บทที่ 162: ไร้กฎ (3)

 

 

 

‘น่าเบื่อ’

ดาคิดัสแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาขณะที่มองลงไป

ทุกคนกำลังทำตัวเหมือนๆ กัน

พวกมันกำลังรวมตัวกันครอบครองสมบัติเอาไว้หนึ่งชิ้น แล้วรวมพลังกันย้ายมันไปยังศูนย์กลาง

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

มันจะสนุกมากกว่านี้ถ้าพวกนั้นสู้กันรุนแรงกว่านี้เพื่อสมบัติ

เขาได้สร้างเวทีขึ้นสำหรับพวกนั้นด้วยการยกเลิกกฎของหมู่บ้าน แต่การที่พวกนั้นทำตัวแบบนี้

‘เป็นแบบนี้ไม่ได้ ฉันต้องเพิ่มกฎลงไปอีก’

พวกนั้นกำลังทำแบบนี้เพราะว่าพวกนั้นไม่ได้กำลังรีบอยู่

แม้ว่ามันจะเลือกให้ไม่มีกฎอยู่ นี่ก็อยู่แค่ภายในใจของมันเท่านั้น

แม้ว่าพวกข้างล่างจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจก็ตาม

‘นั่นเป็นสาเหตุให้พวกแกควรที่จะทำตัวดีๆ ด้วยตนเอง ดี ก่อนอื่นก็ฉีกแขนขาของพวกที่ไม่สามารถแตะสมบัตินั่นได้…’

วินาทีที่ดาคิดัสครุ่นคิดและแย้มยิ้มออกมาแล้วกำลังจะเปลี่ยนกฎสักหน่อย หูของเขาก็กระดิก

‘หือ?’

ดวงตาของดาคิดัสเคลื่อนไปยังคลังแสง

ตำแหน่งที่มีของเล่นหายากอยู่ไม่น้อย

ดาคิดัสแย้มยิ้มออกมาขณะที่มองไปยังที่แห่งนั้น

‘โอ้ นี่จะต้องสนุกแน่ๆ’

ดาคิดัสมองไปยังพวกที่อยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าขบขัน

ไม่มีสิ่งใดในหมู่บ้านสามารถหลบหนีไปจากดวงตาและหูของเขาได้

แต่แน่นอนว่าดวงตาของเขาจะถูกดึงดูดโดยสิ่งที่น่าสนุก

‘ตอนแรกเจ้าเด็กนั่นวิ่งไปหาสมบัติก่อน แต่ตอนนี้เขากำลังมุ่งเป้าไปที่คลังแสง คงจะเป็นเจ้าหนูที่โลภมากไม่น้อย’

เป็นคนที่อยู่กับความเป็นจริงมากๆ

เขาชอบคนแบบนั้นมากๆ

ดาคิดัสมองไปยังชายที่ชื่อฮันซูด้วยความขบขัน

จมูกของเขาขยับและหูก็กระดิก

‘ฉันควรจะเข้าไปใกล้กว่านี้เพื่อดูไหม’

ในขณะที่เขาสามารถได้ยินและมองเห็นได้จากตำแหน่งที่เขาอยู่ มันก็ไม่เหมือนกับการที่เขามองอยู่จริงๆ แต่เป็นการที่เขาได้รับข้อมูลจากป้อมปราการดาวเทียมต่างหาก

มันด้อยกว่าการมองเห็นและได้ยินทุกอย่างจริงๆ

‘ใช่แล้ว เราจะต้องเข้าไปใกล้สำหรับการแสดงแบบนี้’

การต่อสู้ระหว่างเจ้าพวกมดแมลงที่แข็งแกร่งและมดแมลงที่ฉลาดและละโมบ

ในสนถานการณ์แบบนี้จะมีอะไรให้เขาดูได้อีก?

เมื่อดาคิดัสคิด

ดาคิดัส ที่ส่องแสงสีฟ้าสว่างได้พุ่งผ่านหมู่บ้านและไปยังท้องฟ้าเหนือคลังแสง

“หือ?”

เฮลลัมที่ครอบครองสมบัติชิ้นหนึ่งพร้อมกับนักล่าจำนวนมากและกำลังมุ่งหน้าไปยังใจกลางหมู่บ้านพลันแสดงสีหน้างุนงงออกมาเมื่อเขาเห็นดาคิดัสเคลื่อนไหว

แล้วพวกเขาจะเอาสมบัติไปที่ไหนถ้าดาคิดัสเคลื่อนไหวแบบนั้น

และดาคิดัสที่มีมงกุฎสีฟ้าอยู่บนศีรษะก็แสดงสีหน้ากระอักกระอวลออกมา

‘โอ้ใช้ ฉันควรจะทำให้การล่าสมบัติจบลงแล้วเหมือนกัน’

เขาได้ลืมไปในเมื่อสถานการณ์แถวคลังแสงมันน่าสนุกมาก

แต่วิธีแก้มันค่อนข้างง่าย

ในเมื่อส่วนที่สำคัญคือการนำสมบัติมาหาเขา

ดาคิดัสตะโกนออกไปเสียงดัง

“ฉันเปลี่ยนกฎ”

“อะไรนะ?”

“เอาสมบัติมาที่ที่ฉันอยู่ ฉันจะอยู่ที่คลังแสง”

เฮลลัมและการ์ดคนอื่นๆ ชะงัก

ในเมื่อพวกเขารู้ว่าอะไรจะอยู่ตรงนั้นในตอนนี้

‘เอคิดู…’

เฮลลัมคือนักล่าจากพื้นที่ห้าตอนที่เอคิดูได้เริ่มการสังหารหมู่ขึ้นและเขาได้เห็นมันทั้งหมด

แต่กับการที่พวกเขาจะต้องไปที่นั่นในตอนนี้

แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่อยากไปนัก

แต่เฮลลัมกัดฟันกรอด

‘ในเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ก็แค่ไปให้สุด’

มันจะดีกว่าในการที่จะทำทุกอย่างอย่างสุดตัวแทนที่จะทำแบบครึ่งๆ กลางๆ

ถ้าทุกคนเป็นแบบเขา เอาสมบัติไป และสร้างความวุ่นวายขึ้น งั้นกระทั่งเอคิดูก็คงจะทำอะไรไม่ได้

ในเมื่อความวุ่นวายมันจะมากเกินกว่าที่เอคิดูจะสามารถรับมือได้

เฮลลัมตะโกนไปยังนักล่าที่อยู่ใกล้ๆ

“ไปกันเถอะ! เป้าหมายของเราก็แค่เปลี่ยนไปนิดหน่อย!”

ไม่ช้า สมบัติทั้งหนึ่งร้อยชิ้นและผู้คนที่พาสมบัติเหล่านั้นมาก็ได้กระโจนข้ามกำแพง ผ่านสิ่งก่อสร้าง และเริ่มมุ่งหน้าไปยังคลังแสง

เหมือนกับฝูงมดที่มุ่งหน้าไปยังลูกอมชิ้นยักษ์

 

 

 

ความผิดหวังมันมากมายพอๆ กับที่เธอหวัง

เอคิดูได้ยินเสียงของดาคิดัสเข้ามาใกล้เธอจากห่างออกไปและจ้องไปยังฮันซูด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“… คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณคือคนที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี่ขึ้น คังฮันซู?”

ตอนนี้มันหลุดจากการควบคุมไปแล้ว

ไม่ช้าคลังแสงก็จะตกอยู่ในความวุ่นวาย

เพราะนักล่านับพันกำลังมาที่นี่พร้อมกับสมบัติ รวมทั้งพวกที่มากับฮันซู

เอคิดูครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต

ในตอนที่เธอไม่อาจที่จะหาหมู่บ้านได้พบและมาถึงหมู่บ้านได้อย่างยากลำบากโดยเสียคนไปถึง 17 คน

หมู่บ้านมีประโยชน์มากมาย ทว่าปัญหาก็มากมายเช่นกัน

แต่มันก็ยังคงสำคัญ

‘ใช่แล้ว ที่นี่… ที่นี่คือโอเอซิส’

แม้ว่าทุกคนจะต่อสู้กันเองเพื่อจะได้น้ำ โอเอซิสก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น

กฎของหมู่บ้านและที่เก็บไอเทมที่จะทำให้มนุษย์มีพลังที่จะมีชีวิตรอด

‘ฉันจะปกป้องมันไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม’

นั่นคือสิ่งที่หมู่บ้านเป็นสำหรับเธอ

และเธอต้องมาพัฒนาหมู่บ้านใหม่ตั้งแต่แรกด้วยความแข็งแกร่งมหาศาลเพื่อที่จะป้องกันหมู่บ้านเอาไว้

‘ฉันไม่อยากจะใช้มัน…’

เอคิดูไม่ได้ใช้พลังของเธอบ่อยนัก

แต่ในเมื่อทั้งหมดมาถึงจุดนี้

เธอก็ต้องแสดงมันออกมา

และสำหรับพวกที่คุกคามหมู่บ้าน

แคร่กกก

ทั่วทั้งร่างของเอคิดูเริ่มถูกครอบคลุมด้วยเปลวเพลิงสีขาวสว่าง

ในเวลาเดียวกัน ม่านตาที่เกือบจะใหญ่เท่าดวงตาของเธอก็หดเล็กลงเรื่อยๆ และถูกแทนที่ด้วยสีขาว

ดวงตาสีขาวอันร้ายกาจ

บางอย่างเกิดขึ้นเมื่อดวงตาของเธอได้กลายเป็นสีขาวอย่างสมบูรณ์

ฮันซูผงกศีรษะเมื่อเห็นภาพนั้น

กลิ่นอายนั่น และมานานั่น

รวมทั้งสกิลพิเศษที่จะกลืนกินสติของผู้ใช้

‘เลขสามหลัก’

มันเป็นสกิลที่ระดับค่อนข้างสูง

ในเมื่อฮันซูจำมันได้

‘ลำดับที่ 312 วิชามารธาราขาว’

มันเป็นสีขาวบริสุทธิ์

แต่มันยิ่งทำให้มันน่ากลัวขึ้น

ในเมื่อสีขาวไม่ใช่สีแห่งความสงบสุข

มันคือวิชามารที่จะกลืนกินอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดของผู้ใช้ที่จะเข้ามาขัดขวางในการต่อสู้เมื่อมันถูกใช้ออก

นี่เป็นสาเหตุให้สีที่เป็นเอกลักษณ์ของวิชามารธาราขาวคือสีขาว

ในเมื่อมันได้ทำให้ความคิดของผู้ใช้ขาวโพลน

พวกเขาจะสร้างหายนะขึ้นจนกว่าพวกเขาจะตื่นขึ้นมา

จนกว่าทุกอย่างที่พวกเขาเป็นศัตรูด้วยจะถูกลบหายไป

การต่อสู้ที่จะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อศัตรูตายหรือตัวผู้ใช้ตายเอง

‘นั่นเป็นสาเหตุให้เธอพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้สินะ’

แคร่ก แคร่กกก

คาร์ฮาลผงะไปเมื่อเห็นท่าทีของเอคิดูที่เข้าใกล้พวกเขาอย่างช้าๆ ขณะที่มองไปรอบๆ ด้วยดวงตาที่เหลือเพียงแค่สีขาวของเธอก่อนจะเอ่ยขึ้นกับฮันซู

“นาย… นี่นายมีวิธีที่จะรับมือกับไอ้นั่นรึเปล่าเนี่ย?”

ในตอนนั้นเอง

ฟึ่บ

ร่างของเอคิดูพลันหายไป

ในเสี้ยววินาที

ตูมมมมม!

เอคิดูปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าฮันซูและตวัดขาของเธอออกไป

วูบบบ

ทันทีที่ลูกเตะซ้ายของเอคิดูฟาดผ่านอากาศและโจมตีไปยังร่างของฮันซู

ตูมมมมมม!

เสียงระเบิดดังลั่นพร้อมกับบริเวณรอบข้างที่สั่นสะเทือน

แคร่กกกก

หอกสายฟ้าได้เอนจนถึงจุดที่เกือบจะหัก

ตูม! ตูม! ตูม!

ฮันซูกระเด็นถอยหลังไปพร้อมกับทะลวงผ่านตึกไปสามตึกก่อนที่เขาจะค่อยๆ ลึกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พร้อมมองไปยังเอคิดูที่พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยกลิ่นอายดุดัน

‘ดูเหมือนว่าฉันคงจะตายถ้าไม่ใช้มัน’

ระดับของเอคิดูอยู่เหนือกว่าที่เขาคาดเอาไว้

ในเสี้ยววินาที

ครึ่กกกกก

ทั่วทั้งร่างของฮันซูได้ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ด

และกล้ามเนื้อที่ใหญ่โตอยู่แล้วของเขาก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น

ตึก ตึก ตึก ตึก

หัวใจสามดวงได้เต้นอย่างต่อเนื่องและเริ่มที่จะส่งเลือดมังกรไหลเวียนไปทั่วร่างของเขา

จากนั้นฮันซูจึงเหวี่ยงหอกสายฟ้าของเขาออกไป

ไปยังร่างของเอคิดูที่พุ่งเข้ามาหาเขา

ในตอนนั้นเอง

ตูมมมมม!

เสียงระเบิดดังลั่นได้เกิดขึ้นอีกครั้งจากการปะทะกันของฮันซูและเอคิดู

ในเวลาเดียวกัน สิ่งก่อสร้างใกล้ๆ ทั้งหมดก็พังทลายและเริ่มที่จะล้มลง

เพียงแค่การที่ทั้งสองคนปะทะกัน

คาร์ฮาลเดาะลิ้นเมื่อเขาเห็นภาพนั้น

‘… กับการที่เขาสามารถสู้กับเอคิดูได้’

สกิลที่หมอนั่นไม่ได้ใช้ตอนที่อีกฝ่ายสู้กับพวกเขา

กับการที่หมอนั่นเองก็สามารถกลายพันธุ์ได้

เขาดูเหมือนมั่นใจ แต่กับการที่หมอนั่นถึงขั้นซ่อนไอ้ของแบบนี้เอาไว้

ทว่าคาร์ฮาลตระหนักขึ้นได้ว่าเขาเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะมัวมาสบายใจได้

ในเมื่อการ์ดที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน ผู้ที่ป้องกันคลังแสงอยู่ ได้เริ่มโจมตีเขา

“บ้าเอ้ย!”

ตูมมมมมมม!

ตูมมม!

ไม่ช้า บริเวณรอบๆ คลังแสงก็เต็มไปด้วยเสียงระเบิด

‘เยี่ยม เยี่ยมมาก’

ร่างของดาคิดัสเข้ามาใกล้พื้นมาขึ้นทุกทีเมื่อเขาเห็นภาพนั้น

ในเมื่อยิ่งเข้าไปใกล้เท่าใด เขาก็ยิ่งเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจนขึ้น

ตูมม! ตูมมมมม!

สกิลจำนวนหนึ่งบินว่อนอยู่รอบตัวเขา แต่พวกมันล้วนถูกสลายไปโดยบาเรียสีฟ้ารอบกายของเขา

ในขณะที่ดาคิดัสมองไปยังการต่อสู้ด้วยสีหน้าสนุกสนาน

ตูมมมม!

กำแพงได้ระเบิดออกและคนอื่นๆ ก็ได้เข้ามาในสนามรบ

เฮลลัมและเหล่านักล่าที่เข้าร่วมการล่าสมบัติ

พวกเขามาถึงคลังแสงเป็นพวกแรกเพราะพวกเขาเริ่มจากตำแหน่งที่ฮันซูเคยอยู่

เฮลลัมเหลือบมองไปยังความวุ่นวายรอบกายก่อนจะรีบตะโกนขึ้นไป

“ท่านดาคิดัส! พวกเรามาแล้ว! พร้อมกับสมบัติ!”

ดาคิดัสมองไปยังเฮลลัมก่อนจะแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมา

เขาไม่ชอบยามที่คนคนหนึ่งที่ไม่แม้แต่จะแสดงในสิ่งที่เขาอยากเห็นให้ดูมาเอ่ยขอพลัง

แต่สัญญาก็คือสัญญา

ดาคิดัสเอ่ยออกไป

“โอเค แกต้องการพรแบบไหน?”

นักล่าเบื้องหลังเฮลลัมล้วนชะงักไปกับคำพูดของดาคิดัส

พวกเขามาที่นี่อย่างเร่งรีบ ทว่าไม่ได้คิดถึงพรที่พวกเขาจะเอ่ยขอเอาไว้ก่อน

‘มีข้อมูลไม่พอ’

และพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าดาคิดัสจะเติมเต็มความปรารถนาของเขาให้ได้มากแค่ไหน

แต่ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังครุ่นคิดนั้นเอง

เฮลลัมไม่แม้แต่จะหยุดคิด

ในเมื่อเขาได้คิดถึงบางอย่างทันทีที่เขาได้ยินว่าจุดหมายเปลี่ยนมาที่คลังแสง

เฮลลัมตะโกนเสียงดังไปยังดาคิดัส

“โปรดทำให้ฉันไร้เทียมทาน!”

สีหน้าของดาคิดัสเปลี่ยนไป

จากความเบื่อหน่ายเป็นความประทับใจ

“โอ้ แล้วคนที่เหลือข้างหลังแก?”

ขณะที่ดาคิดัสมองไปยังอีกฝ่ายอย่างนึกสนุก เฮลลัมก็หัวเราะเสียงเย็นก่อนจะเอ่ยตอบขึ้น

“ไม่ แค่ฉัน และมันก็ไม่ต้องนานมากด้วย”

สีหน้าของเฮลลัมเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ในเมื่อเจ้าดาคิดัสนั่นที่ชื่นชอบความวุ่นวายและหายนะย่อมรู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่

อีกฝ่ายต้องทำให้เขาสมหวังแน่

ดาคิดัสหัวเราะเสียงเย็นก่อนจะเอ่ยตอบ

“แน่นอน ฉันทำได้ เว้นเสียแต่ว่ามันคงจะไม่สนุกถ้ามันนานเกินไป ดังนั้น… ขีดจำกัดคือ 30 นาที”

ในเสี้ยววินาทีต่อมา

วูบบบ

ทั่วทั้งร่างของเฮลลัมถูกครอบคลุมด้วยบาเรียสีฟ้า

เหมือนกับบาเรียที่อยู่รอบร่างของดาคิดัส

เฮลลัมหัวเราะเสียงเย็นขณะที่เขามองไปยังม่านป้องกันสีฟ้ารอบตัวเขา

“30 นาที เกินกว่าพอ”

เหล่านักล่ากัดฟันกรอดเมื่อเห็นเช่นนั้น

“ไอ้สารเลวเอ้ย… นี่แกพยายามจะทำอะไร แกพยายามจะไปที่ปลายทางของถนนสีเขียวภายใน 30 นาทีหรืออะไรแบบนั้นรึไง?”

30 นาที

มันสั้นเกินกว่าที่จะทำอะไรได้จริงๆ

กับการที่อีกฝ่ายโยนเอาพรที่สำคัญทิ้งไปแบบนั้น

เฮลลัมยักไหล่เมื่อได้ยินคำพูดของนักล่า

“ไม่ ตอนแรกฉันคิดจะขออาร์ติแฟคหรือสกิล แต่… ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องไปไหนไกลเพื่อหาของพวกนั้น?”

เฮลลัมมองไปยังคลังแสง

‘แม้ว่าฉันจะขออาร์ติแฟคหรือสกิล… มันก็มีความเป็นไปได้สูงว่าดาคิดัสอาจจะโยนมันทิ้งลงมาที่นี่ด้วยนิสัยของเขา’

คนที่ได้ครอบครองอาร์ติแฟคดีๆ จะถูกรุมจนตาย

นี่คือสิ่งที่ดาคิดัสต้องการจะเห็น

แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ส่งมนุษย์ไปยังปลายทางของถนนสีเขียว

แต่ความต้องการนี้มันต่างออกไป

ในเมื่อเขาวางแผนจะแสดงสิ่งที่ดาคิดัสต้องการจะเห็นให้ดู

‘และถ้าไม่มีมัน ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าจะถูกฆ่าโดยเอคิดูที่กำลังบ้าคลั่งอยู่’

แต่ตอนนี้ทั้งหมดมันจบแล้ว

เขาแค่ต้องจัดการอีกฝ่ายและเดินเข้าไป

ในเมื่อจะไม่มีใครคนอื่นที่จะมีพลังในการไล่ล่าเขาหลังจากที่ทั้งหมู่บ้านพังยับเยิน

‘และ… มันยังมีรูนอีกมากแถวๆ นี้’

เฮลลัมแสยะยิ้มขณะที่เขาเริ่มโจมตีนักล่าที่ตามเขามา

ตูมมมม!

ตูม!

“อ๊ากกกก! ไอ้สารเลวนี่ เอาจริงดิ!”

“หนี!”

นักล่าตอบโต้อยู่สองสามครั้งก่อนจะตระหนักได้ว่าไม่มีการโจมตีไหนได้ผลอย่างที่ดาคิดัสเอ่ยล้วนกระจัดกระจายและเริ่มหนี

การ์ดแข็งแกร่งกว่านักล่ามาก

และโดยเฉพาะเมื่อในตอนนี้เขาไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้ของคนเหล่านั้น

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! พวกแกจะไปไหน!?”

ในตอนที่เฮลลัมกำลังจะไล่ตามคนเหล่านั้นไปหลังจากหัวเราะเสียงดัง

ตูมมมม!

แรงกระแทกรุนแรงได้ปรากฏขึ้นที่มุมหนึ่งของคลังแสง

เฮลลัมตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงมันและมองไปยังสาเหตุของเสียงนั้น

‘เอคิดู คังฮันซู’

เฮลลัมกัดฟันกรอดหลังจากที่เห็นร่องรอยความเสียหายมหาศาลที่เกิดขึ้นจากเอคิดูและฮันซูที่อยู่ห่างออกไป

‘… ไอ้เจ้าพวกนี้มันกลืนบ้าอะไรลงคอไปให้แข็งแกร่งได้ขนาดนั้นเนี่ย?’

ความริษยาท่วมท้นไปทั้งความคิดของเฮลลัมขณะที่ความคิดของเขาแล่นอย่างรวดเร็ว

‘ใช่แล้ว… ฉันจะไปหารูนจากที่ไหนก็ได้’

แต่ของระดับพิเศษบนร่างของฮันซู?

และวิชามารธาราสีขาวที่ทำให้เอคิดูกลายเป็นเทพสงครามที่บ้าคลั่ง?

ของพวกนั้นเป็นสิ่งที่ยากจะหาเจอแม้ว่าจะเป็นภายในคลังแสงหรือจากดาคิดัส

‘ฉันต้องได้พวกมันมา’

เขาไม่กระทั่งกล้าจะเข้าไปแทรกระหว่างสองคนนั้น

แต่ตอนนี้เขาไร้เทียมทาน

เขาต้องใช้เวลา 30 นาทีนั่นอย่างชาญฉลาด

และผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ที่หาสมบัติเจอต่างก็กำลังมุ่งหน้ามายังทิศทางนี้

พวกนั้นอาจจะเอ่ยขอพรที่คล้ายคลึงกับเขา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ให้ฉันเข้าร่วมด้วยสิ!”

ตูมมมมม!

เฮลลัมหัวเราะเสียงดังและกำลังจะกระโจนเข้าไปหาฮันซูและเอคิดู

และฮันซูที่กำลังมองไปยังรอบด้านอย่างเยือกเย็นท่ามกลางการต่อสู้พลันผงกศีรษะ

‘ถ้าถึงขนาดนี้แล้ว… ทุกคนในหมู่บ้านน่าจะมารวมตัวกันแล้ว’

ตัวละครสำคัญในการแสดงนี้ได้มารวมตัวกันแล้ว

และเหล่าผู้ชมสำหรับตัวละครเหล่านั้นก็มาแล้วเช่นกัน

ฮันซูมองไปยังดาคิดัสที่ลงมาจนถึงจุดที่เขาสามารถยื่นแขนออกไปจับได้ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น

ตอนแรกเขาคิดจะใช้สมบัติในการเข้าไปใกล้อีกฝ่าย

ในเมื่อพลังของหยกผนึกจะรุนแรงขึ้นตามระยะห่างที่สั้นลง

แต่ถ้าคู่ต่อสู้เข้ามาใกล้ด้วยตนเอง งั้นมันก็ไม่มีความจำเป้นให้เขาต้องเข้าไปใกล้อีกฝ่าย

“แทนที่จะมัวแต่มองอยู่ แกก็ควรจะลงมาร่วมด้วยนะ ดาคิดัส”

‘การเสริมพลังเองก็เสร็จสิ้นไปนานแล้ว’

ในเมื่อเขาได้จัดการรวบของในตลาดที่การ์ดไม่อยู่มาในระหว่างทางที่มาที่นี่

ทันทีที่ฮันซูจับหยกผนึกที่อยู่ในกระเป๋าของเขาแน่น

คว้างงงง!

แรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่ไม่อาจกระทั่งเทียบได้กับภายในความมืดมิดก็กวาดไปทั่วหมู่บ้าน

“หือ?”

เฮลลัมตื่นตระหนกเมื่อเขาเห็นบาเรียสีฟ้ารอบกายของเขาหลอมละลายลง