บทที่ 264 ฉีหลินจื่อปรากฏกาย

ลูกศรจำนวนมากราวกับห่าฝน พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง เย่เฟิงในตอนนี้ยืนอยู่ใจกลางลานหินอ่อน ห่างจากกำแพงเพียง 50-60 เมตร ต่อให้ใช้ความเร็วสูงสุด ก็ไม่มีทางหลบหนีไปจากลูกศรห่าฝนเหล่านี้ได้แน่

ศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักหลายคนที่อยู่ในห้องควบคุมกลไกต่างพากันโล่งใจในที่สุด เจ้าหนุ่มที่ชื่อเย่เฟิงนี่น่ากลัวเกินไป แม้แต่สี่ผู้อาวุโสของสำนักก็ไม่อาจทำอะไรมันได้เลย แต่เมื่ออยู่ภายใต้ศรห่าฝนจำนวนมหาศาลนี้ มันย่อมไม่มีทางหนีไปได้และสิ้นชีพในที่แห่งนี้ในที่สุด

เมื่อเจ้าสำนักฉีหลินจื่อมาถึงที่นี่ พวกเขาที่ร่วมกันจัดการศัตรูร้ายตัวนี้ย่อมได้รับคำชื่นชมอย่างแน่นอน

“ระวัง!”

จื่อเจี้ยนหลานที่อยู่ภายนอกลานหินอ่อนมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะร้องเตือนด้วยความร้อนใจ ดวงตาคู่งามเบิกกว้างพร้อมกับหัวใจที่บีบรัด

ต้องกล่าวว่ากำแพงเหล่านี้ สร้างขึ้นตามหลักการออกแบบของสงครามในเมืองโบราณ ต่อให้มีผู้ฝึกยุทธ์มากมายร่วมกันทำการปิดล้อมที่นี่ ก็ย่อมถูกศรห่าฝนสังหารไปเสียทั้งหมด แล้วจะนับประสาอะไรกับเย่เฟิงที่มีอยู่ตัวคนเดียว

ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงกลับทำในสิ่งที่ทุกคนไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง

กระบี่ผ่ามิติ!

สิ่งที่ชายหนุ่มทำ ไม่ใช่การล่องหน แต่เป็นการเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปเลย!

ในเวลาเพียงไม่ถึง 0.01 วินาที ร่างของเย่เฟิงกลับหายไปจากใจกลางลานหินอ่อน จากนั้นจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งนอกลานหินอ่อน การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วพริบตา

ด้วยเหตุนี้ ลูกศรจำนวนมากปักลงพื้นไปทั่วลานหินอ่อน แต่ในเวลานี้ มันไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยที่อยู่ภายใน

ผู้อาวุโสจมูกโตและผู้อาวุโสคุมกฏหลี่เทียนนั้นสิ้นชีพไปก่อนหน้านี้แล้วภายใต้กระบี่ของเย่เฟิง ส่วนร่างเทียมของชายหนุ่มที่ถูกขังอยู่ภายในกรงเหล็กนั้น เมื่อถูกศรห่าฝนโจมตีใส่ก็แตกสลายกลายเป็นควันไปต่อหน้าต่อตาทุกคน

“ไปกันเถอะ ไปหาฉีหลินจื่อ”

เย่เฟิงมายืนอยู่ด้านหน้าจื่อเจี้ยนหลานที่กำลังตกตะลึง เขากล่าวกับหญิงสาวอย่างเรียบง่าย

“……”

จื่อเจี้ยนหลานยังไม่อาจตอบสนองได้ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อครู่นี้ หญิงสาวกำลังรู้สึกปวดใจกับการที่ต้องเห็นเย่เฟิงถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตา แต่ในเวลานี้ ชายหนุ่มกลับเคลื่อนที่ออกจากลานหินอ่อนในชั่วพริบตา มายืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว

เขาทำได้อย่างไรกัน?

ในใจของจื่อเจี้ยนหลานบังเกิดความมั่นใจมากขึ้น เย่เฟิงนั้นเป็นคนที่ลึกลับและแข็งแกร่งมาก หากต้องเผชิญหน้ากับฉีหลินจื่อ เขาคงสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้ใช่ไหม?

“เธอเดินไหวไหม?”

เย่เฟิงเดินเข้ามาสำรวจอาการหญิงสาว เมื่อเห็นไปหน้าที่ซีดเซียว เขาก็พลันขมวดคิ้ว

“ไหว ฉันยังพอเดินไหว”

จื่อเจี้ยนหลานกล่าวเสียงอ่อน พร้อมกับพยายามลุกขึ้นยืน

“ฉันจะพาเธอไปเอง”

เย่เฟิงมองก็อาการของจื่อเจี้ยนหลานแล้วก็รู้ว่าพิษจากผงทลายใจนั้นร้ายแรงขึ้นกว่าเดิม จึงเข้าไปอุ้มร่างบางเข้ามาในอก

เมื่อชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปในลานหินอ่อนที่เต็มไปด้วยลูกศร ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นทันที

ตึง!

กรงเหล็กถูกยกขึ้นมาดักจับอีกครั้ง แต่ก็ถูกกระบี่ของเย่เฟิงฟันจนกระจายเป็นชิ้นๆ ชายหนุ่มยังคงก้าวต่อไปขณะโอบอุ้มจื่อเจี้ยนหลานไว้ด้วย เพราะเขายังมีเรื่องต้องพึ่งผู้หญิงคนนนี้อยู่

“คนของสำนักเซียนเร้นลับทั้งหมดจงฟัง!”

เย่เฟิงรู้ว่าในสำนักเซียนเร้นลับตอนนี้ มีเพียงฉีหลินจื่อคนเดียวเท่านั้นที่ยังเป็นภัยคุกคามแก่เขา ชายหนุ่มจึงไม่คิดจะหลบซ่อนตัวอีกต่อไป “ในวันนี้ เย่เฟิงคนนี้จะสังหารฉีหลินจื่อเจ้าสำนักของพวกแกด้วยมือคู่นี้ ถ้าไม่อยากตายก็จงหลีกทางไปซะ หากมันผู้ใดที่คิดจะเข้ามาขวาง ก็จงเตรียมตัวตายได้เลย!”

ชิ้นส่วนน้ำแข็งพันปีในมือ กำลังเติมเต็มเจินชี่ที่ถูกใช้ไปให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของเย่เฟิงกลับมาสู่สถานะที่พร้อมต่อสู้อีกครั้ง

คำพูดของเขาทำให้เหล่าศิษย์สำนักหลายคนที่อยู่ที่นี่เงียบกริบไปทันที และไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่ปลายนิ้ว นี่จึงทำให้เย่เฟิงสามารถเดินทางผ่านลานหินอ่อนนี้ไปอย่างง่ายดาย มุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางสำนัก

เมื่อมาถึง สถานที่ซึ่งเขายืนอยู่นี้เป็นที่ของคนสำนักเซียนเร้นลับใช้ในการหารือเรื่องสำคัญต่างๆ และเป็นจุดนัดรวมตัวของเหล่าศิษย์สำนักทั้งหลาย อย่างไรก็ตามตอนนี้เป็นช่วงค่ำแล้ว ศิษย์สำนักส่วนใหญ่ล้วนแยกย้ายกันเข้านอน ที่แห่งนี้จึงเปล่าเปลี่ยวและไร้ซึ่งผู้คน

“ฉีหลินจื่อน่าจะพักผ่อนอยู่ที่ตำหนักส่วนท้าย”

“อืม”

เย่เฟิงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านหน้าประตู ห้องโถง จนมาถึงลานหน้าตำหนัก ด้านซ้ายมือนั้นเป็นสวนที่ถูกจัดเรียงด้วยหินรวมทั้งน้ำพุ ส่วนด้านขวามือเป็นห้องแถวที่อยู่เรียงกันออกไป จื่อเจี้ยนหลานบอกว่านั่นเป็นที่พักของศิษย์ในสำนัก

แต่ในส่วนด้านหน้านั้น เป็นตำหนักสูงราวๆสามชั้นซึ่งแยกออกไปจากที่พักของเหล่าศิษย์สำนัก มันมีบริเวรค่อนข้างกว้างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งมันก็คือตำหนักส่วนท้ายที่จื่อเจี้ยนหลานกล่าวไว้

เย่เฟิงไม่จำเป็นต้องกระจายทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปสำรวจภายใน ก็พบว่าภายใต้แสงจันทร์นี้ มีร่างของชายชราหลักค่อมกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสามของตำหนัก และมองลงมาหาเย่เฟิงด้วยสายตาที่ไม่แยแส

ฉีหลินจื่อ!

เจ้าสำนักเซียนเร้นลับ เขารู้อยู่แล้วว่าเย่เฟิงต้องมา แต่สาเหตุที่ชายชราไม่ปรากฏตัวออกมาตั้งแต่ทีแรก นั่นก็เพราะต้องการยืมมือชายหนุ่มจัดการกับบางสิ่ง

ตำราวรยุทธ์มีดบินปีศาจคำราม ไม่ว่าใครก็ล้วนต้องการสิ่งนี้ หากมันตกไปอยู่ในมือของผู้อาวุโสคุมกฏหลี่เทียน ตำแหน่งของฉีหลินจื่อย่อมสั่นคลอนทันที ดังนั้น เขาจังเฝ้ามองดูเย่เฟิงต่อสู้กับผู้อาวุโสทั้งสี่อย่างใจเย็น ซึ่งไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เขาก็ย่อมได้ประโยชน์ทั้งสิ้น

“ไอ้หนุ่ม แกใจกล้าดีนี่”

ฉีหลินจื่อเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน เสียงแหบแห้งและฟังดูมืดมนดังออกมาจากยอดหอคอยของตำหนัก

เมื่อจื่อเจี้ยนหลานมองเห็นชายชราหลังค่อม ความรังเกียจและเกรงกลัวก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตา โชคดีที่ภายใต้อกแกร่งของเย่เฟิงนี้ หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความมั่นคงและความอบอุ่นที่ช่วยลดทอนความหวั่นกลัวลงไปได้มาก

“ฉันก็คิดว่าแกกล้าดีเหมือนกัน ตาเฒ่า”

เย่เฟิงยิ้ม “ที่ส่งนักฆ่ามารังควานคนของฉัน เป็นความคิดของแกงั้นหรอ?”

ฉีหลินจื่อยืนอย่างมั่นคง ขณะที่จ้องมองเย่เฟิงที่โอบร่างของจื่อเจี้ยนหลานไว้ ความเหี้ยมเกรียมก็ฉายวาบขึ้นมาในดวงตาของชายชราทันที เจ้าเด็กคนนี้ถึงกับกล้าแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงของเขา

ถึงแม้ฉีหลินจื่อจะแก่ชรา แต่เพราะฝึกฝนวรยุทธ์ ความชราไม่ได้ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงเลยแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้หลังสิ้นสุดการปิดด่านฝึกตนอันแสนโดดเดี่ยวเดียวดาย เมื่อเห็นเด็กสาวที่เคยรับเลี้ยงไว้ เติบโตขึ้นจนกลายเป็นโฉมสะคราญอย่างไม่คาดหมาย นี่ทำให้ชายชรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง!

สำหรับฉีหลินจื่อแล้ว สำนักเซียนเร้นลับนี้เป็นของเขา หากเขาต้องการสิ่งใด ไม่ว่าใครหน้าไหนก็คัดค้านไม่ได้ทั้งนั้น

“มันเป็นความคิดของฉันเอง แล้วจะทำไม?”

ฉีหลินจื่อยิ้มอย่างเย็นยะเยือก “ในเวลาที่แกก้าวเข้ามาที่นี่ ชีวิตของแกก็จบสิ้นแล้ว!”

“งั้นหรอ?”

เย่เฟิงแสดงท่าทีไม่ยินดียินร้าย ขณะมองไปยังทางซ้ายและขวา

เขาสัมผัสได้ว่าที่สวนทางด้านซ้ายมือ ตลอดจนที่พักอาศัยทางขวามือ มีศิษย์สำนักเซียนเร้นลับกำลังดักซุ่มอยู่กว่า 10 คน รอคอยโอกาสจู่โจมด้วยมีดบืนและอาวุธลับที่เปล่งประกายแวววาว

“วางผู้หญิงคนนั้นลง แล้วส่งตำราวรยุทธ์มีดบินปีศาจคำรามมาซะ”

ร่างค่อมของฉีหลินจื่อภายใต้แสงจันทร์ดวงนี้ดูมืดมนเป็นอย่างยิ่ง “บางที ฉันคนนี้อาจจะไว้ชีวิตน้อยๆของแกก็ได้”

คำพูดที่ฟังดูไร้สาระนี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเชื่อ

เย่เฟิงมั่นใจว่าทันทีที่เขาวางร่างของจื่อเจี้ยนหลานลง มีดบินและอาวุธลับมากมายจะถูกโจมตีเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง สาเหตุที่ชายชราไม่ลงมือตอนนี้ก็เพราะไม่ต้องการให้จื่อเจี้ยนหลานได้รับบาดเจ็บ

ถึงอย่างนั้นในสถานการณ์ตอนนี้ เย่เฟิงก็มีไพ่ตายที่เย่เวิ่นเทียนได้บอกแก่เขาก่อนมาที่นี่แล้วเช่นกัน

…………………….

แปลโดย Solar Spark