ถูกต้อง!นี่คือเพลงดาบขั้นวิญญาณระดับต่ำแน่นอน แล้วยังเป็นภาพที่ผู้แข็งแกร็งอย่างผู้อาวุโสขั้นสวรรค์เป็นผู้ลงมือวาดด้วยตัวเอง!

 

 

ใบหน้าของหลินเฟิ่งเซียนเต็มไปด้วยความดีใจ รีบเก็บเคล็ดลับและกระบวนท่าเพลงดาบเทียนซินทันที !

 

 

ดีมาก!

 

 

สามารถซื้อเพลงดาบขั้นวิญญาณระดับต่ำได้ คราวนี้ความเชื่อถือของตระกูลหลินก็คงเพิ่มขึ้นอีกมากเป็นแน่

 

 

ผู้ดูแลตลาดเดินไปด้านหน้าของจางลั่วเฉิน แล้วกล่าวว่า “นายท่าน ‘เพลงดาบเทียนซิน’ขายได้ราคาทั้งหมดคือ หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ล้านเหรียญเงิน หักค่าสนับสนุนการขาย หนึ่งหมื่นสองพันเหรียญเงิน จะเหลือเงินอยู่ หนึ่งร้อยยี่สิบสองล้านแปดพันเหรียญเงิน ไม่ทราบว่านายท่านตัดสินใจจะแลกทั้งหมดเป็นหินผลึก หรือแลกเป็นเสวี่ยตัน หรือว่าจะเก็บไว้ในบัญชีเมืองอู่”

 

 

เวลาคนปกติค้าขายกัน มักจะใช้เหรียญทองแดง เหรียญเงิน เหรียญทอง หรือหากเป็นจอมยุทธ์ด้วยกันก็อาจจะใช้เสวี่ยตัน หรือ หินผลึกเป็นการแลกเปลี่ยน

 

 

จางลั่วเฉินกล่าวว่า “เอาเงินหนึ่งร้อยยี่สิบล้านเหรียญเงินเก็บไว้ในบัญชีเมืองอู่ แล้วเอาเงินสองหมื่นแลกเป็นหินผลึก แล้วเอาที่เหลืออีกแปดพันเหรียญเงินมาให้ข้าเป็นเงินสด”

 

 

หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้ดูแลตลาดได้นำแผ่นที่หล่อขึ้นมามาจากหินผลึกสีทองส่งให้กับจางลั่วเฉินแล้วกล่าวว่า “นายท่าน นี่คือบัตรพิเศษสามดาวสำหรับการเก็บเงินในเมืองอู่ หนึ่งร้อยยี่สิบล้านเหรียญได้อยู่ในบัตรนี้เรียบร้อยแล้ว”

 

 

“บัตรพิเศษ”คือบัตรสำหรับคนที่มีฐานะพิเศษ ในประเทศอวินอู่จวินผู้ที่ได้ครอบครองบัตรพิเศษสามดาวนี้นั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยอีก

 

 

การที่จะได้ครอบครองบัตรพิเศษสามดาวนั่นหมายความว่าเงินที่ครอบครองอยู่นั้นต้องมีจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญเงินเท่านั้น !

 

 

จากนั้น ผู้ดูแลตลาดก็เอาห่อหินผลึก 20 อัน และอีก 8 พันเหรียญเงินส่งให้กับจางลั่วเฉิน

 

จางลั่วเฉินไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว หยิบเอาห่อของ แล้วเดินออกไปทางศูนย์กลางตลาดค้าขาย

 

 

“แผ่นหลังของคนคนนี้ดูคุ้นตามาก !”

 

 

หลินหนิ่งซานจ้องไปที่แผ่นหลังคนในชุดคลุมดำที่เดินห่างไปเรื่อย ๆ ในใจรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคย ?

 

 

หลินเฟิ่งเซียนกล่าวต่อว่า “ข้าเองก็รู้สึกว่าคุ้นอยู่เล็กน้อย น่าจะเคยเจอกันในวัง คนคนนี้ไม่ธรรมดา ฐานะที่แท้จริงของเขาคงจะน่าตกใจมาก”

 

 

หลินเฟิ่งซานถามอย่างแปลกใจว่า “ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงได้พูดเยียงนี้”

 

 

สีหน้าของหลินเฟิ่งเซียนเต็มไปด้วยความเคารพแล้วกล่าวว่า  

 

 

“รอยหมึกบน‘เพลงดาบเทียนซิน’ยังไม่ทันแห้งดีเลย นั่นหมายความว่าเขาพึ่งจะวาดภาพกระบวนท่าดาบนี้ภายในวันนี้เท่านนั้น !  ผู้ที่วาด‘เพลงดาบเทียนซิน’จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสวรรค์อย่างแน่นอน ! ”

 

 

“นั่นหมายความว่า ถ้าคนคนนี้ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งขั้นสวรรค์คนนั้น เบื้องหลังของเขาก็จะต้องมีผู้แข็งแกร่งขั้นสวรรค์อยู่ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็ตาม คนคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่เราจะไปวุ่นวายด้วยได้เป็นอันขาด ! ”

 

 

“ผู้แข็งแกร่งระดับสวรรค์…!”หลินหนิ่งซานรู้สึกตกใจ แล้วกล่าวต่อว่า “แม้จะเป็นท่านปู่เองของตระกูลหลินเองก็ยังไม่สามารถไปได้ถึงระดับสวรรค์เลย ”

 

 

หลินเฟิ่งซียนพยักหน้า แววตามีประกายนึกย้อนไปในอดีต

 

 

การฝึกฝนระดับขั้นทั้งสี่ระดับ ขั้นอเวจี ขั้นลึกลับ ขั้นปฐพี ขั้นสวรรค์

 

 

ขั้นสวรรค์นั้นคือการฝึกฝนของจอมยุทธ์ขั้นที่สูงที่สุด และยังเป็นระดับขั้นในตำนาน ที่แค่เพียงคนเดียวก็สามารถรับมือกับทหารแสนคนได้ เป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง !

 

 

ถ้าหากสูงกว่าขั้นสวรรค์ แล้วละก็จะเป็นขั้นที่สูงกว่าขอบเขตของจอมยุทธ์ ซึ่งจะเกินกว่าร่างกายของมนุษย์ธรรมดา ทุกกระบวนท่าที่แสดงออกมาจะเหนือกว่าที่จอมยุทธ์จะจินตนาการไปได้ถึง

 

 

หลินหนิ่งซานกล่าวต่อว่า “ในวังเองก็คงมีผู้แข็งแกร่งขั้นสวรรค์แค่ไม่กี่คน ถ้าหากไปหา ไม่แน่ว่าอาจจะรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร ? ”

 

 

หลินเฟิ่งเซียนสีหน้าเข้มงวดขึ้นมาทันทีแล้วกล่าว่า “ห้ามไปทำเรื่องโง่ ๆ อย่างนั้นเด็ดขาด ถ้าหากไปทำให้ผู้แข็งแกร่งขั้นสวรรค์ท่านนั้นโมโหขึ้นมา ตระกูลหลินคงจะต้องได้รับผลที่เลวร้ายแน่นอน ! ”

 

 

ตาของหลินนิ่งซานเป็นประกายเฉลียวฉลาดขึ้นมา แล้วกล่าวว่า“ท่านพ่อ!ข้าสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง ในเมื่อเขาเป็นคนที่มาจากในวัง น่าจะไม่ได้ขาดเงิน แล้วทำไมถึงต้องนำเอาเพลงดาบขั้นวิญญาณออกมาขายอีก ? ”

 

 

หลินเฟิ่งเซียนเงียบไปชั่วระยะ แล้วกล่าวว่า“เพลงยุทธ์ขั้นวิญญาณทั้งแปดของตระกูลฮวาง ล้วนเป็นเพลงยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในการต่อสุ้ แต่ในบรรดาเพลงยุทธ์พวกนั้น ไม่มี‘เพลงดาบเทียนซิน’อยู่ เรื่องนี้ทางที่ดีพวกเราอย่าไปสืบหาต่อจะดีกว่า ผู้แข็งแกร่งขั้นสวรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลหลินจะไปมีเรื่องด้วยได้ !”

 

 

“ลูกซาน ลูกมีดาบเป็นผนึกอักษรสวรรค์ เป็นคนที่เหมาะสมสำหรับฝึก‘เพลงดาบเทียนซิน’ที่สุด พอกลับไปแล้ว ให้ลูกเก็บตัวฝึก‘เพลงดาบเทียนซิน’ถ้าลูกสามารถฝึกกระบวนท่าแรกของเพลงดาบได้ภายในสามเดือน การสอบครั้งสุดท้ายนี้ ลูกจะต้องเป็นผู้ที่โดดเด่นและยอดเยี่ยมที่สุดในทุกคนแน่นอน ! ”

 

 

เมื่อออกมาจากตลาดศูนย์กลางการค้า จางลั่วเฉินก็เดินออกไปจากเมืองอู่ แล้วเดินวนเมืองหวางหนึ่งรอบ เขาหาสถานที่มิดชิด แล้วถอดเสื้อคลุมสีดำบนร่างออกรวมถึงรองเท้ากิเลนเลื่อมทองออก แล้วเก็บเข้าไปในหินผลึกมิติ เขาเปลี่ยนมาใส่รองเท้าธรรมดา

 

 

การแต่งตัวแบบนี้ มอง ๆ ดูแล้วก็เหมือนกับการแต่งตัวของจอมยุทธ์หนุ่มทั่วไป

 

 

“อย่างนี้น่าจะไม่มีใครจำได้แล้วล่ะว่า ข้าเป็นคนลึกลับที่เอาเพลงดาบเทียนซินไปขาย”

 

 

จางลั่วเฉินหยิบเอาห่อที่เก็บหินผลึกกับห่อเงินขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปในเมืองอู่อีกครั้ง แล้วเริ่มซื้อของที่ตัวเองต้องการ

 

 

จางลั่วเฉินใช้เงินไปเงินสี่พันเหรียญเงินกับการซื้อน้ำล้างกระดูกไป 20 ชุด!

 

 

จากนั้น เขาก็ใช้ไปอีกหนึ่งพันเหรียญเงินกับการซื้อเสวี่ยตันไปอีก 200 เม็ด จากการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ ใช้แค่เสวี่ยตันระดับหนึ่งก็เพียงพอแล้ว เสวี่ยตันจำนวน 200 เม็ดนั้นเพียงพอที่จะให้เขากินได้นานถึงครึ่งปี !

 

 

ต่อมา เขาก็ไปซื้อยาที่ช่วยในการฝึกฝนอีกสองชนิด คือ “ยาฝึกฝนร่างกาย”กับ“ยารวมลมปราณ”

 

 

ยาทั้งสองชนิดนี้ราคาแพงมาก ถึงจะเป็นพวกหัวกะทิของตระกูลใหญ่ ๆ ตอนที่อยู่ในขั้นอเวจีระดับต้น ก็ไม่สามารถใช้ของล้ำค่าระดับนี้ได้ !

 

 

แต่สำหรับจางลั่วเฉินในนี้แล้ว ขอแค่สามารถทำให้ฝึกฝนได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่าเขาจะต้องจ่ายเงินเยอะแค่ไหนก็คุ้มค่า

 

 

สุดท้าย เขาใช้หินผลึกอีก 5 อันไปซื้อยาฝึกฝนร่างกาย 5 ชุด

 

 

แล้วใช้หินผลึกอีก 10 อัน ไปซื้อยารวมลมปราณ

 

 

นอกจากนี้ เขายังใช้เงินไปอีก 500 เหรียญเงินเพื่อซื้อยาต่อกระดูให้กับอวินเอ๋อร์ ถ้าไม่นับเงินที่เก็บไว้ในบัญชีเมืองอู่อีก 120 ล้านเหรียญเงิน ในตัวของเขาในตอนนี้ยังเหลือเงินอีก 2000 เหรียญเงินกับหินผลึกอีก 5 อัน  

 

 

จางลั่วเฉินเอายาทั้งหมดที่ซื้อเก็บลงไปในหินผลึกมิติ แล้วเดินกลับวัง

 

 

“พี่อวินเอ๋อร์ นี่คือยาเชื่อมกระดูที่ข้าซื้อให้พี่ ต้องช่วยให้แผลที่แขนพี่ดีขึ้นแน่นอน” จางลั่วเฉินหยิบกล่องไม้เนื้อละเอียดสีดำส่งให้กับอวินเอ๋อร์

 

 

อวินเอ๋อร์ตกใจอยู่ชั่วระยะ จากนั้นลุกลี้ลุกลนรับกล่องไม้ไป แล้วเปิดก่องออกดู

 

 

ข้างในกล่องไม้ มีกลิ่นยาอ่อน ๆ กระจายออกมา

 

 

นางรู้สึกตื้นตันใจมาก ขณะเดียวกันก็ตกใจ แล้วกล่าวว่า “องค์ชายเก้า ท่าน…..ท่านเอาเงินจากไหนไปซื้อยาเชื่อมกระดูกกกัน ? ”

 

 

ยาเชื่อมกระดูกที่คุณภาพต่ำที่สุดนั้นก็ต้องใช้เงินถึง 200 เหรียญเงิน ถ้าของดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็ต้องใช้เงินถึง 500 เหรียญเงิน!

 

 

จางลั่วเฉินยิ้มแล้วพูดว่า “พี่อวินเอ๋อร์ ข้ามีความลับเล็กน้อย ตอนนี้ยังบอกพี่ไม่ได้ หวังว่าพี่จะช่วยข้าเก็บเป็นความลับ”

 

 

อวินเอ๋อร์จ้องไปที่จางลั่วเฉิน แล้วพยักหน้า นางกดเสียงต่ำแล้วกล่าวว่า  “องค์ชายข้าสามารถบอกพระสนมหลินได้หรือไม่”

 

 

“ตอนนี้ยังไม่ได้”จางลั่วเฉินกล่าว

 

 

“เข้าใจแล้ว ข้ารับปากท่าน” อวินเอ๋อร์จับกล่องไม้สีดำในมือไว้แน่น ในใจปลาบปลื้ม ในเมื่อองค์เก้าสามารถจ่ายเงินมากกว่าร้อยเหรียญเงินเพื่อซื้อยาเชื่อมกระดูก แสดงว่าต้องมีโชคหรือโอกาสอะไรดี ๆ แน่

 

 

ไม่แน่ว่าต่อไปองค์ชายเก้าอาจจะสามารถกลายเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งก็เป็นได้ !

 

 

จางลั่วเฉินยังกล่าวต่อว่า “ยังมีอีกเรื่อง ที่ข้าไม่เข้าใจมาโดยตลอด หวังว่าพี่อวินเอ๋อร์จะสามารถบอกความจริงกับข้าได้ ในเมื่อท่านแม่เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของผู้นำตระกูลหลิน แล้วทำไมท่านแม่กับตระกูลหลินถึงได้ตัดขาดกัน สามปีก่อน จริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”

 

 

อวินเอ๋อร์ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เพราะว่าร่างกายขององค์ชายเก้าอ่อนแอมาตลอด ไม่สามารถถูกกระทบจิตใจได้ ดังนั้นเขาถึงได้ปิดบังเรื่องนี้ แต่ในเมื่อตอนนี้องค์ชายเกิดเปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้แล้ว ข้าก็จะบอกท่าน!”

 

 

“ท่านน่าจะจำอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลหลิน หลินเฉิงยวู่ได้ เขาคือพี่ชายของท่าน เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่าน และยังเป็นลูกชายคนโตของผู้นำตระกูลหลิน อายุเพียงแค่ 17 ปี ก็สามารถฝึกฝนได้ถึงขั้นอเวจีระดับสูงสุดแล้ว”

 

 

“แต่ว่า เมื่อสามปีก่อน หลินเฉิงยวู่ไปมีเรื่องกับกับอัจฉริยะอีกคนหนึ่งเข้า แล้วถูกคน ๆ นั้นตัดขาทั้งสองข้าง แล้วจับขังเข้าคุก”

 

 

“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นได้ ? ” จางลั่วเฉินถามขึ้น “ตระกูลหลินนับได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่ในประเทศอวินอู่จวิน ใครกันที่กล้าถึงขนาดจับอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลหลินขังคุก หรือว่า คนที่หลินเฉิงยวู่มีเรื่องด้วย มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา ? ”

 

 

อวินเอ๋อร์พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ถูกแล้ว คนที่หลินเฉิงยวู่มีเรื่องด้วยก็คือคนที่น่าจับตามองที่สุดของประเทศอวินอู่จวิน องค์ชายเจ็ด อัจฉริยะคนอื่น ๆ เมื่อยู่ต่อหน้าองค์ชายเจ็ด ก็จะหมองลงไปทันที ! ”

 

 

“อย่างนี้นี่เอง !”จางลั่วเฉินพยักหน้า เข้าใจเรื่องราวขึ้นมา

 

 

อวินเอ๋อร์ยังพูดต่อว่า “พอหลินเฉิงยวู่ถูกขังคุก ผู้นำตระกูลหลินก็รีบมาหาพระสนมหลินทันที หวังว่าจะให้พนะสนมหลินออกหน้าช่วยของร้องฮองเต้ ให้ยกโทษให้กับหลินเฉิงยวู่ซักครั้ง ไม่ว่าจะแลกกับอะไรตระกูลหลินก็ยอมทั้งนั้น ! ”

 

 

“พระสนมหลินเองก็รับไปขอพบฮองเต้ แต่ว่าถูกฮองเฮาขวางเอาไว้ แล้วเป็นเพราะว่าเรื่องนี้เอง พระสนมหลินกับฮองเฮาเลยมีเรื่องกัน พอฮองเฮาโมโห ก็มีคำสั่งให้โบยลงโทษพระสนมหลิน 30 ครั้ง พอโบยเสร็จ ทั่วร่างของพระสนมเต็มไปด้วยเลือด พระสลินแทบจะไม่หายใจแล้ว”

 

 

“โครม!”

 

 

จางลั่วเฉินตบไปที่เสา กัดฟันแน่น แล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ ฮองเต้อวินอู่จวินไม่ถามอะไรเลยหรือ ? ”

 

 

อวินเอ๋อร์กล่าวว่า “ท่านต้องเข้าใจว่า องค์ชายเจ็ดเป็นองค์ชายที่มีพรสวรรค์ที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้ง 9 องค์ และเป็นองค์ชายที่ฮองเต้ทรงรักมากที่สุดและหวังเอาไว้สูงสุด และเมื่อฮองเต้อวินอู่จวินตรวจแล้วพบว่า เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของหลินเฉิงยวู่จริง ๆ องค์ชายเจ็ดนั้นเกือบจะถูกหลิงเฉิงยวู่ทำร้ายจนตาย ! ”

 

“เพราะเรื่องนี้ ฮองเต้จึงโมโหมาก ทรงรู้สึกว่า ทั้ง ๆ ที่หลินเฉิงยวู่ทำผิด พระสนมหลินยังอยากจะขอให้ยกโทษให้กับหลินเฉิงยวู่ และนั้นเท่ากับว่าไม่ยอมรับความจริง ! ”

 

 

“เดิมทีฮองเต้อวินอู่จวินก็ทรงรักพระสนมหลินมาก แต่พอมีเกิดเรื่องนี้เข้า เขาก็กลายเป็นเย็นชากับพระสนมหลินทันที”

 

 

อวินเอ๋อร์ยังพูดต่ออีกว่า “พระสนมหลินรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคนตระกูลหลินเองก็ไม่ยอมฟังเหตุผล และก็พวกเขาไม่กล้าเอาเรื่องกับฮองเฮาหรือองค์ชายเจ็ด เลยเอาความผิดทั้งหมดมาลงกับพระสนมแทน พวกเขารู้สึกว่า เป็นเพราะพระสนมไม่ได้ไปขอร้องฮองเต้ จึงทำให้ตระกูลหลินสูญเสียอัจฉริยะไปหนึ่งคน นับจากเรื่องนั้น ความสัมพันธ์ของคนตระกูลหลินกับพระสนมก็ขาดจากกัน ตระกูลหลินไม่นับว่าพระสนมหลินเป็นหนึ่งในคนตระกูลหลินอีก”

 

 

จางลั่วเฉินหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้ง รู้สึกหนักใจและเศร้าใจแทนพระสนมหลินที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เขากำหมัดในมือแน่น แล้วตบไปที่เสา พร้อมกล่าวสียงหนักว่า  “กำลัง!ในโลกใบนี้ ถ้าไม่ใช่ผู้แข็งแกร่ง ยังไงก็ไม่มีที่ยืน ถ้าไม่มีสามารถก็จะไม่ได้ความเป็นธรรมที่เสมอภาพและยุติธรรม!”

 

(จบแล้วครับ)

สามาอ่านก่อนใครได้ที่เพจ BOXKINGS หรือเพจหลัก WGSD  เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย  ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ