“ผู้อาวุโสสาม ข้าไม่ได้โกหกท่านนะ ครั้งสุดท้ายที่ข้ามาที่นี่มันมีวิหารที่กว้างขวางพอที่พวกเราจะเข้าไปนอนได้สบาย ๆ ทันทีที่ตะวันขึ้นพวกเราค่อยไปดูของและผู้หญิงที่พวกชาวบ้านนำมาก็ไม่สาย” พอพูดจบเขาก็หัวเราะขึ้น

วิหารแห่งนี้ค่อนข้างทรุดโทรม แต่พวกเขาทั้งสามก็เข้ามายังสถานที่ที่แสนจะกว้างขวาง

มีเทวสถานถูกวางอยู่ที่ด้านหน้าทางเข้าวิหาร เมื่อเข้าไปด้านในจะเป็นห้องพัก และมีสวนเล็ก ๆ อยู่ตรงกลาง

 

หลังจากสำรวจรอบ ๆ เรียบร้อยแล้ว โจรวัยกลางคนสั่ง “เจ้าอยู่เฝ้าเป็นคนแรก และเอ็งจงมาเปลี่ยนกับมันเมื่อใกล้รุ่งสาง จำไว้พวกเจ้าต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา”

เมื่อจัดลำดับเวรยามเสร็จสิ้น เขาหันกลับไปและเดินไปยังห้อง ๆ หนึ่ง ในห้องนั้นมีที่ผุพังและฟางข้าวอยู่ เขาเริ่มรวบรวมฟางสร้างเป็นที่นอนสำหรับตนเองในคืนนี้

ในคืนนี้อากาศค่อนข้างเย็น ดังนั้นโจรที่เป็นเวรแรกรู้สึกถึงความเย็น มันจึงก่อกองไฟขึ้นเพื่อมอบความอุ่นให้กับตนเอง

เพ่ยจือยุนยืนนิ่งเพื่อรอโอกาสที่จะลงมือ

เขารอเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าพวกโจรที่เหลือหลับสนิทแล้วจะลงมือจัดการกับโจรที่อยู่เฝ้ายาม

ทันไดนั้นโจรที่เฝ้ายามได้ลุกขึ้นและเดินไปยังมุมด้านหนึ่งของพนังห้องเพื่อปลดทุกข์

เพ่ยจือยุน กำมีด และหอกไม้ไผ่ในมือของตนเองไว้แน่น เขาพยายามความคุมลมหายใจของตนเองแล้วค่อย ๆ ย่องเข้าไปด้านหลังของชายผู้โชคร้าย

“อ้า!”

แม้ว่าหอกไม้ไผ่จะมีความแหลมคมไม่มากนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะเสียบให้ทะลุหน้าอกของชายผู้โชคร้าย เมื่อมองลงไปยังหน้าอกของตนเองมันกลับเห็นปลายหอกยื่นออกมาจากหน้าอก ริมฝีปากของมันเริ่มสั่นขึ้นก่อนที่มันกำลังจะตะโกนบอกพรรคพวกของมัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะกรีดร้องออกมา เพ่ยจือยุนได้ใช้มืออีกข้างหนึ่งที่ถือมีดปาดเข้าที่คอของโจรอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เสียงที่ออกมาเป็นดังเช่นเสียงของสายลมแค่นั้น

เพ่ยจือยุน มองไปยังร่างที่ล้มตัวลงนอนใต้ฝ่าเท้าของเขา ลมหายใจของร่างนั้นค่อย ๆ หายไป หายไป…..

ตอนนี้เพ่ยจือยุนยังยืนมองไปยังร่างที่ไร้วิญญาณนั้น ก่อนที่เขาจะลงมือฆ่าได้ปรากฎเสียงของใครบางคนขึ้นในจิตวิญญาณของเขา มันเป็นเสียงแห่งความโกรธที่รุ่นแรงมาก อย่างไรก็ตามเสียงนั้นกลับหายไปหลังจากที่เขาสังหารโจรผู้นี้ไปแล้ว

.

“ยังเหลืออีกสอง!” หลังจากที่เขาสังหารไปแล้วหนึ่งคน ดวงตาของเขาก็เกิดประกายลึกลับขึ้นมา

ทันใดนั้น โจรอีกคนลุกขึ้นมาแล้วมองไปยังดวงจันทร์ทำให้มันรู้ว่าถึงเวลาที่จะพลัดเปลียนเวรยามแล้ว

หลังจากที่ยืดกล้ามเนื้อเสร็จ มันลุกขึ้นมาเพื่อจะไปเปลียนกะเวรยามกับเพื่อนของมัน ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้ามามันก็เห็นเพื่อนของมันนั่งอยู่ข้างกองไฟราวกับว่ามันกำลังหลับสนิท

“เฮ่ย ได้เวลาเปลียนกะแล้ว” หลังจากที่สิ้นเสียงไป เขารู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดพลาด เขาได้กลิ่นเลือด ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร……

“ตาย!” เพ่ยจือยุนถือหอกไว้ในมือและวิ่งตรงไปยังโจร

“เห้ย!”โจรผู้นี้มีปฎิกิริยาตอบสนองรวดเร็วกว่าเพื่อนของมันมากนัก มันกระโดดหลบไปด้านข้างก่อนที่จะตวัดดาบสั้นในมือตัดหอกไม้ออกเป็นสองส่วน

ทันใดนั้นโจรที่กำลังจะตวัดดาบไปยังคอของเขา ก็เกิดแสงบางอย่างขึ้นพุ่งไปยังดวงตาของโจร ทำให้ดาบตวัดผ่านเป็นเพียงแค่เงาของเพ่ยจือยุน

มันกระโดดออกมาด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีที่สวนมา มันค่อย ๆ เลียริมฝีปากและยิ้มอย่างน่าสยดสยองก่อนที่จะพุ่งไปยังข้างหน้า “ไอลูกไม่มีมีพ่อ จงยอมรับความตายซะ?!”

ตอนนนี้ เนื่องจากเกิดเสียงการต่อสู้ขึ้นภายนอกจึงทำให้ผู้อาวุโสสามตื่นจากนิทรา!

ผ่านการปะทะกันมาสองครั้ง ตอนนี้โจรรู้สึกถึงบางสิ่งที่ข้อเท้า ไม่มีเวลาพอให้มันตอบสนองมันล้มไปข้างหน้า

“นี่ นี่ มันกับดัก!” โจรผู้นั้นตะโกนขึ้นมา กับดักนี้เป็นกับดักที่พวกชาวบ้านมักใช้เพื่อจับสัตว์ป่าทั่วไป หลังจากที่มันหายตกตะลึง กลับปรากฎประกายดาบพาดผ่านคอของมันไป ละอองเลือดค่อย ๆ พุ่งออกมาจากคอของมัน

“ปัง!” ร่างไร้วิญญาณล้มลงไปยังพื้นดินปรากฎฝุ่นคลุ้งไปทั่วพื้นที่นั้น

“เจ้าเป็นใคร?”

โจรเฒ่าวิ่งออกมาและตะโกนขึ้น มันเห็นร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่บนพื้น ทำให้มันเต็มไปด้วยความโกรธ มันดึงดาบออกมาและพุ่งไปยังร่างไร้วิญญาณร่างนั้น

.

โจรเฒ่าเห็นร่างไร้วิญญาณของพรรคพวกทั้งสองนอนอยู่บนพื้น เลือดของพวกมันไหลนองไปทั่วพื้นดิน

ในขณะนั้นเขาเห็นเงา เงาหนึ่งพยายามหลบหนีเข้าไปในป่า เงานั้นบ่งบอกว่ามันมีรูปร่างที่ผอมบางในมือที่น่าจะถือมีดและและหอกไม้ไผ่

“ไอเด็กเวร!  เจ้ากล้าที่จะสังหารคนจากนิกายลมดำ อย่าหวังว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้ ตาย!” โจรเฒ่าตะโกนออกมา มันมองไปรอบ ๆ และพุ่งไปยังเงาร่างนั้น สีหน้าของโจรเฒ่าตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธที่รุนแรงดวงตาของมันแปรแปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่จ้องมองไปยังเงาร่างนั้น

เพ่ยจือยุน มองกลับไปด้านหลังเขาตกตลึงเมื่อเห็นโจรเฒ่าวิ่งตามเข้ามาใกล้ถึงตัวเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าโจรสองคนนั้นฝีมือยังไม่ถึงครึ่งของชายผู้นี้

ในชีวิตก่อนหน้าของเขา ชาวบ้านต่างเต็มใจมอบเด็กหญิงกับพวกโจร ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของโจรเฒ่า เมื่อคิดได้ยังงั้นเขาอาจจะตัดสินใจผิดพลาดมาก

ในช่วงระยะเวลาสั่นโจรเฒ่าย่นระยะของมันกับเขาให้ใกล้เข้าไปอีก

“ไอโง่เอ๊ย ข้าใช้ศิลปะแห่งเต๋าได้!” เพ่ยจือยุนหัวเราะขึ้นมา เจ้าของร่างเดิมรู้จักวิธีที่จะดึงพลังแห่งเต๋ามาใช้ แต่เขาที่มาอยู่ในร่างนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้หรือเปล่า อย่างไรก็ตามเขาก็สามารถเคลื่อนไหวอย่างที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถทำได้

เห็นได้ชัดว่า ความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ยังไม่พอ ในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้เมื่อเขาช้าลงเพียงแค่เสี้ยววิความตายคงจะมาถึงเขาแน่

“Trip and fall!”

“สะดุดล้ม!”

วิชาเต๋านี้ฝังลึกลงไปยังความทรงจำของเขา มันเป็นเคล็ดวิชาแปลก ๆ ที่แม้แต่คนธรรมดาที่มีเพียงพลังงานทางจิตวิญญาณเพียงเล็กน้อยก็สามารถใช้มันออกมาได้ เขาวางแผนที่จะจัดการกับโจรเฒ่าอย่างรวดเร็ว

ในขณะนั้น การแสดงออกของเพ่ยจือยุนเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า และเข้าหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปใหนอีกเลย

“ไปตายซะ” โจรเฒ่าที่ตามหลังเขามาเริ่มหัวเราะขึ้นเมื่อเขาตวัดดาบไปยังเหยี่อของมันโดยไม่ลังเล เพ่ยจือยุนกลิ้งตัวเพื่อหลบการโจมตีของโจรเฒ่าก่อนที่จะเริ่มวิ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง

เพ่ยจือยุนพยายามวิ่งเข้าไปยังพุ่มหญ้าที่มีหนามแหลมและรออยู่ตรงนั้นเพื่อหวังว่าเมื่อหลบการโจมตีของโจรเฒ่าได้จะทำให้มันเสียหลักพุ่งเข้าไปยังพุ่มหนามเหล่านั้น

เพ่ยจือยุนยังคงวิ่งเข้าไปในป่าเรื่อย ๆ ตอนนี้ต้นไม้ในป่าเริ่มที่จะหน่าแน่นมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือเพิ่มระยะห่างจากโจรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เมื่อวิ่งเข้าไปยังพื้นป่าลึกขึ้น โจรเฒ่าเริ่มสังเกตเห็นบางอย่าง ยิ่งเขาเข้ามาลึกมาเท่าไหร่พุ่มไม้หนามยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดบริเวณแผลที่เกิดจากการถูกกิ่งไม้และหนามแหลมเจอะลึกไปในเนื่อของเขา

ตอนนี่โจรเฒ่ากำลังพยายามดึงเศษกิ่งไม้และหนามออกจากแขน ขาของเขาก่อนที่เขาจะตวัดดาบในมือไปยังพุ่งหญ้าและกิ่งไม้ข้างหน้าเพื่อที่จะสร้างเส้นทางไปยังข้างหน้า พื้นที่รอบ ๆ เต็มไปด้วยความมืดมิดจากการกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ได้บดบังแสงจากดวงจันทร์ที่จะส่องลงมากระทบพื้นดิน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังสามารถมองเห็นพุ่งไม้หนามจำนวนมากรอบตัวเขาได้อย่างชัดเจน

เพ่ยจือยุนไม่สนใจว่าร่างกายของเขาจะเกิดบาดแผลมากเท่าใด เขายังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างกับคนบ้าเพียงเพื่อหวังว่าเขาจะมีชีวิตรอดจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ เขาเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นอีก จนแผ่นหลังของเขาค่อย ๆ หายไปในความมืดมิดของป่า

โจรเฒ่าตอนนี้ยังคงพยายามฟาดฟันไปยังกิ่งไม้ใบหญ้าด้านหน้าเพื่อที่จะสร้างเส้นทางขึ้นมา ตอนนี้พื้นที่เริ่มโล่งขึ้นเขาเริ่มที่จะวิ่งไล่ล่าอีกครั้ง

เพ่ยจือยุ่นพยายามสูดอาอากาศรอบกายเข้าไปขณะที่เขาหอบ ร่างกายนี้มันช่างอ่อนแอ เพียงแค่เขาสังหารคนไปสองคนและวิ่งระยะสั้น ๆ ถึงกับทำให้เขาอ่อนล้าเพียงนี้ ยังดีที่เพ่ยจือยุนรู้จัดเส้นทางต่าง ๆ ในพื้นที่บริเวณนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักศึกษาระดับสูงแต่ครอบครัวของเขากลับยากจน มักมีหลายหนที่เขาต้องขึ้นมายังภูเขาเพื่อหาพืช ผัก ผลไม้ป่าเพื่อมาประทังชีวิตของเขา

เนื่องจากความคุ้นเคยพื้นที่ทั้งหมดของเจ้าของร่างเดิม เขาสามารถพาโจรเฒ่าไปยังกับดักสัตว์ที่ชาวบ้านสร้างไว้ได้ แม้ตอนนี้ดวงตาของมันจะปรากฎความไม่ยอมแพ้ แต่พลังกายของมันกลับเหือดแห้ง ตอนนี้มันเหนื่อย ทุกส่วนของร่างกายมันช่างหนัก หนักขึ้นเรื่อย ๆ ……..

โจรเฒ่าพยายามเร่งความเร็วเพื่อที่จะสังหารสารเลวน้อยให้ได้ ตอนนี้ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็จับตัวสารเลวน้อยนั้นได้แล้ว ตอนนี้รังสีฆ่าฟันของโจรเฒ่าเพิ่มมากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมันสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าของสารเลวน้อยนั้น…..

ห้าก้าว สี่ก้าว สามก้าว อีกเพียงแค่สามก้าว

“จงออกมารับความตาย!” สองก้าว หนึ่งก้าว….. เกิดประกายของดาบขึ้นในความมืด…

ในวินาทีนั้น โจรเฒ่ารู้สึกถึงอะไรบ่างอย่างผูกมัดข้อเท้าข้างหนึ่งของมันไว้ ตอนนี้มันเสียการควบคุมตนเองมันกำลังพุ่งล้มไปข้างหน้า ปรากฎคมพุ่งขึ้นจากพื้นดินหมายจะเสียบทะลุร่างของมัน

“สารเลว!” ดูเหมือนว่าตอนนี้มันพยายามที่เบียงตัวเพื่อจะหลบ

เพ่ยจือยุนถอนหายใจออกมา มือของเขากระชับมีดพร้อมที่จะฆ่า อย่างไรก็ตามมันสังเกตเห็นสายตาของโจรเฒ่าที่จ้องมองมา

เพ่ยจือหยุน ผวาเมื่อเห็นคมดาบพุ่มมาทางตน คมดาบตวัดผ่านใบหน้าห่างไปเพียงแค่ไม่กี่เซน ก่อนที่การโจมตีระลอกที่สองจะมาถึงมันพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างไม่ลังเล ตอนนี้มันไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดจากถูกเศษไม้ทิ่มแทง

เพ่ยจือยุน ยันตัวเองขึ้นจากพื้น เขาเริ่มวิ่งอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ ถ้าทุกสิ่งเป็นไปตามแผนที่เพ่ยจือยุนวางไว้ โจรเฒ่ามันต้องติดกับดักของเขาและเขาสามารถสังหารมันได้แน่นอน แต่มันที่เป็นถึงผู้อาวุโสสามแห่งนิกายลมดำใหนเลยจะกระจอกงอกง่อย มันมีวิชาดาบที่แข็งแกร่งและการตอบสนองรวดเร็วปานสายฟ้าและโจรเฒ่ามันมีประสบการณ์ในการสู้รบมานับสิบปี

ก่อนจะรุ่งสาง หมู่บ้านหอยทาก

ตอนนี้เสียงตะโกนโหวกเวกของคนภายในหมู่บ้านหายไปอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามยังมีคนเฝ้าทางเข้าหมู่บ้านเพื่อให้มั่นใจว่าเด็กสาวไม่สามารถที่จะหนีออกไปจากที่นี่ได้

เย่ซูเอ๋อยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง …..

“พี่เพ่ย….. ตอนนี้ท่านอยู่ไหน?” เย่ซูเอ๋อ พึมพำออกมา แม้นางจะรู้ว่าเพ่ยจือยุนไม่สามารถมาช่วยนางได้แน่ ๆ แต่นางก็คงยังมีความหวัง….ความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะได้เจอกับมันเป็นครั้งสุดท้าย

ไร้เสียงตอบกลับ….

ตอนนี้ความทรงจำวัยเด็กต่าง ๆ เริ่มหลั่งไหลเข้ามา เมื่อก่อนตอนที่นางตกไปยังหลุมกับดักสัตว์ที่ชาวบ้านขุดไว้ ถึงนางจะตะโกนไปมากเท่าไหร่ก็ไม่มีใครหานางเจอ ตอนนั้นนางทำได้เพียงแค่ร้องไห้ ร้องไห้ให้กับโชคชะตา….

“บรู้ววว!” เสียงหอนของหมาป่าใกล้เข้ามา แต่กลับมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เพียงแค่เด็กหนุ่ม เขาก้มหน้ามองนางจากปากหลุม ถึงแม้ชาวบ้านที่ตามหาเด็กสาวจะพากันกลับเพราะตอนนี้ถึงเวลาที่สัตว์ป่าจะออกล่า แต่เด็กหนุ่มยังคงพยายามค้นหาอย่างไม่ลดละ ถึงแม้เสียงเห่าหอนของหมาป่าจะก้องกังวานแค่ไหนก็ตาม…

เด็กหนุ่มคนนั้นกระโดดลงหลุมกับดักเพื่อมาอยู่กับนาง

นางจำได้ดี ตอนนั้นนางตะโกนด่าเขา ‘เจ้าโง่’ ซ้ำ ๆ ทั้งที่ใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นความสุข…

.

..

ตอนนี้เด็กหญิงได้เปิดประตูและเข้าไปยังข้างในแล้ว

จากแสงของดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมานางกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของใครสักคนในบ้านนั้น

“เขาไปอยู่ที่ใหน? ตอนนี้เขาจะไปที่ไหนได้กัน”

หลังจากเด็กหญิงมองไปทุกซอกทุกมุมให้แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ ใบหน้าของเด็กหญิงเริ่มซีด และร้องตะโกนออกมา “มีด! มีดหายไปใหน! ไม่ใช่ว่าพี่เพ่ยเขา……”

โดยไม่มีความลังเลใด ๆ เด็กหญิงวิ่งไปในความมืด มุ่งหน้าไปยังทางเข้าหมู่บ้าน…