บทที่ 262 ราวกับภูติผีปีศาจ

เมื่อเผชิญหน้ากับชายชราทั้งสี่ เย่เฟิงไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแม้แต่น้อย ต่อให้คู่ต่อสู้มีระดับวรยุทธ์สูงกว่าเขานับสิบเท่าก็ตาม เพราะการแพ้ชนะนั้น ไม่ได้วัดกันที่ระดับวรยุทธ์เพียงอย่างเดียว

ในเวลานี้ เย่เฟิงมุ่งตรงเข้าไปลอบโจมตีฝ่ายตรงข้าม พร้อมกับระยะห่างระหว่างคนสองกลุ่มแคบลงเรื่อยๆ แต่ชายชราทั้งสี่ ไม่ได้รับรู้ถึงการคงอยู่ของเย่เฟิงเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งชายหนุ่มเข้าใกล้ชายชราร่างอ้วนในระยะ 5 เมตร

ทักษะเซียน – เพลิงสุดขั้ว!

เพลิงสีขาวลูกหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาบนอากาศและพุ่งเข้าใส่หน้าอกของชายชราร่างอ้วน จากนั้นเย่เฟิงจึงผละตัวอย่างจากเป้าหมายทันที

ตู้ม!

ชายชราร่างอ้วนไม่มีเวลาตอบสนองได้ทันแม้แต่เสี้ยววินาที จึงถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านไปในที่สุด

ทักษะเซียน – ล่องหน!

เย่เฟิงกลับสู่สภาพล่องหนอีกครั้งราวกับภูติผีปีศาจใต้แสงจันทรา!

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

ชายชราทั้งสามคนที่เหลือต่างตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการปาอาวุธลับออกไป พวกมันพุ่งเข้าหาชายหนุ่มจากทุกทิศทางราวกับค่ายกล! แม้ความเร็วของเย่เฟิงจะสูงยิ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหลบหลีกไปได้ทั้งหมด

ฉัวะ!

มีดสองเล่มปักใส่แขนเย่เฟิง โลหิตหลั่งไหลออกมาหยดลงบนก้อนหินริมทาง ทำให้ชายชราทั้งสามค้นพบร่องรอยของเขาทันที

แม้จะไม่รู้ว่าเย่เฟิงสามารถหายตัวไปได้อย่างไร แต่พวกเขาก็รับรู้แล้วว่าชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บ ต่อให้หายตัวได้ก็ไม่อาจหลบหนีไปจากการติดตามร่องรอยของทั้งสามคนได้

เป็นครั้งแรกที่จื่อเจี้ยนหลานซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ ได้เห็นเย่เฟิงล่องหนไปต่อหน้าต่อตา แม้ทีแรกจะคิดว่าตัวเองตาฝาดไป แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นมาเผาไหม้ผู้อาวุโสร่างอ้วนอย่างฉับพลัน เธอก็เข้าใจแล้วว่าเย่เฟิงสามารถล่องหนได้จริงๆ!

เพราะเป็นเช่นนี้เอง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงสังหารหัตถ์มารทลายเทพได้อย่างง่ายดาย

ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มีความสามารถที่ฝืนกฏสวรรค์ได้ถึงขั้นนี้? แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ที่ได้รับบาดแผลจนเลือดไหล แล้วเขาจะล่องหนเพื่อหลบหนีได้อย่างไร?

หัวใจของจื่อเจี้ยนหลานบีบรัดแน่น หญิงสาวเป็นห่วงความปลอดภัยของเย่เฟิงเหลือเกิน

ในตอนนี้ ความหวังเดียวของเธอคือให้เย่เฟิงสังหารเหล่ามือดีของสำนักเซียนเร้นลับให้ได้ ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่จะได้รับยาถอนพิษมา เธอยังจะเป็นอิสระจากสำนักนี้ด้วย แต่หญิงสาวยังอดคิดไม่ได้ว่าเย่เฟิงนั้นยังหนุ่มเกินไป ไม่มีทางที่จะเอาชนะผู้นำสำนักฉีหลินจื่อได้แน่

“น่ารำคาญจริงๆ”

เย่เฟิงรับรู้ได้ถึงแววตาของฝั่งตรงข้าม และเข้าใจว่ารอยเลือดจะเปิดเผยตำแหน่งของเขา ขณะที่ชายหนุ่มเคลื่อนไหวอยู่นั้น ทักษะย่างก้าวไร้เงาก็ปะทุขึ้นมา ส่งร่างเขาให้พุ่งออกไปอีกด้านหนึ่งของพุ้มไม้

“ตาม!”

ผู้อาวุโสคุ้มกฏหลี่เทียนเค้นเสียงเย็น ปามีดเข้าใส่ตำแหน่งของชายหนุ่ม จากนั้นก็พุ่งตัวตามเขาไปติดๆ

มีดบินทั้งหมดล้วนไม่เข้าเป้าและปักอยู่กับต้นไม้ แต่เมื่อพวกเขาติดตามไป ชายชราทั้งสามก็เห็นเพียงแสงสีทองที่สว่างวาบขึ้นมาเพียงชั่วครู่ จากนั้นร่องรอยของเย่เฟิงก็หายไปทั้งหมด

ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์!

บาดแผลเพียงเล็กน้อยถูกรักษาอย่างรวดเร็ว เย่เฟิงดึงมีดทั้งสองเล่มซึ่งปักที่แขนทิ้งไป จากนั้นจึงเข้าสู่สภาพล่องหนอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง

“มันใช่มนุษย์แน่รึ?”

ชายชราทั้งสามคนอาศัยความสว่างจากแสงจันทร์เพื่อติดตามร่องรอยจากหยดเลือดบนพื้น แต่ร่องรอยนี้กลับหยุดชะงักลงกลางคัน

พวกเขาต่างมองขึ้นไปด้านบนตามจิตสำนึก คิดว่าเย่เฟิงกำลังปีนต้นไม้ขึ้นไป แต่ทันใดนั้น แสงประกายสีเขียวเข้มก็พลันสว่างวาบขึ้นมา ปลายกระบี่แทงเข้าใส่หน้าอกของชายชราร่างผอมทันที

ฉึก!

ชายชราคนนั้นตอบสนองได้ทันท่วงทีด้วยการเบี่ยงกายหลบ ทำให้กระบี่ของเย่เฟิงแทงใส่แขนของเขาแทน

ชั่วขณะนี้ ชายชราพยายามจะโจมตีสวนกลับ แต่เย่เฟิงก็อ้าปากพ้นบอลไฟเข้าใส่ใบหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“ตู้ม!”

การพ้นไฟทางปากสามารถปลดปล่อยได้เพียงเปลวเพลิงสีแดงเท่านั้น มันไม่อาจเผาไหม้ได้เร็วนัก ชายชราร่างผอมจึงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากใบหน้าที่ถูกเผาไหม้โดยไม่คาดคิด!

หากเป็นหลงโม่หรัน เขาสามารถใช้พลังชี่สร้างเกราะคุ้มกัน ป้องกันการโจมตีจากเปลวเพลิงนี้ได้ แต่ช่างน่าสงสารที่ชายชราคนนี้ไม่ได้สำเร็จวรยุทธ์ถึงขั้นนั้น จึงได้เพียงกรีดร้องด้วยความทุรนทุราย

เมื่อเย่เฟิงปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง หลี่เทียนและชายชราจมูกโตก็รีบตอบสนองโดยการใช้ทักษะการสังหารอันแม่นยำของสำนักเซียนเร้นลับทันที!

ในความคิดของพวกเขา กระบี่ของเย่เฟิงนั่นเสียบอยู่ที่แขนของชายชราร่างผอม การถอนกระบี่กลับมาต้องใช้เวลาอยู่เสี้ยววินาทีหนึ่ง แต่ด้วยทักษะสังหารร่วมกันของพวกเขา เวลาแค่นี้ก็มากพอที่จะใช้สังหารเย่เฟิงได้

น่าเสียดายที่พวกเขาคิดผิดไป

กระบี่ของเย่เฟิงนั้นไม่ใช่สิ่งที่มีตัวตน แต่ประกอบกันขึ้นมาจากเจินชี่ มันสลายหายไปทันทีตามเจตจำนงของผู้ใช้ ทำให้ร่างของชายชราที่ลุกท่วมด้วยเปลวเพลิงไร้ที่ยึดเหนี่ยวและล้มลงบนพื้น

มีดบินยังคงโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เย่เฟิงไม่ได้เกรงกลัวอะไรแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่เขายังหาโอกาสปลดปล่อยเพลิงสุดขั้วเข้าใส่ชายชราร่างผอมซ้ำ หลังจากนั้น ทักษะย่างก้าวไร้เงาก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ส่งร่างของชายหนุ่มหายวับเข้าไปในป่าลึก

ก่อนหน้านี้ในการต่อสู้กับคนของสำนักเซียนเร้นลับที่ทะเลจีนตะวันออก เย่เฟิงได้รับพิษอัมพาตจนแทบขยับไม่ได้ จึงทำได้แค่ต่อสู้อย่างทุลักทุเล แต่เวลานี้ เขาไม่มีขีดจำกัดใดมาขวางกั้นอีกแล้ว

ร่างของเย่เฟิงหายวับไปต่อหน้าต่อตาชายชราทั้งสองอีกครั้งราวกับภูติผี ทำให้พวกเขาต้องหยุดโจมตีด้วยอาวุธลับ มีดบินมากกว่าสิบเล่มที่โจมตีออกไปก่อนหน้านี้ล้วนปักเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่จนหักโค่นลงมาเสียงดังสนั่นไปทั่ว

“กลับไปที่ลานหินอ่อน”

ชายชราที่เหลือทั้งสองต่างมองหน้ากัน ก็เกิดความคิดที่จะใช้กลไกกับดักเข้าช่วย

เย่เฟิงคนนี้น่ากลัวเกินไป หากยังต่อสู้อยู่ในที่แบบนี้ต่อ บางทีพวกเขาอาจต้องตายกันหมด แต่กลไกกับดักที่ลานหินอ่อนยังพอใช้รับมือได้อยู่

โดยแทบจะไม่มีความลังเลใดๆ ชายชราทั้งสองคนกระโดดออกจากป่า มุ่งหน้าเข้าสู่ลานหินอ่อนทันที

ในเวลานี้ จื่อเจี้ยนหลานที่หลบซ่อนตัวอยู่รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา เมื่อเห็นชายชราสามคนไล่ล่าชายหนุ่มเข้าไปในป่า แต่สุดท้ายกลับออกมาเพียงสองคน หัวใจหญิงสาวก็บีบรัดแน่น พวกเขาจัดการกับเย่เฟิงแล้วหรอ? ทำไมเย่เฟิงถึงไม่กลับออกมา?

จื่อเจี้ยนหลานคิดว่าเธอไม่อาจมองดูเฉยๆได้อีกต่อไปแล้ว หญิงพยายามจับลำต้นไม้เพื่อยืนขึ้น ส่งผลให้พิษของผลทลายใจในร่างปะทุขึ้นมาอีกครั้ง พิษของมันทำให้ผิวขาวเนียนของหญิงสาวเกิดจ้ำสีม่วงเป็นจุดๆ ดูแล้วร้ายแรงมาก

จื่อเจี้ยนหลานเคลื่อนไหวแต่ละก้าวอย่างเชื่องช้า จนในที่สุดก็เกือบจะล้มลง แต่ทันใดนั้น แขนข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาพยุงร่างของเธอไว้

“อย่าเคลื่อนไหวสิ ชายแก่สองคนนั่น ฉันรับมือได้”

เย่เฟิงปรากฏตัวขึ้นมาด้านข้างของหญิงสาว พร้อมกับเอ่ยย้ำเตือน

เขาไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับสาวน้อยคนนี้ หากเธอเป็นอะไรไป ใครจะคอยย้ำเตือนเรื่องกลไกกับดักในสำนักนี้ นอกจากนั้นตำแหน่งที่อยู่ของฉีหลินจื่อก็ต้องให้หญิงสาวคอยแนะนำเขาด้วย

“คุณ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

จื่อเจี้ยนหลานเห็นเย่เฟิงปรากฏตัวขึ้นมาด้านข้างอย่างฉับพลัน แก้มนวลก็เปล่งสีแดงออกมา ขณะตรวจสอบวงแขนของเขา หญิงสาวพบว่ามันมีรูโหว่สองรูบนแขนเสื้อ แต่แขนของเขากลับไม่มีรอยแผลอะไรอยู่เลย!

เป็นไปได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเขาถูกโจมตีด้วยมีดบิน แล้วทำไมถึงไม่มีเลือดไหลเลยล่ะ?

“แล้วฉันต้องเป็นอะไรด้วยหรือไง?”

เย่เฟิงหัวเราะ “วันนี้ถ้าเอายาถอนพิษมาไม่ได้ ฉันไม่ยอมกลับไปแน่ เธออยู่ที่นี่ดูแลตัวเองให้ดีเถอะ หลังจากที่ฉันจัดการตาเฒ่าพวกนั้นเสร็จ เธอค่อยพาฉันไปหาฉีหลินจื่อ”

“อืม”

จื่อเจี้ยนหลานสัมผัสได้ถึงท่อนแขนอันแข็งแกร่งของเย่เฟิง หญิงสาวจึงค่อยใจชื้นขึ้นและพยักหน้าตอบรับ “ระวังกับดักด้วยล่ะ”

“มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”

เย่เฟิงยิ้ม จากนั้นจึงพุ่งตัวออกไปราวกับสายลม!

………………………..

แปลโดย Solar Spark