บทที่ 210 ค้นพบเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์

เมื่อหนิวเหมิ่งเห็นเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อว่ายน้ำจากไป เขาก็รีบออกคำสั่งทันที “เข้าประจำตำแหน่ง!”

เป้าหมายของหน่วย NSA นั้นต่างจากเป้าหมายของเย่เฟิงโดยสิ้นเชิง

เย่เฟิงนั้นเพียงต้องการช่วยซูเฟยหยิ่งอาจารย์ของเขาที่ถูกแช่อยู่ใจกลางเมืองน้ำแข็ง ส่วนจุดประสงค์ของหน่วย NSA คือการสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน และได้รับสิ่งใดก็ตามที่จะสร้างความได้เปรียบ ทั้งหมดนั้นก็เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ

และสำหรับหนิวเหมิ่ง การวางแผนจัดการเย่เฟิงไปด้วยเป็นงานที่น่าท้าทายอย่างยิ่ง!

ไม่เพียงเขาต้องมองหาช่องทางเพื่อเข้าไปยังใจกลางเมืองน้ำแข็ง แต่ยังต้องตรวจสอบกำแพงน้ำแข็งอีกด้วย ทั้งหมดก็เพื่อขุดความลับของสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา

…………

“ทำไมนายถึงทำตามที่มันบอกล่ะ ทิ้งเจ้านั่นไปไม่ดีกว่าหรอ?”

ในที่สุดหลงหวางเอ๋อและเย่เฟิงก็มาถึงทางออกของช่องน้ำแข็ง แต่หญิงสาวรู้สึกว่าอุปกรณ์ที่หน่วย NSA ให้มาต้องแฝงไว้ด้วยสิ่งที่ไม่พึงประสงค์บางอย่าง

“ถ้ารับเจ้านี้มา เราจะได้รู้ว่ามันกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่………”

เย่เฟิงหรี่ตาลง “ส่วนเรือดำน้ำของพวกอเมริกา พวกเราคงต้องลองไปตรวจสอบดูหน่อย มีตำแหน่งน่าสงสัยอยู่บางแห่ง ลองไปดูกันเถอะ”

ปัจจุบันนี้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถูกพัฒนาไปมาก ทำให้ระยะการโจมตีของตอร์ปิโดในสมัยนี้อาจยิงได้ไกลกว่า 10 กิโลเมตร อาศัยแค่คนสองคนเพื่อหาเรือดำน้ำก็ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่หนิวเหมิ่งได้ระบุตำแหน่งน่าสงสัยบางแห่งไว้ให้พวกเขาแล้ว

เย่เฟิงจ้องมองอุปกรณ์สื่อสารในมือและพบว่าตำแหน่งเหล่านั้นอยู่ภายในระยะ 40 กิโลเมตร แต่เขายังไม่รู้ว่าเรือดำน้ำซ่อนตัวอยู่ที่ตำแหน่งไหน และยังไม่รู้ว่าแผนเจ้าเล่ห์ของหนิวเหมิ่งคืออะไร

“ไปกันเถอะ”

เย่เฟิงไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว หลังจากจดจำตำแหน่งเหล่านั้นไว้ในใจแล้ว เขาก็โยนอุปกรณ์สื่อสารขนาดจิ๋วที่หนิวเหมิ่งให้มาทิ้งไป

หนิวเหมิ่งคงไม่คิดหรอกว่าเย่เฟิงนั้นไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วย NSA หรือทางกองทัพของประเทศสักนิด!

การทำลายเรือดำน้ำนั้น ลำพังแค่ความแข็งแกร่งของเขาคนเดียวก็พอแล้ว เพราะงั้นเจ้าอุปกรณ์สื่อสารนี่ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป และยังเป็นการป้องกันแผนการเจ้าเล่ห์ของหนิวเหมิ่งด้วย

ด้วยเหตุนี้เอง อุปกรณ์ระบุตำแหน่งขนาดจิ๋วนี้จึงค่อยๆจมดิ่งลงสู่ก้นทะเล……

หลังจากนั้นแล้ว ทั้งสองคนก็พุ่งตัวในน้ำไปอย่างรวดเร็ว ด้วยระดับวรยุทธ์ของพวกเขาในตอนนี้ การใช้ทักษะเต่ามังกรกลั้นใจสามารถทำให้ว่ายน้ำด้วยความเร็วได้มากกว่า 100กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้ การตรวจสอบตำแหน่งที่น่าสงสัยก็คงใช้เวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

เมื่อหลงหวางเอ๋อเห็นเย่เฟิงโยนอุปกรณ์นั่นทิ้งไปแล้ว เธอก็ค่อยรู้สึกโล่งใจ

หญิงสาวเคยได้ยินว่าหนิวเหมิ่งนั้นอยู่ใต้การบังคับบัญชาของหลี่เฟิง แล้วแบบนี้จะเป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่รังเกียจคนจากโลกยุทธภพ? เพราะงั้นการพกอุปกรณ์ชิ้นนั้นไปกับตัวด้วย ถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง

หลงหวางเอ๋อว่ายน้ำไปพร้อมกับเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว และทั้งคู่ก็ว่ายโฉบลงไปในก้นทะเลด้วยความเร็วสูง

หลังจากออกมาสู่ภายนอกแล้ว ในที่สุดทักษะล่องหนและทักษะอำพรางก็กลับมาใช้ได้อีกครั้งหนึ่ง ไม่นาน ทั้งสองคนก็ดำลงมาถึงก้นทะเล และในตอนนี้ หน่วย NSA ก็ไม่สามารถตรวจสอบตำแหน่งของพวกเขาได้แล้ว

เดาได้เลยว่าในเวลานี้ หนิวเหมิ่งคงรู้สึกโมโหเป็นอย่างยิ่ง แต่เย่เฟิงนั้นไม่มีอารมณ์มาสนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว

เมื่อทั้งสองคนเคลื่อนที่ห่างออกไปจากเกาะน้ำแข็งเรื่อยๆ อุณหภูมิของน้ำทะเลโดยรอบก็ค่อยๆอุ่นขึ้น หลังจากว่ายออกห่างมามากกว่า 20 กิโลเมตร สภาวะของก้นทะเลก็กลับคืนสู่สภาพปกติ

ตำแหน่งของเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อในปัจจุบันนี้ สามารถมองเห็นหมู่ปลาแหวกว่ายไปทั่ว แต่วิสัยทัศน์ในการมองเห็นยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแย่ ทำให้ทั้งสองต้องอาศัยทักษะสัมผัสวิญญาณในการสำรวจ

นอกจากนี้ ความสามารถของทักษะเต่ามังกรกลั้นใจ ไม่เพียงทำให้ผู้ใช้สามารถกลั้นหายใจในน้ำได้เป็นเวลานาน แต่ยังช่วยควบคุมการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ทำให้พวกเขาสามารถทนต่อความดันในน้ำทะเลลึกได้ ต่อให้ต้องดำลึกลงไปถึง 10 กิโลเมตร ก็ยังไม่ใช่ปัญหา

ระดับน้ำในทั่วแถบทะเลจีนใต้นั้นไม่ถือว่าลึกมาก โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ใกล้ชายฝั่ง มันลึกเพียง 200-300 เมตร และในส่วนของไหล่ทวีป มันลึกประมาณ 500-600 เมตร

หากมีเรือดำน้ำซ่อนอยู่ในบริเวณนี้ พวกเขาต้องหาเจอแน่นอน

ในขณะที่มาถึงยังตำแหน่งน่าสงสัยที่แรก ทั้งสองได้กระจายทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปสำรวจอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบเรือดำน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้เลย

แต่เย่เฟิงก็ไม่ได้ลังเล เขาและหลงหวางเอ๋อว่ายน้ำต่อไปยังตำแหน่งถัดไปทันที

ในสภาพแบบนี้ ทั้งสองคนดูไม่ต่างอะไรจากปลาในท้องทะเลที่ทั้งรวดเร็วและคล่องแคล่ว รับประกันได้เลยว่าไม่มีใครในโลกทำแบบพวกเขาได้

“ตรงนั้น”

เมื่อเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อเข้าใกล้ตำแหน่งน่าสงสัยที่สี่ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ก็เข้ามาอยู่ในระยะการรับรู้ของพวกเขา!

ถึงแม้ว่าวิสัยทัศน์ในการมองเห็นจะต่ำ ทำให้มองเห็นรูปทรงของเรือดำน้ำได้อย่างเลือนราง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทั้งสองคนได้พบเป้าหมายของพวกเขาแล้ว

เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์หยุดนิ่งอยู่ในระยะความลึก 320 เมตรจากผิวทะเล ราวกับกำลังรอคอยโอกาสที่จะเคลื่อนไหว เรือลำนี้สูง 120 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 เมตร รูปทรงดูคล้ายกับหัวรบสีน้ำเงินเข้ม ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

มันคือเรือดำน้ำของอเมริกาจริงๆงั้นหรือ?

ด้วยความรู้สึกสงสัย เย่เฟิงค่อยๆเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับหลงหวางเอ๋อ ที่ด้านหนึ่งของเรือดำน้ำ มีตัวอักษรภาษาอังกฤษสีขาวประทับไว้เป็นคำว่า “Pei Keang Group” น่าแปลก เจ้านี่มันอะไรกัน?

“มันคือเรือดำน้ำของเผ่ยเขิงกรุ๊ป”

ความรอบรู้ของหลงหวางเอ๋อนั้นมีมากกว่าเย่เฟิง ทันทีที่เห็นชายหนุ่มสงสัย เธอก็รีบเอ่ยขึ้นมา แต่ใบหน้าของหญิงสาวก็แสดงออกถึงความสงสัยเช่นกัน “มันไม่ใช่ของกองทัพอเมริกานี่นา น่าแปลกมาก”

เผ่ยเขิงกรุ๊ป?

ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ภาพของไซ่เชาหงก็เข้ามาในหัวเย่เฟิงทันที แล้วทำไมเรือดำน้ำของเผ่ยเขิงกรุ๊ปถึงได้มาปรากฏตัวในสถานที่นี้กัน?

ดูเหมือนว่าเผ่ยเขิงกรุ๊ปจะมีอำนาจพอตัวทีเดียว ถึงขั้นที่มีเรือดำน้ำเป็นของตัวเอง มิน่าเล่า ตระกูลหลินถึงได้เกรงกลัวพวกมันนัก

แม้จะเป็นสิ่งที่น่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง แต่น่าเสียดายที่เย่เฟิงไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวมันแม้แต่น้อย

“เราลองไปตรวจสอบสถานการณ์ในเรือกันก่อนเถอะ”

เย่เฟิงกวักมือเรียกหลงหวางเอ๋อให้ว่ายเข้าไปใต้เรือดำน้ำ ที่นั่น ทั้งคู่จะซ่อนตัวอยู่ในหมู่ปะการัง

ตำแหน่งนี้ห่างจากเรือดำน้ำเพียง 50 เมตร ซึ่งทักษะสัมผัสวิญญาณสามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั่วทั้งลำ!

สถาณการณ์ปัจจุบันของเรือลำล้วนอยู่ในการรับรู้ของพวกเขาทั้งหมด

ภายในเรือลำนี้ มีลูกเรืออยู่ทั้งหมดประมาณ 70-80 คน และส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกา นอกจากนี้ เครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มของพวกเขายังมีคำว่า “เผ่ยเขิงกรุ๊ป” ปักไว้บนเสื้อ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งหมดนั่นเป็นคนของเผ่ยเขิงกรุ๊ป

แต่นอกจากคนเหล่านี้แล้ว ทักษะสัมผัสวิญญาณยังพบคนจีนบางส่วนในเรือลำนี้! ยิ่งกว่านั้น ยังมีบางส่วนที่เย่เฟิงรู้สึกคุ้นเคย

พวกมันคือตัวประหลาดผมยาวที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้!

เย่เฟิงหรี่ตาลง เผ่ยเขิงกรุ๊ปนี่ช่างเหมือนพวกวิญญาณสัมภเวสีที่ชอบเข้ามายุ่งเรื่องของประเทศอื่นเสียจริง คราวนี้ก็เป็นเรื่องในแถบทะเลจีนตะวันออกของจีน แต่ช่างน่าสงสาร การต้องมาเจอกับเย่เฟิงครั้งนี้ จะทำให้มันต้องพบกับความหายนะจนไม่อาจกลับไปได้อีก

ในห้องควบคุม มีหญิงสาวร่างท้วมผมสั้นที่ค่อนข้างเตี้ย กับชาวจีนที่สวมชุดสูทรัดรูปสีดำ ทั้งคู่กำลังสนทนากันด้วยภาษาอังกฤษ

ถึงแม้เย่เฟิงจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นแต่ก็ไม่อาจเข้าใจได้เลย ดูเหมือนว่าทักษะที่ได้จากการติวเข้มก่อนสอบเข้ามหาลัยจะเอามาใช้ไม่ได้ในสถานการณ์จริง

โชคดีที่มีหลงหวางเอ๋อค่อยแปลให้ฟังอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มจึงสามารถเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

………………………..

แปลโดย Solar Spark