เซ่าหมิงเซิงเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองถังซิ่ว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดกับเหมี่ยวเหวินถังเกี่ยวกับข้อตกลงของเขากับ ถังซิ่ว หลังจากนั้นเขาก็สรุปว่า

“ฉันสัญญากับเขาว่าถ้าใบสั่งยาของเขานั่นได้ผล ฉันจะให้เขา2ล้านหยวน”

เหมี่ยวเหวินถังหัวเราะเยาะ

“คุณล้อฉันเล่นเหรอ?ถ้ามียาศักดิ์สิทธิ์นั่นอยู่จริง อย่าว่าแต่2ล้านเลยแม้จะเป็น20ล้านฉันก็จะซื้อมัน ”

ถังซิ่วพูดเบาๆว่า

“คุณสามารถทดลองได้ถ้าต้องการและถ้าประสิทธิภาพของตัวยาเป็นอย่างที่ว่าก็ขอให้คุณไม่คืนคำพูดของตัวเองนะ ฉันจะรอดู20ล้าหยวน”

“ฮึ่ม,ไอเด็กปากดี!”

เหมี่ยวเหวินถังพูดออกมาอย่างเยือกเย็น

ถังซิ่วเหลือบมองไปที่เขาจากนั้นเขาก็หันกลับและเดินไปยังค่ายกลทันที

เหมี่ยวเหวินถังพูดอย่างเสียวดังว่า

“เฮ๊,ถังซิ่ว?ฉันแนะนำให้คุยอมแพ้แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหนแต่จากการตัดสินจากอายุของคุณแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านมันไปได้และที่นี่มีคนดูอยู่มากมายเพราะงั้นอย่าทำให้ตัวเองขายหน้าเลย! ”

“พี่ชายเหมี่ยว!”

เซ่าหมิงเซิงรีบดึงแขนของเหมี่ยวเหวินถังออกมาขณะที่เขาเรียกด้วยเสียงต่ำ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบถังซิ่วเพราะเขาหยิ่งยโสเกินไป แต่พวกเขาเป็นผู้ชายที่มีสถานะและมันก็ไม่เหมาะสมมากสำหรับพวกเขาที่จะมาทะเลาะกับเด็กหนุ่ม

ปากของกู่เสี่ยวเสวี่ยยกขึ้นขณะที่เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนเฝ้าพร้อมเฝ้าดูจากด้านหลังของถังซิ่วด้วยความรู้สึกที่หมดหนทางเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าแม้กลิ่นอายของถังซิ่วจะมีความแข็งแกร่งมากแต่การบ่มเพาะของเธอทำให้เธอรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของถังซิ่วได้ดังนั้นเธอจึงสามารถบอกได้ว่าความแข็งแกร่งของถังซิ่วนั้นต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาทั้งสองคนที่แทบจะไม่สามารถฝ่าเข้าไปในชั้นที่สามได้เลยแล้วนับประสาอะไรกับถังซิ่ว บางทีเขาอาจจะไม่สามารถเข้าไปในชั้นที่สองได้ด้วยซ้ำ

ท่ามกลางผู้เข้าชมการแข่งขัน …

เจี่ยหลุยเดาและลูกศิษย์ทั้งสามคนนั้นได้เห็นถังซิ่วแต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าถังซิ่วจะท้าทายค่ายกลพันโคจรนั้นแต่พวกเขานั้นไม่ได้เข้าไปเพื่อทักทายกับถังซิ่วแต่กลับทำตัวเป็นผีอยู่ในฝูงชนเพราะพวกเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถังซิ่วนั้นจะมีความลุ่มลึกแค่ไหนกัน

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นท่าทางของเซ่าหมิงเซิงและเหมี่ยวเหวินถังที่พึ่งออกจากค่ายกลมานั้นก็ทำให้เขากังวลใจเป็นอย่างมากเพราะในวันพรุ่งนี้ถังซิ่วจะต้องเล่นพนันและเป็นข้อห้ามสำหรับนักพนันที่จะเหน็ดเหนื่อยทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนการเล่นพนัน หากว่าถังซิ่วได้รับบาดเจ็บแล้วเขาจะเล่นการพนันในวันพรุ่งนี้ได้อย่างไร?

“ฉันต้องหยุดเขา!”

เจี่ยหลุยเดาพยายามเบียดออกจากฝูงชนและรีบวิ่งไปที่ถังซิ่วขณะที่เขาโห่ร้องออกมาว่า

“พี่ถัง,ได้โปรดหยุดก่อน ฉันต้องพูดกับคุณ ”

ถังซิ่วก็หยุดเท้าลงด้วยความประหลาดใจในสายตาของเขา เขามองไปที่เจี่ยหลุยเดาและถามว่า

“ต้องการจะพูดอะไรงั้นหรอ?”

เจี่ยหลุยเดาฝืนๆยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“พี่ถังเราจะมีการเล่นพนันกับเฉินไกในวันพรุ่งนี้ ถ้าคุณพบกับความยากลำบากในค่ายกลนี้แล้วละก็ พรุ่งนี้ … ”

“คุณไม่เชื่อใจฉัน?”

ลำแสงเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นในดวงตาของถังซิ่วขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เจี่ยหลุยเดายิ้มและพูดว่า

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อคุณ แต่ก็เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับนักพนันมืออาชีพที่จะเหน็ดเหนื่อยทั้งทางร่างกายและจิตใจ เฉพาะในสภาพเต็มร้อยเท่านั้นที่คุณจะสามารถชนะพนันได้ ”

ถังซิ่วได้ตอบเขาไปว่า

“คุณพักอยู่ทุกวันเสมอแต่ฉันก็ไม่เห็นคุณชนะใช่ไหมหละ? ฮึ่ม… ฉันได้เลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำแล้ว อย่าได้คิดจะเปลี่ยนความคิดฉัน ”

เมื่อพูดจบ!

เขาหันกลับไปพน้อมเดินไปที่ค่ายกลพันโคจร

เหมี่ยวเหวินถังที่อยู่ด้านข้างระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“พี่เซ่า, คุณเห็นนั่นไหม? แม้กระทั่งสหายของเขายังไม่เชื่อเขาเลย คุณคิดว่าเขามีความสามารถในการฝ่าค่ายกลนั่นได้? เพียงแค่รอดู!เรากำลังจะได้เห็นเรื่องตลกบางอย่างแน่นอน ”

เซ่าหมิงเซิงยิ้มและแอบถอนหายใจเห็นได้ชัดว่าเขายังเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเหมี่ยวเหวินถัง

ภายในค่ายกลพันโคจร …

ถังซิ่วไม่แปลกใจแม้แต่น้องหลังจากที่ได้ก้าวเข้ามาและเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉากรอบๆ เขามองไปรอบๆก่อนที่วิสัยทัศน์ของเขาจะถูกล็อคไว้บนต้นไม้โบราณที่สูงใหญ่เขาขยับเท้าของเขาและพุ่งไปข้างหน้าดั่งลูกธนูที่ถูกปล่อยออกมา ในชั่วพริบตาเขาก็วิ่งไปทางจุดหมาย

“พุฟฟฟฟฟ ……”

ในมือของเขามีมีดกองทัพปรากฏออกมาพร้อมแทงเข้าไปที่ลำต้นของต้นไม้นั้นทะลุไปโดนงูตัวสีดำเหลืองที่อยู่ข้างในนั้น

“บิสสสสสสสส…”

ฉากในโลกเปลี่ยนไปเป็นฤดูร้อนที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆดอกไม้บานกับนกหลายร้อยที่ร้องจิ๊บอย่างมีความสุข ถังซิ่วมองไปบริเวณโดยรอบและเห็นจารึกโบราณอยู่บนเส้นทางที่ห่างไกลได้ถูกฝังครึ่งอยู่ตรงกลางของเส้นทาง เขารีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เวลา!

ระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้นั้นไม่เพียงพอ ก่อนที่เขาจะมีระดับความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานที่ไม่สามารถสะกิดเขาได้นั้น เขาทำได้แค่แข่งกับเวลาเท่านั้น เขาจึงรีบว่าไปที่จารึกโบราญนั่นขณะที่เขารวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อทำลายมัน

“ปังงงงงงงงงง……”

เมื่อจารึกถูกทำลาย สิงโตและเสือที่อยู่รอบข้างนั้นได้หายไปเป็นอากาศพร้อมสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง

ที่ด้านนอกของค่ายกลพันโคจรนั่น…

ดวงตาของทุกคนถูกยึดอยู่กับถังซิ่วพร้อมรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดและการแสดงออกที่ไม่น่าเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงสำหรับเซ่าหมิงเซิงและเหมี่ยวเหวินถังในการก้าวไปกว่า20ก้าวสู่จุดศูนย์กลางของค่ายกลนั้น

“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”

เหมี่ยวเหวินถัง ร้องออกมาดังๆ บนใบหน้าของเขาแสดงถึงความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อแม้แต่ดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกมาจากเบ้าตา เขาพยายามทำให้แน่ใจว่าเขานั้นไม่ได้มองพลาดไปโดยการยกมือขึ้นมาขยี้ตาของตัวเอง

“มันไม่ใช่ภาพลวงตา!!!ขะ ขะ ขะ … เขาทำมันได้ยังไงกัน? ”

หัวใจของเซ่าหมิงเซิงเต้น “ตุ๊บๆ”อยู่ในขณะนี้เขาเองก็แสดงออกได้ถึงอาการช๊อคไม่ต่างกันพร้อมพูดด้วยท่าทางขมขื่นว่า

“10 วินาที!เขาใช้เวลาเพียง 10 วินาทีในการฝ่าผ่านชั้นที่สองและวิ่งเข้าไปในชั้นที่สาม นะ-นะ-นี่ … เขายังคงเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่? เขาทำมันได้อย่างไรกัน? ”

ใช่!

เขาทำมันได้อย่างไร?!

กู่เสี่ยวเสวี่ยที่อยู่ข้างๆได้เกิดอาการเหวอเมื่อเห็นร่างของถังซิ่ว ความรู้สึกภายในหัวใจของเธอเอ่อล้นออกมา เธอยังจำได้ถึงคำพูดของอาจารย์ของเธอได้ดี อาจารย์ของเธอเคยได้บอกไว้ว่านอกเหนือจาก “ชายคนนั้นแล้ว” ในโลกนี้ไม่มีใครที่สามารถฝ่าค่ายกลนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอนต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญจากอีกโลกนึงก็ไม่สามารถทำได้

“… แม้ว่าจะเป็นอาจารย์เองก็เถอะ เธอก็แทบจะไม่สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดายขนาดนี้?แล้วเขาเป็นใคร?เขารู้ความลับของค่ายกลพันโคจรนี้ได้อย่างไร? เขาสามารถหาแกนกลางของค่ายกลนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ? ”

ดวงตาของกู่เสี่ยวเสวี่ยพยายามละสายตาไปจากถังซิ่วเพื่อหันไปดูความรู้สึกตกใจของทุกคน เมื่อเธอตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้กำลังอยู่ในความฝันที่ว่า มีใครบางคนฝ่าเข้าไปในชั้นแรกและชั้นสองภายในเวลาไม่ถึง10วินาทีและขณะนี้กำลังวิ่งไปยังชั้นสามของค่ายกลพันโคจรฉากฤดูใบไม้ร่วงสังหาร

ถังซิ่วไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกช๊อคของคนภายนอก ในขณะที่ตอนนี้ฉากของต้นไม้เขียวชอุ่มกับผลไม้ในฤดูใบไม้ร่วงสังหารกำลังปรากฏขึ้นในสายตาของเขา มีสวนผลไม้ที่เต็มไปด้วยผลไม้สีเหลืองและแดงสดใสที่ส่งกลิ่นหอมจางๆออกมา อาจจะเรียกได้ว่าเป็นกลิ่นที่จุดประกายความอยากอาหารของผู้คนพร้อมกลุ่มของห่านป่าที่บินอยู่เหนือสวนผลไม้

“แบบฉบับนี้ง่ายจริงๆ ประสิทธิภาพค่ายกลลดลงเป็นอย่างมาก”

ถังซิ่วไม่รีบเร่งที่จะลงมือในครั้งนี้ แต่เขายังคงยืนนิ่งจ้องมองที่จุดบางอย่างและอย่างเงียบๆเพื่อรอคอย

“ใครก็ตามที่ล่วงล้ำค่ายกลนี้จะต้องตาย”

เสียงสยดสยองถูกส่งออกมาจากภายในสวนผลไม้ ชายรูปร่างกำยำพร้อมโซ่ทั่วร่างกายของเขาได้วิ่งออกมาจากสวนผลไม้นั่น ในมือของเขากำลังกวัดแกว่งกระบอกที่ทำมาจากฟันของหมาป่าที่ดูๆแล้วเหมือนดั่งกระบอกหนามพร้อมปลดปล่อยกลิ่นอายที่เย็นยะเยือก

ถังซิ่วก้มตัวลงพร้อมหยิบก้อนกรวดที่อยู่บนพื้นขึ้นมาพร้อมเผยรอยยิ้มเจือนๆ

“จริงๆแล้วในช่วงแรกที่ฉันสร้างค่ายกลนี้ขึ้นมาฉันได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไปกับมัน แต่ยังไงก็ตามทุกๆชั้นของค่ายกลนี้ฉันได้แอบใส่ทางออกลับเอาไว้ทั้งหมด นายเชื่อไหมว่าก้อนกรวดนี้สามารถล้มนายได้? ”

“ไร้สาระ”

คนรูปร่างยักษ์ที่ดุร้ายนั้นราวกับมีภูมิปัญญา เขาโบกมือพร้อมกระบองแหลมคมของเขาและบดลงที่หัวของถังซิ่ว

“โอ้!”

นิ้วของถังซิ่วสะบัดก้อนกรวดอัดใส่ลำคอของชายคนนั้นและเกือบจะในเวลาเดียวกัน ชายร่างยักษ์ได้ยืนแข็งทื่อพร้อมกระบองที่กำลังจะบดหัวถังซิ่วนั้นอยู่ห่างจากหัวเขาเพียงไม่กี่ฟุต ชายที่รูปร่างใหญ่ยักษ์นั้นได้เปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านทันทีพร้อมไปกับการพัดผ่านของสายลมฤดูใบไม้ร่วง

“บิ๊สสสสส…”

ฉากเปลี่ยนไปอีกครั้ง สายลมเย็นฤดูใบไม้ร่วงได้กลายเป็นสายลมแช่แข็งในช่วงฤดูหนาวสถานที่ไม่ได้เป็นสวนผลไม้อีกต่อไป แต่ได้เข้าสู่โลกของน้ำแข็งและหิมะ

ทะเลหิมะกว้างใหญ่สีขาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

“ฤดูหนาวสังหาร?”

ถังซิ่วนั่งขัดสมาธิในขณะที่มัดของเขาเสียบลงไปที่พื้นข้างๆตัวของเขา

“อาวู้วววววว …”

เสียงหอนโหยหวนของฝูงหมาป่าได้ถูกส่งออกมาจากที่ห่างไกลและในไม่กี่วินาทีเท่านั้น ก็ได้มีฝูงหมาป่านับไม่ถ้วนอยู่กลางทะเลหิมะสีขาวเหล่านี้

ด้านนอกของค่ายกลพันโคจร…

ร่างกายของเหมี่ยวเหวินถังส่ายไปมาหลายครั้งเพราะพลังของเขานั้นยังไม่คงที่และบวกด้วยความรู้สึกช๊อคมากจนเกินไป มันทำให้เขาต้องนั่งลงบนพื้นและมองไปที่ถังซิ่วที่กำลังเดินหกหรือเจ็ดก้าวเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของค่ายกล ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนว่ากำลังมีฟ้าผ่าใส่หัวใจของเขา

ชั้นที่สี่!

มันเป็นชั้นที่สี่!

จู่ๆเหมี่ยวเหวินถังก็นึกถึงคำพูดเยาะเย้ยถากถางถังซิ่วที่บอกว่าเขานั้นไม่มีความสามารถพอที่จะฝ่าชั้นแรกไปได้ด้วยซ้ำ แต่ใครจะไปคาดฝันว่าถังซิ่วจะสามารถฝ่าเข้าไปยังชั้นที่สี่ได้แล้วในตอนนี้

ในพริบตา!

เขาอยากจะให้พื้นแถวๆนี้มีหลุมปรากฏขึ้นมามากๆ ถ้ามันมีอยู่จริงเขาจะมุดลงไปอยู่ในนั้นและไม่ออกมาอีกครั้งเนื่องจากความอับอายที่เขาได้รับ

ปากของเซ่าหมิงเซิงกระตุกพร้อมกับหันศีรษะไปมองที่กู่เสี่ยวเสวี่ยที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

อย่างไรก็ตามกู่เสี่ยวเสวี่ยก็ยังคงหลงอยู่กับอาการช๊อคในตอนนี้ เธอมองไปที่ถังซิ่วอย่างโง่งมจนเกือบที่จะตบหน้าของตัวเองด้วยซ้ำเพราะเธอรู้ถึงระดับการบ่มเพาะของถังซิ่วดี แต่เธอไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าถังซิ่วจะสามารถฝ่าเข้าไปยังชั้นที่สี่ได้ ค่ายกลนี้ไม่ใช่ค่ายกลธรรมดาๆต่อให้เป็นผู้ฝึกวิชาบ่มเพาะแห่งเซียนที่แข็งแกร่งกว่าเธอก็ไม่สามารถฝ่าเข้าไปถึงชั้นที่สี่ได้แน่นอน

แต่!

แต่ถังซิ่วก็ทำมันได้ไม่ใช่ ?

เขาสามารถฝ่าเข้าไปสู่ชั้นที่สี่ได้จริงๆ ?

กู่เสี่ยวเสวี่ยระลึกได้ถึงคำพูดก่อนหน้านี้ คลื่นแห่งความเสียใจได้เอ่อล้นอยู่ภายในหัวใจของเธอ ถ้าเธอรู้ว่าถังซิ่วมีความสามารถที่จะฝ่าเข้าไปยังชั้นที่สี่ได้แล้วละก็ เธอก็คงไม่ทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าขนาดนี้ ?

เธอเป็นเหมือนกบที่อาศัยอยู่ในก้นบ่อลึก!

ในห้วงความคิดของกู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นนึกถึงสำนวนนี้ขึ้นมาทันที เธอรู้ว่าคำพูดนี้สามารถอธิบายตัวเธอได้อย่างดีมันเหมาะสมกับเธอจริงๆ

“มิสกู่, ถังซิ่วเขา …”

(ใครที่ถามว่าทำไมตอนต่อไปติดรหัสนะครับ คือมันต้องอยู่ในกลุ่มลับอะครับหรือใครที่ไม่อยากจ่ายตังก็รอก็ได้ครับผม เพราะผมจะปลดให้ 1-2 วันตอนครับ ขอบคุณค๊าบบบ  ส่งข้อความมาทางนี้เลยครับ https://goo.gl/CeevTV)