…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ซางดี่ขวินมากับคนของเธออย่างมีชีวิตชีวา ทว่าพวกเขาต้องกลับพร้อมความผิดหวัง

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าหมู่บ้านเขาล้อมนั้นตรงอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขาแล้ว ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากที่เจี่ยหลุยเดาได้รับเชิญไปเล่นการพนัน ไม่มีใครคิดว่าซางดี่ขวิงจะพ่ายแพ้ ขณะที่บางคนเชื่อว่าเรื่องนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดขึ้น ตัวของซางดี่ขวินเองก็มีความมั่นใจที่จะชนะอย่างแน่นอน

ด้วยความคิดเห็นของสาธารณชนและการสนับสนุนอย่างเต็มที่ นำโดยตระกูล ซาง นั้นมีข้อได้เปรียบกว่าแน่นอน ส่วนตระกูลหลง ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆที่มืดมนที่พร้อมจะกลั่นตัวและสร้างฝนแห่งน้ำตา

แต่ซางดี่ขวินไม่เคยคิดเคยฝันว่าเธอจะแพ้การพนันครั้งนี้และจะแพ้อย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้เช่นนี้

“น้องชาย ถัง เรารู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริง ถ้าไม่ใช่เพราะนายในเวลานี้, ตระกูล หลง ของเราคงต้องล่มสลาย นอกจากนี้ เราจะต้องตกลงไปในหุบเหวลึกจริงๆ ”

เมื่อซางดี่ขวิน ได้เดินทางไปกับคนของเธอแล้ว ความรู้สึกสงบที่ปรากฏบนใบหน้าของหลงเซ้งหยู ก็ได้หายไปและแทนที่ด้วยความตื่นเต้นและความปิติยินดี ,เขาคว้ามือของถังซิ่วและส่ายมันอย่างแรง

หลังจากที่ได้ดูการพนันที่น่าตื่นเต้นและปั่นป่วนแล้วหลงเซ้งหยู ก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของเขาได้ ในขณะที่กล้ามเนื้อใบหน้าของเขากระตุกและดูเหมือนจะรู้สึกไม่ค่อยดีเล็กน้อย

“พี่ชาย หลง มันไม่เป็นไรหรอก แต่ฉันต้องบอกความจริงก่อนว่าเหตุผลที่ฉันมาช่วยนั้นเพราะว่าฉันมีบางสิ่งจะเรียกร้อง ”

หลังจากที่คิดไปชั่วขณะหนึ่งถังซิ่วพูดออกมาเบา ๆ

“อา, นายต้องการเท่าไหร่ดีหละ ? นายรู้หรือไม่ว่าสิทธิในการพัฒนาหมู่บ้านเขาล้อมนั้นมีค่าเท่าไร ? นายรู้หรือไม่ว่าค่าส่วนแบ่งหุ้น 10% ของย่านการค้าสกายลายคืออะไร? พวกมันมีมูลค่าหลายพันล้านหยวน นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่แม้แต่เงินก็ไม่สามารถซื้อได้ … ”

เมื่อถังซิ่วเพิ่งพูดเสร็จหลงเซ้งหยูส่ายหัว

เมื่อได้ยินคำตอบของหลงเซ้งหยู ,ถังซิ่วถึงกับตะลึง

ถ้าไม่ใช่เพราะ หลงเซ้งหยูได้ผ่านการต่อสู้ไปมากับซางดี่ขวินและประสบความสำเร็จในที่สุด ถังซิ่วสงสัยว่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้เปิดปากเพื่อระบุความต้องการของเขา, หลงเซ้งหยูก็จะเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับหมู่บ้านเขาล้อม และมูลค่าของย่านการค้าสกายลาย, นี้ไม่ใช่การบอกกับถังซิ่วว่า, ให้เรียกราคาค่าจ้างเขามาเล่นพนันเท่าไหร่ก็ได้เลยงั้นหรอ?

โชคดีที่ถังซิ่ว เคยอาศัยมากว่า 10,000 ปีในดินแดนแห่งนิรันดร์  เขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลานานแล้วที่จะสงบสติอารมณ์ ดังนั้นแม้ว่าหลงเซ้งหยูจะคุยโวเรื่องมูลค่าของ หมู่บ้านเขาล้อมและย่านการค้าสกายลายของเขาอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้และไม่มีความคิดที่โลภ

“น้องชาย ถัง , ฉันรู้ว่าฉันเสนอ 1 ล้านหยวนก่อนให้นายก่อนหน้านี้ เป็นเพราะว่าฉันไม่ต้องการเสียความหวังในการสรรหาผู้เชี่ยวชาญด้านการพนัน เพราะฉันรู้ว่าเมื่อเจี่ยหลุยเดาเอ่ยปากว่าจะช่วยซางดี่ขวิน, แม้ว่าฉันจะเสนอรางวัลที่สูงกว่า แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะช่วยฉัน และตามความเป็นจริง 1 ล้านหยวนนั้นไม่เพียงพอสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการพนัน ”

“นายรู้ไหมว่าเจี่ยหลุยเดา ขอเงินจากซางดี่ขวิน เท่าไหร่? มันเป็นเงิน 5 ล้านหยวน! ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้เขาจะได้รับเงิน 5 ล้านหยวนและไม่มีที่สิทธิในการต่อรอง, คราวนี้ซางดี่ขวิน ต้องสูญเสียไปถึงสองเด้งหลังจากที่แพ้อย่างน่าสังเวชอย่างแท้จริง ”

“น้องชาย ถัง ตั้งแต่ที่นายได้เอาชนะเจี่ยหลุยเดาแล้ว, เงินรางวัลของนายจะต้องไม่ต่ำกว่าของเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจะจ่ายเช็คให้นาย 5 ล้านหยวน สำหรับเงื่อนไขอื่นๆ ตราบเท่าที่เราตระกูล สามารถหามาได้นั้น เราจะเติมเต็มความต้องการของนาย ”

ถังซิ่วไม่ได้พูดอะไรแต่หลงเซ้งหยู ได้เสนอให้รางวัลให้เขาเอง และเขาบอกว่าจะเติมเต็มความต้องการให้เขาด้วย

เมื่อได้เห็นจิตวิญญาณที่กล้าหาญของหลงเซ้งหยู ,จิตใจของถังซิ่วได้นึกถึงความทรงจำจากดินแดนแห่งนิรันดร์

“พี่ชาย หลง คุณไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนี้ ฉันจะยอมรับรางวัล 1 ล้าน ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น แต่ฉันต้องการที่ดินบนเนินเขาที่หมู่บ้านเขาล้อม”

ถังซิ่วมองไปที่หลงเซ้งหยูสักครู่ ขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงลึกๆ ว่า

” ฉันไม่ต้องการที่ดินมากเกินไป 1,000 ตารางเมตร ก็เพียงพอแล้ว ”

“ทำไมน้องชาย ถัง จึงต้องการที่ดินในหมู่บ้านเขาล้อม ?”

หลงเซ้งหยูดูเหมือนจะไม่ได้ฝันว่าถังซิ่ว จะขอร้องเรื่องดังกล่าว เขาไม่สามารถที่จะไม่ตกใจได้ เพราะเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าถังซิ่วจะใช้ที่ดินในหมู่บ้านเขาล้อมเพราะเหตุใด

“น้องชายถัง จะเป็นอะไรไหมถ้าจะบอกฉันว่านายจะเอาที่ดินนั้นไปทำอะไร ? ”

“ในอีกฟากหนึ่งของหมู่บ้านเขาล้อมคือสันเขาหยูเซ่าบ้านเกิดของฉัน ฉันเห็นมันได้จากยอดเขาของหมู่บ้านเขาล้อม ถ้าฉันสร้างคฤหาสน์ที่นั่น แม่ของฉันจะต้องมีความสุขมาก ”

ถังซิ่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง, เขาไม่ได้กล่าวถึงเรื่องเส้นชีพจรวิญญาณและกุเรื่องขึ้นมา

แต่คำพูดของถังซิ่ว ไม่ได้เป็นเรื่องโกหกจริงๆ เพราะเขารู้ว่าแม่ของเขามาที่เมืองสตาร์ซิตี้เพื่อตามมาดูแลเขาและในความเป็นจริงแล้วเธอเองก็คิดถึงบ้าน แม้ว่าสันเขาหยูเซ่าค่อนข้างไกล แต่เนื่องจากความสูงของเขาในหมู่บ้านเขาล้อม เธอสามารถมองเห็นภาพสันเขาหยูเซ่าจากบนยอดเขาได้ทั้งหมด

“อ๊า น้องชาย ถัง แท้จริงแล้วต้องการสร้างคฤหาสน์นี่เอง เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของห้องอาหารหลง เอง เราจะช่วยนายในการสร้างคฤหาสน์ที่ดีที่นั่นเพื่อให้นายสามารถตอบสนองความต้องการของแม่นายได้ ”

หลังจากฟังคำพูดของถังซิ่ว ,หลงเซ้งหยูรู้สึกโล่งใจ

เนื่องจากหมู่บ้านเขาล้อมเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับหลงเซ้งหยู ,ปัญหาเกี่ยวกับ ย่านการค้าสกายลายนั้นเป็นบทเรียนที่ลึกซึ้งเกินไปสำหรับเขา ดังนั้นเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านเขาล้อม, เขาวางแผนว่าที่นี้จะต้องได้รับการวางแผนอย่างเต็มที่และดำเนินการโดย ตระกูลหลง, และด้วยทุนของตระกูลหลง ในตอนนี้ ,พวกเขามีทุนเพื่อการวางแผนโดยรวมทั้งหมด

ถ้าถังซิ่วเปิดโครงการอื่นในบริเวณนี้และขัดแย้งกับการวางแผนของตระกูลหลง แล้วหลงเซ้งหยูจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากและกระอักกระอ่วน แต่เนื่องจากคำขอของถังซิ่วไม่ได้ขัดแย้งกัน เขาจะพยายามทำให้สำเร็จเพราะเขาได้รับสิทธิในการพัฒนาของหมู่บ้านนั่นแล้ว หลงเซ้งหยู รู้สึกผ่อนคลายลงเนื่องจากคำขอของถังซิ่ว นั้นไม่ได้มีขัดแย้งกับแผนงานของ ห้องอาหารหลง

เมื่อได้ยินคำพูดของหลงเซ้งหยู ที่ตอบรับคำขอของเขา, ถังซิ่วก็รู้สึกมีความสุข

หลงเซ้งหยูและหลงเซ้งหลินนำถังซิ่วไปเยี่ยมชมห้องอาหารหลง , หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พวกเขาก็ไปที่หมู่บ้านเขาล้อม

พี่น้องหลงได้พาถังซิ่วไปพร้อมกับสถาปนิกและมุ่งหน้าตรงไปยังหมู่บ้านเขาล้อม

หลังจากเดินทางมาถึงยอดเขา , ถังซิ่วมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ที่เขาพบเส้นชีพจรวิญญาณ และบอกพวกเขาว่านี่เป็นสถานที่ที่เขาต้องการ

หลงเซ้งหยูและหลงเซ้งหลิน ยืนอยู่บนยอดเขา, เมื่อมองไปที่ทิศทางของสันเขาหยูเซ่า พวกเขายังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของสันเขาหยูเซ่าได้อย่างรวดเร็วและจากนั้นก็เชื่อเหตุผลของถังซิ่วโดยสมบูรณ์

ถึงแม้ว่าพืชพันธุ์ที่อยู่รอบๆเส้นชีพจรวิญญาณจะมีชีวิตชีวาแต่พี่น้องหลงกลับไม่พบความพิเศษใดๆ เนื่องจากหมู่บ้านเขาล้อม เดิมทีเป็นป่าดึกดำบรรพ์ แม้ว่าสถานที่ของเส้นชีพจรวิญญาณบนยอดเขาเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ที่เขียวขจี แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกถึงความพิเศษอะไร

“น้องชาย ถัง , ฉันได้สำรวจหมู่บ้านเชาล้อม นี้มามากกว่า 10 ครั้งแล้ว และก็ผ่านเนินเขานี้ไป 2-3 ครั้ง แต่ฉันไม่เคยพบสถานที่ที่ดีขนาดนี้ จนถึงตอนที่นายเลือกมันขึ้นมา, ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนว่า สถานที่นี้เป็นจุดที่สวยงามที่สุดบนเนินเขานี้? ”

หลงเซ้งหยู ถอนสายตาและมองไปที่ถังซิ่วในขณะที่พูดหยอกล้อเขา

เมื่อถังซิ่ว ได้ยินคำพูดของเขา ตาเขาหดลงก่อนที่เขาจะยิ้มและตอบว่า

“ไม่ใช่ว่าโบราณกล่าวว่า เราควรจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดต่อชีวิตเรา ถูกไหม ?”

“คำพูดของน้องชาย ถัง เป็นความจริง นี้เป็นความใจแคบของฉันเอง ”

หลงเซ้งหยูไม่สามารถช่วยได้นอกจากหัวเราะหลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของถังซิ่ว , เขาไม่ได้กดดันมากขึ้นและปล่อยให้สถาปนิกเริ่มต้นในการวัดที่ดินและวาดแบบแปลนบ้าน

เมื่อหลงเซ้งหยูถามว่าถังซิ่วว่าเขาต้องการสร้างสนามบ้านแบบไหน, ภาพของคฤหาสน์อวยพรแห่งนิรันดร์ในดินแดนแห่งนิรันดร์ได้แว๊บเข้ามาในหัวเขา

ถังซิ่วยิ่งดินสอในมือของสถาปนิกและเริ่มวาดบนกระดาษ A4

ตอนแรกสถาปนิกไม่เห็นด้วยเนื่องจากเขาคิดว่านักเรียนระดับมัธยมศึกษานั้นไม่สามารถเข้าใจเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมและยังไม่สามารถวาดสิ่งที่ดีออกมาได้

แต่เมื่อเค้าโครงของอาคารถูกเน้นอย่างช้าๆบนกระดาษ ตาของสถาปนิกก็เบิกกว้าง เป็นเพราะภาพเขียนของถังซิ่วมีความงดงามกว่าของเขาเองหลายเท่า เส้นที่อ่อนโยนและสวยงามที่ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกวาดออกมาด้วยดินสอ แต่วาดออกด้วยเครื่องมือวาดภาพจากคอมพิวเตอร์

นอกจากนี้ การออกแบบของถังซิ่วยังให้ความรู้สึกที่สถาปนิกไม่สามารถบรรยายได้ มันเป็นบรรยากาศของความหรูหราสง่างามและความรู้สึกลึกลับและมีจิตวิญญาณที่มองไม่เห็นเหมือนดั่งว่าภาพวาดนั้นมีชีวิต

ตอนแรกหลงเซ้งหยูและหลงเซ้งหลินคิดว่าที่ถังซิ่วได้วาดแปลนคฤหาสน์ของตัวเองอย่างระมัดระวังดังนั้นเขาจึงคว้ากระดาษออกแบบจากสถาปนิก, พวกเขาไม่คิดว่าถังซิ่วจะสามารถวาดสิ่งดีๆมากมายได้

อย่างไรก็ตามเมื่อพี่น้องหลง เห็นว่าสถาปนิกหลายคนดูเหมือนจะตกใจกับการออกแบบของถังซิ่ว ,พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากมองดูภาพวาดนั่น

ปฏิกิริยาของพี่น้องตระกูลหลง ก็เหมือนกับสถาปนิก พวกเขาประหลาดใจแม้แต่ดวงตาของพวกเขาก็ถล่นออกมา

“พี่ชาย นายเป็นพี่ชายของฉัน ไม่ใช่แค่ทักษะการเล่นการพนันของนายจะน่าอัศจรรย์ แต่ทักษะการวาดภาพของนายก็เป็นสิ่งที่สุดยอดเช่นกัน นาย … นายไม่คิดว่ากำลังทำให้ชีวิตของคนอื่นรู้สึกด้อยกว่าบ้าง ? ”

หลงเซ้งหลินปล่อยเสียงคำรามที่น่าสังเวชเมื่อดวงตาของเขาแสดงความประหลาดใจและเทิดทูนต่อถังซิ่ว

“สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ผู้คนควรมีชีวิตอยู่ แต่ทำไมฉันรู้สึกว่ามันเหมือนกับพระราชวังสวรรค์ ? บรรยากาศอันสง่างาม ความรู้สึกอันบริสุทธิ์และสิ่งอำนวยความสะดวกทางจิตใจ ราวกับว่ามันผสานเข้ากับหมู่บ้านเขาล้อม, นี่เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวกับเนินเขาอย่างแท้จริง ”

หลังจากดูอย่างระมัดระวังหลงเซ้งหยูไม่สามารถช่วยได้นอกจากร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

“น้องชาย ถัง ฉันมีคำขอร้อง ฉันไม่ทราบว่านายสามารถตกลงมันได้หรือไม่ ? ”

หลังจากที่คิดไปชั่วระยะหนึ่งหลงเซ้งหยูมองไปที่ถังซิ่ว ด้วยความคาดหวังบางอย่างในขณะที่เขาถามด้วยความกระวนกระวายใจ

“พี่ชาย หลง , การทดสอบการเข้าวิทยาลัยของฉันกำลังใกล้เข้ามา ดังนั้นฉันไม่มีเวลามากพอที่จะทำสิ่งอื่นๆ ”

แม้ว่าหลงเซ้งหยู จะยังไม่ได้พูดคำขอของเขา แต่ถังซิ่วก็สามารถคาดเดาความตั้งใจของเขาได้อย่างมั่นใจ, เขาตอบด้วยรอยยิ้มและส่ายหัว

“อา ฉันรู้น้องชายจะปฏิเสธฉัน”

หลงเซ้งหยูรู้สึกไม่สามารถช่วยได้ เขาได้แต่ถอนหายใจเมื่อได้ยิน แต่ถึงกระนั้นเขาก็รีบผ่อนคลายและพูดว่า

“อย่างไรก็ตามการพัฒนาหมู่บ้านเขาล้อมนี้ ทั้งหมดจะใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี การออกแบบแปลนต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็เป็นปี อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถของ น้องชาย ถัง จะทำให้เวลาที่จะเสียไปนั้นสั่นลง

หลงเซ้งหยูไม่โกรธเพราะการปฏิเสธของถังซิ่วแต่เข้าใจถึงทางเลือกของเขา

เดิมทีถังซิ่วต้องการที่ดินรอบๆเส้นชีพจรวิญญาณนี้เป็นศูนย์กลางแต่เขาได้ออกแบบคฤหาสน์อวยพรแห่งนิรันดร์อย่างสวยงามเกินไป, ดังนั้นจึงทำให้หลงเซ้งหยูเกิดความรู้สึกตื่นเต้นและเขาต้องการให้ออกแบบโดยใช้พื้นที่ทั้งหมดบนเนินเขานี้ ดังนั้นจาก 1000 ตารางเมตรที่ถังซิ่ว ต้องการ มันจะกลายเป็น 5000 ตารางเมตรแทน