บทที่ 116: กรากอซ (6)

 

 

 

ตูมมม ตูมมมม ตูมมมม ตูมมม!

ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งผ่านอุโมงค์มด

สุดท้ายกวานแจจึงพบกับลูกกิลด์ของเขาและพวกดาวไถที่ตำแหน่งนัดพบหลักของกิลด์รีโรรีโรเรหลังจากวิ่งมานาน

จุงซังที่รออยู่ตรงนั้นมองไปยังกวานแจด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ไอ้หนู นายไม่เป็นไรใช่ไหม? สีข้างนายเป็นไงบ้าง?”

“ที่คุณเรียกว่าไอ้หนูนี่หมายความว่ายังไง? ผมแข็งแกร่งกว่าคุณนะ ร่างกายนี่มันยอดเยี่ยม อย่ามัวแต่กังวลแล้วไปต่อเถอะ”

จุงซังอาจจะเป็นคนเพียงคนเดียวที่เรียกเขา ผู้นำกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดลำดับสองของที่นี่ว่า ไอ้หนู

‘อืม เราก็อาจจะเป็นแค่ไอ้หนูตอนที่เขาช่วยพวกเราก่อนหน้านั้น’

กวานแจมองไปยังจุงซังก่อนจะกัดฟันกรอด

‘อย่ากังวลเลย เวลาที่ผมจะทดแทนบุญคุณให้กับคุณได้มาถึงแล้ว’

จุงซังช่วยเหลือภรรยาและลูกสาวของเขาโดยไม่คิดอะไรมาก

การกระทำแบบนั้นอาจจะไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับเขา หรือว่าสร้างความสนุกสนานให้แม้แต่น้อย

แต่กวานแจไม่เคยลืมมัน

‘ผมจะพาคุณขึ้นไปกับผม’

เขาไม่รู้ว่าไอ้บ้าที่เรียกตัวเองว่าบาทหลวงจะทำอะไร

ในเมื่อประกายความบ้าคลั่งได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า

และกวานแจรู้ว่ามันหมายถึงอะไร

ศักดิ์ศรีที่ถูกทำร้ายของเขากำลังเฝ้ารอการแก้แค้นเอาคืน

ความรู้สึกอันสมบูรณ์แบบในการผลักดันใครสักคนไปจนถึงขีดสุด

มีหรือที่คนที่ไม่แม้แต่จะสนใจชีวิตของคนเผ่าพันธุ์เดียวกันจะมาสนใจมนุษย์?

เขาไม่อาจปล่อยคนคนนี้ไว้ที่แบบนี้ได้

‘อืม เขาอาจจะบอกว่าเขาถูกลักพาตัว แต่มันไม่มีเวลาให้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี่อย่างละเอียด’

จะอย่างไร เขาก็ได้เตรียมรูนที่จำเป็นไว้ทั้งหมดแล้ว

‘แต่มันมีบางอย่างที่ฉันต้องทำก่อนหน้านั้น’

กวานแจส่งข้อความไปยังหน่วยสอดแนมจำนวนมากของกิลด์รีโรรีโรเรที่กระจายตัวอยู่รอบๆ จากนั้นจึงตะโกนไปยังคนที่อยู่ใกล้ๆ

“รวมตัว! มีคนที่เราต้องจับก่อน! มีคนที่พยายามเข้ามาแทรกแซงแผนการสุดท้ายของพวกเรา!”

ดวงตาของผู้ที่รวมตัวกันที่นี่ส่องประกายวาบเมื่อได้ยินเช่นนั้น

พวกเขาเองก็รู้

ว่าคนอื่นๆ ที่กำลังต่อสู้กับอคารอนอยู่ที่ที่พวกเขากำลังจะไป

ถ้าพวกเขาสามารถจับไอ้พวกนั้นได้ งั้นพวกเขาก็จะสามารถทำงานเพื่อรับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายได้เสร็จสิ้น

ใครจะไปกล้าทำลายอาหารที่เสร็จสิ้นแล้วของตัวเองกัน?

จุงซังเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง

“นายพยายามจะจับใคร?”

กวานแจยักไหล่

“พวกกิลด์คราวน์ นี่คือเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเมื่อพวกนั้นอ่อนแอลง”

“หือ? นายจะโจมตีพวกนั้นก่อน?”

จุงซังแสดงสีหน้าสงสัย

กวานแจมองไปยังจุงซังก่อนจะแย้มยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ภายใน

‘เวรเอ้ย ผมรู้น่าคุณ’

มันไม่เหตุผลอะไรให้ต่อสู้กับคนพวกนั้น

แต่เหตุผลที่ทำให้กวานแจต้องเร่งรีบแบบนี้เป็นเพราะคำสั่งสุดท้ายของบาทหลวง

<เจ้าไปรวมตัวกับลูกน้องของเจ้า ทำได้ดี ตอนนี้รีบๆ ไปจับตัวเจ้าฮันซูนั่นมาได้แล้ว>

‘เวรเอ้ย’

กวานแจกัดฟันกรอดกับเสียงที่ดังก้องอยู่ในศีรษะของเขา

เขาสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้จริงๆ ถ้าพวกเขาสู้กัน

แม้ว่าพวกเขาจะมีระดับมาร์กอชแค่สามคน และกิลด์คราวน์มีห้าคน มันก็ยังมีความแตกต่างอย่างมหาศาลระหว่างระดับมาร์กอชของกิลด์คราวน์และพวกดาวไถ

มากเสียจนดาวไถคนหนึ่งสามารถรับมือกับระดับมาร์กอชสองคนของกิลด์คราวน์ได้

พวกเขาอาจจะถูกไล่ต้อนด้วยจำนวน แต่มันก็ยังคงมีความได้เปรียบอยู่

และกองกำลังของอีกฝ่ายยังถูกโจมตีจากมาร์กอชด้วย

‘แต่มันก็ยังคงเป็นการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์’

มันไม่มีความจำเป็นให้ปะทะกันตรงๆ

มันจะง่ายกว่ามากหากพวกเขารวมตัวกันที่ป่าฮอร์น แต่ทำไมบาทหลวงถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น?

มันมีเหตุผลเดียว

กวานแจคิดถึงคำพูดที่บาทหลวงเอ่ยกับเขา

<ฉันได้กลิ่นที่คล้ายคลึงกับวิธีการที่ใช้ควบคุมนยจากบนตัวเขา คนที่นายเรียกว่ากิลด์คราวน์ถูกจับกันหมดแล้วในตอนนี้ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะง่ายมาก แค่ไปจับตัวเขามา การที่สิ่งที่มีประโยชน์ขนาดนี้ปรากฏตัวขึ้น สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้มอบคำอวยพรให้ข้าแล้ว>

บาทหลวงดูจะยินดีอย่างมากขณะที่พูดกับเขา

‘แน่นอนว่าเขาต้องมีความสุข’

กวานแจพึมพำ

บาทหลวงได้เสียดายในการที่เขามีวัสดุไม่มากพอในการควบคุมคนมากกว่าเขาแค่คนเดียวมานานแล้ว

หากเขาสามารถ เช่นนั้นกวานแจคงไม่ใช่เพียงคนเดียวที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

เขาคงจะลากพวกเขามาทีล่ะคนและเปลี่ยนคนเหล่านั้นให้กลายเป็นทาส

แล้วเขาจะไม่ยินดีกับสถานการณ์แบบนี้หลังจากที่เจอฮันซูได้อย่างไร?

‘อืม เขาคงจะมีประโยชน์มากกว่าฉันจริงๆ แหละ’

แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง เขาก็มีกิลด์รีโรรีโรเรที่เขาไม่แม้แต่จะควบคุมได้

ฮันซูสามารถควบคุมกิลด์คราวน์ขนาดยักษ์ได้ด้วยกลิ่น

เขาถามบาทหลวงว่าทำไมไม่ใช้กลิ่นพวกนั้นในการควบคุมกิลด์คราวน์ แต่บาทหลวงส่ายศีรษะ

กลิ่นอาจจะเหมือนกัน แต่ส่วนหลักคือพลังศักดิ์สิทธิ์ของนักบวชแต่ล่ะคน

มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่อาจควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ของนักบวชคนอื่นๆ ได้

‘อืม มันคงจะกลายเกิดความวุ่นวายขึ้นจริงๆ ถ้ามันเป็นไปได้’

อะไรจะเกิดขึ้นถ้ามีเจ้าของจำนวนมากกับทาสเพียงคนเดียว?

จากที่เขาเห็น มันดูเหมือนว่าพวกนักบวชจะทะเลาะเบาะแว้งกันเองในอดีตทำให้อะไรแบบนี้จะถูกคิดค้นขึ้น

กวานแจแสดงสีหน้าไม่น่าดูเมื่อเขาคิดถึงฮันซู

แม้ว่าตัวเขาอาจจะถูกปลดปล่อย แต่เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับฮันซู

มันดูเหมือนว่านักบวชจะนำวัสดุที่ใช้ควบคุมเขาออกก่อนจะเอาไปใส่ที่ฮันซูแทน แต่มันชัดเจนว่าฮันซูจะต้องทำงานหนักเสียยิ่งกว่าเขา

‘… มันไม่เหมาะสำหรับฮีโร่ที่ช่วยเขตสีแดงเอาไว้เลย’

กวานแจคิดถึงฮันซูที่ทำสิ่งที่เขาทำได้เพียงแค่ฝันไว้สำเร็จก่อนจะแสดงสีหน้าขมขื่นออกมา

หากกวานแจปล่อยให้ฮันซูมีชีวิตรอด อีกฝ่ายก็อาจจะทำอะไรที่น่าตื่นตะลึงในเขตสีส้มอีกครั้งและช่วยชีวิตคนเพิ่มอีกนับล้าน

‘ฉันเองก็สามารถเป็นฮีโร่ได้เหมือนกัน’

กวานแจหัวเราะ

หากเขาฆ่าตัวตายในตอนนี้ งั้นเขาก็จะกลายเป็นฮีโร่ของเขตสีส้ม

ในเมื่อสิ่งที่บาทหลวงเสียสตินั่นต้องการจะทำจะจบสิ้นลง และนั่นจะทำให้คนนับล้าน นับสิบล้านไม่ต้องตาย

ทว่ากวานแจส่ายศีรษะ

‘ไม่จำเป็น’

สำหรับเขา การที่สามารถปกป้องคนคนหนึ่งได้นั้นดีกว่าเป็นฮีโร่ที่ช่วยคนนับสิบล้าน

เขาไม่รู้ตอนที่อยู่เขตสีแดง แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว

‘จับเขา’

เรื่องมันง่ายๆ

ใช้กำลังทั้งหมดของเขาในการจับฮันซูที่จะมุ่งหน้าไปยังป่าฮอร์นอย่างเร่งรีบ

แล้วมันก็จะรุกฆาต

ถ้าเทียบกับหมากรุก มันก็คือการมุ่งเป้าไปที่หมากราชา

หากมันเป็นหมากรุก คุณก็แค่ต้องจัดการราชาให้ได้ แล้วทุกอย่างก็จะชัดเจนว่าฝั่งไหนได้เปรียบ

<เร็วเข้า ถ้าพวกนั้นมอบการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายและกลิ่นให้กับเขาที่เป็นมนุษย์ พวกเขาต้องใกล้ชิดกันอย่างมากแน่ๆ เขาต้องไปช่วยพวกอคารอน และมันจะดีกว่าที่จะจับเขาได้ก่อนที่จะไปรวมตัวกับพวกนั้นพ>

บาทหลวงเตือนเขาอีกครั้ง

‘ชิ’

กวานแจรับรายงานจากหน่วยสอดแนมก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

“… ดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้”

ครืนนน ครืนนน

บาลี รอปเปอร์ แสดงสีหน้าหดหู่ออกมาหลังจากที่วิ่งไปพักหนึ่ง

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กลางที่ไหนสักแห่งของอุโมงค์มด มันก็ยังคงอยู่ในพื้นที่ของกิลด์รีโรรีโรเร

มันไม่มีทางที่กองกำลังขนาดใหญ่อย่างพวกเขาจะไม่ถูกพบเห็น

พวกเขาสามารถเห็นพิราบสื่อสารจำนวนนับไม่ถ้วนบินว่อนไปรอบพวกเขา และปริมาณของพวกมันบินไปมาก็ยิ่งถี่ขึ้น

ซึ่งหมายความว่าอีกฝ่ายกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ฮันซูหัวเราะพร้อมพูดขึ้น

“เราจะสู้ที่นี่”

“… ไอ้เวรเสียสตินี่”

บาลี รอปเปอร์อุทานออกมาด้วยความตื่นตะลึง

มันมีโอกาสไม่สูงที่พวกเขาจะชนะถ้าพวกเขาสู้กันที่นี่

แม้ว่าพวกเขาจะมีระดับมาร์กอชสี่คน พลังของแต่ล่ะคนก็ต่ำกว่าพวกดาวไถมาก

ปัญหาคือคนที่ตกอยู่ในอันตรายมีเพียงแค่พวกเขา

‘ไอ้เหี้ยนี่ เขากำลังจะทิ้งพวกเราเหรอ?’

แต่บาลี รอปเปอร์ ส่ายศีรษะ

‘ไม่สิ เขาคงไม่โยนพวกเราทิ้งง่ายๆ แบบนั้น’

เขาค้นพบหลังจากที่สังเกตดูนิดหน่อย

เป้าหมายของหมอนี่ต้องใช้พวกเขาในการทำให้สำเร็จ

ตัวฮันซูเองอาจจะมีชีวิตรอดหากเขาหนีไปในสถานการณ์แบบนี้ แต่โอกาสในการที่เขาจะทำเป้าหมายของเขาสำเร็จจะต่ำลงมาก

‘เจ้าพวกที่ไปก่อนนั่นไปทำอะไร?’

บาลี รอปเปอร์ พึมพำ

เตกิลอนและโซเฟียหายไปพร้อมกับฮันซูเมื่อไม่นานมานี้

และหลังจากนั้น เตกิลอนกับโซเฟียก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

‘สองคนนั่นจะทำอะไรได้?’

ฮันซูแย้มยิ้มใส่บาลี รอปเปอร์ก่อนจะกระจายกลิ่นไปทุกทิศทาง

ครืดดด

“หือ?”

ในตอนนั้นเอง ลูกกิลด์คราวน์ที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่พลันหยุดชะงักลง

ในขณะที่พวกเขากำลังตกใจ ฮันซูก็หัวเราะก่อนที่จะวิ่งหนีไป

“อยู่ดีๆ ล่ะ”

“หือ… หือออ? เฮ้ ไอ้เวรเสียสติเอ้ย!”

กลิ่นได้เตรียมให้พวกเขาต่อสู้โดยที่พวกเขาไม่เต็มใจ ฮันซูหัวเราะใส่คนเหล่านั้นก่อนจะเริ่มวิ่งจากไป

 

 

กวานแจชะงักไปชั่วขณะกับพิราบสื่อสารที่บินมาหา

‘พวกเขาอยากจะสู้งั้นเหรอ?’

ทำไมพวกเขาจะสู้หากพวกเขารู้ตัวว่าจะแพ้?

แต่กวานแจแสดงสีหน้าขมขื่นอย่างมากออกมากับพิราบสื่อสารอีกตัวที่บินเข้ามา

ฮันซูทิ้งพวกลูกกิลด์คราวน์เอาไว้ก่อนจะออกไปอีกทาง

‘ฉันรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยแฮะ’

เขาคิดว่าฮันซูอาจจะแตกต่างออกไป

แต่การที่เขาทิ้งทุกคนที่ติดตามเขาแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาก่อนจะหนีไปแบบนี้

เขาถามหน่วยสอดแนมที่ซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของอุโมงค์มดเผื่อไว้ แต่ฮันซูหนีไปจริงๆ

‘… มันเป็นการคำนวณผิดพลาดครั้งใหญ่ถ้าเขาคิดว่าฉันจะสู้กับคนที่เหลือเพียงเพราะบาลี รอปเปอร์’

แน่นอนว่าเขาอยากจะฉีกร่างของบาลี รอปเปอร์

แต่น่าเศร้าที่ฮันซูไม่ได้พิจารณาถึงปัจจัยสำคัญ

<เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? รีบๆ ไปจับเขาได้แล้ว! คนพวกนั้นทั้งหมดจะกลายมาเป็นกองกำลังของข้า>

‘นี่คือปัจจัยสำคัญ ถึงเขาอาจจะพอซื้อเวลาได้บ้างก็เถอะ’

กวานแจถอนหายใจ

เขาแค่ต้องจับฮันซู

ทำไมเขาต้องปะทะกับอีกฝ่ายในสถานการณ์แบบนี้ด้วย?

กวานแจถอนหายใจก่อนจะมองไปยังคนรอบๆ แล้วเอ่ยขึ้น

“ไปแค่พวกดาวไถ คนที่เหลือเตรียมพร้อมอยู่ที่นี่”

ในสถานการณ์แบบนี้ คนพวกนี้จะเป็นได้แค่ตัวถ่วงเพราะความเร็วที่เชื่องช้าของพวกเขา

ในเสี้ยววินาที ดาวไถทั้งสามก็ได้มุ่งหน้าเข้าไปในอุโมงค์มดอย่างรวดเร็ว

‘ฉันจะจับนายในเวลาไม่นาน’

นี่คือดินแดนของพวกเขา

การจับอีกฝ่ายย่อมใช้เวลาไม่นานหากพวกเขาใช้ทางลัด

เสียงพึมพำของบาทหลวงดังขึ้นในศีรษะของเขาหลังจากที่วิ่งไปพักใหญ่

<ไอ้โง่เง่าเอ้ย เจ้ากำลังทิ้งร่องรอยเอาไว้>

‘ร่องรอย?’

กวานแจคิดถึงรายงานที่เขาได้รับก่อนหน้าไม่นานมานี้

โซเฟียและชายหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งได้หนีไปที่ไหนสักแห่ง

‘หรือว่าพวกเขา… กำลังตามกลิ่นฉันมาจากข้างหลัง?’

แต่กวานแจส่ายศีรษะ

แม้ว่ามันจะไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ การตามพวกเขาเพียงแค่เพราะกลิ่นนั้นยากเกินไป

และมันไม่มีเหตุผลให้บาทหลวงเอ่ยออกมาแบบนั้น

‘ความสามารถของโซเฟียงั้นเหรอ’

ลักษณะพิเศษของโซเฟียโด่งดังเกินไป

หากอีกฝ่ายตามสิ่งนั้นมา มันก็เป็นไปได้

แต่กวานแจถอนหายใจ

‘แค่สองคน? พวกเขากำลังดูถูกบาทหลวงมากเกินไป’

 

 

บาทหลวงแย้มยิ้มขณะที่เขามองไปยังหนึ่งชายหนึ่งหญิงที่กำลังเข้าใกล้เขา

‘ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าทำได้อย่างไร แต่… ยอดเยี่ยม’

ความจริงแล้วบาทหลวงกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่

ในเมื่อมันมีความสามารถที่น่าตื่นตะลึงจำนวนมากในบรรดาลักษณะพิเศษที่มนุษย์ครอบครอง

แต่มันมีเหตุผลที่ทำให้เขาไม่หนีไป

“ทำได้ดีที่มาได้ถึงที่นี่ แต่พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าข้าเป็นแค่เพียงนักบวชเชียว”

บาทหลวง คาร์บาน่า ลุกขึ้นยืนพร้อมกับอาร์ตคิแฟคบนร่างที่ส่องประกายกระทบกัน

เคร้ง เคร้ง เคร้ง

เขาไม่ใช่นักบวชดาษดื่นทั่วไป

บาทหลวง

ความสามารถของร่างกายเขาเองก็อยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ

ครึ่ก ครึ่ก

เมื่อเขาส่งพลังไปในร่างของเขา อากาศรอบข้างก็สั่นสะท้าน

ร่างกายที่เทียบได้กับนักรบที่ปกป้องวิหาร ระดับบารอง

‘เจ้าพวกโง่เง่า หึหึ’

ถ้าเจ้าฮันซูนั่นหายตัวไป งั้นเขาก็เตรียมตัวรับมือไว้แล้ว

แต่เขาได้รับรายงานอย่างต่อเนื่องจากกวานแจ

‘มันอาจจะพอถ้าเป็นระดับมาร์กอชสักคน แต่การที่หมอนั่นส่งพวกนี้มา?’

โซเฟียยักไหล่ขณะที่เธอมองไปยังบาทหลวงที่กำลังแสดงสีหน้ามั่นใจออกมาขณะที่เธอเอ่ยขึ้น

“ฉันถอยก่อนแล้วกัน โอ้ใช่ คืนต่างหูมาด้วย มันไม่มีเหตุผลให้นายซ่อนแล้วในเมื่อนายมาถึงนี่แล้ว”

เตกิลอนที่ยืนอยู่ข้างโซเฟียถอดต่างหูออก

“ขอบคุณ ฉันจะจัดการที่นี่เอง ถอยไป”

ครึ่กกก

ทันใดนั้น ร่างกายของเตกิลอนก็เริ่มเปลี่ยนแปลง

และพลังของรูนทั้งหมดที่ไม่อาจมองเห็นได้เพราะถูกปิดกั้นเอาไว้ก็ถูกปลดปล่อย

ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายมานาที่ทรงพลังก็ได้ออกมาจากร่างของฮันซูขณะที่มันเริ่มจะท่วมไปทั่วทั้งที่พักของบาทหลวง

‘แบบนี้จับราชาง่ายกว่าเยอะ’

ฮันซูผ่อนคลายร่างของเขาพร้อมกับหัวเราะขณะที่มองไปยังบาทหลวงที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

 

 


TL: หลอกเก่งงงง