“ไม่มีเวลาแล้ว!! ความเร็วของมันมากเกินไป พวกเราหนีกลับหมู่บ้านไม่ทันแน่”ไป่หัวตะโกนเสียงดัง ทำหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาพึ่งถูกสะเก็ดหินที่ล่วงมาจาการจู่โจมของอินทรีเกล็ดเขียว มีแผลขนาดใหญ่บนแขนเลือดไหลออกมาจากบาดแผลอย่ามากมาย

“ตรงขึ้นไปมีถ้ำลึกอยู่ รีบเข้าไปหลบกันเถอะ!!” เด็กน้อยฉีเฮ่าตะโกนบอกทุกคน

พวกเขาหลบหนีเข้าไปในหุบเขา หลังจากอ้อมก้อนหินน้อยใหญ่มากมายแล้วพุ่งเข้าไปในดงเถาวัลย์ยักษ์ พวกเขาค่อยๆเข้าไปอย่างเงียบเชียบ ไม่นานกลุ่มเด็กๆก็ไปถึงจุดหมาย

มันคือถ้ำที่ชื้นมากปียกชื้นแห่งหนึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์มันเงียบจนได้ยินเสียงหยดน้ำ ข้างในเกือบจะมีแต่ความมืดมีเพียงแค่แสงสลัวๆเท่านั้น ช่างเงียบสงัดและดูเร้นลับยิ่งนัก พวกเขาพุ่งเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็วหลังจากวิ่งไปได้ประมาณสิบเมตรเท่านั้นพวกเขาก็หยุดลง

ภายในความมืด พวกเขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วง หลังจากวิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นระยะกว่า 500เมตรแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน ในตอนนี้พวกเขาทั้งตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัว อินทรีเกล็ดเขียวนั้นแข็งแกร่ง ถ้าหากโดนนกอสูรจับได้ เพียงแค่กรงเล็บเดียวก็ทำให้พวกเขากลายเป็นกองเลือดและเศษกระดูกอย่างง่ายดาย

“ฟู่ว เกือบไป อีกนิดเดียวพวกเราก็จะถูกจัดการจนตาย” หลังจากหลบหนีจากหายนะจนรอดตาย พวกเขาทั้งหมดนั่งลงไปกับพื้นอย่างอ่อนแรง

“ทางเข้าถ้ำนี้ไม่ใหญ่นัก เจ้านกโหดร้ายนั่นคงเข้ามาไม่ได้แน่” แม้ว่าพวกเด็กจะเริ่มผ่อนคลายแต่ก็ยังคงไม่ลืมที่จะระมัดระวังตัวเอง

ประสบการณ์ที่พวกเขาพบเจอเกือบจะทำให้พวกเขากลายเวลานี้อันตรายอย่างแท้จริงจำเกือบจะป็นศพฝังใต้หุบเขาแห่งนี้ หลังจากที่หนีเจ้านก(โบราณ)นั่นมาได้ แล้วพวกเขาก็รู้สึกสงบขึ้น

ถ้ำแห่งนี้ค่อนข้างลึกและมีทางเชื่อมกับแม่น้ำใต้ดิน ทำให้มีลมหนาวพัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เด็กหลายคนดูท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก และยังบางคนที่กระวนกระวาย ทั้งหมดนี้ต่างกังวลในเรื่องเดียว พวกจะกลับไปยังหมูบ้านหินผาได้อย่างไร ไม่มีใครกล้าพอที่จะออกไปจากถ้ำแห่งนี้

 

“ใช่แล้ว เจ้าหนู เจ้ารู้จักถ้ำแห่งนี้ได้อย่างไร” เมื่อเด็กๆใจเย็นลงแล้ว ก็จำได้ว่าใครเป็นผู้ช่วยชีวิตทุกคนไว้

 

“เอ่อ..คือ” เด็กน้อยเกิดความเอียงอายเล็กน้อย พลางเล่นที่ชายเสื้อของตนเอง พึมพำด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “ครั้งก่อน ข้าวิ่งออกจากหมู่บ้านในตอนที่กำลังวิ่งไล่จับกับนกกระจิบแดงจนเกือบหลงทางแล้วได้มาเจอถ้ำแห่งนี้แหละ”

 

กลุ่มเด็กๆเงียบไปครู่หนึ่ง เด็กน้อยมีทุกสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่ตอนกำลังแสดงออกถึงความกระสับกระส่ายและดูแปลกๆในบ้างครั้ง จำได้ว่าเมื่อก่อนเขายังวิ่งไล่สุนัขสีเหลืองตัวเขื่องอีกด้วย

“เหะ เหะ เฮ่าน้อยสามขวบยังดื่มนมและชอบวิ่งไล่จับ” พวกเด็กโตพากันล้อเลียน

เด็กน้อยรู้สึกทั้งเขินอายทั้งโมโหจนต้องพองแก้มออกมา แล้วพูดออกมาด้วยความไร้เดียงสา “หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้!! นั่นเพราะว่านกกระจิบนั่นมีขนสีแดงโลหิตทั่วทั้งตัว ดูคล้ายนกเทพเจ้าสีชาดที่บันทึกไว้ในตำรากระดูกต่างหาก”

“อย่าบอกนะว่าสิ่งมีชีวิตในตำนาน นกเมฆาโลหิตที่เกิดการวิวัฒนาการจากสามารถกำจัดสมาคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ กลายเป็นนกเทพเจ้า นั่นคือสิ่งที่ไล่จับงั้นเรอะ”

 

“ก็แค่ลักษณะดูเหมือนที่บันทึกไว้ในตำรากระดูกเท่านั้น มีสีแดงกล่ำดูสวยจนน่าหวาดหวั่น” เด็กน้อยพยายามกล่าวแก้ตัว ด้วยท่าทางที่สองมือกำแน่น ใบหน้ามีเลือดฝาดและดวงตากลมโตจรัสแสงในความมืด

 

ตึง!!

ทันใดนั้น มีเสียงที่หวาดหวั่นดังขึ้นปลุกเด็กๆให้ตื่นขึ้นมาหันไปมองตามเสียงที่เกิดขึ้น พวกเขาเห็นรังสีประกายโลหะแฝงด้วยความเย็นเยียบคืบคลานเข้สมาทางปากถ้ำ ปรากฏหัวของอินทรีเกล็ดเขียวที่นัยน์ตากำลังจ้องเขม็งไปที่กลุ่มเด็กๆภายในถ้ำ

“สวรรค์ เจ้านั่นมาแล้ว” หน้าของเด็กหลายคนกลายเป็นไร้สีเลือดทันที

“ไม่มีปัญหาหรอก ทางเข้านั้นเล็กเกินกว่าที่เจ้านั่นจะเข้ามาได้” เมิ่งเอ๋อรวบรวมความกล้าในขณะที่กำลังพูดหยิบหินขนาดเท่าหัวคนซัดออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี

ด้วยขนาดของหินกับแรงซัดขนาด10000จิน ทำให้เกิดความเร็วมหาศาลเกิดพลังทำลายอันน่ากลัว ทันทีที่กระแทกกับหัวของอินทรีเกล็ดเขียว อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดมีเพียงสายฟ้าวิ่งผ่านบริเวณที่เกิดการกระแทกกลายเป็นเสียงสะท้อนเหมือนกระทบกับโลหะ มาจากรังสีอันเย็นเยียบจากเกล็ดสีเขียวนั่นเอง ช่วยป้องกันความเสียหายเอาไว้ กลับเป็นหินที่ซัดไปแตกกระจายเป็นสี่เสี่ยง

ทุกคนสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ เจ้านกแก่นี่มีทั้งกระดูเหล็กผิวทองแดง มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว

ทันใดนั้นเอง เจ้าอินทรีได้ใช้กรงเล็บทำลายหินบริเวณทางเข้าถ้ำ กรงเล็บที่คมกริบผ่าก้อนหินเหมือนดั่งกับผ่าเต้าหู้

กลุ่มของเด็กๆพากันทำหน้าเหวอ หรือว่าปากทางเข้าถ้ำจะไม่พอที่จะขัดขวางเจ้านั่นไว้

ตูม!!

มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เจ้าอินทรีใช้ปีกของตนกางออกไปที่ท้องฟ้าแล้วฟาดออกมากลายเป็นแรงกระแทกจู่โจมเข้าไปที่ปากถ้ำอย่างรุนแรง เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวประกอบกับเสียงร่วงลงของเศษหินที่ระเบิดออกมา

“น่ากลัวเกินไป ไม่คิดว่าเจ้านั้นจะใช้วิธีแบบนี้ได้ อีกไม่นานถ้ำคงราบเป็นหน้ากลองเป็นแน่”

ไป่หัวหยิบธนูออกมาแล้วเตรียมลูกธนูขึ้นสาย นั่นคือธนูเขามังกรที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเขี้ยวช้างเขามังกร มีเพียงผู้ใหญ่เท่านั้นที่สามารถรั้งสายได้ เป็นอาวุธธนูที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน

ฟิ้ว!!

ลูกธนูพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงและพลังล้นเหลือดุจดาวตกรวดเร็วและรุนแรง

ตูม!!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ผู้คนตกตะลึง เมื่อลูกธนูไม่สามารถเจาะทะลวงผ่านม่านพลังจากเกล็ดสีเขียว มันยากเกินไปที่เจาะผ่านเกล็ดนั่น ดูเหมือนธนูและลูกธนูจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีนัก

ทุกคนทั้งท้อแท้และหวาดกลัว ควรทำอย่างไรดีในเมื่อขนาดธนูที่ดีสุดในหมู่บ้านยังทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั้นพวกเขาไม่มีทางที่จะทดลองสู้ระยะประชิดอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์เข้าตาจน

“ขอข้าลองบ้าง”

เด็กน้อยหยิบยืมหอกเหล็กน้ำหนักประมาณประมาณห้าสิบจินมาจากเด็กผู้ชายตัวใหญ่ เขาระเบิดพลังด้วยการวิ่งระยะสั้น พุ่งทะยานไปด้วยความเร็วไปทางปากถ้ำแล้วซัดหอกออกไปด้วยท่วงท่าฉกาจฉกรรจ์ พุ่งไปดั่งสายฟ้าแลบแผ่รังยะเยือกออกมามุ่งไปที่ปากถ้ำ

ฉีเฮ่าผู้ที่สามารถยกหม้อทองแดงหนักพันจินได้ ใช้แรงทั้งหมดของตนในการซัดหอกออกไป หอกที่พุ่งออกไปมีพลังทะลวงที่น่าหวาดหวั่นโดยเล็งไปยังนัยน์ตาของอินทรีเกล็ดเขียว มุ่งขึ้นฟ้าฝ่าอากาศเกิดเป็นเสียงหวีดหวิวตามด้วยเสียงระเบิดของอากาศ

อินทรีเกล็ดเขียวที่กำลังใช้กรงเล็บของตนตวัดไปที่กลุ่มเด็กๆที่เกลียดเข้ากระดูก และในตอนนั้นเองมีอะไรบางอย่างวาบเข้าในสายตา มันโยกหัวหลบด้วยสัญชาตญาณที่กำลังร้องเตือน ทำให้หอกเหล็กพลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดาย

หอกเหล็กที่พุ่งไปด้วยความรวดเร็วและแรงจนน่าอัศจรรย์ปะทะเข้ากับเกล็ดบริเวณส่วนหัวของนกอินทรี เกิดเสียงดังสะท้านคล้ายเหล็กเสียดสีกันอย่างรุนแรง เกิดกระแสไฟฟ้ากระจายในอากาศพร้อมทั้งส่งเสียงสะท้านจนแสบแก้วหู

สุดท้ายหอกเหล็กก็ตกลงสู่พื้น แต่ที่มุมใต้ดวงตาของนกอสูรแตกเล็กน้อย ก่อให้เกิดสายธารโลหิตหลั่งไหลอออกมา จนสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน

เด็กๆหลายคนสะท้านเฮือกแล้วก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะทิ้งตัวลงไปที่พื้น แล้วใช้มือทั่งสองข้างปิดหูของตนเอง มิฉะนั้นแก้วหูคงถูกทำลายอย่างแน่นอน

เพราะความประมาทเจ้านกร้ายจึงได้รับบาดเจ็บ และนั่นทำให้มันโกรธเป็นอย่างมาก สายตาทอแววดุร้ายและคมกริบจดจ้องไปที่เฮ่าน้อยด้วยความแค้น แล้วตวัดกรงเล็บไปที่ผนังถ้ำอย่างดุร้าย เมื่อจู่โจมเสร็จก็กรีดร้องอย่างโมโหร้าย

“โจมตีแบบนี้ เจ้านักยักษ์มันยิ่งบ้าคลั่ง พวกเราจะคงถูกฉีกเป็นชิ้นๆแน่” ไป่หัวและคนอื่นๆต่างหวาดกลัวและหลายๆคนเริ่มสลดใจว่าไม่ควรทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เจ้านกนั่นน่ากลัวเกินไปจริงๆ

“ที่นี่ค่อนข้างใกล้กับหมู่บ้านหินผา ท่านผู้เฒ่ากับคนในหมู่บ้านจะต้องรู้สึกตัวแน่ ลองหาทางขอความช่วยเหลือเถอะ” เฮ่าน้อยเอ่ยออกมา

“ถูกแล้ว พวกเราช่วยกันโจมตียั่วให้มันโกรธจะได้ส่งเสียงดังเถอะ คนอื่นๆจะได้หาเราเจอง่ายๆ” ฉีต้าจงหยิบหินขึ้นมาซัดใส่เจ้านกอสูร

เจ้านกยักษ์กรีดร้องดังยิ่งกว่าอีกทั้งยังพยายามขยับตัวไปมาอย่างรุนแรงเพื่อขยายปากถ้ำให้กว้างกว่าเดิม

พวกเด็กๆช่วยกันใช้ธนูยิงใส่ดวงตาของอินทรีเกล็ดเขียวอย่างต่อเนื่อง พวกที่เหลือต่างก็พากันส่งหอกเหล็กให้ ฉีเฮ่า ฉีต้าจงและเมิ่งเอ๋อ เนื่องจากทั้งสามมีกำลังมากที่สุดในกลุ่ม พวกเขาทั้งสามช่วยกันซัดหอกไปที่ดวงตอของนกยักษ์อย่างต่อเนื่อง

“เกิดอะไรขึ้น อะไรทำให้เจ้าอินทรีเกล็ดเขียวโกรธจนมาก่อความวุ่นวายแถวหมู่บ้านเรากัน”

พวกชาวบ้านภายในหมู่บ้านหินผาพากันคุยถึงความผิดปดตินี้จนก่อเกิดเป็นความวุ่นวาย พวกเขารีบส่งคนไปรายงานพวกผู้อาวุโส พวกเขามาถึงและพากันขึ้นไปดูสถานการณ์บนหอสังเกตการณ์

“หัวหน้า วันนี้ข้าเห็นเมิ่งเอ๋อ ต้าจงกับเจ้าหนูมาทำลับๆล่อๆแถวนั้น ปัญหานั่นคงไม่ได้เกี่ยวกับพวกเขาใช่ไหม”

“เจ้าพวกเด็กเหลือขอ!!” ฉีหลิงหู่ทุบต้นขาตนเองอย่างโมโห เขาจำได้ทันทีว่ามีพวกเด็กมาทำลับๆล่อๆตอนที่พวกเขากำลังคุยถึงเรื่องอินทรีเกล็ดเขียวอยู่

หัวหน้าฉีหยุ่นเฟิงปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันทีที่ได้รับข้อมูลและตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “เร็วเข้า!! ไปเอาอาติแฟ็กโบราณมา พวกเราไปกันเถอะ”

เหล่าชายฉกรรจ์ปฏิบัติตามอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงกลุ่มเด็กๆ ตาพวกเขาแดงกล่ำไม่ว่ามันจะเป็นถึงเชื้อสายของนกปีศาจโบราณ พวกเขาก็จะสู้ บางคนถือทวนเขี้ยวหมาป่าหนักร้อยจิน บางคนพกธนูยักษ์สูงเท่าคน บางคนเหน็บดาบเหล็กดำที่มีขนาดใหญ่พอๆกับพวกเขา ช่างดูดุร้ายและอหังการยิ่งนัก

“ไม่ต้องกังวล จะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นพวกเด็กๆ ถ้าเจ้านกเปรตนั่นกล้าทำอะไรเด็กๆ ข้าจะสับมันเป็นชิ้นๆแล้วให้หมูกิน” ชายพวกนั้นปลอบโยนภรรยาของตนก่อนจะพุ่งออกจากหมู่บ้านพร้อมเสียงโห่ร้อง

กลุ่มชายผู้เปี่ยมด้วยพลังเหมือนดั่งสัตว์ร้าย พวกเขาเริ่มจุดไฟที่หัวธนูแล้วนำลูกธนูที่ไม่ต่างจากหอกเหล็กขึ้นสายแล้วยิงไปจากระยะไกล ลูกธนูทุกลูกล้วนทำมาจากเหล็กกล้า พวกเขาช่างแข็งแกร่งจริงๆ

หลังจากยิงธนูออกไปโดนต้นไม้แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วพวกเขาก็พากันตวาดใส่เจ้านกเปรตนั่นอย่างดุดันอำมหิตเพื่อดึงความสนใจมาทางพวกตน

อินทรีเกล็ดเขียวถอนหัวออกมาจากปากถ้ำแล้วใช้สายตาเย็นเยียบจ้องเขม็งไปที่เหล่านักสู้ นั่นไม่ได้ทำให้หวาดกลัวแต่อย่างไรเพราะมันคือผู้ที่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารของพื้นที่แห่งนี้ ในขณะเดียวกันก็ไม่มีสิ่งใดกล้าล่วงล้ำเข้ามาในเขตแห่งนี้มานานแล้ว มันควรจะดีใจเสียมากกว่า

ทันใดนั้นเองเจ้านกอสูรเหยียดปีกออกจนสุด ก่อนจะสะบัดก่อเกิดเป็นแรงกระแทกเข้าใส่บรรดาลูกธนูและหอกเหล็กหล้าจนเกิดประกายไฟฟุ้งกระจายไปทั่ว ทำให้อาวุธพวกนั้นกระเด็นออกไปจนหมด ท่ามกลางเสียงปะทะกัน เจ้านักยักษ์เชิดหัวขึ้นมากรีดร้องเสียงดัง แผลบริเวณดวงตาของขยายขึ้นเพราะกระทบกระเทือนจากสะบัดปีกใส่กลุ่มคนพวกนั้น

“ทุกคนจงปกป้องตัวเองซะ หลิงหู่ ใช้อาติแฟ็กโบราณเดี๋ยวนี้!!” ฉีหยุ่นเฟิงสั่งการ

ในขณะที่เจ้านกปีศาจกำลังกรีดร้องออกมานั้น จะต้องรีบสร้างความเสียหายให้มัน สิ่งที่พอจะทำแบบนั้นได้ก็มีแต่ต้องใช้อาติแฟ็กเก่าแก่ที่สืบทอดกันต่อมาจาก  บรรพบุรุษจึงจะมีโอกาสทำเช่นนั้นได้

“เจ้านกขี้เรื้อน!! มานี่สิ รีบมาหาข้าเร็ว” ฉีหลิงหู่ตะโกนออกมา ในขณะที่อยู่ห่างไกลออกไป เขาเงยหน้าแล้วมองไปที่เจ้านกอสูรที่กำลังโฉบลงมา ในขณะที่เขาเองก็หยิบชิ้นกระดูกที่ดูคล้ายกับแขนของสัตว์ร้ายออกมา

นัยน์ตาของอินทรีเกล็ดเขียวส่องประกายวาววับเมื่อปฏิกิริยาเหล่านั้นและหยุดชะงักการโจมตีทันที เจ้าอินทรีจ้องเขม็งไปที่กระดูกที่ทื่อด้านนั่นอย่างไม่เคยลืมเลือน แล้วเริ่มระมัดระวังตัว จากนั้นก็เริ่มรวบรวมพลังไว้ที่จะงอยปากที่ยาวครึ่งเมตรจนเกิดแสงสว่างเป็นเครื่องหมายบอกว่า มันกำลังจะปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมาแล้ว

ในขณะเดียว ฉีหลิงหู่คำรามออกมาเนื่องจากรับรู้สถานการณ์ฉุกเฉินนี้เป็นอย่างดี และใช้พลังทั้งหมดของเขาส่งไปที่แขนซ้าย ตอนนั้นเองตำรากระดูกปรากฏออกมาส่องแสงละลานตา ทันใดนั้นเขาก็นำกระดูกแขนชิ้นนั้นกดเข้าไปที่แขนซ้ายของตน

พลังของเขากระจายตัวออกมาในอากาศ เหมือนดั่งพายุคลุ้มคลั่งดุจดั่งราชาสัตว์ร้ายฟื้นกลับมาอีกครั้ง ตอนนั้นเองเจ้านกอสูรตกตะลึง แล้วบินขึ้นไปบนฟ้าเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างพวกเขาทันที

แขนซ้ายของฉีหลิงหู่แผ่พลังออกมา เกิดจากชิ้นส่วนกระดูกของสัตว์ร้ายหลอมรวมกับแขนซ้ายของเขา ผสมผสานกับพลังลี้ลับจากตำรากระดูก เสมือนว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน