“ ในครั้งนี้ คุณชายเช่นข้าจะส่งเจ้าส่งเส้นทางแห่งความตายด้วยตนเอง “

 

ม่อฝานหลงจ้องมองเยี่ยจงด้วยความเยือกเย็น จากนั้นมือของเขาก็ขยับคราหนึ่ง หอกกระดูกขาวก็ได้ปรากฏออกมายังใจกลางมือ เขาใช้ออกมาด้วยหอกกระดูกในทันที พุ่งตรงเข้าไปยังบริเวณจุดที่เยี่ยจงอยู่

 

“ ชี่ “

 

อากาศโดยรอบในตอนนี้ราวกับถูกฉีกกระชาก หอกกระสีขาวด้ามนี้ราวกับได้แปรเปลี่ยนได้เงาสายสีขาวก็มิปาน ทันใดนั้นก็ได้แทงออกไป รวดเร็วปานสายฟ้าพุ่งเข้าจนบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เกิดระเบิดขึ้นมา

 

และการโจมตีอันนี้หวาดกลัวเช่นนี้ ทำให้ผู้คนไม่น้อยที่เห็นต้องเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง พลังฝีมือนี้ของม่อฝานหลงก็ช่างโหดเหี้ยมอำมหิต อีกทั้งในตอนนี้การโจมตียังถูกใช้ออกด้วยศาสตราวุธระดับล่างด้วย พลังทำลายล้างถือว่าอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัว

 

จากที่เห็นม่อฝานหลงลงมือ เยี่ยจงก็ยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา จากนั้นเขาก็กำมือขวาไว้แน่น พลังภายในกระบี่หกสุสานได้ถูกหมุนวนในทันที หลังจากนั้นเขาก็ร้องเสียงดังเฮ้อออกมาพร้อมกัน หนึ่งกำปั้นเข้าปะทะในทันที

 

“ เปรี้ยง “

 

เยี่ยจงตอนนี้ยังคงกำหมัดไว้แน่น วินาทีนั้นก็ได้รวบรวมกำลังภายในออกมาทั้งหมดออกมา จนทำให้กำปั้นนี้ของเขาอัดแน่นไปด้วยพลังที่ไม่มีทางที่จะกลับคืนได้

 

“ ก๊ง “

 

วินาทีต่อมา พลังหมัดของเยี่ยจงก็เข้าปะทะเข้าบนตัวหอกอย่างหนักคราหนึ่ง ทำให้เบนการโจมตีนี้ของม่อฝานหลงไปได้ ถ้าเขาเคลื่อนไหวผิดพลาดเพียงครั้งเดียว หากว่าก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า ก็จะเข้าสู่วงโจมตีของม่อฝานหลง

 

ในฉากเช่นนี้ อาจจะทำให้ทั่วทั้งสี่ด้านเกิดอาการตื่นตกใจจนร้องออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าคงจะคิดไม่ถึง การลงมือของทั้งสองคนนั้นมีอยู่หลายส่วนที่ใช้ออกมาด้วยกำลังภายในแล้ว การลงมือเมื่อครู่ ถือได้ว่าเตรียมพร้อมที่จะลงมือต่อคู่ต่อสู้อย่างโหดเหี้ยม

 

และสิ่งที่ยิ่งทำให้ยอดฝีมือทั้งสี่ทิศตกใจที่สุดก็คือ ระดับพลังฝีมือของเยี่ยจงนั้นมันเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้มากมาย ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เขาคงจะใช้มือเปล่าปัดการโจมตีของม่อฝานหลงไม่ได้เป็นที่แน่นอน

 

“ หาที่ตาย “

 

ม่อฝานหลงเห็นว่าเยี่ยจงใช้เพียงหมัดเดียวก็ปัดการโจมตีจองตนเองไปได้ เขาก็ค่อยๆหรี่ตามองดู แต่ทว่าฝีปากยังคงส่งเสียงดังเฮอะออกมา จากนั้นเขาก็ถูฝ่ามือไปมา จากนั้นนิ้วมือก็เต็มไปด้วยสีขาวใสขึ้นมาในทันที

 

“ ฝ่ามือบดกระดูก “

 

“ ชี่ “

 

เขาร้องเฮ้อออกมาเบาๆ ฝ่ามือของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีขาวสนิท ให้ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวอย่างขีดสุดแบบหนึ่ง มุ่งตรงเข้าหาบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ ฝ่ามือนี้ก็สามารถนับได้ว่าเป็นการโจมตีที่มีพลังอยู่มากมาย เห็นได้ชัดว่าน่ากลัวอย่างมากมาย

 

เมื่อเห็นฉากเบื้องหน้า ร่างกายของเยี่ยจงก็ขยับออกไปตามสัญชาติญาณ จากนั้นก็พบว่าเขากุมมือขวาเอาไว้ พลังสี่ขั้นของตราประทับกระบี่อาชูร่าก็ปกคลุมไว้ทั่วบริเวณฝ่ามือ เพิ่มพลังไปจนกระทั่งถึงข้อต่อ

 

หลังจากนั้น เยี่ยจงก็ใช้ออกด้วยมือขวาคราหนึ่ง พลังฝ่ามือสายหนึ่งที่ไม่แสดงถึงสิ่งใดๆก็พุ่งเข้าปะทะกับการโจมตีของม่อฝานหลง

 

“ ก๊ง “

 

เสียงระเบิดเล็กแหลมดังออกมาจนแทบจะทำให้แก้วหูแทบแตกได้ ฝ่ามือของทั้งสองพอเข้าปะทะกัน หนังตาสั่นกระตุกขึ้นมาอย่างช้าๆในทันที ร่างของทั้งสองคนต่างก็สะท้านโดยพร้อมเพรียงกัน ถอยรนออกมาอยู่หลายก้าว

 

ในครั้งนี้ นัยน์ตาของม่อฝานหลงก็ปกคลุมไปด้วยอาการตกใจอย่างมิอาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้ เยี่ยจงผู้นี้กระทั่งสามารถรับพลังการโจมตีของเขาเอาไว้ได้ ? พลังฝีมือของเด็กน้อยนี้ หากเทียบกับช่วงที่พบกันคราก่อนนั้น สมควรเรียกได้ว่าร้ายกาจขึ้นอย่างมากมายแล้ว

 

เพียงแต่ว่า เยี่ยจงมิได้ให้เวลาม่อฝานหลงใคร่ครวญนานจนเกินไป ในระหว่างที่ร่วงหล่นลงสู่พื้น เขาก็วาดเท้าออกไป กวาดออกด้วยมือขวา กระบี่คงหมิงก็ปราฏออกมาอยู่บริเวณใจกลางฝ่ามือ ราวกับไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย กระบี่คงหมิงในมือเยี่ยจงก็ทอประกาย แสงสว่างจากกระบี่ทอประกายแวววาบออกมาในทันที ในตอนที่กระบี่ทอแสงอยู่ พื้นที่อยู่ด้านหน้าก็ราวกับแตกเป็นรอยร้าวออกมาเป็นแนว

 

“ ศาสตราวุธระดับสูง ? “

 

ม่อฝานหลงรู้สึกว่ากระบวนท่านี้ของเยี่ยจงเก็บแฝงไว้ด้วยพลังอำนาจ สีหน้าทอแววดุร้าย ทันใดนั้นก็มองออกว่ากระบี่คงหมิงที่อยู่ในมือของเยี่ยจงนั้นเป็นศาสตราวุธระดับสูง ระดับการโจมตีเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นเขาเองก็ยังต้องรู้สึกตกตะลึงอยู่หลายส่วน แน่นอนว่า เขาก็คงคิดไม่ถึง เยี่ยจงจะมีความโชคดีได้ถึงขนาดนี้ สามารถที่จะได้รับศาสตราวุธระดับสูงในอารามก่อฟ้าแห่งนี้ ต้องทราบว่า ต่อให้ม่อฝานหลงจะทราบเกี่ยวกับเรื่องราวของอารามก่อรามฟ้าอยู่ส่วนหนึ่ง ก็มิอาจที่จะได้รับศาสตราวุธระดับสูงมาอยู่ในมือ และเยี่ยจงผู้อ่อนแอผู้นี้กลับได้รับศาสตราวุธระดับสูงงั้นหรือ ?

 

ความตกตะลึงและความโกรธแค้นปรากฏออกมาอยู่บนแววตาของม่อฝานหลง แทบจะร้องตะโกนออกมาดังๆคราหนึ่ง เลือดลมในร่างพลุ่งพล่านขึ้นมา กระดูกที่มีรอยโผล่ขึ้นราวกับเม็ดถั่วถูกบีบจะมีเสียงดังออกมา จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าไปด้านหน้า ในเมื่อตัดสินใจที่จะไม่ถอยหนีแล้ว ขอเพียงแค่กระบวนท่าเดียวในการจัดการกับกระบี่ของเยี่ยจงก็พอแล้ว

 

“ หมัดกระดูกขาวถล่มขุนเขา “

 

เพลงหมัดพอถูกใช้ออก แสงสีขาวลึกล้ำทอแสงปกคลุมเต็มฝ่ามือของม่อฝานหลง จนทำให้หมัดของเขาอยู่ในชั้นของกระดูกก็มิปาน และหลังจากนั้นก็ได้ส่งคลื่นเสียงแทรกมาพร้อมกับบรรยากาศ เห็นได้ชัดว่า วิชาพลังยุทธ์ที่ม่อฝานหลงฝึกฝนมานั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

 

“ ก๊ง “

 

ในเวลาต่อมา พลังการโจมตีของทั้งสองก็ได้ปะทะเข้าหากันอย่างดุดัน แต่ว่าในทันใดนั้นเองพลังการโจมตีก็มีความแตกต่างออกมา ราวกับพลังของกระบี่ระเบิดออกแยกพลังออกมา และในตอนนั้นใบหน้าของม่อฝานหลงก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด และจากนั้นก็ปรากฏรอยลิปสีแดง ในเวลานั้นเขาก็ได้พ่นเลือดคำหนึ่งออกมาอย่างดุดัน ทันใดนั้นก็ลอยถอยกายออกไปในทันที

 

ในมือเยี่ยจงในตอนนี้ถือครองไว้ด้วยศาสตราวุธระดับสูง แน่นอนว่าเขาก็ยังมิอาจใช้ความสามารถที่แท้จริงของกระบี่ออกมาได้ แต่ว่าแค่ประกายของกระบี่ ก็ถือได้ว่ามีพลังมากมายมหาศาลยากที่จะคาดเดาไว้ได้ ในสถานการณ์เช่นนี้หากม่อฝานหลงต้องการที่จะออมพลังฝีมือเอาไว้ ยังไม่แพ้ได้อีกหรือ ?

 

“ เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วยังจะมัวเก็บงำอันใดไว้อีก ถ้าหากว่าตายแล้วละก็ จะมาโทษข้าก็ไม่ได้แล้วนะ “

 

เยี่ยจงส่งสายตามองเย็นเยียบ และหลังจากนั้นกระบี่คงหมิงในมือก็ค่อยๆทอประกายขึ้น ประกายคมกระบี่ถูกแผ่ออกมา

 

“ กระบี่มิหวนกลับ “

 

การโจมตีที่ดูธรรมดาสามัญของทักษะยุทธ์ระดับต่ำถูกใช้ออกมาในทันที แต่ว่าก็ราวกับหลอมรวมเข้ากับกระบี่ได้เป็นอย่างดี แรงกระแทกรุนแรงเหลือคณาถูกกวาดพุ่งเข้าหาบริเวณที่ม่อฝานหลงอยู่

 

ยอดฝีมือทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านจ้องมองไปยังการโจมตีครานี้ มีผู้คนไม่น้อยที่แสดงอาการตกใจขึ้นมา เพลงกระบี่นี้ต่อให้เป็นผู้ที่มีพลังฝีมือขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้าก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะต้านทานไว้ได้ ?

 

“ เชอะ “

 

ที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือ คนเหล่านี้ของตระกูลม่อต่างก็จดจ่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า แต่ไม่มีผู้ใดที่ตัดสินใจที่จะลงมือแต่อย่างไร

 

“ ติ้ง “

 

และช่วงเวลาที่การโจมตีนี้ของเยี่ยจงได้ไปถึงร่างของม่อฝานหลง สีหน้าของม่อฝานหลงก็ได้เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบในทันที และหลังจากนั้นก็พบว่าเขาใช้ออกพลังดัชนี ทันทีทันใดนั้นก็มันพลังแรงลมอันน่าหวาดกลัวอย่างสุดขีดปรากฏออกมา จนกระทั่งลบการโจมตีของเยี่ยจงหายไปได้ในที่สุด

 

“ อะไรกัน ? “

 

สายตามากมายมองไปยังฉากเบื้องหน้า แต่ละคนต่างก็เล็ดลอดเสียงต่างๆออกมา ในขณะเดียวกัน ม่อฝานหลงยังคงร่อนอยู่บนอากาศ แต่ว่าในตอนนี้ เขาถือว่าได้รับชัยชนะแล้วหรือ ?

 

“ พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่หก “

 

การโจมตีของเยี่ยจงถูกขัดขวางไว้ได้ แต่ว่าใบหน้าของเขานั้นก็มิได้แสดงอาการตื่นตกใจแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นมีแต่เพียงรังสีเย็นเยียบออกมา และจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาคำหนึ่ง น้ำเสียงกลางๆถูกพูดออกมาให้ได้ยินทั่วทั้งลาน “ พลังฝีมือที่อยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่หก ที่ซ่อนเร้นเอาไว้มาจนถึงตอนนี้ ม่อฝานหลง ต้องปกปิดด้วยงั้นหรือ ตอนนี้ทั่วทั้งลานพลังฝีมือที่สูงที่สุดคงจะเป็นท่านแล้วละ หรือไม่ก็ ท่านยังเกรงว่าพวกเรายังสามารถเป็นคู่มือของท่านได้งั้นหรือ ? “

 

เสียงกล่าวของเยี่ยจงจบลง วินาทีนั้น ผู้คนไม่น้อยในลานกว้างต่างมีการเคลื่อนไหวอย่างลี้ลับ หากจะกล่าวไปแล้วเมื่อครู่กำลังแสดงละครให้พวกเขาดูงั้นหรือ เช่นนี้ในตอนนี้มีคนไม่น้อยนัยน์ตาทอประกายออกมา พลังฝีมือขั้นก่อเกิดขั้นที่หก สามารถกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้แล้ว และบุคคลเช่นนี้ ผู้คนในลานกว้างเหตุใดจึงไม่ให้ความเกรงกลัว ? ดังนั้น มีผู้คนไม่น้อยที่จิตใจเริ่มที่จะหวั่นไหว หากว่าต้องการที่จะร่วมมือกันจัดการกับม่อฝานหลงก่อนค่อยกล่าวถึงเรื่องอื่นแล้ว

 

พบเห็นการถูกจ้องมองจากสายตาทั่วทั้งสี่ทิศ นัยน์ตาม่อฝานหลงก็ได้ค่อยๆสั่นไหวคราหนึ่ง หรือว่าที่แท้เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ก็ทราบถึงพลังฝีมือที่แท้จริงที่ตนเองมี ขณะนี้จุดมุ่งหมายของเขาที่แท้ก็คือการเปิดเผยพลังฝีมือของตนเองออกมางั้นหรือ ?

 

“ ช่างวางแผนไว้ได้ลึกซึ้งยิ่งนัก “

 

ในตอนนี้เอง ภายในใจตอนนี้ของม่อฝานหลงก็ได้ปกคลุมไปด้วยแรงฆ่าฟัน จนกระทั่งทำให้เขาอยากจะลงมือสังหารอย่างมากที่สุดในตอนนี้ ความจริงเขาเองก็มิได้ต้องการที่จะเปิดเผยพลังฝีมือที่แท้จริงของตนเองออกมาในตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าในช่วงยามคับขันที่สุดปรากฏออกมา แต่ก็ชัดเจนมาก แผนการของเยี่ยจงในตอนนี้ก็คือการเปิดเผยความลับและแผนการต่างๆของตนเองออกมา

 

“ คุณชายม่อฝานหลงก็ช่างมากความสามารถเสียจริง พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่หก ดูเหมือนอารามก่อฟ้าในครั้งนี้ สงสัยคงจะไม่พ้นมือท่านไปได้แน่นอน “ หลังจากที่เยี่ยจงมองไปทางด้านม่อฝานหลง ก็ได้ยิ้มออกมาแล้วกล่าว

 

“ ตามตำนานในครั้งนี้ คงต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปไม่น้อย “ สีหน้าอันเย็นเยียบได้ปรากฏบนใบหน้าของม่อฝานหลง จากนั้นก็ส่ายหัว “ ทว่าเจ้าถึงกับกดดันข้ามาจนถึงขั้นนี้ได้ละก็ ข้าคิดว่า ข้าคงต้องรู้สึกขอบคุณเจ้าให้ดีซะแล้ว “

 

หลังจากกล่าวจบ ประกายตาอันเย็นเยียบของม่อฝานหลง ร่างกายได้หายวับไปในทันที รีดเร่งกำลังภายใน ในตอนนี้เกรงว่าคงจะมาถึงขีดสุดแล้ว

 

พบเห็นพลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวของเขา เยี่ยจงก็หัวเราะไร้เสียงออกมา ภายในใจปรากฏรังสีต่อสู้ขึ้นมา เขาก็อยากลองดูว่า ม่อฝานหลงผู้นี้จะมีความร้ายกาจได้ถึงในระดับใด

 

“ ชี่ “

 

ทว่า ในตอนที่เยี่ยจงเตรียมพร้อมที่จะลงมือ บริเวณทางด้านหลัง ทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงตัดสายลมผ่านออกมา และทางด้านหลังก็มีพลังโจมตีสายหนึ่งมุ่งตรงมายังจุดตายของม่อฝานหลง

 

เงาร่างพอปรากฏสู่สายตาของม่อฝานหลงใบหน้าก็แปรเปลี่ยนไปคราหนึ่ง และจากนั้นเขาก็ต้องถอยไปก้าวหนึ่ง ใบหน้าเย็นยะเยือกเอ่ยปากถาม “ ผู้ใด “

 

“ ม่อฝานหลง คิดที่จะลงมือกับศิษย์น้องเล็กผู้นี้ของข้าแล้วละก็ เกรงว่ายังต้องถามถามความสมัครใจของข้าก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่ ? “ บริเวณทางด้านหลัง มีเสียงสดใสดังออกมา จากนั้นบริเวณทางด้านหลังก็มีสายตามากมายกำลังมองไป ก็พบก็เงาร่างที่สวมไว้ด้วยชุดฝึกยุทธ์สีแดงค่อยๆเดินออกมา ใบหน้าของนางงดงามอย่างขีดสุด บนร่างให้บรรยากาศที่ยากจะเข้าใกล้ชนิดหนึ่ง ลานกว้างในตอนนี้ก็มียอดฝีมือมากมายเริ่มแสดงอัปกิริยากระโดดลุกขึ้นมามองดูอย่างวุ่นวาย

 

“ ศิษย์พี่หญิงซูหยี่ “เซียงฉียวี่และพวกทั้งสามสาวเมื่อพบเห็นร่างของหญิงสาว ก็อดมิได้ที่จะดีใจขึ้นมา พวกนางความจริงแม้จะเชื่อมั่นในตัวของเยี่ยจง แต่ว่าเมื่อครู่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงสุดเปรียบปาน ตอนนี้ซูหยี่เร่งรีบมาหา ก็ถือว่าทำให้พวกนางวางใจเพิ่มขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง

 

ม่อฝานหลงจ้องมองไปจุดที่ซูหยี่ปรากฏตัว จากนั้นก็ขมวดคิ้ว แต่ก็มิได้ลงมือต่อ หลังจากนั้น เขาก็หัวเราะเย็นเยียบออกมาแล้วกล่าว “ ดูเหมือนว่า ศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวนั้นจะมิได้เป็นดั่งเช่นขยะตามที่ข้าคิดไว้ “

 

“ คุณชายม่อก็เกรงใจไปแล้ว “ ซูหยี่หัวเราะคิกออกมา เดินเข้าไปหาบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ จากนั้นก็ยืนคู่อยู่กับเยี่ยจง รอยยิ้มอันสวยงามปรากฏบนใบหน้า ปกคลุมไปด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้น

 

เยี่ยจงกวาดตามองดูซูหยี่คราหนึ่ง จากนั้นนัยน์ตาก็ทอประกายความปราบปลื้มสายหนึ่ง หลายวันที่ไม่เจอ ศิษย์พี่หญิงซูหยี่ผู้นี้ก็ได้รับของดีมาไม่น้อย พลังฝีมือก้าวพัฒนาขึ้นมา

.

.

.

.