บทที่ 166 คุณน้าถูกจับตัว

ขณะที่สายฝนยังคงโหมกระหน่ำเหมือนดังผ้าม่านน้ำ ชายสวมหน้ากากในชุดสีดำที่ถือกระบี่ไว้ในมือ ยืนเงียบๆอยู่ด้านหลังของหลี่เฟิงที่ถูกฟันจนแขนขาด ส่วนหลี่เฟิงนั้นร้องออกมาอย่างโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เพราะการถูกตัดแขนออกไปแบบนี้นั้นสร้างความเจ็บปวดจนเกินกว่าที่คนทั่วไปจะทนได้

ข้างหน้าหลี่เฟิง เด็กหนุ่มที่หน้ามีรอยไหม้เบิกตากว้าง แต่หัวใจเขากลับเต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้น

โลกยุทธภพกลับมีผู้กล้าหาญอยู่จริง!

เลือดที่สาดกระเด็นถูกสายฝนล้างออกอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงร่องรอยเล็กน้อย ส่วนเย่เฟิงรีบยกกระบี่ขึ้นจ่อลำคอของหลี่เฟิงไว้

“คนของหน่วย NSA ห้ามขยับ ไม่อย่างนั้นกระบี่ของฉันจะฟันคอเจ้านี่ทันที

เย่เฟิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่แยแสเพื่อหมายจะควบคุมหลี่เฟิง

เมื่อได้ยินดังนั้น สมาชิกหน่วย NSA มากกว่า 20 คนเข้าสู่โหมดระวังตัวอย่างที่สุด แต่ในเมื่อหัวหน้าหน่วยตกอยู่ในการควบคุมของเย่เฟิง พวกเขาจึงไม่กล้าผลีผลามทำอะไร

ที่อีกด้านหนึ่งในตอนนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายล้วนแต่ยังอยู่ในความตกตะลึง พวกเขาเริ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทั้งหมดนั้นมาจากการที่แขนข้างหนึ่งของพวกวิปริตอย่างหลี่เฟิงแห่งหน่วย NSA ถูกตัด นี่เป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก! นอกจากนี้ ถ้ามันเกิดถูกสังหารขึ้นมาในวันนี้ ทั่วทั้งโลกยุทธภพต้องตกอยู่ในความโกลาหลแน่

“ทุกคนล้อมมันไว้!”

หลี่เฟิงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้ เขาตะโกนออกคำสั่งเสียงดังลั่น

ทหารหน่วย NSA ทำตามคำสั่งรีบล้อมเย่เฟิงและหลี่เฟิงเอาไว้ตรงกลาง พร้อมกับเล็งปืนในมือมาที่เย่เฟิง

“แกจะทำอะไร ไม่กลัวฉันจะฆ่าแกทิ้งรึไง?”

เย่เฟิงหรี่ตาและกำกระบี่ในมือไว้แน่น หรือว่าเจ้าหลี่เฟิงคนนี้มันจะบ้าไปแล้ว?”

“ฮ่า ฮ่า ……”

หลี่เฟิงยิ้มเย้ยยัน “แกกล้าจะ……….ฆ่าฉันรึไง? ถ้าฆ่าฉันแล้ว แกก็ไม่มีทางรอดไปได้ ฮ่า ฮ่า…….”

หลี่เฟิงยกแขนอีกข้างขึ้นหมายจะออกคำสั่งให้ทหารหน่วย NSA เปิดฉากยิง ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดจะจับเป็นอีกแล้ว และเหตุผลที่เขาต้องการสังหารเจ้าหน้ากากคนนี้ก็คือ เขาเกลียดและมีความแค้นฝันใจกับคนของโลกยุทธภพจนไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้อีก

“งั้นแกก็ลงนรกซะ”

ประกายตาเยียบเย็นพลันฉายขึ้นมาในตาของเย่เฟิง

ก่อนหน้านี้ที่หลงหวางเอ๋อบอกกับเขาไว้ ชายหนุ่มยังจำได้ดี เขาจึงไม่ต้องการปล่อยให้โลกยุทธภพตกอยู่ในความโกลาหล แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่กล้าสังหารมัน เมื่อจัดการเสร็จแล้ว ด้วยทักษะย่างก้าวไร้เงาระดับสอง ชายหนุ่มก็มีเวลาพอที่่จะคว้าหลงหวางเอ๋อแล้วหลบหนีไปจากที่นี่!

นอกจากนี้ด้วยผลของทักษะอำพราง หน่วย NSA ไม่มีทางหาหลักฐานสืบสาวมาถึงตัวเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อได้

เมื่อเย่เฟิงตั้งใจจะขยับมือเพื่อสังหารหลี่เฟิง ทันใดนั้น น้ำเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมา

“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!”

หน่วย NSA อีกกลุ่มหนึ่งภายใต้การนำของธันเดอร์ก็วิ่งเข้ามาที่นี่ด้วยท่าทีเตรียมพร้อม

ในหน่วย NSA นั้น หากหลี่เฟิงเป็นพวกหัวรุนแรง ธันเดอร์ก็เป็นพวกอนุรักษ์นิยมที่ตั้งใจจะสร้างความสงบสุขแก่โลกของคนธรรมดาและโลกยุทธภพ

ทันทีที่หลงหวางเอ๋อมองเห็นคนอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาที่นี่ หญิงสาวรีบพุ่งเข้ามายืนข้างเย่เฟิง เธอไม่สนใจปากกระบอกปืนของหน่วย NSA ที่เล็งมาเลยสักนิด สำหรับเธอแล้ว การได้อยู่กับเย่เฟิงนั้นสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเธอเอง

“เจ้าบ้านี่รู้จักแต่สร้างเรื่องจริงๆ”

ธันเดอร์หันไปมองหลี่เฟิงที่แขนขาดอย่างเอาเรื่อง จากนั้นจึงหันไปมองเด็กหนุ่มในสภาพอนาถท่ามกลางสายฝน นอกจากนี้ยังมีหน้ากากอันหนึ่งหล่นอยู่บนพื้นไม่ไกล เมื่อเห็นฉากทั้งหมดนี่ เขาก็พอจะรู้แล้วว่าสถานการณ์ทั้งหมดเป็นอย่างไร

“หน่วย NSA ทุกคนได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มาที่นี่เพื่ออพยพชาวบ้านออกจากหมู่บ้านนี้เท่านั้น!”

ในเวลานี้ที่สายฝนยังคงรุนแรง ธันเดอร์ออกคำสั่งเสียงดัง “พาหลี่เฟิงถอนตัวออกไป แล้วพาเขาไปที่โรงพยาบาลฉุกเฉิน เฮ้เพื่อน ช่วยทำให้หลี่เฟิงสลบที”

“ธันเดอร์ คุณไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้รึไง!”

ขณะอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ หลี่เฟิงร้องตะโกนออกมา “ยิงมัน ฆ่ามันซะ……….”

ตุ้บ!

ด้วยสันมีด เย่เฟิงฟาดใส่หัวหลี่เฟิงอย่างแรงทำให้มันสลบไปในทันที

“เอาละ ที่เหลือก็ให้คุณจัดการแล้วกัน”

เย่เฟิงกล่าวออกมา “แล้วเรื่องนี้ผมก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วย”

ความเร็วของทักษะย่างก้าวไร้เงาขั้นสองนั้น มันมากพอที่จะใช้กุดหัวหน่วย NSA ที่อยู่โดยรอบทั้งกลุ่มในทีเดียว พร้อมทั้งหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เขาไม่ใช่พวกอันธพาลที่จะทำแบบนั้นอย่างไร้เหตุผล

“ทุกคนถอนตัว พาหลี่เฟิงไปด้วย”

ธันเดอร์จ้องมองเย่เฟิงด้วยแววตาที่หลากหลายความหมาย จากนั้นจึงออกคำสั่งแก่คนของเขา

เมื่อธันเดอร์มองดูรูปลักษณ์ของชายสวมหน้ากาก มันดูไม่คล้ายกับชายสวมหน้ากากก่อนหน้านี้ที่เมืองเหยียนจิง แต่เมื่อเห็นกระบี่สีทองในมือแล้ว เขาก็มั่นใจว่าชายสวมหน้ากากคนนี้กับชายสวมหน้ากากที่เมืองเหยียนจิงต้องเป็นคนๆเดียวกันแน่

ก่อนจะหันตัวจากไป ธันเดอร์ทิ้งถ้อยคำสุดท้ายเอาไว้ “ทางเจ้าหน้าที่คาดการณ์สภาพอากาศของหน่วย NSA แจ้งมาว่า พายุลูกนี้แตกต่างจากที่เกิดขึ้นตามปกติ และอุณหภูมิก็ลดต่ำลงอย่างฉับพลัน ถ้าพวกคุณยังคิดจะอยู่ที่นี่ต่อไปก็ดูแลตัวเองด้วย”

“ไปกันเถอะ”

หลังจากนั้น ธันเดอร์ได้พาหน่วย NSA ทั้งหมดรวมทั้งร่างไร้สติของหลี่เฟิงและแขนที่ขาดออกจากหมู่บ้าน เพื่อกลับไปยังรถบรรทุกทหารที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่

คนของหน่วย NSA จากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงบรรยากาศที่เงียบงันซึ่งปกคลุมไปทั่วหมู่บ้าน และเสียงของสายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำอย่างไม่หยุดหย่อน

เวลานี้ เย่เฟิงเก็บกระบี่ในมือและยืนเงียบๆอยู่ข้างหลงหวางเอ๋อ ข้างหน้าของพวกเขาคือเด็กหนุ่มที่กำลังพยายามจะลุกขึ้นยืน และควานหาหน้ากากเพื่อจะใส่มันกลับไปอีกครั้ง

“ขอบคุณครับ……”

เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณเสียงแหบ

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็แค่คนผ่านมา”

เย่เฟิงเอ่ยขึ้น เขาไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มมากนัก เพราะตอนนี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณไปรอบๆและไม่นานก็พบบางสิ่ง

ในตอนนี้ หลัวเฟิงนอนไร้สติอยู่บนเตียงในบ้านที่ดูธรรมดาหลังหนึ่ง โดยมีคนของสำนักหมัดเทพทวาราสองคนยืนคุ้มกันอยู่หน้าห้อง ทั้งสองคนนั้นเป็นชายวัยกลางคนซึ่งมีวรยุทธ์อยู่ที่ระดับ 40 ปี!

ดูเหมือนว่าหลัวเฟิงจะเป็นบุคคลสำคัญของสำนักหมัดเทพทวาราจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครส่งคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาคอยคุ้มกันแน่

เย่เฟิงขมวดคิ้วและคิดว่าหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ การสังหารหลัวเฟิงคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่

“หลงโม่หรันรวมทั้งชายชราเคราขาวและคนของเขา อีกไม่นานคงกลับมาที่นี่แน่ เพราะงั้นเราควรลงมือแบบระวัง แล้วรีบหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้…….”

เย่เฟิงเอ่ยขึ้นมาและดึงหลงหวางเอ๋อเข้ามาใกล้ๆเขา ชายหนุ่มโอบร่างของหญิงสาวไว้ก่อนจะหลบฉากออกไปเพื่อซ่อนตัว แต่ทันใดนั้น ทักษะสัมผัสวิญญาณของเขาก็พบกับบางสิ่งที่น่าตกใจอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง

สิ่งที่อยู่ในบ้านหลังนั้นคือร่างอันคุ้นเคย ช่างน่าประหลาดใจที่คนๆนั้นก็คือน้าของหลงหวางเอ๋อที่มีนามว่าชูชู เธอถูกขังอยู่ในห้องนอนที่ลงกลอนไว้ นอกจากนี้ เธอยังถูกคุ้มกันด้วยชายร่างอ้วนผู้ที่ระดับวรยุทธ์ถึง 30 ปี!

“ทำไมน้าของเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

เย่เฟิงขมวดคิ้ว และกระซิบบอกหลงหวางเอ๋อ

“อะไรนะ? มันไม่น่าจะ………”

หลงหวางเอ๋อตื่นตระหนกขึ้นมา “หรือเธอจะถูกพ่อฉันจับตัวไว้? แย่แล้ว!”

หญิงสาวรู้ดีว่าถ้าหลงโม่หรันรู้ว่าน้าช่วยเหลือเธอในการหนีออกมาจากบ้าน น้าต้องแย่แน่ๆ จากลักษณธนิสัยส่วนตัวของหลงโม่หรันแล้ว ใครจะกล้าไม่ฟังคำสั่งเขา!

“งั้นก็แย่จริงๆ”

สีหน้าของเย่เฟิงมืดคล่ำขึ้น

นั่นเป็นเพราะว่าชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงชายร่างอ้วนที่อยู่ในห้องนอน กำลังยิ้มอย่างดูถูกแก่คุณน้าชูชู

“………นังเพศยา ในเมื่อหัวหน้าตระกูลสั่งให้ฉันสังหารแกเสีย แต่ก่อนจะตาย ฉันขอเล่นสนุกหน่อยเถอะ……”

ชายร่างอ้วนยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย ขณะเริ่มถอดเข็มขัดออก

เย่เฟิงรับรู้ได้ดังนั้นก็พลันใช้เจินชี่ควบแน่นกระบี่สีทองขึ้นมาอีกครั้ง

ต่อให้หลงโม่หรันใกล้จะกลับมาแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจมองข้ามชูชูไปโดยไม่เข้าไปช่วยเหลือเธอได้!

……………………………….

แปลโดย Solar Spark