**ขอแก้ไขจาก จอมยุทธ์รุ่นเยาว์คนแรก เปลี่ยนเป็น จอมยุทธ์รุ่นเยาว์อันดับหนึ่ง

บทที่ 273 พาสาวสวยกลับบ้าน

เย่เฟิงถอนหมัดกลับไป ยืนอย่างมั่นคงหนักแน่นดั่งเช่นตัวตนปกติของเขา

เมื่อมองไปยังเฉินฮุยที่ถูกต่อยด้วยหมัดจนปลิวกระเด็นลอยไปอย่างรุนแรง ก็ตกลงแถวถังขยะที่ริมถนน ทั่วตัวของเขาก็จมอยู่ใต้กองขยะ เย่เฟิงก็หัวเราะอยู่ภายในใจ เจ้าเด็กคนนี้มันช่างกระจอกจริงๆ

มีวรยุทธ์ 38 ปี เพียงตอนอายุ 25 ปี มันก็เป็นแค่คนธรรมดาภายในโลกเทวะเท่านั้น ศิษย์ทั้งหลายของสำนักที่ยิ่งใหญ่ต่างมีวรยุทธเหนือกว่า 50 ปี ด้วยซ้ำตอนอายุเท่านี้

อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้บ่งบอกว่าเย่เฟิงคนก่อนในโลกเทวะจะอ่อนแอ เพียงแต่ทรัพยากรมันมีไม่พอเพียงเท่านั้น เพียงแค่ใบหญ้าทองคำพวกเขาก็แทบจะต้องต่อสู้แลกชีวิตกันแล้วภายในโลกเทวะ

ซูเฟยหยิ่งก็ไม่ได้สนใจเย่เฟิงเกี่ยวกับปัญหาเรื่องวรยุทธของเขาเลย เธอดูสงบอย่างมาก เนื่องจากการอยู่รอดภายในโลกเทวะนั้น มันไม่ได้เพียงขึ้นอยู่กับแค่วรยุทธเท่านั้น ด้วยพรสวรรค์ของเย่เฟิงขอแค่เขามีเวลาเพียง 20 ปี ก็จะมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าผู้คนมากมายนัก

แต่มันก็น่าเสียดายนักที่วันนั้นมาไม่ถึง พวกเขาทั้งสองคนก็ถูกส่งมาที่โลกใบนี้แล้ว

“ไปกันเถอะ”

เย่เฟิงกลับไปยังด้านข้างจื่อเจี้ยนหลานแล้วก็พาเธอจากไป

พรรคพวกอีกสี่คนที่เหลือของเฉินฮุยไม่กล้าที่จะขัดขวาง ขณะที่กำลังตกใจก็วิ่งไปยังตำแหน่งที่เฉินฮุยกระเด็นไปยังถังขยะและช่วยเขาขึ้นมา

นี้มันเป็นความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่แล้ว!

เจ้าเด็กคนนี้แท้จริงแล้วเขามีวรยุทธเพียงแค่สิบกว่าปีจริงงั้นหรือ? เฉินฮุยรู้สึกว่าหมัดของเย่เฟิงได้ทำให้อวัยวะภายในของเขาบาดเจ็บอย่างรุนแรง

แล้วเป็นไปได้ยังไงกันถึงมีความรวดเร็วขนาดนั้น?

หมัดนั่นรวดเร็วจนแม้กระทั่งจอมยุทธ์รุ่นเยาว์อันดับหนึ่งเช่นตัวเขาถึงกับตอบโต้ไม่ทันเลย!

เขารู้สึกโมโหอย่างมาก

ยามเมื่อเขามองไปรอบๆอีกครั้ง ก็ไม่พบพวกเขาทั้งสองคนแล้ว เย่เฟิงได้พาจื่อเจี้ยนหลานจากไปอย่างรวดเร็ว

“ไปตามล่าซะ! ตามล่าเจ้าเด็กหนุ่มและหญิงสาวแพศยานั้น จะต้องทำให้พวกสารเลวนั้นถึงกับร้องขอความตาย!”

ใบหน้าที่หล่อเหลาของเฉินฮุยบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ ยามเมื่อนึกถึงเย่เฟิงที่พาตัวจื่อเจี้ยนหลานไป เขาก็รู้สึกขัดใจพร้อมกับพูดเสริมไปอีกว่า “ถ้าจับหญิงแพศยานั่นได้เมื่อไหร่แล้วล่ะก็ ฉันจะเล่นกับเธอให้ตายไปเลย”

คำพูดเหล่านี้ต่างถูกแอบฟังโดยเย่เฟิงและจื่อเจี้ยนหลานที่แอบอยู่ใกล้ๆ ยามเมื่อเฉินฮุยโมโหด้วยความอับอายในที่สุดเขาก็เปิดเผยธาตุต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน

อันที่จริงแล้ว เฉินฮุยคงไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงกำลังแอบฟังอยู่ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่เปิดเผยสันดานชั่วร้ายของเขาออกไป

“รู้แล้วใช่ไหมว่ามันเป็นคนยังไง?”

เย่เฟิงแค่นเสียง “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะจัดการมัน ถ้าฉันอยู่เพียงลำพังเมื่อไหร่ ชีวิตสุนัขของมันต้องจบสิ้นแน่นอน”

เนื่องจากอยู่ท่ามกลางผู้คน จากคำพูดนั้นมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเสียดายสำหรับเย่เฟิง ถ้าหากมันเป็นที่ห่างไกลและลับตาผู้คน เย่เฟิงคงจะสังหารอีกฝ่ายหมดทั้งห้าคนจากนั้นก็ค่อยจากไปแล้ว

เมื่อเทียบกับต้องเผชิญหน้ากับเฉินฮุยมันก็ดีกว่าที่จะต้องเผชิญหน้ากับวังไท่จี๋ทั้งหมด และด้วยการกระทำครั้งนี้ที่มันทำให้เย่เฟิงรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้สังหารเฉินฮุย

จื่อเจี้ยนหลานที่แอบฟังแนบชิดอยู่กับหน้าอกของเย่เฟิง เหลือบมองไปยังเฉินฮุยที่โมโหด้วยความอับอายจนเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมา และภายในใจก็รู้สึกว่าโชคดีนัก โชคดีที่ว่าเย่เฟิงกลับมาหา ไม่เช่นนั้นตัวเธอก็คงจะติดตามอีกฝ่ายไปด้วยแล้ว

“ขอบคุณนะ”

สาวสวยพูดบอกเบาๆ

“ขอบคุณเรื่องอะไรกัน เดี๋ยวพวกเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว แน่นอนว่าใครกล้าที่จะมารังแกเธอ ฉันจะต้องทำให้มันไปพบกับเหยียนหวังเย่*แน่นอน”

[คั่นหนังสือ : *เหยียนหวังเย่ / พญายม]

เย่เฟิงลูบหัวของเธอพลางพูดด้วยรอยยิ้ม

เพียงแค่คนของสำนักเซียนเร้นลับได้ทำให้หลงหวางเอ๋อบาดเจ็บ เย่เฟิงก็บุกไปหาอีกฝ่ายจนแทบจะทำลายทั้งสำนัก!

โดยไม่สนว่าคนเล่านั้นจะเป็นใครมาจากไหน ตราบเท่าที่พวกมันกล้าแตะต้องคนของเขา เย่เฟิงจะทำให้อีกฝ่ายไม่ได้อยู่อย่างสงบ อย่างน้อยที่บนโลกใบนี้ เย่เฟิงก็กล้าจะกระทำอย่างที่เขาได้อยู่ไว้แน่นอน

ถ้าย้อนกลับไปตอนที่ยังอยู่ในโลกเทวะแล้วล่ะก็ เย่เฟิงคงจะจัดการถอนรากถอนโคนมันทั้งหมด!

เมื่อได้ฟังคำพูดของเย่เฟิง ในใจของสาวสวยยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอบอุ่น และคิดถึงอีกครั้งว่าการที่ได้พบเจอกับเย่เฟิงมันคงเป็นโชคของเธอแล้ว

พวกเขาทั้งสองก็จากไปอย่างเงียบๆ ขึ้นรถแท็กซี่ไปยังสนามบินที่ใกล้ที่สุด เพียงแต่ว่าตั๋วเครื่องบินมันมีเพียงใบเดียวเท่านั้น

“ฮัลโหล? เหมิงหาน จองตั๋วเครื่องบินเพิ่มให้หน่อยสิ”

เย่เฟิงโทรศัพท์ไปหาซูเหมิงหาน “ฉันได้พาน้องสาวคนเล็กกลับมาให้เธอด้วย”

“น้องสาวคนเล็ก?”

น้องสาวคนเล็กของเธอที่ไหนกัน? ซูเหมิงหานได้ยินก็รู้สึกสงสัย แต่ไม่นานเธอก็รู้ชื่อของจื่อเจี้ยนหลานได้จากบัตรประชาชน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับสาวสวยอายุที่ 19 ปี คนนี้

เย่เฟิงเป็นคนอย่างไรกันแน่? โอ้ย! ออกจากบ้านไปครั้งหนึ่งตอนกลับมาก็หิ้วสาวสวยกลับมาด้วย ถ้าหากมันยังเป็นอยู่อย่างนี้ บ้านของเขาที่หมู่บ้านชิงเฟิงมันก็คงจะเต็มไปด้วยสาวสวยมากมายแล้ว!

อย่างไรก็ตาม ซูเหมิงหานก็ไม่ได้ถามอะไรทั้งสิ้น ใช้ข้อมูลนิดหน่อยเพื่อจองตั๋วเครื่องบินให้เป็นเที่ยวบินเดียวกับเย่เฟิง

“น้องสาวเจี้ยนหลานสวยจริงๆ บางทีพวกเราก็เทียบไม่ได้เลย”

ซูเหมิงหานยิ้มเล็กน้อย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เฟิงก็ได้กลิ่นของปัญหาออกมาอย่างชัดเจนจนทำอะไรไม่ถูก กำลังที่จะอธิบายอีกครั้ง อีกฝ่ายก็ชิงวางสายไปก่อน

จื่อเจี้ยนหลานที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้าง ได้ยินว่าเย่เฟิงกล่าวถึงตัวเธอ เธอก็เงี่ยหูฟัง

“นั่นจะต้องเป็นพี่สะใภ้แน่นอน”

เมื่อจื่อเจี้ยนหลานคิดเช่นนั้นในใจพลันรู้สึกอิจฉา แต่เธอก็คิดว่ามันไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก อย่างน้อยเย่เฟิงก็ยินดีที่พาเธอกลับบ้านไปด้วย เรื่องนี้ก็ทำให้เธอมีความยินดีแล้ว

ยามเมื่อพวกเขาทั้งสองมาถึงเหยียนจิง ก็เรียกแท็กซี่ไปถึงหมู่บ้านชิงเฟิงประมาณสี่โมงเย็น

เมื่อคิดถึงเรื่องที่จื่อเจี้ยนหลานตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกจ้องมองจากผู้คน เย่เฟิงไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี เสน่ห์ของน้องสาวคนเล็กนี้เหลือล้นจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้าที่อ่อนวัยไร้การแต่งแต้มของเครื่องสำอางที่มันหาพบได้ยากจากผู้หญิงสมัยนี้

เหมือนกับพี่สาวหลินชื่อฉิง ที่มองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ซึ่งเทียบกับพี่สาวและพวกผู้หญิงคนอื่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับนกกระเรียนยืนอยู่ท่ามกลางฝูงไก่

“ออกไปกันเถอะ”

คนขับได้จอดรถอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านชิงเฟิง เย่เฟิงก็พาสาวงามน้อยออกมา คนขับแท็กซี่ยังคงอึกอักไม่เต็มใจที่จะจากไป หันไปมองยังใบหน้าที่สวยงามของจื่อเจี้ยนหลานเป็นเวลานาน

“เฮ้ พี่ชายอย่าคิดฝันกับสาวสวยอยู่เลย”

ยามหนุ่มที่อยู่แถวนั้นพบเห็นก็เดินมาหาและส่งยิ้มให้ ตบฝากระโปรงรถเบาๆ “น้องชายคนนั้นเป็นคนสำคัญของเหยียนจิง พาสาวสวยกลับมาไม่รู้จักหมดสิ้น”

“จริงหรอ?”

คนขับแท็กซี่ได้ยินก็สงสัย เขาน่าจะมีอายุประมาณ 20 ปีเอง ทำไมคนสำคัญของเหยียนจิงถึงต้องมานั่งแท็กซี่กัน?

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองผ่านกระจกหน้าต่างรถเห็นจื่อเจี้ยนหลานที่มีรูปโฉมอ่อนวัยสมบูรณ์แบบ ใบหน้าธรรมชาติที่บริสุทธ์ไร้การแต่งแต้มจนทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม และคิดว่าหญิงสาวที่สวยเช่นนั้น ถ้าไม่ใช่เป็นพวกคนใหญ่คนโตก็คงไม่มีแบบนั้นบ้างแน่

“เฮ้อ สาวสวยขนาดนั้นก็ต้องถูกครอบครองโดยคนรวยอยู่แล้วล่ะนะ”

พี่ชายคนนั้นก็ส่ายหัวพลางถอนหายใจและในที่สุดก็ขับรถออกไป

เย่เฟิงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณไปยังทางเข้า ก็ได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกัน ก็รู้สึกสงสัยในทันที สาวสวยอะไรที่เขาพามาไม่รู้จักหมดสิ้นกัน? เรากลายเป็นพวกเจ้าชู้อย่างที่คนเขาว่ากันแล้วงั้นหรอ!

ก็เห็นอยู่ว่าหญิงสาวพวกนั้นไม่ยอมที่จะไปกัน!

เย่เฟิงคิดอยู่ชั่วครู่ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่ว่า บ้านของเขามีสาวสวยอยู่มากมาย หลงหวางเอ๋อ และ ซูเหมิงหาน ที่สวยงามและมีสเน่ห์ ไหนจะน้าสาวที่ดูเซ็กซี่อีก นอกจากนี้ หลินชื่อฉิงที่เมื่อเร็วๆนี้ก็ยังมาอยู่ที่นี้อีกคน

เมื่อใกล้จะมาถึงบ้านแล้ว จื่อเจี้ยนหลานก็เกิดกังวลเล็กน้อย เธอหวาดกลัวว่าคนในครอบครัวของเย่เฟิงจะไม่ชอบตัวเธอ

“พี่เย่!”

ในตอนนี้เย่เหวินเทียนและหนานฟางก็อยู่ในบ้านเขา หนานฟางกำลังเตรียมตัวจะแอบออกไปหาของกิน แต่ก็พบเห็นว่าเย่เฟิงพาจื่อเจี้ยนกลับมาแล้ว นัยน์ตาทั้งสองก็แทบจะเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจ

โอ้ หญิงสาวสวยใสคนนี้มาจากที่ไหนกันแน่?

หนานฟางจ้องมองเขม็งไปยังใบหน้าที่สวยงามบริสุทธ์พลางกลืนน้ำลายลงอย่างไม่รู้ตัว!

……………………………..

แปลโดย คั่นหนังสือ GSI