บทที่ 144 ตบอย่างไร้ปราณี

เมื่อเหล่านักเรียนที่มุงดูอยู่เห็นเซี่ยเฉิงเย่นำคนของเขาเดินเข้าไปหาเย่เฟิง ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง จนไม่อยากกระพริบตาเพราะกลัวจะพลาดฉากเด็ดที่ตะเกิดขึ้นเร็วๆนี้

คนเหล่านั้นให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งและหนักแน่น พวกเขาต้องไม่ใช่อันธพาลข้างถนนแน่นอนซ้ำยังดูมีความเชี่ยวชาญสูงด้วย! ถึงแม้เย่เฟิงจะสามารถจัดการพวกอันธพาลไม่กี่คนจากแก๊งอสรพิษสวรรค์ได้ก่อนหน้านี้ แต่พวกนั่นก็เป็นแค่อันธพาล จะมาเทียบกับพวกมากประสบการณ์อย่างคนเหล่านี้ได้อย่างไร?

แทบทุกคนต่างคิดในใจว่าเย่เฟิงคงถูกคนพวกนั้นทุบตีจนปางตายแน่!

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมากลับทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง

เมื่อเห็นกลุ่มคนเหล่านั้นเดินเข้ามา เย่เฟิงเพียงแค่เค้นเสียงเบาๆและดึงตัวซูเหมิงหานมาไว้ข้างหลัง ด้วยท่าทีผ่อนคลาย สงบนิ่ง และไม่แยแสต่อสิ่งใด ชายหนุ่มเตะเข้าใส่คนเหล่านั้นโดยดูเหมือนแทบไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย

ปัง! ปัง! ปัง!

เซี่ยเฉิงเย่รวมทั้งคนของเขาไม่อาจต้านทานลูกเตะนี้ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือพวกเขาถูกเตะเข้าที่ท้องจนกระเด็นและแทบจะยืนขึ้นมาไม่ได้อีก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทำให้อู๋บีที่ยืนอยู่ข้างๆตกใจจนอ้าปากค้าง

‘นี่คือความน่ากลัวของผู้ฝึกวรยุทธ์งั้นหรอ?’

อู๋บีคิดในใจ

สำหรับเหล่านักเรียนที่มุงดูอยู่ พวกเขาย่อมไม่รู้ว่าวรยุทธ์คืออะไร แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ต้องตัวแข็งทื่อและเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เย่เฟิงเพื่อนของพวกเขาเป็นคนน่ากลัวขนาดนี้มาตลอดเลยงั้นหรอ?

อย่างไรก็ตาม ซูเหมิงหานเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เด็กสาวยืนอยู่ข้างเย่เฟิงขณะยิ้มบางๆ ในตอนนี้ เธอเป็นเพียงคนเดียวในโลกที่รู้ว่าตัวตนของชายหนุ่มคือผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียน ถ้าแค่คนธรรมดายังไม่อาจจัดการได้ เขาจะกล้าเรียกตัวเองว่าผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียนได้อย่างไรกัน?

โดยมองข้ามความตื่นตระหนกของฝูงชน เย่เฟิงสาวเท้าเข้าไปหาเซี่ยเฉิงเย่ที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะเหยียบเท้าลงไปบนหน้าอก และเอ่ยขึ้นมา “ใครเป็นคนหนุนหลังแก ถึงทำให้แกกล้ามาหาเรื่องฉัน?”

เซี่ยเฉิงเย่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ นอกจากจะถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าแล้ว เลือดยังทะลักจากลำคอเข้ามาเต็มปาก สีหน้าของเซี่ยเฉิงเย่ล้วนเต็มไปด้วยความตื่นกลัว

หากเขารู้ว่าก่อนหน้านี้ว่าเรื่องทั้งหมดจะกลายเป็นแบบนี้ เขาย่อมไม่กล้ามาหาเรื่องเย่เฟิงแน่!

แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว

เมื่อได้ยินคำถามของเย่เฟิง เซี่ยเฉิงเย่ก็ไอเป็นเลือดก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “แกล่วงเกินตระกูลหลินไปแล้ว………แกต้องถูกพวกเขาคิดบัญชีแน่!”

ล่วงเกินตระกูลหลิน?
เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็นิ่วหน้า เขาไปทำอะไรล่วงเกินตระกูลหลินเมื่อไหร่กัน? แต่มาลองคิดดูอีกที หรือว่าเจ้านี่จะหมายถึงหลินเหรินเทียน?

ชายคนนั้นคือพ่อของหลินซิวเหวิน และเป็นน้องชายของหลินเต๋อเทียน

ทันใดนั้น ความคิดบางอย่างก็แล่นเขามาในหัว เย่เฟิงหันกลับไปหาซูเหมิงหานก่อนจะเอ่ยถาม “เหมิงหาน ใครเป็นผู้พิพากษาของศาลเมืองเหยียนจิง เธอรู้ไหม?”

ซูเหมิงหานปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า แต่ทันใดนั้น เธอก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา นิ้วเรียวสวยของเด็กสาวรีบกดลงบนหน้าจอและไม่นานนัก รอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ซูเหมิงหานเอ่ยขึ้นมาว่า “หลินเหรินเทียน”

ในปัจจุบันนี้ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตทันสมัยขึ้นมาก หลินเหรินเทียนเป็นคนมีชื่อเสียงในสาธารณะ เพราะฉะนั้น ชื่อของเขาจึงง่ายต่อการค้นหาในอินเตอร์เน็ต

เป็นมันจริงๆด้วย!

ทันทีที่ชื่อของหลินเหรินเทียนเข้ามาในหูเย่เฟิง ประกายตาของเขาก็ฉายวาบขึ้น คนๆนี้ ทั้งที่มีสถานะทางสังคมสูง แกกลับจ้องหาเรื่องเขาไปทุกที่ เรื่องที่หลินซิวเหวินกลายเป็นคนปัญญาอ่อนก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักนิด แต่หลินเหรินเทียนก็จ้องเล่นงานเขาเหมือนหมาบ้า

ไม่น่าเล่า เซี่ยหมิน เซี่ยเฉิงเย่ และคนพวกนี้มีหลินเหรินเทียนคอยหนุนหลังนี่เอง ถึงกล้ามาหาเรื่องเขา แต่น่าเสียดาย พวกมันประเมิณเย่เฟิงคนนี้ต่ำเกินไปแล้ว!

หลังจากได้รับคำตอบ เย่เฟิงจูงมือซูเหมิงหานเดินไปยังประตูห้องเรียน

“อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา………..”

เซี่ยหมินถูกตบหน้าจนกระเด็นมาที่ประตูห้องเรียนเห็นเย่เฟิงเดินเข้ามา เธอจึงรีบลุกขึ้นยืนและร้องด้วยความหวาดกลับ แต่เมื่อคิดอีกที การที่มีหลินเหรินเทียนคอยหนุนหลังอยู่แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวไอ้เด็กเวรนี่ เมื่อคิดได้แบบนั้น ความหยิ่งยโสของเซี่ยหมินจึงกลับมาอีกครั้ง เธอชี้นิ้วไปยังซูเหมิงหาน “ยัยเด็กแพศยา ถ้าแกไม่ยอมถอนฟ้องล่ะก็ แม้แต่ตระกูลหลินก็ช่วยแกไม่ได้ เพราะตอนนี้คนตระกูลหลินอยู่ข้างฉันแล้ว……”

เย่เฟิงเค้นเสียงและมองข้ามคำด่าของเซี่ยหมิน เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้หูซูเหมิงหาน และกระซิบสอนการควบคุมเจินชี่แก่เด็กสาว “ลองรวบรวมเจินชี่มาไว้ในฝ่ามือนะ ทำแบบนั้นแล้วฝ่ามือของเธอจะมีแรงมาก และใช้มันได้ไม่ยากเลย”

ในเมื่อเซี่ยหมินกล้าดุด่าและดูถูกดูแคลนซูเหมิงหาน มันคงจะดีที่สุดถ้าให้เด็กสาวเป็นฝ่ายเอาคืนด้วยตัวเอง

ซูเหมิงหานกัดฟันรวบรวมเจินชี่มาไว้ที่ฝ่ามือตามที่เย่เฟิงสอน ขณะเดียวกัน เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเซี่ยหมิน

ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะเป็นคนไม่ชอบใช้ความรุนแรง แต่กับเซี่ยหมินที่มีฐานะเป็นแม่เลี้ยง ไม่เพียงผู้หญิงคนนี้จะเหยียบย่ำเธอมาหลายปี มันยังวางแผนสร้างอุบัติเหตุเพื่อเอาชีวิตยายของเธอ แม้แต่ตอนนี้ มันยังเรียกเธอว่า‘ยัยแพศยา’

แม้ซูเหมิงหานจะเป็นเด็กสาวที่สุภาพและอ่อนโยน แต่ตอนนี้ เธอไม่อาจทนต่อไปได้อีกแล้ว!

ซูเหมิงหานสาวเท้าเข้าไปเผชิญหน้าเซี่ยหมิน

“แกจะทำอะไรหะ? ยัยผู้หญิงขายตัว ฉันขอบอกเลยว่า ถ้าแกไม่ยอมถอน……”

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเซี่ยหมินยังคงบวมเป่งอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าเธอจะหวาดกลัวเย่เฟิง แต่กับซูเหมิงหานที่เห็นเพียงลูกแกะเชื่องๆ เธอก็มีโอกาสจะได้กู้หน้าคืนมา ไม่งั้นจะให้ตระกูลเซี่ยเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

นอกจากนี้เธอยังเชื่อมั่นว่าความแข็งแกร่งของหลินเหรินเทียนนั่น ซึ่งเย่เฟิงไม่อาจเทียบได้เลย แม้วันนี้ต้องการเปิดตัวอย่างอย่างสวยงาม แต่เธอกลับถูกมันตบหน้าเขาอย่างจัง เพราะฉะนั้น ไว้วันหน้า เธอจะทำให้มันรู้สึกเสียใจที่กล้ามาล่วงเกินเธอ

“ฉันจะไม่ถอนฟ้อง”

ซูเหมิงหานยังคงยืนยันคำเดิมขณะจ้องมองไปยังเซี่ยหมิน เด็กสาวยกมือเล็กๆของเธอขึ้นมา

เพี๊ยะ!

เซี่ยหมินถูกตบเข้าที่ใบหน้าอย่างจังอีกข้างหนึ่ง จนต้องถอยหลังอีกหลายก้าวไปยืนพิงกำแพงด้วยความมึนงง

เป็นอีกครั้งที่ทำให้ทุกๆคนต้องตกตะลึงยกเว้นแค่เย่เฟิง

เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? ดาวโรงเรียนที่สดใสและไร้เดียงสาคนนี้ตบหน้าคนอื่นงั้นหรือ? แล้วเซี่ยหมินคนนั้นอ่อนแอขนาดไหนกัน แค่ถูกเด็กนักเรียนหญิงตบ ถึงกับเซถอยหลังไปตั้งหลายก้าว?

จะมีใครรู้ว่าเด็กสาวคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาตอนนี้คือผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียน ที่ผ่านการดูดซับหินวิญญาณมาแล้ว เวลานี้ซูเหมิงหานมีวรยุทธ์ระดับ 3 ปี เพราะฉะนั้น ทั้งความเร็วและกำลัง ล้วนเกินกว่าที่เซี่ยหมินจะจินตนาการได้

นอกจากนี้ ด้วยที่ระดับวรยุทธ์ของซูเหมิงหานเพิ่งจะขึ้นเป็นระดับ 3 ปีเท่านั้นและสถานการณ์ในตอนนี้สำคัญกับเธอมาก ไม่อย่างนั้น เย่เฟิงคงไม่กล้าให้เด็กสาวไปทำร้ายใคร เพราะถ้าเป็นวรยุทธ์ระดับ 5 ปี หากซูเหมิงหานไม่รู้วิธีควบคุมกำลังล่ะก็ เธออาจสังหารคนธรรมดาได้ด้วยการตบเพียงครั้งเดียว…..

“แกกล้าตบฉัน! ยัยแพศยา! ยัยเด็กขายตัว!”

เซี่ยหมินกุมใบหน้าข้างที่ถูกตบอย่างคาดไม่ถึง ขณะจ้องมองซูเหมิงหาน เธอไม่เคยคิดเลยว่าเด็กผู้หญิงเชื่องๆอย่างซูเหมิงหานจะกล้าตบเธอจริง

เพี๊ยะ!

ซูเหมิงหานไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เธอเดินเข้าไปตบหน้าเซี่ยหมินอีกครั้ง

หยาดน้ำตาไหลรินออกมาจากหางตาของเด็กสาว เมื่อคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นคนวางแผนสังหารยายของเธอเมื่อหลายปีก่อน ความคิดนี้ทำให้ซูเหมิงหานตบเข้าที่ใบหน้าเซี่ยหมินอย่างไร้ปราณี แต่แล้วไงล่ะ? ต่อให้ตบผู้หญิงคนนี้สักพันครั้งแล้วยายของเธอจะฟื้นขึ้นมารึไงกัน?

สองฝ่ามือนี้ไม่เพียงทำให้ศักดิ์ศรีของเซี่ยหมินป่นปี้เท่านั้น เธอยังมึนงงจนมองแทบจะมองเห็นดวงดาวในตอนกลางวัน และรู้ว่าหากยังเอ่ยคำพูดแย่ๆออกมาอีก เธอคงคงได้รับความอัปยศอดสูที่มากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน

เวลานี้ เซี่ยหมินไม่อยากจะคิดอะไรอีก จึงตั้งใจจะรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

สำหรับเธอแล้ว การหนีไปจากที่นี่คงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการถูกตบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉะนั้น เซี่ยหมินจึงถอยออกมาขณะล้วงเอามือถือไอโฟนในกระเป๋าหมายจะโทรเรียกให้ใครบางคนมาช่วย

แต่ทันใดนั้น ขณะที่เซี่ยหมินวิ่งหนีไปยังทางขึ้นบันได ร่างของใครคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย คนๆนั้นยกเท้าขึ้นเตะโทรศัพท์ในมือเซี่ยหมินจนมันร่วงลงพื้น จากนั้นก็ตามไปเหยียบซ้ำอย่างแรงจนมันแหลกละเอียด

แคร้ก!

อย่าว่าแต่มือถือไอโฟน ต่อให้เป็นโนเกียก็ไม่อาจทนแรงบดขยี้ใต้ฝ่าเท้าของชายคนนี้ได้ เพราะเขาคือ-

“ปู่?”

เดิมที เย่เฟิงจ้องมองไปยังเซี่ยหมินที่วิ่งออกไปอยู่แล้ว แต่ทันใดนั้น ร่างของคนๆหนึ่งก็โผล่ขึ้นมา และมันทำให้ชายหนุ่มต้องเพ่งมองซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง

เย่เวิ่นเทียน! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กัน?

……………………………

แปลโดย Solar Spark