บทที่ 176: ถนนสีเขียว (3)

 

 

 

“หือ?”

ตัวต้นเหตุหลักของความวุ่นวายทั้งหมด จุงฮวาน แสดงสีหน้างุนงงออกมาในขณะที่สำรวจบริเวณรอบๆ จากบนหน้าผา

ในขณะที่มองไปยังสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ที่กำลังโจมตีคนเพียงคนเดียวด้วยลำแสงของมัน

มันไม่ได้แปลกขนาดนั้นจนถึงจุดนั้น

สิ่งที่แปลกคือผลลัพธ์

‘ทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่? มีบางอย่างผิดพลาดรึเปล่า?’

มันดูเหมือนการโจมตีมั่วๆ แต่การโจมตีทั้งหมดของมันมีเหตุผล

จุงฮวานแสดงสีหน้างุนงงออกมาขณะที่เขารีบตรวจสอบบริเวณอื่นๆ

ในเมื่อมันไม่ใช่แค่ตำแหน่งเดียวที่มีสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ปรากฏตัวออกมา

 

 

 

“อ๊ากกกกก!”

สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ที่ถูกปล่อยออกมาที่บริเวณปล่องได้ไล่ล่าผู้คนไปทุกทิศทาง

“เวรเอ้ย!”

สัตว์อสูรสูงสามสิบเมตรที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยกรงเล็บสีดำที่ใหญ่ยิ่งกว่าตัวมนุษย์ถือเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวด้วยตัวมันเอง

‘เวรเอ้ย! นี่มันใหญ่กว่าสัตว์อสูรขั้นหนึ่งทั่วไปเป็นกองเลยนี่!’

เมียร์ลิน นักล่าเก่าจากหมู่บ้านกัดฟันกรอดขณะที่เธอมองไปยังสัตว์อสูรที่อาละวาดไปทั่ว

คนอาจจะคิดว่าขนาดของมันไม่ได้สำคัญอีกต่อไปสำหรับเหล่านักล่าที่อยู่ในระดับของยอดมนุษย์ แต่ขนาดของมันจริงๆ แล้วคือปัจจัยสำคัญ

ในเมื่อมวลสารร่างกายและขนาดไม่ได้เพิ่มขึ้นตามปริมาณของรูน

แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งเท่ากัน ถ้ามนุษย์ถูกโจมตีด้วยกรงเล็บพวกนั้น พวกเขาก็จะกระเด็นไปในอากาศ

และระยะการโจมตีของพวกเขาเองก็สั้นกว่ามากเช่นกัน

พวกเขาสามารถก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นไปได้ในระดับหนึ่งเพราะความสามารถของพวกเขา แต่ถ้ามานา พลังป้องกัน และความทรหดอยู่ในระดับพอๆ กัน การที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าก็ดีกว่าเสมอ

‘ช่างหัวแม่ง ลองโจมตีมันดู!’

เมียร์ลินคือนักผจญภัยที่อยู่ในเขตสีเหลืองมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีครึ่ง

เธอเคยได้สู้กับสัตว์อสูรขั้นหนึ่งจำนวนหนึ่งมาก่อน

เธอไม่เคยเห็นอะไรที่ทรงพลังแบบนี้มาก่อน แต่เธอไม่อาจอยู่เฉยๆ และปล่อยให้มันฆ่าได้

ไม่ช้า พลังงานมหาศาลก็ได้ถูกรวบรวมไว้ในมือของเธอ

เธอเตรียมสกิลของเธอ กระสุนกระจาย จากนั้นจึงเหวี่ยงมันไปยังสัตว์อสูร

ตูมมมมม!

ฉ่า

กรรรร!

สัตว์อสูรสามสายพันธุ์รับรู้ได้ถึงผิวหนังที่ถูกเผาไหม้ของมันแล้วมองไปยังเมียร์ลิน

และเธอก็ขมวดคิ้วกับภาพนั้น

ในเมื่อสกิลของเอทำให้ผิวของมันเกิดรอยไหม้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

‘บ้าเอ้ย… ฉันควรจะขยายรัศมีโจมตีให้มากขึ้นจะได้ส่งผลเป็นวงกว้าง’

มนุษย์จะตายถ้ารูขนาดเท่าหัวของพวกเขาปรากฏขึ้นบนร่างของพวกเขา แต่สัตว์อสูรที่ตัวใหญ่เช่นนั้นคงรู้สึกจั๊กจี้แค่นิดหน่อย

เจ้าพวกนั้นจะไม่หยุดเคลื่อนไหวเพียงแค่เพราะรูเท่าเข็มไม่กี่รูปรากฏขึ้นบนร่างของมัน

ไม่สิ จริงๆ แล้วพวกมันจะยิ่งหัวเสียด้วยซ้ำ

คนอาจจะต้องระเบิดส่วนหนึ่งของร่างมันทิ้งเพื่อที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของมัน แต่เพื่อที่จะขยายรัศมีสกิลจนอยู่ในระดับที่มีประสิทธิภาพ แรงโจมตีของมันก็จะลดลงอย่างมหาศาล

ศรดอกเดียวที่มุ่งตรงไปยังหัวใจอาจฆ่ามนุษย์ได้ แต่กับสัตว์อสูรที่มีร่างกายใหญ่โตแบบนั้น ต้องใช้รูเท่าศีรษะมนุษย์สองสามรูถึงจะเพียงพอ

‘แต่… สกิลของฉันใช้กับมันได้!’

มันไม่เหมือนอารูคอนที่สกิลของพวกเธอใช้งานกับพวกมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

งั้นมันก็เป็นไปได้

ในเมื่อเธอไม่ได้มาคนเดียว

เมียร์ลินหมุนตัวกลับไปและตะโกนไปยังด้านหลังของเธอ

“โจมตี!”

ในตอนนั้นเอง ผู้คนทั้งหมดที่กำลังวิ่งหนีไปล้วนมองหน้ากัน

เพื่อนพ้องของเมียร์ลิน คน 85 คน และคนจากหมู่บ้านอื่นอีก 117 คน

และคนเหล่านี้ตระหนักได้ถึงเรื่องสำคัญบางอย่างในเวลาสั้นๆ

บางอย่างที่เรียบง่ายมากแต่สำคัญมากเช่นกัน

‘ถ้าเราไม่โจมตี… มันจะไปโจมตีคนที่อ่อนแอที่สุดก่อน?’

ไอ้สัตว์อสูรสารเลวที่มีศีรษะของหนูและร่างกายของหมาป่ามันแปลกประหลาด แต่มันกลับสามารถหาเป้าหมายที่อ่อนแอที่สุดและฆ่าพวกนั้นก่อนได้อย่างน่าปาฏิหาริย์

‘งั้น…’

ทุกคนมองไปรอบๆ

ถ้าพวกเขาโจมตีกันหมด งั้นคนอย่างน้อย 50 คนก็จะต้องตายในระหว่างการต่อสู้

ความจริงแล้ว มันอาจจะยิ่งมากกว่านั้นถ้าทีมเวิร์คของพวกเขาไม่สมบูรณ์แบบ

และพวกเขาไม่อาจรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่เป็นส่วนหนึ่งใน 50 คนนั้น

แต่ถ้าพวกเขาหนี คนจำนวนน้อยกว่ามากจะตาย

ในเมื่อสัตว์อสูรนั่นไม่ได้สนใจพวกเขาในตอนนี้

เมื่อพวกเขาคิดเสร็จ

ตึก ตึก ตึก ตึก!

พวกเขาล้วนวิ่งหนีไปคนล่ะทิศคนล่ะทาง

“ไอ้พวกเวรสารเลวเอ้ย!”

กรรรรร

เมียร์ลินตะโกนออกไปอย่างสับสน แต่จากนั้นก็เริ่มวิ่งอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน

ในเมื่อการสู้กับมันด้วยตัวคนเดียวก็มีผลแค่การตายอย่างไร้ความหมาย

“เวรเอ้ย! แยกตัวออกไปแล้วหนี!”

เทียร์ลินตะโกนออกไปขณะที่เธอวิ่ง

และเมื่อพวกที่โจมตีมันได้เริ่มวิ่งหนี สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ก็เริ่มมุ่งเป้าไปยังคนที่อ่อนแอที่สุดตามลำดับ

 

 

 

“มันควรจะเป็นแบบนั้นแหละ”

จุงฮวานผงกศีรษะขณะที่เขามองความวุ่นวายนั้น

มันไม่สำคัญว่าคนคนนั้นจะเป็นคนดีหรือเชื่อใจได้หรือไม่

ในเมื่อพวกเขามีมาตรฐานของพวกเขาอยู่แล้ว

ความแข็งแกร่ง

พลังอันเป็นที่สุดที่กระทั่งสามารถรับมือกับคนร้อยคนด้วยตัวคนเดียวได้

นั่นคือปัจจัยเดียวที่สำคัญ

‘หมู่บ้านก็มีประโยชน์ แต่พวกมันมีของไร้ประโยชน์มากเกินไป’

จุงฮวานพึมพำขณะที่เขาเล่นกับหยกสีแดงในมือของเขา

บางอย่างแบบนี้ไม่กระทั่งจำเป็นในอดีตก่อนที่พวกเขาจะทำข้อตกลงกับเผ่าพันธุ์ชั้นสูง

ในเมื่อการไปถึงประตูมิติได้หลังจากรอดผ่านเผ่าพันธุ์ชั้นสูงไปได้คือการพิสูจน์ความแข็งแกร่งด้วยตัวมันเองแล้ว

แต่หลังจากที่พวกเขาทำข้อตกลงและเผ่าพันธุ์ชั้นสูงถอยออกไป มันก็มีความจำเป็นให้พวกเขาต้องทำบางอย่าง

ในเมื่อคนเหล่านั้นจะเข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ถ้าปล่อยเอาไว้เฉยๆ

แล้วพวกอ่อนแอก็จะขึ้นไป ซึ่งจะทำให้มันยากในการควบคุมคนจำนวนมาก

ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงปล่อยสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ออกไป

และใช้ความสามารถอันน่าตื่นตาของมันในการค้นหาพวกที่อ่อนแอก่อน

‘แต่… หมอนั่นมีชีวิตรอดได้ยังไง?’

มันโจมตีคนที่อ่อนแอที่สุดก่อน

แต่พวกที่อ่อนแอไม่มีทางที่จะรอดจากการโจมตีของมันได้

แต่คนคนนั้นถูกลำแสงนั่นโจมตีแล้วยังมีชีวิตอยู่

ซึ่งหมายความว่าเขาค่อนข้างแข็งแกร่ง

‘… มันไม่เคยโจมตีคนที่แข็งแกร่งมาก่อน’

แต่กระทั่งก่อนที่จุงฮวานจะสามารถหันศีรษะของเขาไปมองยังบุคคลพิเศษหลังจากที่หมดความสนใจในเหล่าชาวบ้านที่กำลังวิ่งหนี

กิ้งงงงง

เขาตื่นตระหนกกับหยกสีแดงในมือของเขาที่สั่นสะท้านขณะที่เขารีบมองไปยังด้านนอก

ในเมื่อเหตุการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ได้เกิดขึ้น

‘อะไรนะ? สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ตาย?’

แน่นอนว่ามันตายได้

แต่ตอนที่เจ้าพวกนี้รับรู้ถึงอันตราย สัญชาตญาณของรีบีลูงในร่างของมันจะตื่นขึ้น

การล่าเป็นกลุ่ม

มันจะหนีไปในทันทีที่มันรู้สึกถึงอันตราย

ในเวลาเดียวกัน มันจะส่งคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีเพียงแค่รีบีลูงที่สามารถได้ยินออกไปและเรียกเพื่อนของมันมา

ความตายของมันหมายความว่ามันไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหนี

‘หรือว่าเจ้าหมอนั่น…’

จุงฮวานรีบมองลงไปด้านล่าง

จากนั้นเขาจึงเบิกตากว้างขณะที่มองไปยังชายที่ตอนนี้กำลังสู้กับสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ตัวที่สอง

 

 

 

ชิ้งงงงง!

ตูมมมมมม!

ลำแสงสีแดงที่ได้ลบนักล่า 20 คนออกไปจากบนโลกในเสี้ยววินาที

ร่างของฮันซูรับลำแสงนั่นไปและยืนอย่างมั่นคง

กิ้งงงงง!

ลำแสงสีแดงได้ปะทะเข้ากับสกิลเสริมพลังสีทองรอบร่างของฮันซูและกระจายออกไปรอบๆ

ฉ่า

ต้นไม้ถูกเผาและพื้นดินหลอมละลายจากลำแสงนั้น

แม้ว่ามันจะกระจายแล้ว มันก็ยังรุนแรงขนาดนั้น

‘ลำแสงทำลายล้างของรีบีลูง’

ถ้าอารูคอนมีร่างกายที่ทรงพลังและอาคาลาเชียสามารถบินไปบนท้องฟ้าได้ งั้นรีบีลูงก็มีจำนวนมากรวมทั้งสามารถใช้ลำแสงทำลายล้างได้

ความสามารถที่นักปราชญ์ได้มอบให้กับเผ่าพันธุ์อ่อนแอที่ไม่อาจกระทั่งป้องกันตนเองได้

และสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ที่ถูกสร้างขึ้นจากการผสมกันของสามสายพันธุ์ก็สามารถใช้มันได้เช่นกัน

วูบบบบบ!

และราวกับว่าฮันซูก็รับมันไว้ไม่ได้นานนักเช่นกัน เขารีบเหวี่ยงหอกสายฟ้าของเขาออกไปและทำลายลำแสงนั้นขณะที่เขาพุ่งตัวออกไป

และเมื่อฮันซูออกมาจากลำแสง สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ก็ระมัดระวังตัวและเตรียมจะป้องกันตัวเอง

มันต้องทำแบบนั้น

ในเมื่อหลังจากที่มันมาช่วยเพื่อนของมันเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวัง สิ่งเดียวที่มันเห็นก็คือศพที่เต็มไปด้วยรู

และผู้ที่เป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดก็อยู่เบื้องหน้ามัน

ในเมื่อร่างกายของอารูคอนที่ได้รับการเสริมพลังได้ส่งสัญญาณเตือนอย่างต่อเนื่องด้วยประสาทสัมผัสที่หก

ฮันซูขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปยังสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ที่ไม่กระทั่งสนใจอย่างอื่นและมุ่งเป้ามาที่เขาอย่างเดียว

‘ชิ มันเป็นเพราะฉันฆ่าดาคิดัสรึเปล่า?’

โดยปกติแล้ว มันจะมุ่งหน้าไปหาคนที่อ่อนแอที่สุดก่อน แต่มันจะเป็นแบบนั้นก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้ของมันไม่ได้อันตราย

เขาสงสัยว่าทำไมมันถึงได้มุ่งหน้ามาหาพวกเขาเป็นพิเศษ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันรับรู้ได้ถึงร่องรอยของดาคิดัสภายในร่างของเขา

หรือจะพูดให้แม่นยำไปกว่านั้น ร่างกายของดาคิดัสที่ทหารพันเกราะกินเข้าไป

แต่จริงๆ แล้วมันก็นับเป็นโอกาสในทางหนึ่ง

‘ลองยิงมาอีกทีสิ’

ขณะที่ฮันซูส่งสัญญาณให้มันโจมตีมาอีกครั้งด้วยมือของเขา สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ก็พ่นลำแสงออกมาอีกครั้ง

ชิ้งงงงงง!

ลำแสงเลเซอร์ได้ปรากฏออกจากปากของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์และพุ่งผ่านพื้นมา

ตูมมมมม!

ฮันซูไม่แม้แต่จะคิดถึงการหลบลำแสงทำลายล้างและรับมันด้วยร่างของเขาเอง

บูมมมมม!

สกิลเสริมพลังมังกรปีศาจถูกทำลาย

และมานาในร่างของเขาก็เหือดแห้งลงราวกับบ่อน้ำในภูเขาที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิง

แต่เขาต้องทำแบบนี้

ในเมื่อไม่งั้นมันจะหนีไป

ฮันซูตะโกนไปที่ด้านหลังของเขาเสียงดัง

“คาร์ฮาล!”

“รอเดี๋ยว… เสร็จแล้ว!”

ในขณะที่ฮันซูกำลังซื้อเวลา

ลำแสงห้าเท่าในมือของคาร์ฮาลก็พุ่งตรงไปยังสัตว์อสูรสามสายพันธุ์

แต่เขาไม่ได้กระจายมันออก

เล็ก เล็กมากๆ

ลำแสงห้าสีที่ถูกบีบอัดรวมกันจนมีขนาดที่ผู้หญิงผอมๆ คนหนึ่งยังลอดผ่านได้ยากได้มุ่งตรงไปยังสัตว์อสูรสามสายพันธุ์

ซึ่งส่งลำแสงเลเซอร์ออกมาจากปากที่อ้ากว้างของมัน

กร๊าซซซซ!

สัตว์อสูรสามสายพันธุ์กรีดร้อง

การโจมตีนั้นไม่ได้รวดเร็ว

มันอาจจะหลบได้ถ้ามันบินขึ้นไปบนอากาศ

แต่มันทำไม่ได้

‘มันใช้ความสามารถสองอย่างในเวลาเดียวกันไม่ได้’

สัตว์อสูรที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการนำสามสายพันธุ์มาผสมกัน

แต่มันไม่อาจใช้ความสามารถของทั้งสามได้ในเวลาเดียวกัน

แค่หนึ่งอย่างต่อครั้ง

ซึ่งหมายความว่าในขณะที่มันยิงลำแสง มันก็เป็นแค่ป้อมปืนใหญ่

ฉ่า

รูปรากฏขึ้นด้านล่างเอวของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์

แต่มันไม่ใช่บาดแผลร้ายแรง

รูที่มีขนาดใหญ่กว่าศีรษะของมนุษย์ไม่เท่าไหร่สามารถฟื้นฟูได้ภายในคืนเดียวสำหรับเจ้าสัตว์อสูรร่างยักษ์นั่น

มันมีเหตุผลที่ทำให้มันเลือกที่จะใช้ความสามารถของรีบีลูงในการโจมตีแทนที่จะใช้ความสามารถของอาคาลาเชียในการหลบ

มันคงจะหนีไปถ้าฮันซูไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่มันไม่จำเป็นจะต้องหยุดการโจมตีในการหลบการโจมตีแบบนี้

ฟึ่บบบ!

ทว่าขณะที่สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ส่งเสียงเหมือนเยาะเย้ยและกำลังจะส่งพลังทั้งหมดของมันไปยังลำแสง

ตูมมมม!

ร่างกายของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ที่นอนอยู่กับพื้นห่างออกไปก็ระเบิดออก

ในเวลาเดียวกัน บางอย่างภายในศพที่กำลังส่องสว่างด้วยเปลวเพลิงสีขาวก็พลันพุ่งตรงไปยังสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ที่กำลังส่งลำแสงออกไป

กร๊าซซซซซ!

ยีนส์ของอารูคอนที่เป็นส่วนหนึ่งของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ได้ส่งสัญญาณเคือนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ทว่าความเร็วของเอคิดูในตอนที่เธอใช้วิชามารธาราขาวนั้นรวดเร็วกว่าลำแสงห้าเท่าหลายเท่าตัว

ฟุ่บบบบ!

เสี้ยววินาทีต่อมา เอคิดูก็กระโดดเข้าไปในรูที่ถูกสร้างขึ้นบนร่างของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์

เสียงการเสียดสีดังลั่นดังขึ้นจากเกราะหยางโลหิตของเธอและเนื้อของสัตว์อสูรเพราะขนาดของมันค่อนข้างเล็ก แต่เอคิดูได้เปิดแผลของมันให้กว้างขึ้นและแทรกตัวลงไป

กระทั่งก่อนที่สัตว์อสูรจะสามารถจับเธอได้

และไม่ช้า

กรรรรรร!

สัตว์อสูรสามสายพันธุ์อาละวาด

ไม่มีอะไรสามารถต้านทานความเจ็บปวดของบางอย่างที่ทำลายอวัยวะภายในของพวกมันและตัดกล้ามเนื้อของพวกมันจากด้านในได้

กร๊าซซ! กร๊าซซ!

สัตว์อสูรสามสายพันธุ์กระซวกบาดแผลของมันเพื่อที่จะดึงเอาแมลงที่อยู่ในร่างของมันออก แต่มันไร้ประโยชน์

ในเมื่อเอคิดูไม่มีทางยอมให้ตัวเธอถูกจับด้วยมือที่ทะลวงเข้ามาในร่างอย่างระมัดระวังเพื่อที่มันจะไม่ทำร้ายตัวเอง

ความจริงแล้ว เอคิดูทำแค่เพียงหลบมือนั้นและทะลวงฝ่าตรงไปยังอวัยวะที่สำคัญกว่าเดิม

ไม่ช้า

โกววววว!

สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ล้มลงบนพื้นหลังจากที่หัวใจของมันถูกทำลาย

เหมือนกับศพที่มันได้เห็นตอนที่มาที่นี่

และฮันซูขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปยังสัตว์อสูรสามสายพันธุ์

‘ครั้งนี้มีคนตายเพราะเจ้านี่มากแค่ไหนกัน?’

ฮันซูขมวดคิ้ว

เขาเองก็ได้รับบททดสอบที่ภูเขาเหลียงมอบให้เช่นกัน

และการทดสอบนี้ได้ดำเนินอย่างต่อเนื่องไปเกือบเดือน

จนกว่าจำนวนของคนจะลดลงไปเกือบครึ่ง

ถ้าลักษณะพิเศษของเขาไม่ได้ตื่นขึ้นในระดับหนึ่งในอดีต งั้นเขาก็คงจะตายที่นี่เช่นกัน

คาร์ฮาลตะโกนไปยังฮันซู

“ตอนนี้นายจะทำยังไงต่อ? แล้วเจ้าพวกนั้นล่ะ?”

จากนั้นคาร์ฮาลจึงชี้ไปยังมารูนที่หยุดอยู่กับที่เพื่อเฝ้าดูแทนที่จะหนีไป

 

 

 

“เวรเอ้ย…”

มารูนที่เลือกจะหยุดดูแทนที่จะหนีไปแสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมาขณะที่มองไปยังฮันซู

‘มันไม่ใช่ว่าพวกเขามีแค่สามคน แต่พวกเขาต้องการแค่สามคนงั้นเหรอ’

พวกเขามั่นใจด้วยคนเพียงแค่สามคน

“… นายจะเอายังไงต่อ มารูน?”

หนึ่งในนักล่าที่กำลังแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาเอ่ยถามมารูน

ในเมื่อคนเกือบ 30 คนตายไปในช่วงเวลาสั้นๆ จากลำแสงนั่น

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สู้ตรงๆ

มันจะเป็นปัญหาใหญ่ถ้าไอ้ตัวแบบนั้นเดินเพ่นพ่านไปทั่วป่า

มารูนแย้มยิ้มขณะที่เขาเอ่ยขึ้น

มันมีของที่ค่อนข้างจะมีประโยชน์อยู่ตรงหน้าพวกเขา

“อืม มันดูเหมือนว่าเราจะโชคดี เราควรจะช่วยเหลือกันในช่วงเวลาวิกฤต มันไม่ได้ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะผ่านไปได้ง่ายๆ เหมือนกัน”

เขาไม่รู้ว่าทำไมพวกนั้นถึงเดินทางด้วยคนเพียงแค่สามคน แต่เขารู้ว่าพวกนั้นจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของเขาในเวลาแบบนี้

จากนั้นมารูนจึงมองไปยังฮันซูและอีกสองคนที่อยู่ห่างออกไป

 

 


TL: เปลี่ยนอาชีพกลับมาเป็นแท้งแล้วเหรอปู่