…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
หลังจากนั้นไม่กี่นาที,เขาได้เห็นงูตัวเท่าข้อแขนที่มีลายสีเหลืองสลับดำงูตัวนี้มีหัวสีม่วงพร้อมท่าทางเหมือนผู้บัญชาการเหล่างูที่อยู่ในทุ่งหญ้าเหล่านั้น
“ไป……..”
ดาบสั้นในมือของเซ่าหมิงเซิงกวัดแกว่งออกไปอย่างรวดเร็วมุ่งเป้าไปที่งูตัวนั้นที่ห่างออกไปไม่ไกล
“บิ๊สสสสสสสส”
หลังการตายของงูตัวนั้น โลกที่เขาอยู่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น โลกที่มีฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยพลังอยู่ดีๆก็กลายเป็นโลกที่มีสีสันสดใสพร้อมกับดวงอาทิตย์แผดจ้า
นอกค่ายกลพันโคจร …
ถังซิ่วที่อยู่ห่างออกไป7-8ก้าวได้กวาดสายตาไปที่เซ่าหมิงเซิงที่อยู่ในค่ายกล เขาแอบพยักหน้าออกมาแม้ว่าเขาจะไม่สามารถมองเห็นฉากที่อยู่ภายในค่ายกลได้แต่เห็นว่าเซ่าหมิงเซิงสามารถที่จะก้าวผ่านชั้นแรกไปได้อย่างรวดเร็ว นี่สามารถบอกได้ว่าเขานั้นพอจะมีฝีมืออยู่บ้างคนอื่นๆที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็มีความคิดเช่นเดียวกัน
“ให้ตายเถอะมันน่าทึ่งจริงๆ! พี่เซ่าสามารถผ่านชั้นแรกได้ด้วยเวลาสั้นขนาดนี้นี่มันสุดยอดจริงๆถ้าเปลี่ยนเป็นฉันละก็มันคงทำได้ไม่ง่ายแบบนั้น ที่ชั้นแรกของค่ายกลนี้คือฤดูใบไม้ผลิสังหารและชั้นที่สองคือฤดูร้อนสังหารแล้วชั้นที่สามหละ? ”
เหมี่ยวเหวินถังอดที่จะพูดออกมาไม่ได้พร้อมกับถอนหายใจออกมา
กู่เสี่ยวเสวี่ยมองไปที่เขาและพูดออกมาว่า
“ค่ายกลนี้มีทั้งหมด7ชั้นและสี่ชั้นแรกเป็นสี่ฤดูกาลตามลำดับ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งที่เหลือก็คือฤดูใบไม้ร่วงสังหารและฤดูหนาวสังหารแต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากอายุและความจริงที่ว่าเขาได้ท้าทายค่ายกลเหล่านี้มาก่อนแล้วหากเขาไม่สามารถทำเวลาได้ดีนั้นเขาก็คงจะต้องเสียหน้ามากๆ ”
ปากของเหมี่ยวเหวินถังกระตุกเล็กน้อยเพราะเขามีอายุมากกว่าเซ่าหมิงเซิงถ้าหากเขาไม่สามารถผ่านชั้นแรกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเซ่าหมิงเซิงได้แล้วละก็ เขาก็จะต้องเสียหน้ามากๆอย่างแน่นอน
ฝูงชนที่กำลังมองไปที่เซ่างหมิงเซิงที่อยู่ภายในค่ายกลนั้นกำลังมีการแสดงออกที่สับสนอยู่บนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาได้เห็นว่าเซ่าหมิงเซิงเดินไปรอบๆพร้อมฝุ่นตลบและเผายันต์สีเหลืองราวกับว่าเขากำลังเล่นละครอยู่นอกจากนี้เขายังดึงดาบออกมาพร้อมกวัดแกว่งไปมานั้นทำให้เหล่าผู้ชมเลือกไม่ถูกว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“เอ๊ะ? เขากลายเป็นบ้าไปแล้ว?!”
“นี้กำลังเล่นละครตลกอะไรกันอยู่งั้นหรอ นี่ให้พวกเรามาดูอะไรแบบนี้ ?”
“ค่ายกลพันโคจรอะไรกัน? มองดูแล้วรู้สึกน่าประหลาดใจจริงๆ”
“มันน่าเบื่อเกินไปแล้วบรรยากาศอาหารค่ำที่รื่นรมของเรากลับถูกแทนที่ด้วยการที่ต้องมาดูไอโง่ตัวหนึ่งแสดงละครตลก นี้มันบ้ามากๆ! ”
“ห้องอาหารร้อยงานฉลองนี่กำลังเล่นตลกให้พวกเราดู?”
“…”
ฟังความเห็นของผู้เข้าชมแล้ว กู่เสี่ยวเสวี่ยได้โบกมือส่งสัญญาณไปที่หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยพร้อมกับที่เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดออกมาว่า
“สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษคุณอาจจะไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงดังนั้นผมจะอธิบายให้พวกคุณฟังค่ายกลพันโครนี้จะแบ่งออกเป็น 7 ชั้น … ”
พร้อมกับคำอธิบายของเขา, ฝูงชนรอบข้างก็สามารถเข้าใจได้ถึงสิ่งนี้แต่ก็ยังพวกเขาก็ยังเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นภายในจิตใจพร้อมกับคนเชื่อครึ่งหนึ่งและไม่เชื่อครึ่งหนึ่ง บางคนได้พยายามที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมจะวิ่งฝ่าเข้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปในค่ายนี้
แต่อย่างไรก็ตาม !
เนื่องจากผู้เข้าชมมีจำนวนมากเกินไปเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงไม่สามารถหยุดพวกเขาไว้ได้ทุกคน ในขณะที่พวกเขาก้าวเข้าไปในค่ายกลได้ไม่กี่วินาที เท้าของพวกเขาก็หยุดชะงักลงพร้อมกับตัวที่แข็งทื่อและดวงตากลมโตได้เบิกกว้างขึ้นพร้อมแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“อาเอ๋อไปลากพวกเขาออกมา!”
กู่เสี่ยวเสวี่ยคำรามออกมาอย่างดัง
ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากกว่าหนึ่งโหลได้วิ่งเข้าไปในค่ายกลอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าพร้อมลากพวกผู้ชมออกมา
“พระเจ้าช่วย ! ฉัน…….ก่อนหน้านี้ฉันดื่มมากไปหรือเปล่า?ทำไมถึงได้……….?”
“ภาพลวงตา !! นี้เป็นอย่างภาพลวงตาอย่างแน่นอน!จะมีโลกอื่นอยู่ภายในได้ยังไงกัน?”
“ค่ายกล?นี้มันลึกลับอย่างมากลึกลับมากเกินไปแล้ว!”
“ภรรยาคุณช่วยหยิกฉันหน่อย ฉันสามารถรู้สึกเจ็บปวด!”
“ค่ายกลนั้นมีอยู่จริงๆหรือเนี้ย …”
“…”
ผู้คนกว่าสิบคนเหมือนได้ตื่นจากฝันของพวกเขาพร้อมร้องตะโกนออมา แน่นอนว่าผู้ชมที่เหลือสามารถเข้าใจได้ทั้งหมดว่าพื้นที่ตรงกลางนี้เป็นค่ายกลอย่างแท้จริง
ถังซิ่วยังคงเงียบอยู่เขาเฝ้ามองการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของเซ่าหมิงเซิงที่กำลังกวัดแกว่งดาบสั้นนั้นอยู่ เขาพบว่าค่ายกลนี้ที่ถูกนำมาใช้นั้นอยู่ในรูปแบบที่ง่ายมากและไม่สามารถเทียบได้กับอันที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมา เขามั่นใจว่าถ้าเขาต้องก้าวเข้าไปแล้วเขาตะสามารถฝ่าเข้าไปได้อย่างแน่นอน
20 นาทีต่อมา …
“หือ?”
ท่าทางของถันซิ่วเปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นว่าเซ่าหมิงเซิงกำลังเข้าใกล้สุดศูนย์กลางของค่ายกลนั้น
การแสดงออกเหมี่ยวเหวินถังกำลังเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม เขามองไปที่เซ่าหมิงเซิงที่หน้าซีด พื้นที่ว่างในหัวใจของเขากำลังถูกเติมเต็มไปด้วยความกังวลใจ เขารู้ว่าเซ่าหมิงเซิงได้ผ่านชั้นที่สองและก้าวเข้าไปในชั้นที่สามแล้วนี้แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าสองปีที่แล้วมากและบางทีเขาอาจจะได้เป็นแขกผู้มีเกียรติของห้องอาหารร้อยงานฉลองนี้ก็ได้
“ปังงงงงง…”
เมื่อเขาพึ่งจะสามารถฝ่าเข้าไปในชั้นที่สามได้ก็กูกซัดกระเด็นออกมานอนกลิ้งอยู่ข้างๆค่ายกล เขาพยายามตะเกียกตะกายเพื่อลุกขึ้นยืนพร้อมกระอักเลือดออกมาคำโต
“พี่เซ่า,คุณไม่เป็นไรนะ?”
เหมี่ยวเหวินถังรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปข้างๆเซ่าหมิงเซิงเพื่อประคองเขาขึ้นมาและถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
เซ่าหมิงเซิงยังคงกระอักเลือดออกมาพร้อมผิวที่เริ่มซีดเผือดขณะที่เขาส่ายหัวด้วยการแสดงออกขมขื่นพร้อมพูดว่า
“ฉันสบายดีแต่ฉันล้มเหลวที่จะฝ่าผ่านชั้นที่สามได้ค่ายกลนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ! ”
เหมี่ยวเหวินถังตบไหล่ของเขาเบาๆและกล่าวว่า
“อย่าได้ตั้งเป้าสูงเกินไป คุณสามารถฝ่าเข้าไปในชั้นที่สามได้แล้วนั้นก็ถือว่าน่าทึ่งมากพอแล้ว! ฉันยังไม่เคยไปเหยียบชั้นนั้นได้เลยแถมเรายังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่คุณสามารถเป็นแขกผู้มีเกียรติของห้องอาหารร้อยงานฉลองนี่ได้เลย ต่อให้คุณไม่มีอาหารกินในภายหลังคุณก็สามารถมากินดื่มที่นี้ได้ฟรีๆ ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ …”
เซ่างหมิงเซิงยิ้มขณะที่เขารู้สึกผ่อนคลายลงมาก
เหมี่ยวเหวินถังยืดกล้ามเนื้อและกระดูกของเขาก่อนที่เขาจะเดินไปทางค่ายกลนั้นพร้อมรอยยิ้มและพูดออกมาว่า
“ต่อไปก็ถึงตาฉันแล้ว ฉันหวังว่าฉันสามารถฝ่าเข้าไปถึงระดับเดียวกันกับคุณได้ ”
ถังซิ่วที่ได้มองเห็นเหมี่ยวเหวินถังที่กำลังเดินเข้าไปในค่ายกลนั้น เขาได้เดินมาข้างๆเซ่าหมิงเซิงพร้อมคว้าข้อมือเขาและตรวจชีพจรของในขณะที่เซ่าหมิงเซิงนั้นกำลังงุนงงอยู่พร้อมพูดออกมาว่า
“อาการบาดเจ็บภายในของคุณนั้นสาหัสเป็นอย่างมากการฟื้นฟูการบ่มเพาะและพลังชีวิตของคุณจะใช้เวลาประมาณ10วันส่วนสำหรับการฟื้นฟูโดยสมบูรณ์นั้นจะใช้เวลาอย่างน้อยสองเดือน ”
เซ่าหมิงเซิงรีบดึงมือของเขากลับคืนว่าพร้อมพูดด้วยความไม่พอใจว่า
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!ฉันรู้สภาพร่างกายของฉันดี!อาการบาดเจ็บเช่นนี้เป็นเรื่องปกติของผู้บ่มเพาะพลัง ”
ถังซิ่วตอบกลับเบาๆว่า
“มันเป็นเรื่องปกติก็จริงแต่การรักษาจะต้องใช้เวลาและทำให้เสียเวลาเปล่าดังนั้นกำไรจะได้ไม่คุ้มเสียเอางี้ไหม? ฉันจะเขียนใบสั่งยาให้คุณในการรักษาอย่างมาก็จะใช้เวลาแค่สามวันในการฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ตราบใดที่คุณใช้ยาตามใบสั่งของฉันแต่ยังไงก็ตามนั้นดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนที่มั่งคั่งเพราะฉะนั้นฉันก็จะขอเรียกเก็บเงินจากคุณ ”
เซ่างหมิงเซิงจ้องมองอยู่ครู่พร้อมตรวจสอบถังซิ่วและพูดด้วยความประหลาดใจว่า
“คุณแน่ใจจริงๆว่าฉันจะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ได้ในเวลาสามวัน?”
“แน่นอน!”
ถังซิ่วตอบกลับอย่างมั่นใจ
เซ่าหมิงเซิง พูดด้วยน้ำเสียงลึก
“ว่าราคามา!”
“1 ล้านหยวน!”
ถังซิ่วพูดอย่างใจเย็น
เซ่าหมิงเซิงอุทานออกมาว่า
“1 ล้านหยวนสำหรับใบสั่งยาเท่านั้น?นี้มันปล้นกันกลางวันแสกๆชัดๆ!”
ถังซิ่วตอบเบาๆว่า
“มันเป็นทางเลือกของคุณไม่ว่าคุณต้องการที่จะซื้อหรือไม่ถ้าไม่ใช่เพราะความเป็นห่วงของคุณก่อนหน้านี้ที่ได้เตือนฉันนั้น อย่าว่าแต่1ล้านเลยต่อให้เป็นร้อยล้านฉันก็ไม่กระดิกแม้แต่น้อย”
“คุณ …”
เซ่าหมิงเซิงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาระงับความโกรธเอาไว้ในใจของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงลึกว่า
“ดีฉันจะซื้อใบสั่งยาของคุณแต่คุณต้องเอามาให้ฉันก่อน หลังจากที่ฉันใช้ยาแล้วผลที่ออกมาเป็นเช่นเดียวกับสิ่งที่คุณพูดแล้วฉันจะจ่ายเงินให้คุณสองเท่า ”
“ตกลง”
ถังซิ่วพยักหน้าพร้อมหันไปมองเหมี่ยวเหวินถังที่กำลังอยู่ในค่ายกลพันโคจร
คิ้วสีดำของกู่เสี่ยวเสวี่ยกระตุกเล็กน้อยหลังจากที่เธอได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทั้งสอง สายตาของเธอได้จับจ้องไปที่ถังซิ่วอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเธอจึงโน้มตัวเข้าไปหาเขาแล้วกระซิบว่า
“เฮ้ คุณมีความรู้เรื่อง … เกี่ยวกับสมุนไพร? ”
“นิดหน่อย!”
ถังซิ่วตอบลวกๆ
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ถามอย่างรวดเร็วว่า
“คุณรู้เกี่ยวกับการเจ็บป่วยด้วยโรคที่มีชื่อว่าที่เรียกว่าฝันร้ายแห่งนิรันด์ไหม?”
ฝันร้ายแห่งนิรันด์?
การแสดงออกของถังซิ่วแข็งทื่อในขณะที่เขามองไปที่กู่เสี่ยวเสวี่ยและอุทานออกมาว่า
“คุณรู้จักฝันร้ายแห่งนิรันด์ได้ยังไงกัน นั้นมันเป็นเทคนิคการฆ่าที่รุนแรงที่สุดของปีศาจหยินซูหวูโชว คุณ …”
กู่เสี่ยวเสวี่ยขมวดคิ้วทันทีพร้อมพูดออกมาว่า
“ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณกำลังพูดคุยนั้นเกี่ยวกับอะไร ฉันเพียงต้องการที่จะถามว่าคุณสามารถรักษามันได้หรือไม่”
ถังซิ่วส่ายหัวและพูดออกมาว่า
“ไม่!”
มันก็ไม่ได้เป็นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะรักษามันแต่เพราะปีศาจหยินซูหวูโชวนั้นเป็นหนึ่งในนิรันด์สูงสุดที่อยู่ในดินแดนแห่งนิรันด์เหมือนกับเขาและพลังบ่มเพาะก็สามารถพูดได้ว่าสูสีกับเขามาก แต่เทคนิคที่รุนแรงที่สุดของซูหวูโชวนั้นคือฝันร้ายแห่งนิรันด์แม้ว่าเหยื่อจะสามารถรอดตายได้อย่างโชคช่วยก็ตามแต่คนๆนั้นก็จะตกอยู่ในฝันร้ายแห่งนิรันด์นี้ พวกเขาอาจจะสามารถฟื้นคืนสติขึ้นได้บางครั้งแต่บางทีพวกเขาจะไม่สามารถที่จะฟื้นขึ้นมาได้อีกเลย
การรักษานี้จะต้องใช้สมบัติที่หายากมากสองชนิดนั่นก็คือคริสตัลแห่งเวลาและหญ้าปีศาจคืนชีพ
หญ้าปีศาจคืนชีพนั้นจะเติมโตในใจกลางของดินแดนปีศาจในสถานที่ที่มีพลังงานหยินหนาแน่นมากนอกเหนือไปจากตัวตนอันสูงส่งในดินแดนปีศาจที่มีอยู่ไม่กี่คนแล้วนั้นก็ยากมากที่จะไปถึงยังใจกลางแห่งนั้นสำหรับคนอื่นๆนั้นเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังจะต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างมากมายในสถานที่ซึ่งมีหญ้านั่นอยู่
คริสตัลแห่งเวลา!
ข่าวลือบอกว่ามันได้มีอยู่ในรอยแยกระหว่างสองมิติ แต่นอกเหนือจากพระเจ้าแล้วไม่มีนิรันด์คนไหนกล้าที่จะเข้าไปในรอยแยกมิตินั้นเพราะความประมาทเพียงนิดเดียวก็สามารถทำให้ร่างกายของพวกเขาแตกสลายและวิญญาณกระจัดกระจายหายไปได้
แต่การที่จะสามารถรักษาอาการนี้ได้นั้นจำเป็นที่จะต้องใช้วัตถุดิบสองตัวนี้เท่านั้นไม่อย่างงั้นก็ไม่มีใครที่สามารถช่วยได้อีกแล้ว ต่อให้เป็นตัวของซูหวูโชวเองก็ตามที
กู่เสี่ยวเสวี่ยมองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางผิดหวังพร้อมหันกลับไปมองเหมี่ยวเหวินถังที่กำลังอยู่ในค่ายกล
ครึ่งชั่วโมงต่อมา …
เหมี่ยวเหวินถังสามารถฝ่าเข้าไปในชั้นที่สามได้แม้ว่าจะใช้เวลานานกว่าเซ่าหมิงเซิงแต่เขาก็สามารถยืนหยัดอยู่ในชั้นที่สามได้นานกว่าเซ่าหมิงเซิง
“ค๊อกก ค๊อกกก …”
เหมี่ยวเหวินถังได้กระอักเลือดออกมาหลายครั้งก่อนที่ผิวของเขาจะเปลี่ยนเป็นซีดขาวพร้อมแบกร่างตัวเองออกมาจากค่ายกลนั้น
“พี่เหมี่ยว, คุณโอเคไหม?”
เซ่าหมิงเซิงรีบไปพยุงแขนของเขาพร้อมถามด้วยความห่วงใย
เหมี่ยวเหวินถังยิ้มออกมาอย่างฝืนๆและพูดว่า
“ฉันสบายดีและยังไม่ตายแต่อาการบาดเจ็บของฉันค่อนข้างรุนแรงอย่างต่ำก็ต้องใช้เวลากว่า2-3เดือนในการฟื้นฟูสภาพกลับมาเหมือนก่อนหน้านี้ ”
(ใครที่ถามว่าทำไมตอนต่อไปติดรหัสนะครับ คือมันต้องอยู่ในกลุ่มลับอะครับหรือใครที่ไม่อยากจ่ายตังก็รอก็ได้ครับผม เพราะผมจะปลดให้ 1-2 วันตอนครับ ขอบคุณค๊าบบบ ส่งข้อความมาทางนี้เลยครับ https://goo.gl/CeevTV)