด้านนอก

หมอนั่นจะถูกล้อมในทันที

แต่ในตอนนั้นเอง กั้กแตที่มีสีหน้าผ่อนคลายพลันแข็งค้างไปชั่วขณะ

‘เดี๋ยว หมอนั่นเขามาที่นี่ได้ยังไง?’

และในตอนนั้นเองที่ไขสันหลังของเขาพลันเย็นวาบ

ตำแหน่งของห้องประชุมของพวกเขานั้นเป็นห้องที่อยู่ใต้หอสังเกตการณ์ที่มีคริสตัลที่พวกเขาต้องปกป้อง

มันเป็็็นห้องที่ปลอดภัยที่สุดที่สามารถมองเห็นไปได้ทั่วทั้งปราสาท

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเลือกใช้มันเป็นห้องประชุม

เมื่อมันจะเป็นเรื่องยุ่งยากถ้ามีไอ้พวกเสียสติจำนวนหนึ่งต่อต้านเพราะพวกเขาไม่ชอบสิ่งที่เป็นไป

และพวกเขาได้เลือกคนที่พวกเขาเชื่อใจที่สุดในกิลด์ของพวกเขามาเป็นการ์ดและวางพวกเขาไว้ด้านนอก

สามคนจาก 12 กิลด์ รวมเป็น 36 คน

การประชุมไม่ได้ยาวนานนัก ดังนั้นแล้วจำนวนนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการป้องกัน และในฐานะของลอร์ด พวกเขาก็ควรมีสิทธิพิเศษอย่างน้อยเท่านี้

แต่วั่มนไม่มีเสียงปะทะกันด้านนอก

‘หรือว่าเขาจะจัดการทั้งหมดแล้ว?’

ทุกคนมองตรงไปยังฮันซูด้วยสีหน้าที่คล้ายคลึงกัน

ฮันซูหัวเราะ

“พวกนายก็เห็น ฉันได้ของใหม่ในเมื่อไม่นานมานี้ ให้มันเหมาะกับฤดูกาลน่ะ”

จากนั้นชายหนุ่มจึงส่งมานาจำนวนหนึ่งเข้าไปในสร้อยข้อมือที่ข้อมือของเขา

วูบบ

ร่างของชายหนุ่มได้หายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว

ดวงตาของเหล่าลอร์ดได้กลายเป็นเย็นเยียบอย่างรวดเร็ว

‘นั่นมัน…’

การหายตัว

หากเป็นแบบนั้น เช่นนั้นมันก็คงจะไม่เป็นปัญหา

เมื่อค่าสถานะความเข้าใจของพวกเขาไม่ได้แย่ถึงขนาดที่พวกเขาจะพ่ายแพ้ให้แก่ศัตรูเพียงเพราะมองไม่เห็น

แต่พวกเขาไม่อาจมองเห็นได้ว่าหมอนั่นอยู่ที่ไหน

หมอนั่นหายไปต่อหน้าพวกเขา ทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าหมอนั่นไปอยู่ที่ไหนในห้องนี้แล้ว

มันเป็นอะไรที่กระทั่งส่งผลต่อค่าความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นแล้วของพวกเขา

มันเป็นสกิลที่ช่วยให้สามารถหายตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบของสร้อยข้อมือนั่น

หากคนอ่อนแอใช้มัน เช่นนั้นมันคงไม่ชัดเจนแบบนี้ แต่พวกเขาไม่อาจรู้ได้เพราะพลังของสร้อยข้อมือนั้นได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วยการเคลื่อนไหวของชายหนุ่ม

ทุกคนรู้สึกได้ว่าไขสันหลังของพวกเขาเย็นเยียบ

อีกฝ่ายเดินผ่านลูกกิลด์ที่พวกเขาเชื่อถือมากที่สุดทั้ง 36 คน

แม้ว่าพวกนั้นจะอยู่ในสถานะตื่นตัวอย่างถึงที่สุด

นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของกิลด์นั้นไม่สำคัญ

มันจะมีประโยชน์อะไรถ้ากองทัพรอบๆ นั่นแข็งแกร่ง เมื่อมันจะจบลงในทันทีที่หมอนั่นบั่นหัวของพวกเขายามหลับ

‘… หมอนั่นจงใจแสดงให้พวกเราเห็น’

ทำไมหมอนั่นถึงได้แสดงบางอย่างที่ล้ำค่าแบบนั้นให้พวกเขาดู?

ของแบบนั้นมันควรจะเป็นไพ่ลับ

แต่อีกฝ่ายแสดงมันออกมาให้พวกเขาเห็นอย่างจงใจ

มันหมายความว่าให้พวกเขาทำให้ดีในตำแหน่งของพวกเขา

กั้กัแตรับรู้ในที่สุดว่าทำไมฮันซูถึงไม่ได้สนใจตำแหน่งผู้นำ

‘…นายก็แค่จัดการพวกเราทั้งสิบสองคนใช่ไหมล่ะ หืม?’

เขาไม่อาจควบคุมคนกว่า 2,000 คนได้ด้วยตัวเอง

มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม

แต่มันเป็นไปได้สำหรับลอร์ด

และนั่นเป็นสาเหตุให้หมอนั่นให้คน 2,000 คนแก่พวกเขา

เมื่อตราบเท่าที่หมอนั่นสามารถควบคุมพวกเขาทั้ง 12 คนได้ มันก็เหมือนกับการควบคุมคนทั้งหมด

ฮันซูพึมพำในใจขณะที่มองไปยังกั้กแต

‘ฉันได้มันทันเวลาพอดี’

<สร้อยข้อมือของอารังแคล>

มันจะดูดกลืนมานาของผู้ใช้เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถหายตัวได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งสร้างคลื่นรบกวนการรับรู้ของคู่ต่อสู้

และมันเป้นสิ่งที่เขาต้องการเป็นอย่างแรกในดันเจี้ยนใต้ดินของเกาะกลาง

หากมันรวมเข้ากับการเคลื่อนไหวของเขา เช่นนั้นคนส่วนมากก็จะไม่อาจค้นหาร่างของเขาพบได้

แน่นอนว่ามันจะไร้ประโยชน์ในการต่อสู้เพราะออร่าและการเคลื่อนไหวที่รุนแรง ทว่ามันไม่ใช่ในเวลาแบบนี้

เขาได้ลงทุนเวลาทั้งหมดของเขาไปในดันเจี้ยนเพื่อที่จะได้รับมัน

‘เอาเถอะ เพราะแบบนั้นฉันถึงได้ทำให้รูนทั้งหมดของฉันอยู่ในระดับไร้สีได้’

ฮันซูที่คิดจบแสดงตัวขึ้นต่อหน้าเหล่าลอร์ดอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปาก

“มันอาจเป็นไปได้ที่คนคนหนึ่งจะสร้างข้อผิดพลาด เราสามารถแก้ไขมันได้ด้วยการพูดคุย”

“…”

“งั้นผลประโยชน์ที่นายได้รับในการล่าเพิ่มเป็นพิเศษต้องถูกแบ่งอย่างเท่าเทียมให้กับลูกกิลด์ที่เข้าร่วมในการป้องกัน และนายสามารถแก้ไขสัดส่วนและการป้องกันได้ในวันพรุ่งนี้ใช่ไหม? โอ้ และอย่าลืมจ่ายค่าชดเชยอาการบาดเจ็บด้วยล่ะ”

นั่นเป็นสิ่งที่ถูกเขียนไว้บนกฎแต่เดิมไว้

ลอร์ดบางคนกัดฟันกรอดทว่ายังคงพยักหน้ารับ

พวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะพยายามแสดงความกล้าของพวกเขาออกไปอีกต่อไป

ทว่ากั้กแตยังคงมองไปยังฮันซูทั้งแบบนั้น

‘ฉันควรจะยั่วโมโหเขาอีกหน่อยไหม?’

มันยังไม่จบ

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทำตามกฎ หมอนั่นก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะโจมตีพวกเขาได้

เมื่อปราสาทจะตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นหากไม่มีพวกเขา

มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างลอร์ด 12 คนและคนหนึ่งคน

และเขาอาจไม่ใช่ลอร์ดเพียงคนเดียวที่มีความคิดเช่นนั้น

ทว่าเขาทำได้เพียงส่ายศีรษะเมื่อเห็นดวงตาของฮันซู

‘ฉันทำไม่ได้’

ดวงตานั่นไม่ใช่ดวงตาที่บอกว่าจะปล่อยเขาไป

หมอนั่นกำลังยิ้ม แต่ดวงตาเย็นยะเยือก

เขาเคยเห็นดวงตาแบบนั้นมาก่อน

‘ก่อนหน้าก็แบบนี้’

มันเป็นดวงตาแบบเดียวกับยามที่หมอนั่นจัดการคน 30 คนในวันแรก

เขารู้ว่าดวงตาแบบนั้นของฮันซูคือการกำลังหาเหตุผลที่จะได้สั่งสอนพวกเขา

หมอนั่นกำลังมองมาในแบบที่ว่าหากเขาจัดการคนคนหนึ่งลงเพื่อที่จะแสดงตัวอย่างให้คนอื่นเห็น มันก็คงไม่เป้นอะไร

เขาอาจจะไม่ฆ่าก่อนหน้า แต่มันไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆ ว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นในคราวนี้

‘วันนี้แค่นี้แล้วกัน’

ครืดด

กั้กแคก้าวถอยหลังจากที่เขาพึมพำอยู่ในสมอง

เขาไม่อาจอดทนความจริงที่ว่ามีคนอื่นอยู่เหนือเขาได้

เขาไม่ชอบมันจริงๆ

และมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาอยากมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าผู้อื่น

ทว่าฮันซูได้แสดงให้เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าใครที่เป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของเขาอยู่

ความโกรธของเขากำลังพลุ่งพล่าน ทว่าเขาต้องถอยก่อนในวันนี้

‘ฉันจะยกให้นายสักพัก’

กั้กแตเชื่อมั่นในขีดจำกัดของความแข็งแกร่งของคนผู้หนึ่งอย่างเต็มที่

ชายหนุ่มเบื้องหน้าเขาอาจแตกต่างไปเล็กน้อย และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสูญเสียความเหนือกว่าไปที่นี่ แต่โอกาสจะปรากฏขึ้นอีกครั้งในที่สุด

การประชุมจบลงแบบนั้น ฮันซูหัวเราะขณะที่เขามองไปยังผู้คนที่เดินลงไป

‘เอาเถอะ คนที่ใช้สมองย่อมดีกว่า’

คุณสามารถยอมแพ้ให้กับดาบเล่มหนึ่งเพราะมันคมมากเกินไปและอาจจะบาดคุณได้

ยิ่งคมเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น

‘การไม่เชื่อฟังคำพูดของฉันก็อยู่ในความคาดหมายเช่นกัน’

มันจะไม่มีใครเหลือบนเกาะนี้ถ้าเขาตัดศีรษะทุกคนที่เขาไม่ชอบหรือเพราะพวกนั้นโลภมาก

บทฝึกซ้อมทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่โลภมากเห็นแก่ตัว มันก็แค่ปริมาณความโลภของพวกเขาที่แตกต่างกัน

มันไม่ใช่ว่าทุกคนได้กลายเป็นคนโลภในเวลาเพียงแค่ 10 วัน

เมื่อเวลา 10 วันนั้นค่อนข้างที่จะสั้นเกินไปในการเปลี่ยนแปลงนิสัยที่แท้จริงของคนคนหนึ่งที่พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมันมานับสิบปี

แต่เวลา 10 วันนั้นมากกว่าเพียงพอที่จะฆ่าคนใจดีทุกคนที่จะสนใจผู้อื่น

และผู้คนตระหนักขึ้นได้หลังจากที่คนข้างกายพวกเขาตายลงอย่างรวดเร็ว

ว่าการทำสิ่งดีและปราบปรามสิ่งชั่วร้ายนั้นเป็นไปได้เพียงแค่ในหนังสือหรืออะไรแบบนั้น

ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ฮีโร่แห่งความยุติธรรมผู้ใจดีจะมีชีวิตรอด แต่เป็นสถานที่ที่ใครบางคนที่แทงข้างหลังฮีโร่คนนั้นที่จะมีชีวิตรอด

‘เอาเถอะ แอรีสนับว่าเป็นกรณีพิเศษ’

ถ้าคุณมองหา มันจะมีคนส่วนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ ทว่าพวกเขาต้องได้รับการอวยพรจริงๆ

เมื่อมันหมายความว่าพวกเขามีโชคและทักษะในการรักษาหัวใจที่เมตตาในขณะที่เอาชีวิตรอด

มันมีคนจำนวนไม่มากที่จะไม่เห็นแก่ตัวยามที่อยู่เบื้องหน้าความตาย และผู้คนที่มีชีวิตรอดก็ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้อย่างรวดเร็ว

เกมนี้ยาวนานมาก และพวกเขาสามารถที่จะมีชีวิตรอดได้ด้วยเพียงการบดขยี้ผู้อื่นในเกาะที่อยู่ข้างบน

ดังนั้นแล้วข้างในของพวกเขาจะเจ็บปวดแค่ไหนในการจะต้องแบ่งปันทุกสิ่งอย่างเท่าเทียมในสถานการณ์เช่นนี้?

มันก็คงไม่อาจดำเนินไปได้ยาวนานนักเช่นกัน

ดังนั้นแล้วเขาจึงต้องทำบางอย่างก่อนหน้านั้น

‘สิ่งที่ฉันต้องหาเป็นอันต่อไปคือ… <คำพิพากษาแห่งดีคราดอส>’

แฟรี่นั้นไม่ได้โกหกจริงๆ

เมื่อมันชัดเจนว่าสถานที่แห่งนี้คือดินแดนแห่งโอกาส

‘มันกำลังมา’

ฮันซูมองไปยังท้องฟ้า

และไม่ช้า แฟรี่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น

 

แฟรี่พลันปรากฏตัวขึ้นเหนือปราสาท

‘มันแค่ไสหัวไปไม่ได้รึไง…’

ทุกคนในปราสาทขมวดคิ้วเมื่อสิ่งมีชีวิตตัวเล็กได้ปรากฏตัวขึ้น

แฟรี่ทักทายทุกคนขณะที่มันเห็นสายตาของพวกเขา

“สวัสดีทุกคน! อ๋า อย่าขมวดคิ้วแบบนั้น ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะวุ่นวายกับพวกคุณเสียหน่อย”

“…”

“ถ้าพวกคุณมองฉันด้วยสายตาไม่เชื่อถือแบบนั้นมันจะทำให้ฉันเจ็บปวดนะ ฉันแค่มาที่นี่เพื่อบอกในเรื่องที่ฉันยังไม่ได้บอก มันไม่มีอะไรมากหรอก หากคริสตัลถูกทำลาย ทั้งเกาะก็จะพังทลายลง เอาเถอะ มันจะไม่ได้พังลงทั้งหมดในทีเดียว มันจะค่อยๆ แตกสลายไปในเวลา 10-20 วัน”

“…”

มันไม่ได้มีความตะลึงมากมายในบรรดามนุษย์

เมื่อพวกเขาคาดการณ์ไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนั้น

ความจริงที่ว่าพวกเขาต้องปกป้องพวกมันไว้สุดความสามารถก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

แฟรี่เอ่ยพูดขณะที่มันมองตรงไปยังคนเหล่านี้

“ส่วนที่สำคัญจริงๆ คือส่วนที่สอง พวกคุณค่อนข้างสบายเลยใช่ไหมล่ะ? ผีดิบน่ะ… อืม ก็แค่ของเด็กเล่น พลังป้องกันของทีมนี้ดีกว่าที่ฉันคาด ปีศาจจะเริ่มออกมาในวันที่สามนี้!”

“…ฉิบหาย”

ทุกคนสบถออกมาขณะที่พวกเขามองไปยังสิ่งมีชีวิตตัวเล็กนั้น

ไอ้ลูกแมงหวี่นี่เหมือนกับผู้ส่งสารแห่งความพินาศ

มันไม่มีข่าวดีแม้แต่น้อยเมื่อมันเปิดปากออกมา

แฟรี่มีสีหน้าเจ็บปวดเล็กๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทว่าจากนั้นก็ได้เปิดปากขึ้นอีกครั้ง

“พวกคุณมันเกินไปแล้ว พวกคุณไม่รู้เหรอว่ามันเป็นข่าวดีแค่ไหนที่ปีศาจกำลังจะออกมา? มันเป็นโอกาสหายากสำหรับพวกคุณจริงๆ นะ!”

“…”

ทุกคนมองไปที่สิ่งมีชีวิตที่พูดเมื่อได้ยินเช่นนั้น

แฟรี่เคยเอ่ยขึ้นก่อนหน้า

ว่ามันจะมีรางวัลจำนวนมหาศาล

แต่แม้กระนั้น มันก็จะจบลงทั้งหมดถ้าพวกเขาตาย

“มันไม่ใช่รูนหรืออาร์ติเฟคกากๆ ถ้าพวกคุณฆ่าปีศาจได้ ผลึกเล็กนี่ก็จะออกมา ฮี่ฮี่”

“…?”

“ถ้าพวกคุณรวบรวมผลึกเล็กนี่ได้ พวกคุณก็จะสามารถแลกเปลี่ยนมันกับอาร์ติเฟคที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! มันดีกว่าอันที่พวกคุณมีอยู่ แน่นอนว่ารางวัลจะยิ่งดีขึ้นตามจำนวนที่พวกคุณรวบรวมได้ใช่ไหม? ดูที่แคตตาล๊อคในกระเป๋าของพวกคุณสิ แต่อย่างไรก็ตาม ปีศาจก็มีจำนวนไม่มากเท่าไหร่ พวกคุณต้องพยายามให้หนักกว่าคนอื่นเพื่อที่จะได้รับผลึก”

ทุกคนมีสีหน้าเจ็บปวด

แม้ว่าพวกเขาจะมีของแบบนั้น มันก็จะเป็นได้เพียงไข่มุกบนคอของสุกร

และพวกเขาจะรวบรวมมันได้เพียงพอจากปีศาจจำนวนน้อยนิดได้อย่างไรเมื่อมันมีคนนับพัน?

พวกเขาอาจไม่สามารถจัดการได้แม้แต่ตัวเดียวหลังจากผ่านไปทั้งเดือน

และแม้ว่าพวกเขาจะสามารถยื่นมือไปหาพวกมันได้ ก็มีเพียงแค่ลอร์ดเท่านั้นที่จะทำ

‘และสิ่งที่ไอ้สิ่งนั้นจะโยนใส่เราคงไม่อ่อนแอ’

ขณะที่ผู้คนแสดงสีหน้าเจ็บปวด แฟรี่ก็ได้เอ่ยเพิ่มขึ้น

“โอ้ ฉันยังไม่ได้พูดเรื่องนี้ ผลึกยังมีประโยชน์อย่างอื่นด้วย”

“…?”

“ตราบเท่าที่คุณมีผลึก คุณก็สามารถออกจากเกาะนี้ไปยังเกาะด้านบนได้ตลอดเวลา มันไม่ใช่ว่าเป็นสิทธิพิเศษที่ยอดเยี่ยมเหรอ คนพวกนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะร่วงหล่นหากทุกคนตายหลังจากที่ถูกปีศาจรุกรานเหมือนกันใช่ไหมล่ะ? ผลึกหนึ่งอันต่อคนห้าคน ฮี่ฮี่”

ไม่ว่าคริสตัลยักษ์นั่นจะถูกทำลายหรือไม่

ไม่ว่าแนวป้องกันจะถูกทำลายหรือไม่

พวกเขาสามารถหนีออกจากสถานการณ์อันตรายนี้สู่อีกเกาะได้ทุกเวลา

ซึ่งหมายความว่ามันเป็นสิทธิพิเศษที่เทียบเท่าได้กับชีวิต

สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น

เช่นนั้นเรื่องราวก็เปลี่ยนไปแล้ว

แฟรี่แย้มยิ้มขณะที่มันมองไปยังสีหน้าของทุกคน

“เข้าใจแล้วใช่ไหม? ว่าการคงอยู่ของปีศาจนั้นสำคัญแค่ไหน? แข็งแกร่งเข้าไว้ทุกคน วันนี้จะมีปีศาจบุกมาหนึ่งตน!”

จากนั้นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กจึงหายไปพร้อมกับสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงได้เริ่มเข้าใกล้พวกเขาอย่างเชื่องช้า

ทุกคนเริ่มคำนวณความเสี่ยงของพวกเขา

พวกเขายังมีข้อมูลไม่เพียงพอ

พวกเขาไม่รู้ว่าปีศาจนั้นแข็งแกร่งเพียงใด และพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะทำเช่นไร

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน

ว่ามันดีกว่าที่จะได้มันก่อนที่คนอื่นจะเอาไป

พวกเขาไม่ได้พุ่งเข้าไปหามันก่อน แต่พวกเขาก็ไม่มีความคิดที่จะพลาดโอกาสนี้ไปเช่นกัน

เมื่อมันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะฆ่าคนที่ได้รับมันทันทีที่พวกเขาได้รับมัน

ทุกคนรู้ว่าสถานการณ์ที่ดีที่สุดคือการโจมตีทั้งสองเมื่อมีใครคนหนึ่งพุ่งเข้าไปหามัน ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงยืนนิ่งขณะที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน

ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อเห้นภาพนั้น

‘มันเริ่มแล้ว’

ชื่อที่แตกต่างสำหรับเกาะกลางที่ดึงดูดผู้คนด้านล่างด้วยรูนและอาร์ติเฟคที่หอมหวาน

<สุสาน>

หากคุณไม่นับผู้คนที่ขึ้นไปโดยใช้ผลึก เช่นนั้นอัตรารอดชีวิตของที่นี่ก็คือ 8%

และมันเป็นเพียงเมื่อการป้องกันนั้นประสบความสำเร็จ เมื่อพวกเขาจะตายทั้งหมดหากล้มเหลว และทั้งหมดมันเป็นเพราะไอ้ผลึกบัดซบนั่น

‘ฉันจะทำเพื่อไม่ใช่มีใครใช้มัน’

หากห้าคนตายเพื่อที่จะได้รับมัน และอีกห้าคนขึ้นไปโดยใช้มัน เช่นนั้นอีกห้าคนก็จะตายเพราะจำนวนคนที่ไม่เพียงพอ

ซึ่งหมายความว่าในบทสรุป คนห้าคนจะมีชีวิตอยู่ และอีกสิบคนจะตาย

มันไม่ใช่ของที่จะถูกใช้ได้โดยไร้สิ่งแลกเปลี่ยน

และในเวลาเดียวกัน มันยังเป็นสิ่งที่เขาต้องรวบรวม

‘ฉันจะรวบรวมมันและแลกมันกับ <คำพิพากษาแห่งดีคราดอส>’

ฮันซูเดินไปเบื้องหน้าหลังจากที่มองคนอื่นอยู่พักหนึ่ง และดวงตาของทุกคนส่องประกายไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มแทนที่จะเป็นร่างของปีศาจ

 


TL: รอลาสกันเต็มเลยยย เกรียนจีจี

 

ติดตามข่าวสารที่รวดเร็วกว่าได้ทาง Facebook: Netear.ST นะคะ