บทที่ 135: การติดเชื้อ (4)

 

 

 

แคร่กกก!

“อึกกก…”

กวานแจที่นอนอยู่บนพื้นด้วยร่างกายที่ยับเยินพยายามที่จะสั่นศีรษะเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างพังทลายลง

เสียงของคนที่เฝ้าเขาอยู่ถูกฟาดออกไป

กวานแจเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตะลึงงันหลังจากที่รับรู้ถึงตัวตนของต้นเสียงเมื่อแหงนศีรษะขึ้น

“จบแล้วงั้นเหรอ”

อคาดัสสีเงินที่ปกคลุมท้องฟ้าขณะที่พวกมันกำลังไล่จับผู้ที่คนเข้าร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้

กวานแจมองภาพเบื้องหน้าเขาที่ทำให้เขานึกถึงคมมีดแห่งความยุติธรรมที่ลงทัณฑ์เหล่าคนบาปมองไปยังฮันซูที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาเพื่อช่วยเขา

‘เร็วขนาดนี้…’

มันยังผ่านไปไม่นานตั้งแต่เจ้าคนพวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวไปรอบๆ เพื่อสร้างความเสียหาย

“เกิดอะไรขึ้นกับตัวประกันที่พวกนั้นจับเอาไว้? ตายหมดแล้วเหรอ?”

แม้ว่ามันจะไม่ได้นานขนาดนั้น มันก็มากเกินกว่าคำว่าพอในการจับตัวประกัน

ฮันซูเอ่ยตอบอย่างง่ายๆ

“พวกที่สำคัญจริงๆ ไม่ได้มีประโยชน์ในฐานะตัวประกันอยู่แล้ว”

คนไม่สามารถใช้คนที่พวกเขารู้ว่าสำคัญเป็นตัวประกันได้

ในเมื่อพวกเขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวประกันเหล่านั้น

การเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดของคนต้นคิดเหตุการณ์นี้คือความจริงที่พวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงมันได้

กวานแจเอ่ยพึมพำตอบอย่างเงียบๆ

“ความเป็นไปได้หนึ่งเดียวก็คือนาย”

สิ่งที่ฮันซูทำจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อคนสามารถจัดการศัตรูของเขาทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว

“ในเมื่อฉันช่วยนายแล้ว ฉันก็จะปล่อยงานเก็บกวาดให้เป็นหน้าที่นาย ฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่”

การจัดการผู้ที่สร้างความเสียหายกับการจัดการเก็บกวาดความวุ่นวายคือสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

กวานแจกอดภรรยาของเขาที่ถูกจับไว้กับเขา ยกร่างของเธอขึ้นพร้อมกับกัดฟันกรอดก่อนจะแสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมาหลังจากที่เห็นว่าไม่มีใครอยู่ด้านหลังฮันซูแล้วจึงเอ่ยถามขึ้น

“นายมาช่วยฉันก่อนเลยเหรอ? แล้วผู้หญิงน่ารักๆ คนนั้นที่ขึ้นมาจากด้านล่างล่ะ?”

ฮันซูเอ่ยตอบอย่างง่ายๆ ขณะที่เขาหันหลังกลับ

“คนที่มีความสามารถอย่างนายมีค่าอย่างมาก”

“… นายเป็นคนที่แปลกจริงๆ”

กวานแจแสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมาหลังจากที่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่พุ่งพล่านอยู่ในร่างของเขาจากคำพูดของฮันซู

จากนั้นเขาจึงพ่นคำพูดออกมาสองสามคำขณะที่มองไปยังฮันซู

“กรากอซถูกรักษาแล้ว นายเองก็ได้รับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายแล้ว… ตอนนี้นายจะขึ้นไปแล้วรึเปล่า?”

เหตุการณ์ครั้งนี้ใหญ่โตมาก

พวกเขาจะสามารถทำงานได้โดยไร้ซึ่งความขัดแย้งนับแต่จุดนี้ไป

ฮันซูผงกศีรษะหลังจากที่ได้ยินคำพูดของกวานแจก่อนจะเอ่ยขึ้น

“หลังจากที่จัดการอีกเรื่องเสร็จแล้วฉันก็จะขึ้นไปทันที มันคงจะไม่เสียเวลานานนัก”

กวานแจแสดงสีหน้างุนงงออกมาขณะที่เขามองไปยังฮันซูที่กำลังจะจากไป

“เหลืออะไรอีกล่ะ?”

ฮันซูดัดคอ

“มีอีกคนที่ทำให้ฉันกังวลนิดหน่อย”

บางคนที่ไม่ได้อยู่ในผลึกความทรงจำแต่กลับเป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุการณ์สุดท้ายขึ้นกับทารูโฮล

‘งั้นฉันก็ควรจะเริ่มเตรียมตัวได้แล้ว พวกที่ถูกจับคราวนี้คงจะเป็นประโยชน์มาก’

 

 

 

‘… อย่างที่คิด มันใช้พลังงานของข้าไปเยอะมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะใช้เจ้าพวกนี้’

ทารูโฮลกุมศีรษะที่ปวดแปล๊บของเขาเอาไว้หลังจากที่ใส่ยารักษาเข้าไปในกรากอซตัวสุดท้าย

หรือจะพูดให้แม่นยำไปกว่านั้นคือมงกุฎแห่งหนามที่อยู่บนศีรษะของเขา

‘อืม อย่างน้อยทุกอย่างก็เสร็จสิ้นแล้ว’

ทารูโฮลพึมพำอย่างเงียบงันหลังจากที่เตะทิราดัสที่ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ด้วยน้ำมือของอคาดัส

และในเมื่อกรากอซทั้งหมดถูกรักษาแล้ว เรื่องเร่งด่วนก็นับว่าเสร็จสิ้น

ในเมื่อเจ้าพวกนี้จะไม่พุ่งเข้าไปหาลาร์ซาร์เพื่อที่จะกินอีกฝ่ายอีกต่อไป

‘โอ้พระเจ้า แบบนี้ไม่ใช่ว่าข้ากลายเป็นผู้นำคนใหม่หรือ’

แม้ว่าศีรษะของเขาจะปวดแปล๊บ สมองของเขากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ในเมื่อเขาทำหน้าที่ในการค้นหาแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาจากมานับร้อยปีได้สำเร็จและได้ช่วยเหลืออคารอนเอาไว้ด้วยมือของตนเอง

‘ข้าควรจะไปเอาดาบแก่นแท้มังกรเลยไหม? บ้าเอ้ย กับการที่มันยากขนาดนี้ในการไปเอาของขวัญชิ้นหนึ่งให้เพื่อนเนี่ย’

ตามที่มงกุฎแห่งหนามบอก ดาบแก่นแท้มังกรอยู่ในส่วนลึกที่สุดของที่แห่งนี้ กรากอซมังกร

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่มันจะอยู่ที่นี่

ในเมื่อกรากอซตัวนี้คือดินแดนที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากลาร์ซาร์

หากลาร์ซาร์คือเมืองหลวง งั้นที่นี่ก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเรียกว่าเป็นเมืองหลวงแห่งที่สอง

ทารูโฮลสัมผัสศีรษะที่ปวดแปล็บของเขาก่อนจะนำอคาดัสสีทองไปยังส่วนลึกของกรากอซ

ทารูโฮลเดินไปด้วยท่าทีราวกับว่าเขาถูกมนต์สะกดโดยมงกุฎแห่งหนามบนศีรษะของเขาและมุ่งหน้าไปยังวิหารที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกในตัวกรากอซ

จากนั้นจึงเปิดช่องลับขึ้นในวิหารนั้น

ครืนนนน

เศษกระดูกชิ้นเล็กจ้อยปรากฏขึ้นอยู่ภายในช่องนั้น

มีดสั้นที่ดูเล็กจ้อยและกระจอกมากๆ แม้ว่าจะเทียบกับสิ่งที่ฮันซูได้รับ

ทว่าทารูโฮลรู้ในทันทีที่เขาเห็นมัน

กลิ่นอายที่ยังคงหลงเหลืออยู่แม้ว่าเวลานับร้อยปีจะผ่านพ้นไป พลังที่อยู่ภายในมัน

นี่คือของจริง

มันคืออาร์ติแฟคศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกส่งต่อกันมาในอคารอน <ดาบแก่นแท้มังกร>

ทารูโฮลยกดาบแก่นแท้มังกรขึ้นอย่างระมัดระวังราวกับว่าเขากำลังรับมือกับเมคิโด้ ยอดผู้นำ

‘พลังในการจัดการทิราดัสอยู่ในนี้…’

ทารูโฮลพึมพำ

ทิราดัสสีดำ

สิ่งอันทรงพลังที่ต้องใช้อคาดัสสีทองสามตัวในการจัดการ

ในวินาทีที่คนใส่มันเข้าไปในร่าง พวกเขาก็จะได้รับพลังที่ทำได้กระทั่งจัดการทิราดัสสีดำ

ทารูโฮลที่เหม่อมองไปยังดาบแก่นแท้มังกรหัวเราะคิกคักขณะที่เขานำมันใส่ไปยังกระเป๋าของเขา

ในเมื่อมันคือของขวัญสำหรับเพื่อนของเขา

‘แล้วข้าจะเอาไปใช้มันที่ไหนกัน?’

ในตอนนั้นเอง

สวบบ

“… หือ?”

ทารูโฮลแสดงสีหน้างุนงงออกมาขณะที่เขาแทงดาบแก่นแท้มังกรเข้าไปในร่างของเขา

‘ทำไมข้าถึงแทงมันเข้ามาในร่างของข้า?’

ทารูโฮลตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติขณะที่เขามองไปยังแขนขวาที่แทงดาบแก่นแท้มังกรเข้าไปในร่างของเขาโดยที่เขาไม่อาจควบคุมและพยายามดึงมันออกมา

ทว่ามันสายเกินไปแล้ว

แคร่กกก

ดาบแก่นแท้มังกรส่งเสียงแตกหักออกมาและกลายเป็นเศาเสี้ยวนับพันและฝังลงไปในร่างของทารูโฮล

ลูกแก้วสีสว่างที่อยู่ภายในดาบแก่นแท้มังกรที่สลายกลายเป็นเศษเสี้ยวนับพันเริ่มที่จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พวกมันครอบคลุมร่างของทารูโฮลไปทีล่ะส่วน

แคร่ก แคร่กกก

โครงสร้างกระดูกเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดด้วยดาบแก่นแท้มังกร และพลังที่ออกมาจากมันได้สร้างร่างกายของเขาขึ้นใหม่

พลังมหาศาลที่ไหลเวียนไปทั่วร่างของเขา

แม้ว่าเขาควรจะยินดีในฐานะของนักรบ แต่เขากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น

“ไอ้ร่างกายเวรนี่! จู่ๆ ก็ทำเอง! กรรรรร!”

เสียงคำรามของทารูโฮลดังก้องไปทั่วทั้งวิหารภายในร่างของกรากอซ

ทารูโฮลตระหนักได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มีสาเหตุมาจากอะไรในตอนนั้นและรีบกำมงกุฎแห่งหนามบนศีรษะของเขา

และเริ่มฉีกมันออก

“อ๊ากกกกก!!”

กร๊อบ กร๊อบบ

กระทั่งมงกุฎแห่งหนามที่ทิ่มแทงลึกเข้าไปในศีรษะของเขาก็ไม่อาจต้านทานพลังของทารูโฮลที่ได้รับการเสริมจากดาบแก่นแท้มังกรได้

ทว่าในตอนนั้นเอง ความคิดที่แตกต่างออกไปก็ได้ปรากฏขึ้นในสมองของทารูโฮล

‘… ถ้าข้าดึงมันออก แล้วใครจะควบคุมอคาดัส? แล้วมนุษย์กับอคารอนที่อยู่กับพวกมันล่ะ?’

เขาทำได้เพียงคิด

ในเมื่อการสังหารหมู่จะเกิดขึ้น

และความรู้สึกที่เขารับรู้ได้จากมงกุฎแห่งหนามที่ทิ่มแทงอยู่ในศีรษะของเขาก็ไม่ใช่ความไม่เป็นมิตร

‘… ความสิ้นหวัง?’

ความสิ้นหวังเกี่ยวกับบางอย่าง

ทารูโฮลรู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร

ความรู้สึกที่มีต่อเผ่าพันธุ์ของตนเอง

ความสิ้นหวังที่มีต่ออคารอน

ทารูโฮลชะงักไปกับความรู้สึกอันคุ้นเคยอย่างมากที่เขาได้แบกรับมากว่าร้อยปี

ก่อนจะรู้สึกสงสัย

‘ใครกันที่สิ้นหวังได้มากเพียงนี้?’

แต่จากนั้นทารูโฮลก็รับรู้ถึงคำตอบได้ในวินาทีนั้น

‘อ่า…’

ชื่ออันน่าคิดถึง

วินาทีที่เขาตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายคือใคร

ทารูโฮลก็หยุดดิ้นรนและมอบร่างกายของเขาให้กับผู้ที่อยู่ภายในมงกุฎแห่งหนาม

สวบบบ

ในตอนที่เขาหยุด มงกุฎแห่งหนามที่งอกเงยขึ้นใหม่ก็ได้แทงเข้าไปในศีรษะของทารูโฮลอีกครั้ง

“…”

ปึด ปึดดด

ทั่วทั้งร่างของทารูโฮลเปลี่ยนแปลงไปจากดาบแก่นแท้มังกร และศีรษะของเขาก็ถูกครอบคลุมด้วยมงกุฎแห่งหนาม

ตอนที่ทุกอย่างหยุดลงและความเงียบงันเอ่อท่วมวิหารนั้นเอง

“หืมมม…”

ทารูโฮลเปิดเปลือกตาของเขาขึ้นอีกครั้ง

และแสดงสีหน้างุนงงอย่างมากออกมา

“ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่? ข้าควรจะอยู่ในอบิส”

ดวงวิญญาณของทารูโฮลได้หลับใหล

และดวงวิญญาณของเธอได้ผลักเอาวิญญาณของทารูโฮลออกไป

ทารูโฮลแสดงสีหน้าสับสนอย่างรุนแรงออกมากับร่างกายของเขาขณะที่เขาลูบไปทั่วร่าง

มงกุฎแห่งหนาม

และดาบแก่นแท้มังกร

สองสิ่งนี้คือสิ่งที่เธอได้จัดการเตรียมไว้และทิ้งพวกมันเอาไว้แน่ๆ

แต่เรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

‘ข้าไม่เข้าใจ’

ทารูโฮลค้นหาในความทรงจำของเขาและค้นพบบางอย่างในความทรงจำนั้น

คนที่เตะตาในวินาทีที่เห็น

‘คังฮันซู คนคนนี้อาจจะรู้บางอย่าง’

กิ้งงงง

ทารูโฮลขึ้นไปด้านบนอคาดัสสีทองและบินไปยังลาร์ซาร์

 

 

 

ฮันซูมองไปยังอคาดัสสีทองที่บินมาหาเขาจากห่างออกไป

ฮันซูที่มองไปยังอคาดัสสีทองมองไปยังรอบกายของเขา

มันมีคนไม่มาก

ในเมื่อมันมีเพียงแค่คนที่สามารถรับมือกับอคาดัสสีทองและยืนอยู่บนจุดสูงสุดในบรรดาผู้ที่แข็งแกร่งบนกรากอซ

‘จะยังไงพวกที่มีระดับต่ำกว่าระดับมาร์กอชก็ทำได้แค่เพิ่มความเสียหาย’

แต่มันมีคนอื่นนอกจากระดับมาร์กอชอยู่เหมือนกัน

เป็นกลุ่มที่พิเศษอย่างมาก

ฮันซูเอ่ยขึ้นกับคนเหล่านั้น

“เตรียมตัว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าผู้ใช้ค่ายกลที่รอดชีวิตมาอย่างฉิวเฉียดจากการสังหารหมู่ต่างก็ผงกศีรษะ

ไม่มีท่าทีต่อต้านปรากฏขึ้นแม้แต่น้อย

ในเมื่อพวกเขาเห็นว่าหมอนั่นทำอะไรด้วยร่างกายของพวกเขาเอง

ชายที่ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดราวกับว่าพวกมันคือเกราะของเทพพระเจ้า

ตอนที่พวกเขาเห็นอีกฝ่ายครั้งแรก กลิ่นอายและความสง่างามที่ส่องประกายออกมาจากอีกฝ่ายนั้นยิ่งใหญ่เสียจนพวกเขารู้สึกเหมือนผู้ร้าย

แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้ว

‘เทพผู้ชั่วร้าย เขาคือเทพที่ชั่วร้าย’

ชายที่ได้ฆ่าล้างเสียจนเกล็ดสีทองของเขาถูกอาบย้อมจนเป็นสีแดงฉาน

ผู้ใช้ค่ายกลกัดฟันกรอด มัดและหลอมรวมค่ายกลจำนวนมากเข้าด้วยกันและเตรียม <หยกดำ> ที่พวกเขาสร้างขึ้นก่อนหน้า

ไม่ช้า อคาดัสสีทองและทารูโฮลก็เข้ามาใกล้มากพอที่พวกเขาจะสามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้

พร้อมกับมงกุฎแห่งหนามที่ใหญ่ขึ้นและแดงขึ้นบนศีรษะของทารูโฮล

‘… อย่างที่ฉันคิด’

ฮันซูกระตุ้นเศษเสี้ยววิญญาณขึ้นเผื่อเอาไว้

เพื่อที่จะตรวจสอบว่าเศษเสี้ยววิญญาณที่เขาฝังไว้ในวิญญาณของทารูโฮลทำงานหรือไม่

<ยกมือขวาขึ้น>

ทว่าทารูโฮลที่บินมาจากห่างออกไปไม่แม้แต่จะชะงัก

ไม่สิ มันไม่ใช่ว่าเศษเสี้ยววิญญาณใช้การไม่ได้

แต่มันแค่ว่าดวงวิญญาณของทารูโฮล ที่เขาได้ฝังเศษเสี้ยววิญญาณลงไปไม่ได้ครอบครองร่างกายนั้นอีกต่อไป

ผู้ที่ควบคุมร่างกายนั้นอยู่คือคนอื่น

ฮันซูมองไปยังกวานแจด้วยสายตาโหดเหี้ยมหลังจากที่ยืนยันสถานการณ์แล้วก่อนจะเอ่ยขึ้น

“บอกคนอื่นๆ ให้ทำลายให้หมด”

“… หมดเลยเหรอ?”

“ใช่ อคาดัสทุกตัวที่เหลือ”

“บ้าเอ้ย นี่มันเสียเปล่าชะมัด”

“อย่ากังวลเลย เรายังสร้างเพิ่มได้เสมอ”

นี่ไม่ใช่เวลาจะมามัวเสียดาย

ถ้าเจ้าหมอนั่นที่บินเข้ามาเกิดมีความคิดแปลกๆ ขึ้น หายนะที่เกิดขึ้นในอดีตก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง

กวานแจผงกศีรษะขณะที่เขาเริ่มส่งพิราบสื่อสารไปทุกทิศทาง

<ทำลายพวกมันให้หมด>

ไม่ช้า เสียงของการทำลายทั้งดังสนั่นและแผ่วเบาก็ดังขึ้นทั่วลาร์ซาร์

ตูมมม!

เคร้งง!

เสียงของอคาดัสสีเงินที่ยืนนิ่งอยู่อย่างสงบได้ถูกทำลายลง

‘โชคดีที่พวกนั้นสร้างความวุ่นวายขึ้น’

ฮันซูพึมพำอยู่ในใจ

การควบคุมกฎจะยากขึ้นมากถ้าไม่มีเจ้าพวกนั้น

แต่ในเมื่อเขาได้ล่อพวกที่จะสร้างปัญหาขึ้นออกมาในครั้งเดียวไปแล้ว คลื่นลูกต่อมาก็จะอ่อนลงมาก

ฮันซูมองไปยังทารูโฮลที่เข้ามาค่อนข้างใกล้เขาแล้วก่อนจะพลันตะโกนขึ้นไปยังเหล่าผู้ใช้ค่ายกล

“ตอนนี้! จับพวกเราทั้งหมดไว้ในนั้น!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าผู้ใช้ค่ายกลก็กระตุ้นหยกดำ

คว้างงงง

มิติบิดเบี้ยวขณะที่มันนำร่างของฮันซูและระดับมาร์กอชที่อยู่ใกล้ๆ เขา

รวมทั้งทารูโฮลแลอคาดัสสีทองเข้าไป

‘มันอาจจะมีอคาดัสที่ซ่อนตัวอยู่ เพราะงั้นก็ตัดการเชื่อมต่อสู่ภายนอกทั้งหมดและจัดการจากข้างใน’

ทว่าน่าแปลกใจที่ทารูโฮลไม่ได้ตอบสนองอะไรแม้แต่น้อยขณะที่เขาเข้ามาในค่ายกลอย่างเชื่อฟัง

คว้างงงง

ภาพที่ปรากฏขึ้นคือพื้นที่สีขาวอันกว้างใหญ่และไร้ซึ่งสิ่งของใดๆ

ภาพของอคาดัสสีทองสิบตัว ทารูโฮล และกลุ่มของฮันซู

ทว่าทารูโฮลไม่ได้ทำอะไร

ทารูโฮลขยับอคาดัสไปด้านหลังขณะที่เขาแย้มยิ้ม มองไปยังฮันซูและขยับปาก

“ข้าไม่มีความคิดจะต่อสู้ คังฮันซู เราจะมาคุยกันหน่อยได้ไหม? มันไม่มีอะไรที่ข้าจะทำได้มากในสถานการณ์เช่นนี้… และข้ายังมีอีกหลายสิ่งที่ข้ารู้สึกสงสัย”

ฮันซูผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

พวกเขาพูดโดยขยับเพียงแค่ริมฝีปาก ดังนั้นแล้วคนอื่นๆ จึงไม่อาจได้ยิน

<แน่นอน มีหลายอย่างที่เราต้องคุยกัน เอลคาเดียน>

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพราะมงกุฎแห่งหนามและผลึกความทรงจำ

จะมีใครอื่นอีกนอกจากผู้ที่สร้างมันขึ้นมา

ฮันซูยักไหล่และมองไปยังผู้ช่วยเหลือเผ่าพันธุ์อคารอนที่ได้ยืมร่างของทารูโฮล เอลคาเดียน

 

 


TL: ไม่มีทางที่เรื่องมันจะจบง่ายๆ สำหรับปู่