บทที่ 256 ของกันและกัน

หลินชื่อฉิงขมวดคิ้ว “บริษัทหยกฟ้าร่วมลงทุนด้านโฆษณากว่าสิบล้าน แล้วยังเตรียมจะขายเครื่องประดับลดราคาในงานด้วย ถ้าพวกเขาถอนตัวไป คนเข้าร่วมงานคราวนี้ก็อาจหายไปเกือบครึ่งหนึ่งเลยนะ รู้ไหม”

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็พลางคิดในใจ แล้วการที่บริษัทหยกฟ้าจะถอนตัวจากงานนี้มันเกี่ยวอะไรกับเขากัน? ไม่ใช่เธอเองหรือไงที่ไปบีบบังคับอีกฝ่ายน่ะ?

“เราคิดดูนะ”

หลินชื่อฉิงเหมือนจะเดาความคิดเย่เฟิงออกจึงกล่าวอธิบาย “ถ้าพี่ไม่พูดแบบนั้นออกไปล่ะก็ จูอี้ฉวินคนนี้จะไม่ตามรังควานเราไปทุกที่หรือไง? แต่ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เขาก็จะเปลี่ยนมาเอาเรื่องกับตระกูลหลินแทนไงล่ะ”

เย่เฟิงได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่าคำพูดของหญิงสาวฟังดูมีเหตุผล

“แล้วพี่หลินจะให้ผมชดใช้เรื่องนี้เท่าไหร่?”

เย่เฟิงยิ้มอย่างหมดหนทาง

“พูดอะไรน่ะ? คิดว่าพี่สาวคนนี้จะหน้าเงินขนาดนั้นเลยหรอ?”

หลินชื่อฉิงป้องปากหัวเราะด้วยรอยยิ้ม “ดูแล้วเราคงไม่คอยมีเงินเท่าไหร่ ไม่เป็นไร จำไว้ว่าเราติดหนี้พี่อยู่ครั้งหนึ่งก็แล้วกัน”

ในที่สุดหางนางจิ้งจอกก็โผล่ออกมาแล้ว เธออยากให้เย่เฟิงติดค้างน้ำใจนั่นเอง!

แต่ช่างน่าเสียดาย มีหรือที่เขาจะยอม!

“งานจัดแสดงเริ่มเมื่อไหร่หรอครับ?”

เย่เฟิงเอ่ยถาม

“อีก 5 วันข้างหน้า”

หลินชื่อฉิงตอบไปตามตรง

“เยี่ยม ไว้ผมกลับมาจากสำนักเซียนเร้นลับเมื่อไหร่จะใช้หนี้คืนให้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา!”

เย่เฟิงยิ้มกริ่ม

“นี่เราคิดจะไปปล้นที่นั่นหรือไง?”

ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอคิดว่าเย่เฟิงจะลอบเข้าไปในสำนักเซียนเร้นลับแล้วสร้างการคุกคามอย่างลับๆ ไม่คิดเลยว่าเย่เฟิงจะบุกไปปล้นแบบโจ่งแจ้งแบบนี้

“ใช่ครับ ไม่ว่ายังไงสำนักนี้ก็เป็นหนึ่งในสิบสำนักใหญ่ของโลกยุทธภพ ทรัพย์สมบัติที่มีก็คงไม่ขี้เหร่หรอกจริงไหม?

เย่เฟิงตอบอย่างสบายๆ

ถึงแม้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นล่างส่วนใหญ่จะค่อนข้างจน แต่สำหรับสำนักใหญ่แล้ว แน่นอนว่าต้องมีทรัพย์สมบัติอยู่มากมาย รวมทั้งการไปเดินเล่นที่เขตซางซานก็อาจได้ของดีๆติดไม้ติดมือมาด้วย ดีจะตายไป

“นี่เรา”

หลินชื่อฉิงตกใจกับความคิดของอีกฝ่ายจนพูดไม่ออกอยู่นาน

เจ้าน้องคนนี้คิดจะปล้นสำนักเซียนเร้นลับ! ใครๆก็รู้ว่าสำนักนี้แข็งแกร่งและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน แล้วเขายังกล้าคิดแบบนี้อีกหรอ? หรือต่อให้ทำได้สำเร็จจริง เขาคงถูกสำนักเซียนเร้นลับไล่ล่าไปสุดขอบโลกแน่ ซ้ำเรื่องนี้จะถูกกระจายออกไปในโลกยุทธภพ และสร้างปัญหาตามมาอีกมากมายนับไม่ถ้วน

แต่สิ่งที่หญิงสาวไม่รู้คือเมื่อเวลานั้นมาถึง ผลของมันจะไม่ใช่การสร้างความโกรธแค้นแก่โลกยุทธภพ แต่จะเป็นการข่มขวัญแทน ซึ่งเย่เฟิงก็ไม่คิดจะอธิบายเรื่องนี้แก่อีกฝ่าย

“งั้นเอาตามนี้นะพี่หลิน ไว้ผมเสร็จเรื่องเมื่อไหร่จะกลับมาช่วยงานก็แล้วกัน”

เย่เฟิงยิ้ม จากนั้นจึงดึงแขนกลับมาจากอ้อมแขนอีกฝ่าย

ความจริงแล้วการถูกสาวสวยอันดับหนึ่งคนนี้คล้องแขนไว้ก็รู้สึกดีไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่หลงหวางเอ๋อก็อยู่ใกล้ๆนี่ เย่เฟิงจึงไม่กล้าจะอยู่ในสภาพนั้นนานนัก

“เข้าใจแล้ว”

หลินชื่อฉิงพยักหน้าอย่างลังเล ในชั่วขณะที่เย่เฟิงดึงแขนกลับ เธอรู้สึกราวกับว่าสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป แต่หญิงสาวก็ยังไม่เข้าใจตัวของเธอเอง

“ระวังตัวด้วยล่ะ จำไว้ว่านอกจากทั้งสองคนนั้นแล้ว พี่ก็รอเรากลับมาเหมือนกันนะ”

หลินชื่อฉิงกล่าวด้วยความเป็นห่วง

ได้ยินดังนั้น เย่เฟิงก็มองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ คำพูดนี้หมายความว่ายังไง?

“คิดไปถึงไหนน่ะ?”

หลินชื่อฉิงยิ้มบางๆ “พี่รอเรากลับมาคืนหนี้ที่ติดค้างอยู่ไง”

ความจริงแล้วหากเป็นคนอื่นในตระกูลหลินรับผิดชอบงานจัดแสดงครั้งนี้ การล่วงเกินบริษัทหยกฟ้าจนถึงขั้นที่อีกฝ่ายถอนตัวออกไป ส่งผลกระทบกับสถานะของตัวเองในตระกูลหลินมหาศาล แต่สาเหตุที่หลินชื่อฉิงไม่สนใจนั้น เป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง วันหนึ่งก็ต้องแต่งงานออกไป สิ่งเหล่านี้จะสำคัญตรงไหนกัน?

ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเย่เฟิง เธอก็มีความคิดที่เปลี่ยนไปและเริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เมื่อทำแบบนี้แล้ว เธอก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

ขณะที่ทั้งสองคุยยืนพูดคุยกันอยู่นั้นเอง ไม่นานนัก ธันเดอร์ก็นำหน่วย NSA กว่า 10 คนเดินทางมาถึงที่นี่

เห็นได้ชัดว่าธันเดอร์เดินทางมาที่นี่ยังเร่งรีบ แต่ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย และไม่เข้าใจว่าทำไมหลินชื่อฉิงถึงร้องขอให้พวกเขามาทำหน้าที่นี่ หากเป็นหญิงสาวตอนเมื่อก่อนนี้ เธอไม่มีทางทำแบบนี้แน่

“กระจายกำลังกันออกไปรักษาความปลอดภัย!”

เมื่อมาถึงแล้ว ธันเดอร์ก็สั่งให้สมาชิกหน่วยแต่ละคนกระจายตัวออกไปคุ้มกันพื้นที่โดยรอบทันที พวกเขานั้นมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากมาย หากมีบุคคลน่าสงสัยคนใดย่างก้าวเข้ามาในพื้นที่นี้ ก็จะถูกตรวจพบได้ทันที

ในโลกใบนี้ ไม่มีใครอีกแล้วที่มีความสามารถแบบเย่เฟิงในการซ่อนตัวจากการตรวจจับของหน่วย NSA ได้ และต่อให้ไม่มีหน่วย NSA คุ้มกัน ก็ยังมีเย่เวิ่นเทียนรวมทั้งเครื่องรางคุ้มกันที่เขาให้หลงหวางเอ๋อไว้ ภายใต้การคุ้มกันหลายชั้นแบบนี้ หากใครจะลอบทำร้ายพวกเขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล

หลังจากวางกำลังคุ้มกันแล้ว ธันเดอร์ก็วิ่งกลับมาหาหลินชื่อฉิงและเย่เฟิง แต่เมื่อเห็นทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันอย่างสนิมสนมเป็นพิเศษ เขาก็รู้สึกสงสัย

“เป็นอะไรไหมครับ คุณหนูหลิน?”

ธันเดอร์เอ่ยถามหลินชื่อฉิง

“ไม่เป็นไรค่ะ”

หลินชื่อฉิงยิ้มบางๆ “แค่เย่เฟิงช่วยหนูจัดการกับโรคจิตที่พยายามจะคุกคามเท่านั้นเอง”

“…..”

เย่เฟิงคิดในใจว่าหากจูอี้ฉวินรู้ว่าหลินชื่อฉิงเรียกเขาว่า“โรคจิต” สงสัยคงมีคนได้กระอักเลือดตายแน่นอน

“ขอบคุณมากน้องชาย”

ธันเดอร์มองมายังเย่เฟิงขณะที่แววตายังเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลินชื่อฉิงกับเย่เฟิงถึงดูสนิทสนมกันแบบนี้

พูดกันตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะหลินชื่อฉิงพยายามขอร้องเรื่องนี้ หลินเต๋อเทียนไม่มีทางส่งเขามาคุ้มกันเย่เฟิงแน่นอน และไม่ใช่แค่เย่เฟิงแต่รวมถึงคนในบ้านหลังนี้ด้วย นี่มันเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติมาก

“น้าธันเดอร์ไม่ต้องเดาสุ่มไปหรอกค่ะ”

หลินชื่อฉิงดึงแขนเย่เฟิงมาคล้องอีกครั้ง พร้อมกับหัวเราะ “ตอนนี้เขาเป็นคนของเราแล้ว ถ้าจะคอยดูแลความปลอดภัยให้ก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนนี่คะ?”

เมื่อเห็นท่าทางของหลินชื่อฉิง ธันเดอร์ก็มึนงงไปหมด คุณหนูหลินเคยบอกเองว่าไม่ได้ชอบเด็กคนนี้ไม่ใช่หรอ? หรือจะเต็มใจยอมรับเรื่องการหมั้นหมายเสียแล้ว?

เย่เฟิงรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมอันน่าดึงดูดของหญิงสาวที่ลอยมาแตะจมูกอีกครั้ง ใบหน้าของเขาจึงค่อนข้างดูประหลาด นี่มันอะไรกัน ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้จงใจจะยั่วยวนเขาใช่ไหม?

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”

เมื่อหลินชื่อฉิงเห็นเย่เฟิงทำหน้าแปลกๆก็บ่นออกมา “เราบอกเองไม่ใช่หรอ ว่าพวกเราก็ต่างเป็นของกันและกันแล้ว?”

ตู้ม!

ได้ยินดังนั้น ธันเดอร์ก็รู้สึกเหมือนเสียงระเบิดดังขึ้นมาในหัว เกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้กันแน่? แล้วไอ้คำว่า “ของกันและกัน” นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ปฏิกิริยาของธันเดอร์เปลี่ยนไปทันที เขาไม่สามารถปฏิบัติต่อเย่เฟิงเหมือนเมื่อก่อนได้แล้ว! หลังจากนี้ไป สามีของคุณหนูหลินคงหนีไม่พ้นเย่เฟิงแน่ๆ!

“สบายใจได้คุณหนู พวกเราจะทำการคุ้มกันเป็นอย่างดี ไม่มีตกหล่นแน่นอน!”

ท่าทางของธันเดอร์แทบจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปในทันที เขากล่าวพร้อมกันทำท่าวันทยาหัตถ์อย่างแข็งขัน จากนั้นจึงกลับไปออกคำสั่งแก่สมาชิกหน่วย

“แบบนี้โอเคไหมน้องเย่?”

หลินชื่อฉิงผ่อนคลายลงในที่สุด ใบหน้าสวยปรากฏร่องรอยของความเขินอาย “ทีนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว รับรองว่าน้าธันเดอร์คุ้มกันที่นี่อย่างเต็มที่แน่นอน”

เย่เฟิงรู้ว่าหญิงสาวจงใจสร้างความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ และสาเหตุก็เพราะกลัวว่าธันเดอร์จะทำหน้าที่นี้แบบขอไปที หลินชื่อฉิงจึงกระตุ้นโดยการแสดงท่าทีออกไปว่าเธอตกหลุมรักเขาเสียเลย

………………

แปลโดย Solar Spark

ตอนนี้แปลแบบดำน้ำเยอะมากครับ555 มีหลายประโยคที่หาสารพัดโปรแกรมแปลมาแปลแล้วก็ยังอ่านไม่เข้าใจ แต่เนื้อเรื่องโดยรวมน่าจะถูกต้องแหละ