ชาวบ้านทั้งหมดเหมือนถูกสาปให้เป็นหิน ทำหน้าเหมือนคนปัญญาอ่อน แม้จะเคยได้ยินมาว่าฉีเฮ่าแข็งแกร่งกว่ากลุ่มเด็กๆทั้งหมด แต่ไม่คิดว่าจะหลุดสามัญสำนึกไปมากขนาดนี้

“เขายังไม่ได้ใช้พลังลึกลับจากตำรากระดูกเลยใช่ไหม”ชาวบ้านคนหนึ่งถามออกมา

“เขาไม่ได้ใช้ ข้าเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาใช้แค่พลังกายล้วนๆ”หัวหน้ากลุ่มนักล่า ฉีหลิงหู่ ตอบออกมา

“ตูมมม!!”

เด็กน้อยฉีเฮ่าขว้างหม้อทองแดงยักษ์ไปที่พื้น เกิดการะแทกอย่างรุนแรงที่พื้น ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว เขาเคลื่อนตัวกลับไปข้างหลังเพื่อหลบหลีกละอองฝุ่นที่พุ่งออกมา เสียงดังครั้งนี้ทำให้หัวใจของชาวบ้านดิ่งวูบ นี่มันปีศาจน้อยชัดๆ!!

นี่เป็นผลลัพธ์ที่ทำใจเชื่อได้ยากมากจริงๆ เด็กน้อยสามขวบครึ่งที่ยกหม้อหนักพันจิน ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในบริเวณหุบเขามืดแห่งนี้ มันช่างยากเหลือเกินที่จะหาใครซักคนที่เหมือนเด็กน้อยในโลกนี้

 

จิตใจของชาวบ้านสั่นไปหมดอย่างห้ามไม่อยู่ แม้แต่หัวหน้า ฉีหยุ่นเฟิงยังหวาดผวา เขาไม่เชื่อว่าฉีเฮ่าจะสามารถยกหม้อยักษ์นั่นได้ด้วยอายุแค่นี้ ไม่เคยแม้แต่จะคิด

“เรื่องจริงเหรอนี่ เจ้าเด็กเหลือขอฉีเฮ่าจะมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีเด็กแบบนี้มาก่อน”

“นี่มันน่าเหลือจริงๆ ถ้าเขาไม่ได้มีร่างกายเหมือนมนุษย์ ข้าคงจะคิดว่ามีลูกสัตว์ร้ายระดับตำนานบุกเข้ามาในหมู่บ้าน”

บรรดาชาวบ้านหันไปรอบๆ แล้วพูดถึงเรื่องที่เจ้าหนูสำแดงออกมา

“หัวหน้า ท่านเคยอาศัยมาสามทวีป เคยพอเจอเด็กคนอื่นๆที่เป็นแบบนี้บ้างหรือไม่”

“ใช่แล้ว!! หยุ่นเฟิง เจ้าเคยพอเจอเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งมามากมาย เคยเจอใครที่เหมือนเจ้าปีศาจน้อยนี่บ้างไหม” ผู้อาวุโสอดที่จะถามออกมาไม่ได้

ฉีหยุ่นเฟิงตอบออกมา “ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเข้าร่วมสมาคมที่มีสมาชิกหลายล้านคนและพบเจอเด็กที่น่าเหลือเชื่อมามากมาย พวกเขามีทรัพยากรชั้นเลิศนับไม่ถ้วน และนั่นคือสาเหตุที่พวกเขาแข็งแกร่ง แม้ว่าพวกเขาจะน่ากลัว แต่เมื่อเทียบกับเฮ่าน้อยแล้ว ยังห่างไกลนัก”

บรรดาชาวบ้านที่ฟังอยู่ต่างนิ่งงัน จากนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมา นี่จึงเรียกว่าสวรรค์เข้าข้างหมู่บ้านศิลา เด็กน้อยที่มีพลังเหมือนดั่งทายาทสัตว์ร้ายเก่าแก่ จะเกิดอะไรขึ้นหากเด็กน้อยโตขึ้น หมู่บ้านศิลาจะพุ่งทะยานเพราะเด็กน้อย ฉีเฮ่า

ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวออกมา “เหล่าสมาคมที่มั่งคลั่งและแข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องสังหารสัตว์ร้ายที่น่ากลัวมากมาย และใช้เลือดสัตว์ร้ายที่เก่าแก่และหายากเพื่อเสริมสร้างและชะล้างร่างกายของเหล่าเด็กที่มีสวรรค์พวกนั้น ช่างแตกต่างอย่างมากหากเทียบกับเด็กน้อยที่จำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอด

“โลกนี้มีพื้นที่หลากหลายไร้ขีดจำกัด กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด พวกสมาคมที่ยิ่งใหญ่และตระกูลเก่าแก่ต่างก็ต้องมีเด็กที่น่าเหลือแบบนี้อยู่แล้ว โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ อะไรที่เราคิดว่าเข้าใจ ที่จริงมันก็แค่มุมมองแคบๆเท่านั้น” ฉีหยุ่นเฟิงเอ่ยออกมา

ภาพลักษณ์ของวิทยายุทธในเวลานี้สร้างความสุขให้แก่ชาวบ้านทั้งหมด พวกเด็กๆ ที่แข็งแกร่งขึ้นและศักยภาพที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่เฮ่าน้อยดูมีความสุขเกินคาด ตั้งแต่ที่สร้างความตกใจให้กับทุกคน

ในขณะที่ทุกคนเริ่มแยกย้าย กลุ่มผู้อาวุโส รวมทั้งฉีหลิงหู่และบุคคลสำคัญของหมู่บ้านไม่ยอมไปไหน พวกเขายังคงพูดคุยอย่างต่อเนื่องด้วยท่าเคร่งเครียด

“หากฉีเฮ่าเติบโตขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในมือเขา สามารถทำลายสมาคมหนึ่งได้อย่างงาย แต่หากพบเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาล่ะ ผู้ที่ได้รับการเสริมพลังจากสัตว์ร้ายที่เก่าแก่และแข็งแกร่งกว่าล่ะ ”

หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวแย้งด้วยความร้อนแรง “ในศักยภาพขนาดนี้ ในขณะที่เจ้ายังเด็ก มันไม่ได้หมายความว่าหากเติบโตเจ้าจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเสมอไป เจ้าต้องรู้ด้วยมีเด็กอัจฉริยะจำนวนไม่น้อยที่จางหายไปเช่นกัน”

ทุกคนนิ่งอึ้งไร้คำพูด แล้วพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย

ฉีหยุ่นทำหน้าบูดบึ้งเอ่ยออกมา “แต่ในตอนนี้ ฉีเฮ่าเกิดที่หมู่บ้านนี้ ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมเหมือนดั่งคนอื่น ฉีเฮ่าเริ่มด้วยความลำบากมากกว่าเด็กคนอื่น เราไม่สามารถนำเอาเฮ่าน้อยไปเทียบได้เลยไม่ว่าจะด้านการสนับสนุนจากทรัพยากร สมบัติวิเศษ เลือดสัตว์ร้ายโบราณ หรือยาสมุนไพร”

ฉีหลิงหู่กล่าวเสริม “ในตอนนี้เขายังเยาว์นัก น่าจะไม่สายเกินไปที่จะไล่กวดเด็กคนอื่นๆจากสมาคมใหญ่”

ฉีหยุ่นครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วกล่าวตอบ “ตามความเข้าใจของข้า(ผู้แปลด้วย) ภายในสมาคมใหญ่ เมื่อเหล่าเด็กอัจฉริยะมีอายุถึงห้าขวบจะถูกนำไปเข้าพิธีผลัดเปลี่ยนครั้งแรก พวกเขาจะถูกนำไปแช่ในหม้อโลหะชั้นเลิศ ภายในเป็นยาครอบจักรวาล เลือดสัตว์ร้ายโบราณ และสมุนไพรอีกหลายชนิด ค่อยๆเสริมสร้างร่างกายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง”

คนอื่นๆต่างก็แสดงสีหน้าท้อแท้ ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ มันเป็นไปได้ยากที่จะแข่งขันกับสมาคมใหญ่ พวกเขาจะหายาครอบจักวาล เลือดสัตว์ร้ายโบราณ และสมุนไพรหายากจากที่ไหนกัน

“พวกเราควรจะลองล่าสัตว์ร้ายทรงพลังเพื่อสะสมเลือดของพวกมันทีละเล็กละน้อย เพื่อเตรียมการสำหรับเจ้าหนูน้อยเมื่ออายุห้าขวบ”

ฉีหลิงหู่ขมวดคิ้วแล้วเสนอหัวข้ออื่น “ถ้าหากต้องการจะแข่งขันกับพวกเด็กจากสมาคมใหญ่ นอกเหนือปัจจัยของร่างกายแล้ว ยังพื้นฐานการฝึกฝน วิทยายุทธ์ ความรู้ที่สืบทอดมาต่างก็สำคัญไม่แพ้กัน ”

หัวหน้า ฉีหยุ่นเฟิงพยักหน้าพลางตอบ “ข้าเองก็หาทางแก้ไขปัจจัยเหล่านี้เช่นกัน”

พวกเขาทุกคนต่างอับจนด้วยคำพูด พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าในอดีต ฉีหยุ่นเฟิงเคยออกไปนอกหุบเขา และสุดท้ายเขากลับพร้อมกับบทเรียนที่ต้องจ่ายด้วยเลือดและชีวิต ในมือของเขายังมีตำรากระดูกติดมาด้วย

กลุ่มพี่น้องที่ติดตามเขาออกไปต่างก็เสียชีวิตจนหมด เหลือเพียงสองคนที่กลับมาถึงหมู่บ้าน แต่สุดท้ายก็เหลือ ฉีหยุ่นเฟิงเพียงคนเดียว แต่ก็ได้รับโรคที่แปลกประหลาดเป็นของแถมติดตามมาจนถึงวันนี้ เขาไม่เคยเล่าอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าพวกเขาบีบคั้นเท่าไหร่ก็ตาม

อะไรเกิดขึ้นในปีนั้น มันยังคงเป็นความลับที่ยังไม่เปิดเผยออกมา

ผ่านไปแล้วหลายวัน ฉีหยุ่นเฟิงยังคงวุ่นอยู่เสมอ เขาค่อยๆสกัดสมุนไพรภายในลานบ้าน ภายใต้หม้อยายังคงมีไฟลุกโชนอยู่ตลอด และและมีกลิ่นยาที่รุนแรงลอยเต็มไปในอากาศ

“ท่านปู่ ท่านไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก ท่านปู่ต้องพักผ่อนเยอะนะขอรับ” ขนตาของเด็กน้อยงอนยาวและดูน่ารักกว่าเด็กสาวหลายๆคนเสียอีก เด็กน้อยกำลังโน้มน้าวความคิดของของชายแก่ให้พักผ่อน

“นั่นไม่จำเป็น” ชายแก่หัวเราะในขณะที่กล่าวตอบ

บรรดาผู้อาวุโสรวมถึง ฉีหลิงหู่และคนอื่นๆต่างก็ชินกับสถานการณ์เหล่านี้ดี จึงไม่ได้บอกเล่าอะไรให้เด็กน้อยฟังมากนัก เด็กน้อยไม่รู้ว่า   ฉีหยุ่นเฟิงกำลังจัดเตรียมการผลัดเปลี่ยนตอนที่เด็กน้อยอายุห้าขวบนั่นเอง

เมื่อตะวันกำลังจะตกดิน กลุ่มนักล่ากำลังเดินทางกลับหมู่บ้าน แต่ละคนแบกสัตว์ป่าไว้ที่ไหล่ แม้ว่าร่างกายจะมีบาดแผล พวกเขาก็ยังพูดคุยอย่างสนุกสนาน

เนื่องจากลานบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านตั้งอยู่ใกล้บริเวณทางเข้าหมู่บ้าน ทำให้ฉีเฮ่าที่ยืนอยู่ในลานบ้านเห็นกลุ่มของนักล่าทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาในหมู่บ้าน

“ท่านลุงกลับมาแล้ว” เด็กน้อยยื่นหน้าอันไร้เดียงสาเล็กๆของตน ดวงตาสีดำขลับเป็นประกายต้อนรับการกลับมาของกลุ่มนักล่าอย่างสุภาพ

“มานี่สิ นี่เป็นผลไม้ที่เจ้าชอบ ลุงเก็บมาให้เจ้าคนเดียวเลยนะ ” ฉีหลิงหู่หยิบกระเป๋าที่ทำจากหนังสัตว์ออกมา แล้วเปิดออก ข้างในมีลูกเบอร์รี่สีแดงสด ส่งกลิ่นหอมหวานไปทั่ว มองดูมีลักษณะคล้ายหินสีแดงที่กำลังส่องประกายอยู่

“ขอบคุณขอรับ ท่านลุง” เด็กกระพริบตากลมโตถี่ๆ อย่างดีใจที่ได้รับผลไม้ที่ชอบ

เมื่อตกกลางคืน บรรดาชาวบ้านต่างก็นำซากสัตว์ร้ายมาทำพิธีสักการะต่อมหาวิญญาณผู้พิทักไทรวิเศษอีกครั้ง หลังจากพิธีเสร็จสิ้น ยังคงมีบางส่วนที่ยังภาวนาต่อที่แผ่นหินสักการะ

หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นเลือดเริ่มแพร่กระจายจากแท่นหินสักการะ มีเลือดไหลออกจากร่างของสัตว์ร้ายที่ถูกจัดเรียงอยู่บนแท่นหินสักการะ ยิ่งไปกว่านั้น ร่างของสัตว์ร้ายค่อยๆแห้งเหือดและมีสัญลักษณ์ผุดขึ้นมา ดูน่าพิศวงและลี้ลับยิ่งนัก

เป็นตำรากระดูกนั่นเอง!! ในช่วงเวลานั้นเอง เลือดผสานกันกลายเป็นเส้นเล็กๆ โดยมีกระแสไฟฟ้าพาดขวางตาม “เส้นเลือด”เล็กเหล่านั้น มันช่างดูเหมือน ฉีหยุ่นเฟิงกำลังร่ายเวทมนต์ นั่นเป็นเพราะเขาใช้พลังลี้ลับค่อยๆบังคับเลือดจากซากสัตว์ร้ายที่ทรงพลังที่สุดแล้วสกัดให้เป็นตัวยา หลังจากพยายามที่จะหลอมรวมและสกัดเลือดจากสัตว์ร้ายอย่างต่อเนื่อง จำนวนของเลือดค่อยลดลงและลดลง จนสุดท้ายเลือดทั้งหมดก็หายไป กลายเป็นหยกมีลักษณะคล้ายลูกปัดกระจ่างใสแวววาวเหมือนดั่งโกเมน อัญมณีที่ล้ำค่า

“ตามบันทึกในตำรากระดูก ในระหว่างการผลัดเปลี่ยน ยาครอบจักวาล เลือดสัตว์ร้าย และส่วนประกอบที่ลี้ลับมากมายต่างก็แฝงไปด้วยพลังลี้ลับ จะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ” ฉีหยุ่นเฟิงกล่าวเบาๆ

เขาไม่ต้องการให้พรสวรรค์ของฉีเฮ่าต้องเสียเปล่า ไม่ต้องการให้เขาตามหลังเด็กคนอื่นๆ เขาคิดเสมอว่าจะต้องหาทางสะสมวัตถุดิบเพื่อการผลัดเปลี่ยนให้ได้

“ช่างยอดเยี่ยมแล้วแต่ยังไม่พอ ตอนนี้ข้าต้องการแค่เลือดสัตว์ร้ายคุณภาพสูงสำหรับเฮ่าน้อย โชคไม่ดีนักที่ช่างหาได้ยากเหลือเกิน อีกทั้งยังล่าได้ยากยิ่ง เพราะความแข็งแกร่งนั่นอีก” ชายแก่พูดกับตัวเองเบาๆ