บทที่ 261 ผู้อาวุโสคุมกฏเคลื่อนไหว!

เมื่อหัตถ์มารทลายเทพฉินสือถูกเย่เฟิงลอบสังหาร ห่างออกไปไม่ไกลนั้น ในห้องโถงหลักของสำนักเซียนเร้นลับก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวในที่สุด

“ป้ายหยกของฉินสือแตกสลายแล้ว”

ชายชราร่างสูงที่ยืนอยู่ในห้องกำหมัดแน่น แสดงให้เห็นถึงความเดือดดาลที่เขามี

ชายชราคนนี้คือผู้คุมกฏอาวุโสของสำนักเซียนเร้นลับ หลี่เทียน

สำนักเซียนเร้นลับนั้นรับเด็กชายและเด็กหญิงกำพร้าเข้ามาเลี้ยงดูในสำนักเป็นเวลาช้านาน หลี่เทียนเองก็รับเด็กกำพร้าที่มีพรสวรรค์อันโดดเด่นคนหนึ่งเข้าเป็นบุตรบุญธรรม นั่นคือหลี่จวิ้นหลง แต่ช่างน่าเศร้าที่หลี่จวิ้นหลงถูกสังหารโดยชายสวมหน้ากากที่เขาฉางไป่เมื่อหลายเดือนก่อน

ด้วยเหตุนี้ หลี่เทียนจึงออกค้นหาตามล่าชายสวมหน้ากากไปทุกที่ แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว จนกระทั่งเขาได้ยินข่าวจากแถบทะเลจีนตะวันออกเมื่อหลายวันก่อน ในที่สุดชายชราจึงรู้ว่าชายสวมหน้ากากที่เขาตามหา แท้จริงแล้วคือเย่เฟิงแห่งตระกูลเย่!

นี่ทำให้หลี่เทียนเกิดความอาฆาตขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนั้นยังมีเรื่องทักษะมีดบินปีศาจคำรามที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาในโลกยุทธภพ สายข่าวเล่าว่า ตำราวรยุทธ์นี้อยู่ในมือของเย่เฟิง ซึ่งนี่ทำให้ชายชราตั้งมั่นที่่จะสังหารเย่เฟิงให้จงได้

แต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องนำตำราวรยุทธ์มีดบินปีศาจคำรามกลับมาก่อน เมื่อเวลานั้นมาถึง อาศัยวรยุทธ์มีดบินปีศาจคำรามนี้ แม้แต่การขับไล่ฉีหลินจื่อออกไป แล้วตั้งตัวเองเป็นผู้นำสำนักแทนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงส่งกองกำลังที่เป็นศิษย์ฝีมือดีของสำนักออกไปมากมาย เพื่อทำการจู่โจมใส่เย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง บีบบังคับให้มันส่งมอบตำราวรยุทธ์มา

แต่หลี่เทียนไม่คิดเลยว่ากลับเป็นคนของเขาที่ถูกสังหารเสียก่อน!

ตามที่ได้ข่าวมา เย่เฟิงมาถึงไถโจวเมื่อบ่ายวันนี้ ส่วนเป้าหมายนั้นไม่ต้องถามก็รู้ เขาไม่คิดเลยว่าเย่เฟิงจะปืนป่ายหุบเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบนี้ ซ้ำยังสังหารหัตถ์มารทลายเทพฉินสือไปอีกด้วย ทำให้มืดดีของสำนักที่มีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งเหลือน้อยลงไปอีก

หลี่เทียนเดือดดาลจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหน้าผาก การกระทำของเย่เฟิงทำให้เขาโมโหจนแทบกระอักเลือด แม้จะเก่งกาจถึงขั้นสังหารหัตถ์มารทลายเทพได้แล้วอย่างไร? สำนักเซียนเร้นลับไม่ใช่ที่ๆมันจะมาก็มา จะไปก็ไปได้!

“ผู้อาวุโสทั้งสาม ตอนนี้บุคคลมีความสามารถของสำนักเรากำลังโรยรา การปรากฏขึ้นมาของวรยุทธ์มีดบินปีศาจคำรามถือเป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง พวกเราต้องเอามันมาให้ได้!”

หลี่เทียนกล่าวอย่างจริงจังกับชายชราทั้งสามที่อยู่ไม่ไกล “ตอนนี้พวกเราทั้งสี่ควรเคลื่อนไหว ออกไปจับตัวเจ้าเด็กเย่เฟิงนั่นมา เมื่อถึงวันที่ทุกคนได้ฝึกฝนทักษะมีดบินปีศาจคำราม ความแข็งแกร่งของสำนักเราจะเพิ่มขึ้น สำนักเซียนเร้นลับของพวกเราจะกลับมาโลดแล่นในโลกยุทธภพอีกครั้งหนึ่ง!”

“ตามที่ผู้อาวุโสหลี่บัญชา”

ชายชราทั้งสามที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกันออกไป ตอบรับพร้อมกันเป็นเสียงเดียว

ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าพวกเราจะรวมมือกันจัดการกับศัตรูภายนอกในครั้งนี้ เพราะในโลกยุทธภพนั้น เป็นที่รู้กันดีว่าเย่เฟิงนั้นถึงกับเอาชนะหลงโม่หรันได้ และความแข็งแกร่งของหลงโม่หรันนั้นเหนือยิ่งกว่าผู้นำสำนักของพวกเขาด้วยซ้ำไป

แม้ฉีหลินจื่อปิดด่านฝึกตนจนมีวรยุทธ์ถึงระดับ 70 ปีแล้ว แต่ความสามารถในการต่อสู้ของหลงโม่หรันนั้น เทียบเท่าหมัดเทพหนานเต่าฉีเสี่ยวหยูซึ่งมีวรยุทธ์ถึงระดับ 80 ปีได้เลย

ด้วยเหตุนี้เอง ชายชราทั้งสี่จึงตัดสินใจจะลงมือพร้อมกัน ส่วนศิษย์สำนักเซียนเร้นลับนั้น เหล่าผู้อาวุโสออกคำสั่งให้พวกเขาห้ามก้าวเท้าออกจากสำนักแม้แต่ก้าวเดียว นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการสละชีพโดยเปล่าประโยชน์

ตามคำบอกเล่าเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเย่เฟิงที่พวกเขาได้ยินมา เหล่าศิษย์สำนักอันดับต้นๆที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 32 ปีพวกนั้น ไม่ต่างอะไรกับมดปลวกให้ถูกสังหารอยู่ฝ่ายเดียว

…………………..

“เย่เฟิง คุณต้องรีบแล้ว ป้ายหยกของสำนักเรามีปฏิกิริยาตอบสนองของมันอยู่”

จื่อเจี้ยนหลานรู้สึกกังวลและกล่าวกับเย่เฟิงด้วยความร้อนใจ “ผู้อาวุโสคุมกฏมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าหัตถ์มารทลายเทพ หากจะลอบโจมตี คุณต้องถูกพบตัวแน่”

“เธอเคยได้ยินชื่อของแม่เฒ่าเจวี๋ยฉิงกับลิ่วจื่อไกว้ไหม?”

เย่เฟิงไม่ตอบหญิงสาว แต่ถามกลับ

จื่อเจี้ยนหลานจ้องมองโดยไม่เข้าใจว่าเหตุใดเย่เฟิงถึงเอ่ยถามคำถามนี้ แต่เธอก็พยักหน้าตอบ “ได้ยินว่าทั้งสองคนนั่นถอนตัวออกจากโลกยุทธภพไปใช้ชีวิตสันโดษอยู่แถวแถบทะเลจีนตะวันออก ตอนนี้คงมีระดับวรยุทธ์มากกว่า 50 ปีแล้ว คุณถามทำไม?”

“คนพวกนั้นถูกผมสังหารไปแล้ว”

เย่เฟิงกล่าว “เพราะงั้นเธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ ค่อยบอกเรื่องสำคัญอย่างกับดักกลไกของสำนักนี้มาก็พอ”

จื่อเจี้ยนหลานรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง ขณะคิดว่าเย่เฟิงคนนี้ช่างเป็นคนที่ไม่อาจเข้าใจได้เลยจริงๆ

หญิงสาวหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ “ถ้าไปตามทางนี้ต่อไป ข้างหน้าจะเป็นลานกว้าง ทุกๆที่จะมีกรงเหล็กผุดขึ้นมากักขังผู้บุกรุกไม่ให้หลบหนี จากนั้นเครื่องยิงศรก็จะยิงลูกดอกออกมาจากกำแพง หากมีใครอยู่ในกรงนั้น ย่อมไม่อาจรอดชีวิตไปได้”

“งั้นหรอ?”

มุมปากของเย่เฟิงโค้งขึ้น เขาอยากจะเห็นจริงๆว่ามันจะร้ายกาจขนาดไหน

ไม่นาน ทักษะสัมผัสวิญญาณของชายหนุ่มก็ค้นพบว่าด้านหน้าห่างออกไป 100 เมตร คือลานกว้างไร้ที่กำบังจริงๆ ลานนี้มีขนาดใหญ่มาก ปูพื้นด้วยหินอ่อน ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา มันสะท้อนด้วยประกายมืดมนชวนให้ประหลาดใจ

ทันใดนั้น ร่างของชายชราก็ปรากฏขึ้นในการรับรู้ของทักษะสัมผัสวิญญาณ ทั้งหมดนั้นล้วนมุ่งหน้าเขามาทางเขา!

วรยุทธ์ระดับ 50 ปีสามคน และ 60 ปีอีกหนึ่งคน เย่เฟิงมั่นใจว่าคนพวกนั่นต้องเป็นผู้อาวุโสของสำนักเซียนเร้นลับแน่นอน

“เธอหลบอยู่นี่ อย่าให้พวกมันพบตัวได้ ฉันจะออกไปจัดการกับพวกตาเฒ่าทั้งสี่ก่อน”

เย่เฟิงวางร่างของจื่อเจี้ยนหลานให้อิงไว้กับต้นไม้ จากนั้นจึงใช้ทักษะอำพรางปกคลุมร่างของหญิงสาวไว้

“อืม คุณก็ระวังตัวด้วย”

จื่อเจี้ยนหลานคิดจะห้ามชายหนุ่ม แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หญิงสาวรู้สึกไม่เห็นด้วยในใจ ชายชราทั้งสี่นั่นชัดเจนว่าต้องเป็นผู้อาวุโสของสำนัก เป็นไปได้อย่างไรที่เย่เฟิงจะรับมือกับพวกเขาทั้งสี่คนพร้อมกัน ท้ายที่สุดก็คงเหลือเพียงจุดจบที่น่าเวทนาเท่านั้น

ท่าทีที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของเย่เฟิง ทำให้จื่อเจี้ยนหลานไม่อาจหาวิธีโน้มน้าวใจได้อีก แต่การต้องทนดูชายหนุ่มก้าวสู่ความตาย เป็นเรื่องที่ทรมาณใจเธออย่างยิ่ง

ถ้าเย่เฟิงตายขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำอย่างไรต่อไป?

ในร่างของเธอมีพิษของผงทลายใจอยู่ เฉินฮุยจากวังไท่จี๋ก็ไม่มีทางมาช่วย เธอคงเหลือเพียงแค่จุดจบสุดท้ายคือการต้องแต่งงานกับฉีหลินจื่อซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเธอไม่ต้องการ การต้องแต่งงานกับชายชราหลังค่อมที่ผมขาวโพล้นไปทั้งศีรษะ จะให้เธอยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร?

สำหรับเย่เฟิง หญิงสาวยอมสละชีพได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรหากเย่เฟิงตาย สุดท้ายเธอก็ต้องใจจะฆ่าตัวตายอยู่ดี

ณ เวลานี้ จื่อเจี้ยนหลานเต็มไปด้วยความร้อนใจ เมื่อเห็นเย่เฟิงกำลังจากไป ดวงตาคู่งามก็ปรากฏร่องรอยของความกังวลไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวที่เป็นห่วงในตัวคนรัก น่าเสียดายที่ไม่มีใครมาชื่นชมกับฉากโรแมนติกในเวลานี้

เย่เฟิงก้าวเท้าออกไปข้างหน้าพร้อมกับใช้ทักษะล่องหนทันที

ในเวลานี้ ชายชราทั้งสี่กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว พวกเขารู้ดีว่าตำแหน่งสถานที่ดักซุ่มของหัตถ์มารทลายเทพฉินสืออยู่ที่ไหน และเป้าหมายแรกในการตามล่าเย่เฟิงของพวกเขาก็คือที่ันั่น

ชายชราทั้งสี่คนนั้น มีทั้งเตี้ยและสูง ผอมและอ้วน แต่ในการรับรู้ของเย่เฟิง พวกเขาไม่มีอะไรแตกต่างกันนอกจากระดับของวรยุทธ์ และตำแหน่งที่แตกต่างกันเล็กน้อย

บาดเจ็บ 10 นิ้ว ไม่ร้ายแรงเท่านิ้วขาดนิ้วเดียว เย่เฟิงเข้าใจคำพูดนี้ดี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายชราทั้งสี่ เย่เฟิงตัดสินใจจะจัดการเป้าหมายที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นคนสุดท้าย ซึ่งก็คือผู้อาวุโสคุมกฏหลี่เทียน ไม่เช่นนั้น หากไม่สามารถสังหารคนพวกนั้นในการลอบจู่โจมแบบฉับพลันได้ มันจะเกิดปัญหาตามมา

ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปยังตำแหน่งของคนทั้งสี่ เป้าหมายแรกของเขาคือชายชราหน้ากลมร่างอ้วน คนๆนี้มีดวงตาเรียวเล็กที่ดูเจ้าเล่ห์ พร้อมกับท่าทางที่ดูระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ

แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่เฟิง น่าเสียดายที่ความระมัดระวังตัวของเขาล้วนเปล่าประโยชน์

………………………..

แปลโดย Solar Spark