บทที่ 174: ถนนสีเขียว (1)

 

 

 

ออร์ทาเนียนรู้แล้วว่าทำไมดาคิดัสถึงมาที่นี่ในระหว่างที่กำลังเชื่อมต่อระบบสื่อสาร

‘ชิ ไอ้โง่เอ้ย เขาคงผลาญมานาคริสตัลไปจนหมดเพราะเขามัวแต่ไปเถลไถลอีกแล้วล่ะสิ’

“กรรร”

นี่คือสาเหตุที่เขาไม่เคยชอบเจ้าดาคิดัสนั่นเลย

ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังดิ้นรนพยายามอย่างถึงที่สุดในการที่จะป้องกันชายแดนของพวกเขา เจ้าหมอนั่นกลับใช้มานาคริสตัลอันล้ำค่าไปเถลไถลด้วยป้อมปราการดาวเทียม

และเมื่อระบบสื่อสารเชื่อมต่อกัน ออร์ทาเนียนก็เอ่ยขึ้นในทันที

ไปยังป้อมปราการของดาคิดัสที่ได้เข้ามาใกล้ยังโรงกลั่นและกักเก็บมานาคริสตัล

แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจใช้ป้อมปราการดาวเทียมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อนักปราชญ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  การสื่อสารในระยะใกล้ๆ เช่นนี้ก็ยังคงง่ายดาย

<กรร ดาคิดัส ไม่ใช่ฉันบอกนายแล้วเหรอว่าให้หยุดเถลไถลได้แล้ว?>

แต่มันไม่มีคำตอบจากป้อมปราการดาวเทียม

ไม่สิ มันเลวร้ายกว่านั้น

‘… หืม?’

ออร์ทาเนียนแสดงสีหน้างุนงงออกมายังป้อมปราการดาวเทียมที่ไม่มีการตอบสนอง แต่จากนั้นสีหน้าของเขาจึงแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก

ออร์ทาเนียนรีบตะโกนออกไป

<ดาคิดัส! ดาคิดัส! นี่แกบ้าไปแล้วเหรอ!? หยุด!>

ครืนนนนน

ป้อมปราการดาวเทียมของดาคิดัสได้พุ่งตรงไปยังโรงกลั่นและกักเก็บมานาคริสตัลอย่างรุนแรง

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มันจะชน

“ไอ้ฉิบหายเอ้ย!”

กิ้งงงง

ออร์ทาเนียนรีบส่งคำสั่งของเขาไปยังมงกุฎบนศีรษะ

ถ้ามันพุ่งเข้าไปชนแบบนั้น โรงกลั่นและกักเก็บมานาคริสตัลจะถูกทำลาย

เขาต้องหยุดมันก่อนที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น แม้ว่าจะต้องโจมตีป้อมปราการของดาคิดัสก็ตาม

แต่ในตอนที่ป้อมปราการดาวเทียมของออร์ทาเนียนกำลังจะโจมตีป้อมปราการของดาคิดัสด้วยลำแสงสีฟ้านั้นเอง

ออร์ทาเนียนชะงักไปชั่วขณะ

‘… ป้อมปราการดาวเทียม?’

โจมตีป้อมปราการดาวเทียมของฝ่ายเดียวกันเนี่ยนะ?

ในตอนที่ศัตรูกำลังเฝ้ามองอยู่ข้างหน้านั่น?

กระทั่งออร์ทาเนียนเองก็ต้องคิดว่าเขาควรจะทำอย่างไร

ในเมื่อเขาไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น

‘ฉันจะทำยังไงดี…’

แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น

สถานการณ์ได้กระโดดข้ามความคาดหมายของออร์ทาเนียนไปและพุ่งทะยานออกไป

ไปยังผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

กิ้งงงง

ลำแสงอันทรงพลังได้ส่องประกายออกมาจากป้อมปราการดาวเทียมของดาคิดัส

เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่เผาตนเองจนมอดไหม้

และไม่ช้า

ตูมมมม!

ป้อมปราการดาวเทียมยักษ์ก็ระเบิดออก

จากการที่เครื่องยนต์มานาถูกใช้งานมากเกินไป

ตูมมมมมมม!

ตูมมม!

เสียงดังสนั่นได้กึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ

เสียงที่ทุกคนที่ชายแดนสามารถได้ยินได้

เสียงระเบิดของเครื่องยนต์มานาที่ถูกใช้งานมากเกินไปและเป็นตำแหน่งที่กักเก็บมานาคริสตัล

พลังงานมหาศาลที่ใช้ยกป้อมปราการดาวเทียมยักษ์และทำให้ผู้ครอบครองมีพลังราวกับพระเจ้าได้แปรเปลี่ยนไปเป็นแสงแห่งการทำลายล้างที่กวาดทุกสิ่งรอบด้านไป

ตูมมมม!

ตูมมมมมม!

โรงกลั่นมานาคริสตัลถูกระเบิด

การระเบิดไม่ได้จบลงแค่นั้นในเมื่อมันเองก็ส่งผลต่อมานาคริสตัลในที่นั้นเช่นกัน

มานาคริสตัลถูกกระตุ้นจากพลังงานมหาศาลที่กวาดผ่านพวกมัน

และไม่ช้า การระเบิดแบบลูกโซ่ก็เกิดขึ้น

ตูม ตูม ตูมมมมม!

ตูม ตูมมมม!

ทั่วทั้งบริเวณถูกแสงสีฟ้าปริมาณมหาศาลปกคลุมในเสี้ยววินาที

และป้อมปราการดาวเทียมของออร์ทาเนียนเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

“อ๊ากกกกก!”

ออร์ทาเนียนกรีดร้องออกมากับแรงมหาศาลที่บดขยี้ลงมายังร่างของเขา

การป้องกันของป้อมปราการดาวเทียมนั้นยอดเยี่ยม

ในเมื่อมันสร้างโล่ขึ้นโดยใช้มานาคริสตัลจำนวนมาก

แต่สถานการณ์ยังคงย่ำแย่

ในเมื่อแรงที่กระแทกเข้ามายังป้อมปราการดาวเทียมได้เกิดขึ้นจากการระเบิดของมานาคริสตัลเหล่านั้น

แคร่กกก

โล่ที่ปกคลุมทั่วป้อมปราการดาวเทียมแตกออกจากพลังงานมหาศาลที่กวาดผ่านแค่ในเสี้ยววินาที

และจากนั้นก็ทำให้ป้อมปราการดาวเทียมยักษ์สั่นไหวและร่วงไปยังพื้นดิน

และไม่ช้า

กึงงงงงงง

ป้อมปราการดาวเทียมได้ปะทะเข้ากับพื้น

มันไม่มีฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย

ในเมื่อพื้นได้หลอมละลายจากพลังงานและอุณหภูมิมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้นจากการระเบิดของมานาคริสตัลไปนานแล้ว

“กรรรรร!”

ออร์ทาเนียนที่กลิ้งไปมาในห้องควบคุมของป้อมปราการดาวเทียมที่ร่วงลงมาที่พื้นได้ตะเกียกตะกายยืนขึ้นหลังจากที่ทรงตัวได้อย่างยากลำบาก

“กรรร…”

กระทั่งร่างกายอันทรงพลังของอารูคอนยังไม่อาจรับมือกับแรงที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้

ออร์ทาเนียนที่ครางออกมาขณะที่เห็นว่าแขนและขาของเขาหักยกร่างขึ้นด้วยขาขวาที่ยังไงดูใช้ได้อยู่และกุมศีรษะด้วยมือซ้าย

จากนั้นจึงมองไปด้านนอกเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

‘เดี๋ยว โรงเก็บ! เกิดอะไรขึ้นกับโรงเก็บ…!’

แต่เพราะป้อมปราการดาวเทียมควงหมุนในตอนที่มันตก หน้าต่างยักษ์ของห้องควบคุมจึงหันหน้าไปยังทิศทางที่ตรงกันข้ามกับโรงกลั่นและกักเก็บมานาคริสตัลอย่างสิ้นเชิง

ไปยังชายแดนของอาคาลาเชียและรีบีลูง

‘ฉิบหายเอ้ย’

ออร์ทาเนียนตรวจสอบภาพด้านนอกก่อนจะเมินเฉยต่อความเจ็บปวดที่เล่นผ่านแขนของเขาขณะที่เขารีบเปิดระบบสื่อสาร

กิ้งงง

โชคดีที่พลังงานยังเหลือพอ ระบบอย่างระบบสื่อสารจึงเปิดขึ้นได้

และออร์ทาเนียนกรีดร้องออกมาอย่างสิ้นหวังใส่ระบบสื่อสาร

<ผู้ปกป้อง! ทุกคนตรวจสอบสถานการณ์และเรียกกำลังเสริม! และผู้เฝ้ามอง เมรุต! มาที่นี่เดี๋ยวนี้!>

เซิร์ฟเวอร์ส่งเสียงซ่าออกมาเล็กน้อยก่อนที่เสียงตอบกลับของเมรุตจะดังขึ้น

แม้ว่าเขาจะไม่ถูกผลกระทบจากแรงระเบิด เขาก็ยังคงตกใจ

<อะไรนะ? แล้วการเฝ้ามองล่ะ?>

งานของการเฝ้ามองถนนสีเขียวได้ถูกมอบให้กับเมรุต

มันสำคัญมากเสียจนป้อมปราการดาวเทียมป้อมหนึ่งเต็มๆ ต้องอยู่ที่นั่น

มันไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะสามารถเมินไปได้

แต่สถานการณ์มันต่างออกไป

<ไอ้เวรเอ้ย! นี่มันไม่ใช่เกมนะโว้ย! เราไม่มีเวลามาปล่อยให้ป้อมปราการดาวเทียมไปเล่นอยู่ในที่ที่ไร้ประโยชน์แบบนั้น!>

ช่องว่างเกิดขึ้นในแนวป้องกันของพวกเขาแล้ว

ไอ้งูสองตัวนั่นจะอยู่เฉยๆ เหรอ?

ออร์ทาเนียนตะโกนออกไปขณะที่กัดฟันกรอดพร้อมกับมองไปยังรีบีลูงและอาคาลาเชียที่ใช้งานป้อมปราการดาวเทียมของพวกนั้น

 

 

 

 

ฮันซูที่ควบคุมป้อมปราการดาวเทียมจากห่างออกไปผงกศีรษะ

‘เสร็จแล้ว’

มันอาจจะยากถ้ามันเป็นคำสั่งที่ซับซ้อน แต่คำสั่งง่ายๆ แบบนี้สามารถทำได้แม้ว่าจะไม่ได้อยู่บนป้อม

แคร่กกก

วินาทีที่ป้อมปราการดาวเทียมระเบิดออก มงกุฎสีฟ้าบนศีรษะของฮันซูก็หมดประกายและแตกออก

ในเวลาเดียวกัน หยกฟ้าที่ฮันซูยึดครองด้วยเมฆดำก็แตกเช่นกัน

เป็นการยืนยันว่าป้อมปราการดาวเทียมถูกทำลายแล้วจริงๆ

พลังงานปริมาณมหาศาลที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างของเขาเริ่มจะหายไป

เหมือนกับบ่อน้ำที่น้ำแห้งเหือดลง

“เวรเอ้ย… น่าเสียดายอะไรแบบนี้”

เขาไม่ได้เห็นภาพของป้อมปราการดาวเทียมที่ระเบิดออกด้วยสายตาของเขา แต่เขารู้ในทันทีที่ออร่าของมันหายไปจากร่างกายของเขา

ว่าแหล่งพลังงานในร่างของเขาได้หายไป

ผลที่เกิดขึ้นจากการที่ป้อมปราการดาวเทียมที่พวกเขาควบคุมระเบิดออก

แน่นอนว่าเขาย่อมรู้สึกเสียดายตอนที่ป้อมปราการดาวเทียม ที่พวกเขาได้มาอย่างยากลำบากถูกระเบิดไปแบบนั้น

แต่ฮันซูส่ายศีรษะขณะที่มองไปยังอีกสองคน

“อย่าคิดแบบนั้น ยังไงเราก็ใช้มันไม่ได้อยู่ดี”

เหมือนกับที่รถยนต์ต้องการน้ำมันในการวิ่ง

อัททิลานก็ต้องการมานาคริสตัลจำนวนมหาศาล มันจึงจะขยับได้

แต่มานาคริสตัลคือบางอย่างที่เผ่าพันธุ์ทั้งหมดดิ้นรนในการยึดครองเป็นของตนเอง

เขาอาจจะสามารถหามันมาได้สักครั้งหรือสองครั้ง ในสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งเป้าไปยังมานาคริสตัล มันไม่มีทางที่ฮันซูจะสามารถหาพวกมันมาได้อย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าเขาจะใช้อัททิลลานลงมือ มันก็คงจะใช้ได้ไม่นานเช่นกัน

‘แค่นี้ก็ดีพอแล้ว’

ฮันซูผงกศีรษะขณะที่เขามองป้อมปราการดาวเทียมที่เริ่มเคลื่อนไหวไปรอบๆ พร้อมกับส่องแสงสีฟ้าออกมา

พวกมันจะไม่มีเวลาว่างมาสนใจพวกเขาอีกต่อไป

ไม่สิ พวกมันจะหยุดสนใจมนุษย์ไปชั่วขณะ

ในเมื่อพวกมันจะยุ่งอยู่กับการสู้กันเอง

มันมีเหตุผลที่ทำให้ฮันซูสร้างสถานการณ์ทั้งหมดนี่ขึ้นมาโดยที่ไม่กังวลว่าจะถูกไล่ตาม

‘ถึงโอกาสที่จะเกิดสงครามจะน้อย…’

การต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพียงเพื่อแค่โรงกลั่นโรงเดียวมันเกินไปหน่อย

แต่มีอย่างหนึ่งที่ชัดเจน

ว่าพวกมันจะไม่อาจทำเรื่องสบายๆ อย่างการปล่อยป้อมปราการดาวเทียมไว้ที่ถนนสีเขียวได้

อารูคอรป้องกันในขณะที่รีบีลูงและอาคาลาเชียโจมตี

พวกมันจะไม่อาจหาเครื่องสังเวยได้ไปพักหนึ่ง

ในเมื่อพวกมันไม่มีเวลาว่างให้กับป้อมปราการดาวเทียมเก็บเกี่ยวในการทำแบบนั้น

ตอนนี้พวกเขาก็ปลอดภัยจากการเฝ้ามองของป้อมปราการดาวเทียมแล้ว

แม้ว่าพวกมันจะอยากทำ พวกมันก็ไม่ว่างพอที่จะทำอยู่ดี

ในเมือ่การต่อสู้กับป้อมปราการดาวเทียมของเผ่าพันธุ์อื่นก็ทำให้พวกมันยุ่งมากพอแล้ว

‘จบทุกอย่างลงในตอนนี้’

มันยจะไม่ง่ายแม้ว่าจะไม่มีการเฝ้ามองของพวกนั้น

ในเมื่อชาวบ้านและนักผจญภัยในถนนสีเขียวนั้นต่างออกไป

และไม่ช้า ฮันซูก็พาเอคิดูและคาร์ฮาลไปแล้วเริ่มเดินทาง

ไปยังรังเสือที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา

ไปยังถนนที่มุ่งหน้าสู่หยกทำลายล้าง ถนนสีเขียว

และห่างออกไป

มันมีดวงตาโหดเหี้ยมคู่หนึ่งกำลังมองคนทั้งสามจากจุดเริ่มต้นของถนนสีเขียว <ปล่อง>

 

 

 

‘เจ้าพวกนั้น… มาจากหมู่บ้านไหนกัน ทำไมถึงมีคนน้อยนัก แล้วคนมาใหม่ครั้งนี้ล่ะ?’

จุงฮวานจากกลุ่ม <ภูเขาเหลียง> ที่ควบคุมส่วนเริ่มต้นของถนนสีเขียวแสดงสีหน้างุนงงออกมา

สามคน

โดยปกติแล้ว คนที่มาใหม่จะมากันเป็นกลุ่มใหญ่

และมันเป็นเรื่องที่ชัดเจน

ถนนสีเขียวเป็นเหมือนกับการมุ่งหน้าไปสู่ดินแดนที่ไม่เคยรู้จัก

ในขณะที่ละทิ้งหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยปัญหาแต่มีความปลอดภัยที่พวกเขาสามารถปกป้องได้

พวกเขาย่อมรู้ว่าต้องมีคนจำนวนมากในจึงจะมีความปลอดภัยมากกว่า ดังนั้นปกติแล้ว นักผจญภัยที่รู้จักกันจะรวมกลุ่มกันและเข้าไปยังถนนสีเขียวด้วยกัน

ส่วนที่แคบที่สุดของถนนสีเขียวนั้นกว้างเพียงแค่ไม่กี่กิโลเมตร แต่มันก็ยังคงแคบมากเมื่อเทียบกับหมู่บ้านที่แผ่ขยายออกไปกว้าง

ผู้คนที่เริ่มจากหมู่บ้านที่แตกต่างกันและมุ่งหน้ามายังถนนสีเขียวมักจะเคลื่อนไหวเหมือนน้ำที่ไหลผ่านกรวย

กลุ่มสามคนนั้นค่อนข้างแปลกประหลาดในสายตาของจุงฮวาน นั่นเป็นเพราะรูปลักษณ์ที่เหมือนกรวยของถนนสีเขียวที่เริ่มขึ้นที่จุดเริ่มต้นของถนนสีเขียว และโดยปกติแล้วกลุ่มของเด็กใหม่มักจะมีคนนับร้อย

เขาไม่รู้ว่าพวกนั้นมั่นใจในความสามารถของตนเองหรือว่าพวกเขามีเหตุผลที่ทำแบบนี้ แต่ในไม่ช้ามันจะถูกเปิดเผย

จุงฮวานแสดงสีหน้าสนุกสนานออกมาขณะที่เขามองกลุ่มสองกลุ่มที่เริ่มเข้ามาใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

 

ตูมมมมม!

‘หืม?’

บางอย่างได้พุ่งตรงมายังฮันซูและเอคิดูที่กำลังวิ่งผ่านต้นไม้ไป

วูบบบบบ!

บางอย่างที่มุ่งตรงไปยังช่องว่างระหว่างดวงตาของเอคิดู

เอคิดูทีกระวนกระวายจากการที่เข้ามาในพื้นที่ลึกลับที่ถูกเรียกว่าถนนสีเขียวอยู่แล้วและอยู่ในสภาพตึงเครียดอย่างที่สุดเมื่อคิดถึงสิ่งที่พวกเธอต้องทำจากที่นี่แทบจะเหวี่ยงมือของเธอตรงไปยังสิ่งที่พุ่งเข้ามาหาเธอด้วยสัญชาตญาณ

ฟึ่บบบบ

ธนูสีดำที่มีมานาสีแดงบางส่วนปะปนอยู่

แต่ทันทีที่เอคิดูจับธนูดอกนั้น

ครืดดดดด

“อึกกกก!”

ร่างของเอคิดูที่จับธนูดอกนั้นเอาไว้เริ่มที่จะเคลื่อนถอยหลังพร้อมกับส่งเสียงดังครืด

แรงของลูกธนูดอกนั้นได้เริ่มบดร่างของเอคิดูลงไปที่พื้น

รอยลากยาวถูกสร้างขึ้นจากบริเวณที่เอคิดูยืน

เธอพยายามจะเหวี่ยงมันออกไป แต่เธอทำไม่ได้เพราะมานาสีแดงเหนียวหนึบที่อยู่บนลูกศรนั้น

‘ทำลายมัน!’

ในตอนนั้นเอง

ตูมมมมมม!

เอคิดูส่งพลังไปยังวิชามารธาราขาวของเธอและถ่ายเทแรงไปยังมือที่กำลูกศรเอาไว้

ครึ่กกกก!

พลังงานสีแดงและสกิลเสริมพลังสีขาวได้เข้าปะทะกัน

จนถึงจุดที่ประกายไฟปรากฏขึ้นที่ระหว่างมือของเอคิดูและลูกศรที่มุ่งตรงไปยังหน้าผากของเธอ

คลื่นกระแทกรุนแรงได้กระจายออกไปทุกทิศทาง

วูบบบ!

ผลคือเอคิดูชนะ

ชู่วววว

ในที่สุดเอคิดูก็มีเวลาหายใจหลังขากที่แรงของธนูดอกนั้นสลายไป

“… นี่มัน”

และคาร์ฮาลที่สามารถมองรูปลักษณ์ของธนูดอกนั้นได้ในที่สุดก็ขมวดคิ้วลงขณะที่เขามองไปยังมัน

รูปลักษร์อันคุ้นเคยที่ให้ความรู้สึกว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

คนอาจจะคิดว่ามันมีจุดมุ่งหมายในการฆ่า แต่คาร์ฮาลรู้

ว่าการฆ่าไม่ใช่เป้าหมายของมัน

‘ไม่งั้นเขาคงใส่สกิลลงไปในมันมากกว่านี้แล้ว จะยังไงก็เถอะ… ฉันเคยเห็นลูกธนูแบบนั้นจากที่ไหนมาก่อน?’

ถ้าธนูดอกนั้นพุ่งตรงมาด้วยเป้าหมายในการฆ่า งั้นเอคิดูคงใช้พลังของวิชามารธาราขาวมากกว่านี้

ในขณะที่คาร์ฮาลกำลังแสดงสีหน้างุนงงไปยังธนูดอกนั้น

เอคิดูพลันขมวดคิ้วราวกับว่าเธอคิดบางอย่างออก

และในตอนนั้นเอง

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! มันก็ผ่านมาสักพักแล้วนะ เอคิดู!”

เสียงหัวเราะดังลั่นได้ปรากฏขึ้นจากห่างออกไป

ฮันซูเอ่ยถามเอคิดูเมื่อเขาได้ยินเสียงหัวเราะนั้น

“พวกเธอรู้จักกัน?”

“ใช่”

“เป็นมิตรรึเปล่า?”

ฮันซูเอ่ยถามเผื่อเอาไว้

และเอคิดูส่ายศีรษะ

“ขอโทษด้วย แต่… ไม่”

“เฮ้อ…”

ฮันซูถอนหายใจขณะที่เขาส่งพลังไปยังแขนที่ถือหอกอยู่ของเขา