…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ธุรกิจนี้เกี่ยวกับความเป็นความตายของนาย หากว่านายทำตัวดีก็จะมีชีวิตรอดแต่หากว่าปฏิเสธฉันก็รับรองได้เลยว่านายจะต้องตายแล้วฉันค่อยหาคนอื่นมาแทนที่นาย”

“พุฟฟฟฟ……”

เห่ยหลงเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วเหมือนมองคนโง่ เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้ยินเรื่องตลกๆมาเยอะแต่ไม่มีอันไหนตลกเท่านี้มาก่อนเลย

“นี่น้องชาย นายเป็นบ้างั้นหรอ ? ดูสิว่าฉันอยู่ที่นี่ก็สบายจะตายอยู่แล้ว ฉันเป็นเจ้าถิ่นของที่นี่แล้วจะไปเข้าร่วมกับนายทำไมกัน ? นายคิดว่านายเป็นใคร ?”

ถังซิ่วได้หรี่ตาลงพร้อมกับถามออกมาว่า

“แสดงว่านายไม่อยากจะร่วมมืองั้นสินะ ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเห่ยหลงเองก็ได้หายไปพร้อมกับเปลี่ยนเป็นความเย็นชา เขาได้ตะโกนออกมาว่า

“ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันซะ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย วันนี้ฉันยังอารมณ์ดีและจะไม่ถือสานาย”

ถังซิ่วได้ชี้ไปที่ชายทั้งสองที่อยู่ด้านหลังของเห่ยหลงแล้วถามออกมาว่า

“พวกเขาเป็นลูกน้องของนายงั้นหรอ ?”

“ใช่”

เห่ยหลงเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยเสียงเย็นชา

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับหยิบมีดขึ้นมาทันทีก่อนที่จะพุ่งออกไปด้วยความเร็ว ชายทั้งสองเองก็ชะงักไปพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมที่ลำคอของตัวเอง

เลือด !

กระฉูดออกมา !

ตัวตากลมโตของพวกเขาได้เบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ พวกเขารู้สึกได้ว่าชีวิตของตัวเองกำลังหมดไปเรื่อยๆ

เซ่าเขวียนที่ยืนอยู่ข้างๆเกาเซินเองก็ถึงกับตากระตุกทันทีเพราะเขาพบว่าความเร็วของถังซิ่วนั้นทำให้ขนตามร่างกายของเขาตั้งขึ้นทันที

เร็วโครต !

มันเร็วเกินไปแล้ว !

ตั้งแต่ที่ถังซิ่วลุกออกไปจากโซฟาและปาดคอชายทั้งสองก่อนที่จะกลับมานั่งนั้นใช้เวลาไปทั้งหมดไปเพียง2วินาที

ความเร็วนี่มันน่ากลัวอย่างมาก

เซ่าเขวียนเองก็เคยคิดว่าเขารวดเร็วอยู่แล้วแต่หลังจากที่ไปเทียบกับถังซิ่วแล้วก็เรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว หากว่าถังซิ่วต้องการจะฆ่าเขาก็คงจะไม่สามารถต่อต้านได้และถูกฆ่าไปในที่สุด

เห่ยหลงเองก็ได้ยืนขึ้นพร้อมกับหยิบปืนออกมาจากหน้าอกของเขาก่อนที่จะหันไปทางถังซิ่วแล้วมองไปทางลูกน้องของเขาที่โดนปาดคออย่างน่าอนาถก่อนที่จะถามออกมาอย่างดุร้ายว่า

“แกเป็นใครกัน ? ”

ตอนนี้ในใจของเขารู้สึกได้ถึงความกลัวเป็นอย่างมาก เขามองการเคลื่อนไหวของถังซิ่วไม่ทันด้วยซ้ำ ภายในพริบตาเดียวลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็ถูกถังซิ่วปาดคอไปแล้วและหากว่าถังซิ่วต้องการจะฆ่าเขาก็คงไม่ต้องพยายามด้วยซ้ำ หลังจากนั้นเขาก็คงจะกลายเป็นศพไปเช่นกัน

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“นายคิดจริงๆหรอว่าปืนนั่นจะสามารถเอามาขู่ฉันได้ ? เก็บมันไปซะ ตอนนี้นายยังมีโอกาสที่จะก้มหัวให้ฉัน หลังจากที่เป็นคนของฉันแล้วหากว่านายยังมีชีวิตอยู่ต่อได้ก็จะได้รับโชคลาภมหาศาล หากว่านายไม่ตกลงฉันก็ยินดีที่จะส่งนายตามเหล่าพี่น้องไป ”

เห่ยเหล่เองก็ได้ระลึกถึงภาพเมื่อครู่ก่อนที่เขาจะคิดได้ว่าชายหนุ่มคนนี้มีโอกาสที่จะสามารถหลบกระสุนได้จริงๆ

ในพริบตานั้นเขาก็ได้มองไปที่ลูกน้องคนสนิทของเขาที่ตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นก่อนที่จะหยุดหายใจและตายไปในที่สุด

ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างราบเรียบว่า

“นายยังไม่ได้เลือกเลยนะ จะอยู่หรือจะตายก็เป็นตัวเลือกของนาย”

เห่ยหลงเองก็ได้เก็บปืนกลับไปด้วยมือที่สั่นเทาพร้อมทั้งจ้องมองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะถามออกมาว่า

“นายฆ่าพี่น้องของฉันไปแล้วไม่กลัวว่าฉันจะล้านแค้นหลังจากที่ฉันยอมจำนนแล้วงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า

“นายไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก แม้ว่านายจะโหดเหี้ยมและไร้ความปราณีแต่ก็กลัวความตายเป็นอย่างมาก หากว่าฉันต้องการก็สามารถขยี้นายได้ไม่ต่างจากมดปลวกเลยด้วยซ้ำแม้กระทั่งฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเองแต่เพียงแค่ส่งลูกน้องมาก็เพียงพอที่จะฆ่าล้างตระกูลนายได้ภายในคืนเดียวแล้ว”

เห่ยหลงเองก็ได้ชี้ไปที่เกาเซิงและคนอื่นๆก่อนที่จะถามออกมาว่า

“นายหมายถึงพวกเขางั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“พวกเขาไม่ใช่คนของฉัน แม้ว่าบอสใหญ่ของพวกเขาจะสามารถบี้นายได้ง่ายๆแต่เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ที่ฉันมาหานายนี้เพราะมีเหตุผลพิเศษบางอย่างไม่เช่นนั้นอย่าว่าแต่อำนาจอันกระจิริดของนายเลย แม้ว่านายจะมีอำนาจมากขึ้นอีกร้อยเท่าฉันก็แทบจะไม่เหลือบไปมองด้วยซ้ำ ”

เห่ยหลงเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับพูดออกมาอย่างจริงจังว่า

“ฉันต้องรู้ก่อนว่านายมีสถานะอะไรไม่เช่นนั้นฉันก็ไม่สามารถไปเข้าร่วมกับนายได้”

ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆว่า

“จริงๆแล้วจากสถานะของนายแม้ว่าฉันจะพูดไปคนที่ต่ำตมแบบนายก็ไม่น่าจะรู้จักฉันหรอก อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะได้ให้นายมาช่วยฉันดังนั้นฉันเองก็จะบอกใบ้ให้หน่อยแล้วกัน เคยดูข่าวบ้างไหม ? ช่อง CTC น่ะ ?”

เห่ยหลงเองก็ได้พูดออกมาขณะที่ส่ายศีรษะว่า

“ฉันไม่ค่อยจะสนใจเรื่องแบบนั้นเท่าไหร่แล้วจะดูไปทำไมกันล่ะ ? จริงๆแล้วก็เคยผ่านๆตามาบ้างตอนยังเด็กๆ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“โอเค อย่างน้อยก็ถือว่าเคยดูตอนเด็กนะ ฉันมาจากเมืองหลวง ถังเกาเชิงเป็นปู่ของฉัน”

เมืองหลวง ?

ถังเกาเชิง ?

เห่ยหลงเองก็ได้ชะงักไปพร้อมกับทรุดตัวลงทันที เขาจะไม่รู้จักถังเกาเชิงได้อย่างไรกัน ? นั่นเป็นคนที่มีอำนาจระดับประเทศ ………เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ !

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า

“ดูเหมือนว่านายจะรู้จักปู่ของฉันนะ แม้ว่าฉันจะไม่ได้พึ่งเขาก็ตามแต่มันก็สามารถบ่งบอกสถานะของฉันได้ เป็นไงล่ะ ? อยากจะเข้าร่วมกับฉันไหม ? ”

“อยาก ! ”

เห่ยหลงได้กระโดดขึ้นจากโซฟาพร้อมทั้งลืมเรื่องที่ถังซิ่วเพิ่งฆ่าเพื่อนคนสนิทของเขาไปโดยสิ้นเชิงก่อนที่จะพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นว่า

“ฉันอยาก !”

เขาตระหนักได้ว่านี่มันเป็นโอกาสเปลี่ยนชีวิตของเขา

นายน้องจากเมืองหลวง !

นี่เป็นคนที่ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องการจะประจบ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าถังซิ่วที่เป็นนายน้อยจากตระกูลใหญ่จะมาในถิ่นนี้ทำไมทว่าโอกาสของเขาได้มาถึงแล้ว เขาไม่ต้องการที่จะทิ้งมันไป

ถังซิ่วได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“นายไม่กลัวว่าฉันจะโกหกงั้นหรอ ? ”

เห่ยหลงเองก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า

“ฉันคิดว่านายไม่จำเป็นต้องโกหกฉันแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรก็ตามนายคงจะไม่ปล่อยข่าวแบบนี้เพื่อใช้งานฉันหรอกแถมเรื่องอย่างงี้ก็เป็นเรื่องที่สามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ดูเหมือนว่านายจะเป็นคนที่ฉลาดนะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้อยู่รอดมาจนถึงป่านนี้ ศพเหล่านี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายด้วยแล้วกันหลังจากนั้นก็ตามฉันมา ”

เห่ยหลงเองก็ได้ถามออกมาว่า

“ไปไหนงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“อะไรที่ควรจะถามก็ถามอะไรที่ไม่ควรก็อย่าถาม จำไว้แค่ว่าปฏิบัติตามคำสั่งของฉันก็พอและหากว่านายทำได้ด้วยดีก็จะส่งผลดีต่ออนาคตของนาย หากว่านายไม่สามารถทำให้ฉันพอใจได้ฉันก็จะเขี่ยนายทิ้งทันที ”

เห่ยหลงเองก็ได้ตอบกลับด้วยความเคารพว่า

“ผมเข้าใจแล้ว”

หลังจากผ่านไป2นาที

เห่ยหลงให้คนมาจัดการเก็บกวาดศพพร้อมกับนำมันไปทำลาย หลังจากที่เรียบร้อยแล้วเขาก็ได้เดินมาอยู่ตรงหน้าถังซิ่วด้วยความนอบน้อม

“ไปกันเถอะ ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างราบเรียบ

หลังจากที่คนทั้งหมดได้จากไปแล้วถังซิ่วก็ได้มองไปที่เกาเซินก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ผมจำเป็นต้องขอยืมหน่วยข่าวกรองของคุณก่อน ให้คนมาคอยเฝ้าที่เขตฮงปูเอาไว้หากว่ามีใครที่ต้องสงสัยเข้ามาก็ให้รายงานผมทันที”

เกาเซินเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“คุณถัง ผู้ต้องสงสัยที่นั่นมันมีมากมาย คุณพอจะบอกเอกลักษณ์มาหน่อยได้ไหมเราจะได้เน้นเฉพาะจุด ? ”

ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ตระกูลซันจากจังหวัดกวนหยาง”

ตระกูลซัน ?

ท่าทางของเกาเซินก็เปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับพูดออกมาว่า

“เรื่องนี้ผมจำเป็นต้องรายงานไปกับบอสใหญ่ก่อนเพราะอย่างไรก็ตามตำแหน่งของผมนั้นอยู่ต่ำมากซึ่งไม่สามารถเข้าใจเกี่ยวกับตระกูลซันนัก ผมต้องให้คนที่อยู่ตำแหน่งสูงกว่าผมช่วยเหลือ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“คุณสามารถรายงานไปได้เลย พรุ่งนี้ผมจะไปพบกับบอสของคุณด้วยตัวเอง”

“ได้ครับ”

เกาเซินเองก็ได้พยักหน้า

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“รถของคุณเองก็ทิ้งไว้ให้เรายิ่งไปกว่านั้นช่วยหาคนมาจัดการเก็บกวาดโรงงานและซื้อของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันให้ด้วยแล้วกัน จำไว้ว่าอย่าได้ไปกระตุ้นความสนใจโดยเด็ดขาด”

เกาเซินเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่มีปัญหาครับ”

ถังซิ่วได้โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้เห่ยหลงไปนั่งกับผู้คุ้มกันที่รถอีกคันหนึ่งก่อนที่จะขับออกไป

ตอนนี้เห่ยหลงเองก็เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ตึงเครียด ตื่นเต้น เขาไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นเช่นไรแต่เขาก็ต้องการที่จะไขว่คว้า หากว่าไปถูกทางเขาก็จะมีอนาคตที่สดใสแต่หากว่าไม่ ……….อย่างมากก็แค่ตายเพราะอย่างไรก็ตามหากว่าเขาปฏิเสธถังซิ่วแล้วเขาก็ตายอยู่ดี

วิลล่าฮงเฟิง

เมื่อรถทั้งสองคันได้อยู่ห่างจากตัววิลล่าประมาณ1กิโลเมตรนั้นถังซิ่วและเสวี่ยเจี่ยก็ตกลงกันว่าจะถอนตัวแล้วย้ายออกไปในวันนี้เพื่อไปที่โรงงานตรงเขตฮงปู

“ป้าเสวี่ย ป้ารอผมอยู่ที่นี่ ผมจะเข้าไปจัดการเอง”

“ได้ ”

หลังจากที่ถังซิ่วมาปีนข้ามกำแพงแล้วก็ได้กลับเข้าไปในวิลล่าแบบเงียบๆ

ถังเหว่ยในตอนนี้ยังไม่ได้พักผ่อนเพราะเขากลัวเกี่ยวกับความปลอดภัยของถังซิ่วดังนั้นเขาจึงได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงชั้นสอง เมื่อเห็นเงาที่ปีนข้ามกำแพงมานั้นผู้คุ้มกันเองก็ได้หยิบปืนออกมาเล็งไปที่ตรงนั้นทันที

“ฉันเอง ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ชายรูปร่างกำยำเหล่านั้นก็เก็บปืนทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นถังซิ่ว

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ทุกๆคนเก็บของ เราจะถอนตัวออกจากที่นี่”

“ได้ครับ”

ชายรูปร่างกำยำเหล่านั้นก็ปฏิบัติตามทันที

ถังซิ่วได้เดินเข้าไปในตัววิลล่าก่อนที่จะพบกับถังเหว่ยที่รีบวิ่งลงมาพร้อมพูดว่า

“น้องชาย เรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“เรียบร้อยแล้ว ฉันได้ไปพบกับตระกูลใบมาพร้อมกับหาที่หลบซ่อนไว้ให้พวกเราแล้ว นายรีบเก็บของเถอะเราจะไปกันแล้ว”

ถังเหว่ยเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ฉันโล่งใจจริงๆที่นายเป็นคนจัดการ”

ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“ก่อนที่เราจะจากไปก็ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการเช่นกัน ”

ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“อะไรงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วได้ชี้ไปทางประตูหน้าวิลล่าพร้อมกับพูดออกมาว่า

“หากว่าฉันไม่ผิดก็จะต้องมีคนคอยสอดแนมวิลล่าของเราอยู่แน่นอน หากว่าเราปีนข้ามกำแพงไปเป็นจำนวนน้อยๆนั้นก็ไม่เป็นไรแต่การที่เราปีนข้ามไปเป็นจำนวนมากขนาดนี้แต่กลับไม่มีรถนี่มันก็ผิดมาก ! ดังนั้นเราจำเป็นต้องฆ่าหน่วยสอดแนมพวกนั้นทั้งหมด ”

ถังเหว่ยเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า

“มันยากเกินไป เราอยู่ในที่แจ้งแต่พวกมันอยู่ในที่มืด มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาตัวพวกมัน”