หลุยหยุนหลง(รองครูใหญ่)

ฮั่น ชิงหวู (อาจารย์ประจำชั้นห้องสิบ)

เหว่ย เซนไต (ครูใหญ่ โรงเรียน)

เฉิง เยี่ยนหนาน( ผญ ที่ปกป้อง ถัง ซิ่ว ในห้องเรียน)

เฉิง เสวี่ยเหม่ย (ตำรวจหญิงที่จับ ชางเหวิน )

ฮูเหวินซู(ลูกน้อง เฉิง เสวี่ยเหม่ย )

โอหยางไฮ่เฟิง(ไอเครา)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

“อะไรนะ? ชีวิตของโอหยางไฮ่เฟิงกำลังตกอยู่ในอันตราย? เป็นไปได้ยังไง ? เขาไม่ใช่คนที่มีฉายาว่า “วัวอมตะ” ในทีมของเขาไม่ใช่หรอ  ”

เฉิงเสวี่ยเหม่ย ตะโกนอย่างประหลาดใจขณะที่เธอเลิกคุยกับเฉิงเยี่ยนหนานเมื่อได้ยินข่าวจากฮูเหวินซู

เหตุผลที่โอหยางไฮ่เฟิงมีฉายาว่าวัวอมตะเพราะเขามีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ เขาแข็งแรงเหมือนวัว มีผิวหนาแน่นและเนื้อหนังที่แข็งแรงทำให้เขามีความต้านทานต่อการถูกตีมาก ในทางกลับกันโดยธรรมชาติแล้วเขาเป็นคนที่ดื้อดึง เมื่อเขาตัดสินใจอะไรบางอย่างแม้แต่ควายสิบตัวก็ไม่สามารถดึงเขากลับมาได้

นั่นเป็นเพราะว่าเขามีอารมณ์และความสามารถที่ทำให้โอหยางไฮ่เฟิงมีบทบาทสำคัญในทีมของเขา แต่หลังจากที่ได้ยินว่ามีสัตว์ประหลาดนั้นโดนจัดการโดยฝีมือของวัยรุ่นที่บอบบางมากคนนึงแม้แต่เฉิงเสวี่ยเหม่ยก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ไม่อย่างจะเชื่อ

เธอยอมรับว่าตัวเองไม่มีความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะสามารถปราบโอหยางไฮ่เฟิงได้

“สวัสดีถังซิ่ว,เราเจอกันอีกครั้ง นายยังจำฉันอยู่หรือไม่? ”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยจ้องที่ถังซิ่วครู่หนึ่งขณะที่เธอยื่นมือออกไปหาเขาพร้อมยิ้มและทักทายเขา

“คุณสบายดีหรือไม่? ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบคุณอีกครั้ง ”

เมื่อเขารู้สึกได้ถึงการซักถามลางๆผ่านดวงตาของเฉิงเสวี่ยเหม่ย,ทำให้รู้สึกหนาวสั่นในใจของเขา, ตอนแรกเขาคิดที่จะปฏิเสธที่จะจับมือกับเธอ แต่หลังจากที่คิดแล้วเขาก็ยื่นมือไปหาเธอ

เมื่อมือทั้งสองของพวกเขาสัมผัสกันและการแสดงออกมีความสุขปรากฏผ่านดวงตาเฉิงเสวี่ยเหม่ยขณะที่เธอเพิ่มกำลังในการบีบของเธอ

เฉิงเสวี่ยเหม่ยกำลังคิดว่าเธอน่าจะสามารถสำรวจความเข้มแข็งของถังซิ่วได้,แต่แล้วเธอก็รู้สึกว่าฝ่ามือของเขานุ่มและลื่น เธอยังไม่ได้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมือของถังซิ่วหลุดจากฝ่ามือของเธอ

“ใช้ได้หนิ ปรากฏว่านายนั้นพอมีทักษะอยู่บ้างหนิ? ฉันต้องการทดสอบกับนายจริงๆ! ”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยไม่ได้ใช้พลังของเธออย่างเต็มที่เมื่อสักครู่, แต่หลังจากที่ถังซิ่วหลุดออกจากฝ่ามือของเธอดวงตาของเธอก็สดใสขึ้นมาในขณะที่ใบหน้าของเธอดูตื่นเต้น

“เจ้าหน้าที่เฉิง,มีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ,นอกจากนี้ผมพึ่งช่วยเยี่ยนหนานแล้วคุณอยากจะจัดการกับผู้ช่วยเยี่ยนหนานอย่างไร? ”

รู้สึกว่าเจตนาในการต่อสู้ลุกลามออกจากร่างของเฉิงเสวี่ยเหม่ย,ถังซิ่วขมวดคิ้วและรีบเตือน

“นายปกติต้องเรียกฉันว่าพี่สาวสิ,แต่ทำไมตอนนี้นายเรียกฉันว่าเจ้าหน้าที่เฉิง? นายกำลังปกปิดความตั้งใจบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใช่หรือไม่? ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น,เฉิงเสวี่ยเหม่ยลังเลใจ เธอจ้องทันทีขณะที่เธอโกรธและถาม

“ผมก็อยากจะเรียกคุณว่าพี่สาว,แต่ผมกลัวว่าเยี่ยนหนานจะด่าผมหนะสิ”

ถังซิ่วเหลือบมองไปที่เฉิงเยี่ยนหนานที่อยู่ใกล้ๆและจงใจแกล้งเธอ

ตอนเฉิงเยี่ยนหนานได้เฝ้าดูการแสดงนี้อย่างดีใจแต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดหวังว่าอยู่ดีๆเปลวไฟแห่งสงครามนี้ได้ยิงมาที่เธอเมื่อได้ยินการหยอกล้อของถังซิ่วใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มแม้แต่ความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นเขินอาย

“นาย … เยี่ยนหนาน … ”

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่ว,เฉิงเสวี่ยเหม่ยก็ตะลึงแววตาของเธอเหลือบไปมาระหว่างถังซิ่วกับเฉิงเยี่ยนหนานสักสองสามครั้งด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสงสัย

แต่ในสถานที่สาธารณะที่มีฝูงชนจำนวนมากมันไม่ดีที่เธอจะถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของถังซิ่วและเฉิงเยี่ยนหนานอย่างเปิด

ในที่สุดเฉิงเสวี่ยเหม่ยได้จ้องมองอย่างรุนแรงไปที่ถังซิ่วและจบลงด้วยการสอบสวน

“ถังซิ่ว,เยี่ยนหนานได้ทำให้ศัตรูตื่นตัว,เมื่อเราไปที่รังใหญ่ของพวกอันธพาลพวกเขาก็ทิ้งที่แห่งนั้นไปแล้ว ถ้าพวกเขารู้เรื่องโอหยางไฮ่เฟิงพวกนั้นจะต้องแก้แค้นแน่นายต้องการให้เราส่งคนเพื่อมาปกป้องนายหรือไม่?หรือนายสามารถเลือกที่จะพักชั่วคราวที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะสักสองสามวัน … ”

หลังจากเสร็จสิ้นการบันทึกคดีเฉิงเสวี่ยเหม่ยลังเลขณะที่เธอถามถังซิ่ว

ขณะที่ถังซิ่วได้ยินเรื่องนี้เขารีบส่ายหัวและพูดว่า

“เจ้าหน้าที่เฉิงไม่เป็นไร,แค่อยากให้คุณหาคนไม่กี่คนเพื่อแอบปกป้องแม่ของผมสำหรับตัวผมเองผมสามารถจัดการกับมันได้ ”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยจ้องที่ถังซิ่วสักครู่,แต่เมื่อมองจากท่าทางที่มั่นคงและมั่นใจของถังซิ่ว,เธอก็พยักหน้าและปฏิบัติตามคำร้องขอของเขา,จากนั้นเธอก็นำทีมตำรวจอาชญากรรมกลับไป

“ถังซิ่วเธอทำได้ดีมากในวันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเพื่อนร่วมห้องอาจจะต้องตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ฉันจะจัดการให้โรงเรียนมอบรางวัลแค่เธอ “

ก่อนที่ตำรวจอาชญากรรมจะมาถึงโรงเรียนเหว่ยเซนไตได้นำเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนคนอื่นๆเข้าห้องสิบ แต่ความกังวลหลักของพวกเขาคือการปลอบนักเรียนรู้สึกหวาดกลัวและทำให้ไม่มีเวลาพูดคุยกับถังซิ่ว

เมื่อเขาต้องการพูดคุยกับถังซิ่ว,ตำรวจ,เฉิงเยี่ยนหนานและเฉิงเสวี่ยเหม่ยได้ขอให้ถังซิ่วบันทึกคำให้การของเขา

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขากำลังทำงานร่วมกับตำรวจเพื่อบันทึกคดีเหว่ยเซนไตและคนอื่นๆไม่ได้อยู่เฉยๆและได้พบรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากนักเรียนในห้องคนอื่นๆแล้ว

รู้ว่าเฉิงเยี่ยนหนานและหยวนชูหลิงเกือบตาย,หัวใจของเหว่ยเซนไตและของผู้อื่นก็สั่นสะท้าน

ในขณะที่ไม้ขีดไฟ,ซูเชียงเฟยผู้ซึ่งได้รับการเตะจากโอหยางไฮ่เฟิงไม่มีใครให้ความสนใจกับเขาตั้งแต่เริ่มแรก

“ครูใหญ่เหว่ย,รางวัลนั้นไม่สำคัญ,สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำคือการปรับปรุงมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยของโรงเรียน,ถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นในวันนี้จะมีการรายงานจากสื่อข่าว … ”

ถังซิ่วไม่ได้รับผลกระทบจากรางวัลที่เหว่ยเซนไตกล่าว,แต่ตอบกลับด้วยท่าทางไม่แยแส

ได้ยินเสียงครึ่งนึงที่ถังซิ่วพูด,เขารู้สึกไม่พอใจในหัวใจของเขา,ขาคิดว่าถังซิ่วค่อนข้างหยิ่งและจองหอง

แต่เมื่อประโยคที่สองของถังซิ่วออกมา,ท่าทางของเหว่ยเซนไตก็เปลี่ยนไปทันที เขามองไปที่ดวงตาของถังซิ่วด้วยรอยยิ้มที่ตกใจอย่างมากและความรู้สึกขอบคุณ

สำหรับโรงเรียนสิ่งสำคัญที่สุดคือนักเรียน,พวกเขามีนักเรียนมากขึ้นรายได้ของโรงเรียนมากขึ้น,รายได้ของโรงเรียนมากขึ้นพวกเขาสามารถจ้างครูที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมากกว่าได้,ในทางกลับกันนี้จะเพิ่มอัตราการลงทะเบียนเรียนและดึงดูดนักเรียนมากขึ้น

อย่างไรก็ตามหากโรงเรียนไม่สามารถรับประกันชีวิตและความปลอดภัยของนักเรียนได้,การมีอัตราการลงทะเบียนสูงจะไปมีทำไม?นักเรียนจะกล้าเสี่ยงชีวิตในการเรียนที่โรงเรียนมัธยมนี้ได้อย่างไร?

“คำพูดของเธอนั้นเป็นความจริง,ฉันจะแก้ไขมาตรฐานความปลอดภัยของโรงเรียนทันที ”

เหงื่อชุ่ม,เหว่ยเซนไตสนับสนุนประโยคของถังซิ่ว,เขารีบเดินออกจากห้องด้วยความกระวนกระวายใจและแสดงออกอย่างกระตือรือร้น,ปล่อยให้ผู้นำโรงเรียนคนอื่นมองด้วยความตกใจ

“ฉันไม่เคยคิดว่าไม่เพียงแต่ผลการเรียนของนักเรียนถังซิ่วจะเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจเธอยังมีสายตาที่มองไกลเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวม,ฉันประหลาดใจจริงๆ ”

รองครูใหญ่หลุยหยุนหลงมองไปที่ถังซิ่วด้วยความชื่นชมก่อนที่เขาจะรีบออกไป

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้สร้างความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ในโรงเรียน,โรงเรียนได้พยายามทำงานร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤติไปสู่ความสัมพันธ์และชื่อเสียงของโรงเรียน, มิเช่นนั้นโรงเรียนจะถูกผลักลงไปยังหลุมลึก,สิ่งนี้จะส่งผลต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของโรงเรียนและการลงทะเบียนเรียนในปีหน้าอย่างมาก

“นายเนี้ยไม่เคยทำให้คนอื่นหายกังวลได้เลยทั้งหายไปเป็นเวลาสิบวันหรือครึ่งเดือนหรือสร้างเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี่,นายคิดว่าหัวใจครูไม่ใหญ่พอหรือ? ”

ฮั่นชิงหวูเป็นคนเดียวที่ยังอยู่หลังจากครูและผู้นำของโรงเรียนทั้งหมดไปแล้ว

เธอวางแผนที่จะตำหนิและวิจารณ์ถังซิ่วอย่างรุนแรงหลังจากที่เขากลับมาเพื่อบอกว่าเธอนั้นมีอำนาจ,แต่หลังจากได้เห็นนักเรียน 2 คนในชั้นเรียนเกือบจะถูกทิ้งลงไปในประตูนรก,ฉากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นมานานกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาพุ่งออกมาจากจิตใจของเธอ

ระลึกถึงฉากนี้มานานกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาเมื่อถังซิ่วดึงเธอกลับมาจากประตูนรก,ความอัดอั้นที่อยากจะด่าถังซิ่วในใจของเธอก็ระเหยทันที,ดวงตาของเธอแสดงออกถึงความอ่อนโยนและความเป็นห่วงขณะที่เธอมองไปที่ถังซิ่ว

ฉากจากปีที่แล้วและฉากของวันนี้ค่อนข้างคล้ายกัน,ความกล้าหาญในการทำอะไรบางอย่างโดยไม่ต้องการบางสิ่งกลับคืนมา,การเสียสละตัวเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น … ทุกอย่างก็เหมือนกัน

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือวันนี้ถังซิ่วโชคดีกว่าปีที่ผ่านมา, ตอนนี้เขาสบายดีและไม่มีอาการบาดเจ็บ

“ครูฮั่นผมเสียใจจริงๆผมรู้ว่าสร้างปัญหามากมายให้กับคุณในช่วงนี้ ”

รู้สึกถึงความรู้เดือดดาลจากฮั่นชิงหวู,ดวงตาของถังซิ่วขยับและกลิ้งไปมาอย่างรวดเร็วจากนั้นเขาก็ตอบด้วยเสียงนุ่มๆ

“ไม่เป็นไร,นายทำตัวได้ดีในวันนี้ฉันภูมิใจในตัวนายมากครั้งต่อไปที่นายพบเจอกับสิ่งเหล่านี้อย่าลืมปกป้องตัวเองก่อนนายต้องไม่ทำร้ายตัวเอง ”

การแสดงออกของความรู้สึกนิ่มนวลโผล่ขึ้นมาใบหน้าของฮั่นชิงหวูเมื่อเธอเห็นการแสดงออกที่ขี้อายจากใบหน้าของถังซิ่วจำได้ว่าถังซิ่วได้จูบเธอไว้ก่อนหน้านี้ที่ห้องทำงานของเธอ,เธอรู้สึกว่าความรู้สึกไม่พอใจมากมายภายในใจเธอได้หมดไป

ขณะที่ฮั่นชิงหวูกำลังคุยกับถังซิ่ว,โต๊ะในห้องเรียนได้กลับสู่สภาพเดิมแล้วนอกเหนือจากคราบเลือดในทางเดินและขยะแล้วมันก็เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในห้องเรียน

อย่างไรก็ตามบรรยากาศที่เงียบสงบและแปลกประหลาดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศนี้ในห้องเรียนทำให้พวกเขาระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้

ฮั่นชิงหวูได้คุยกับถังซิ่วเสร็จแล้วก็ไปที่แท่นโพเดียม

“นักเรียน,ฉันที่เป็นครูของพวกเธอเสียใจมากเกี่ยวกับอุบัติเหตุวันนี้ ฉันคิดว่าเราเศร้าและกระวนกระวายเหมือนๆกัน,โชคดีที่ถังซิ่วและหยวนชูหลิงพยายามช่วยอย่างกล้าหาญและในที่สุดก็หลีกเลี่ยงความหายนะในช่วงเวลาที่วิกฤตินี้ได้วันนี้ขอเสียงปรบมือที่อบอุ่นของเราเพื่อขอบคุณเขาทั้งคู่ ”

“…”

ฮั่นชิงหวูเป็นเหมือนราชินีที่ยืนอยู่บนรถรบของราชวงศ์ขณะที่เธอพูดด้วยกลิ่นอายเต็มไปด้วยความสง่างามที่ดูกล้าหาญและน่าเกรงขาม

เสียงและคำพูดของเธอดูเหมือนจะมีเสน่ห์มหัศจรรย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ช้านักเรียนในห้องได้เปลี่ยนหลักการและอุดมการณ์

ฮั่นชิงหวูกำลังเล่าเรื่องราวจากการย้อนหลังย้อนหลังอันเก่าแก่จากวีรบุรุษผู้กล้าหาญของยุคความสับสนวุ่นวายของราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่นไปสู่การปฏิวัติที่เสียสละในสมัยปัจจุบัน เธอยังเล่าถึงความกล้าหาญของถังซิ่วเมื่อปีที่แล้ว,บอกนักเรียนเกี่ยวกับวิธีการที่เขารีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อช่วยเธอจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และท้ายที่สุดแล้วสรุปข้อสรุปสำหรับเหตุการณ์ในวันนี้

ภายใต้การเล่าเรื่องของเธอ,ถังซิ่วและหยวนชูหลิงได้เปลี่ยนเป็นเฮอร์คิวลิสซึ่งสามารถยกหม้อยักษ์เก้าอันขึ้นมาได้อย่างกล้าหาญ,ที่สุดของเหล่านักรบ,การที่พวกเขาหัวเราะนักรบที่ช่วยเหลือพวกเขาออกจากประตูนรกได้นั้นทำให้จิตใจของนักเรียนในห้องเริ่มเปลี่ยนไป

นักเรียนห้องสิบรู้จักถังซิ่วหลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์,พวกเขาไม่รู้ว่าถังซิ่วประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างไร

แต่เมื่อรู้ว่าถังซิ่วโดนรถชนเพื่อช่วยฮั่นชิงหวู, วิสัยทัศน์ของนักเรียนในห้องสิบที่มีต่อถังซิ่วเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ถ้าเฉิงเยี่ยนหนานสามารถกล่าวได้ว่าเป็นเป้าหมายสำหรับความชอบของนักศึกษาชายส่วนใหญ่แล้ว,ฮั่นชิงหวูก็เป็นเทพธิดาที่นักเรียนทุกคนเคารพบูชา

ไม่ว่าจะเป็นร่างรูปลักษณ์หรือบุคลิกภาพของฮั่นชิงหวู,เธอต่างจากเฉิงเยี่ยนหนานเหมือนคนละโลก,กลิ่นอายที่เธอเปล่งออกมานั้นเฉิงเยี่ยนหนานไม่สามารถเทียบได้

ฮั่นชิงหวูได้เปลี่ยนความสนใจของนักเรียนจากเหตุการณ์นักเลงไปยังถังซิ่วทันทีเมื่อเธอเตือนนักเรียนซ้ำๆว่าปัญหาที่เกิดในโรงเรียนในวันนี้ไม่สามารถเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกได้ทุกคนก็ตอบกับเธออย่างพร้อมเพรียง