…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังเหว่ยเองก็ได้ส่งปืนไปให้ถังซิ่วก่อนที่จะพูดด้วยเสียงกระซิบว่า

“น้องชาย ฉันรู้ว่านายแข็งแกร่งแต่วิทยายุทธก็ไม่สามารถหลบกระสุนได้นะ นายเก็บนี่เอาไว้เพราะเราไม่สามารถให้นายเป็นอะไรไปได้”

ถังซิ่วเองก็ได้รับปืนมาพร้อมกับหนีบไว้ที่เอวก่อนที่จะพูดว่า

“นายจำไว้ว่าเราแอบลอบโจมตีดังนั้นห้ามใช้ปืนโดยเด็ดขาด ”

“ได้”

คนอื่นๆเองก็ตอบตกลงพร้อมกับหยิบมีดที่พื้นขึ้นมา

หลังจากผ่านไป7-8นาที

คนอื่นๆเองก็ได้ไปที่อีกฝั่งหนึ่งของโรงงานพร้อมกับฆ่าคนทั้ง10คนที่อยู่ภายในไปได้อย่างราบรื่น

บนหลังคา

ท๊อปเฟอร์สันเองก็ได้เอากล้องส่องทางไกลยื่นให้ชายรูปร่างกำยำพร้อมให้เขาเฝ้าดูต่อไปส่วนตัวเองนั้นนั่งลงแล้วสูบบุหรี่

เพราะอะไรไม่รู้

เขารู้สึกตื่นตัวและคิดว่าสิ่งไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่เขาเคยสัมผัสมาก่อนและหลังจากที่เขามีลางสังหรณ์แบบนี้แล้วมันก็ทำให้เขารอดตายอย่างหวุดหวิดมาได้ถึงสองครั้ง

“ติดต่อกับคนอื่นๆให้พวกมันตื่นตัวเข้าไว้ เมื่อศัตรูบุกมาเมื่อไหร่ก็ให้เราต่อสู้กับพวกมันแบบแลกชีวิตกันไปเลย”

ท๊อปเฟอร์สันได้พูดออกมาด้วยเสียงที่นุ่มลึก

“ได้ครับ”

ชายรูปร่างกำยำเองก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับโทรไปหาเบอร์หนึ่ง

ด้านนอกโรงงาน

ใกล้ๆกับสิ่งของชิ้นสูง2เมตร เสียงเรียกเขาของโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น ชายรูปร่างกำยำเองก็ได้หรี่ตาลงพร้อมกับมองไปที่หมายเลขผู้โทรก่อนที่จะกดปุ่มตอบรับแล้วพูดว่า

“มีอะไรงั้นหรอ ? ”

“ตื่นตัวเข้าไว้ แม้ว่าศัตรูของเรายังไม่โจมตีเข้ามาในตอนเช้าแต่ก็อาจโจมตีในตอนเย็น หากว่าเราไม่ตื่นตัวเข้าไว้ก็อาจจะทำให้ได้รับอันตรายถึงตายได้ ”

“ฉันเข้าใจแล้ว ”

ชายรูปร่างกำยำเองก็ได้มองไปที่ประตูทางเข้าโรงงานทำตู้ก่อนที่จะพยักหน้า

“เอาล่ะ เท่านี่แหละ”

หลังจากที่ชายคนนั้นได้จบการสนทนาแล้วเขาก็ได้พูดออกมาว่า

“พี่น้องทั้งหลาย ตื่นตัวเข้าไว้ตราบใดที่เราสามารถฆ่าศัตรูได้เยอะๆนายน้อยจะตอบแทนพวกเราอย่างงามเมื่อเรากลับไป พอถึงเวลานั้นแล้วเราสามารถเพลิดเพลินไปกับสาวๆได้ทุกๆวันพร้อมทั้งกินอยู่อย่างสบาย”

“ใช่”

ชายอีก9 คนเองก็ได้แสดงความรู้สึกดีใจออกมาจนถึงขั้นที่บางคนเริ่มคิดไปถึงตอนหลังจากที่พวกเขาฆ่าศัตรูหมดไปแล้ว

“จึ้ก!!!!”

มีดที่แหลมคมเองก็ได้แทงทะลุหลังของชายที่เพิ่งคุยโทรศัพท์ไป ขณะที่เขาหันหน้ากลับมานั้นก็เห็นว่าพี่น้องที่อยู่ตรงข้ามเขาได้โดยระเบิดศีรษะด้วยกำปั้นจนทำให้เศษสมองและเลือดเลอะเต็มหน้าของเขา

ขณะที่ถังเหว่ยเองก็ถือมีดเอาไว้ในมือพร้อมกับฟันไปที่คอของชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ตรงพื้น ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามร้องออกมานั้นก็ถูกแทงซ้ำที่หน้าอกของเขาทันที

ทันใดนั้น

คนอื่นๆเองก็พบว่าเพื่อนๆกำลังถูกโจมตีพร้อมทั้งตะโกนออกมาว่า

“มีศัตรู….”

“จึ้ก !!!”

เสียงของเขายังไม่ทันได้หลุดรอดออกมาแต่ก็ถูกถังซิ่วแทงทะลุคอหอยพร้อมกับใช้หมัดกระหน่ำใส่เขาจนตาย

“ไม่ต้องไปสนใจมีดของพวกมัน เอาปืนมาให้หมด หลังจากนี้เราจะสู้กันด้วยปืนแล้ว ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“ได้”

ณ ตอนนี้ทุกๆคนเองก็ยอมรับในตัวถังซิ่วอย่างไร้ข้อกังขา พวกเขาได้เห็นวิธีการฆ่าและความสำเร็จในการลอบโจมตีของถังซิ่วดี

29 คน

29คนที่ติดอาวุธกลับถูกฆ่าทั้งหมดภายในเวลาไม่ถึง20นาที ตอนนี้มีคนหนึ่งที่ถูกทำให้หมดสติพร้อมกับนอนอยู่ ในหมู่พวกเขาไม่มีคนบาดเจ็บหรือล้มตายแม้แต่คนเดียว

ราบรื่น !

มันราบรื่นมากๆ !

พวกเขาเคยเป็นทหารและบางคนเองก็เป็นคนที่ตระกูลถังฝึกมาตั้งแต่ยังเล็กส่วนคนอื่นๆก็เป็นทหารที่ปลดประจำการมาก่อนที่จะให้ความภัคดีแก่ตระกูลถัง พวกเขาเคยฆ่าคนแต่ก็ไม่เคยฆ่าแบบง่ายดายขนาดนี้มาก่อนซึ่งนี่เป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบมากๆ

ถังเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“น้องชาย แล้วเราจะเอายังไงต่อ ? เราจะติดต่อออกไปหาคนภายนอกให้พวกเขาฆ่าเลยไหม ?”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“ตอนนี้ยังไม่เหมาะ เราไปที่ทางฝั่งขวาของโรงงานนี้ส่วนนายก็จัดการคนในนั้น ฉันจะไปที่ห้องสำนักงานเพื่อฆ่าพวกมันแบบเงียบๆเอง ….”

“ไม่ดีเลยนะ”

ถังเหว่ยเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า

“มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย แม้ว่านายจะแข็งแกร่งฉันก็ไม่สามารถให้นายไปเสี่ยงได้ มันยากที่จะสู้กับศัตรู4คนด้วย2มือนะแถมพวกมันยังมีกันเป็นฝูงด้วยยิ่งไปกว่านั้นหลายคนเองก็มีปืน หากว่านาย …… ตั้งแต่ที่มาถึงนี่แล้วไม่ว่านายจะอยู่ที่ไหนฉันก็จะอยู่ที่นั่น ”

“ฉัน…”

ถังซิ่วเองก็ได้เปิดปาก

ถังเหว่ยได้โบกมือเพื่อขัดจังหวะพร้อมกับพูดออกมาอย่างแน่วแน่ว่า

“น้องชาย ฉันไม่อยากจะให้นายได้รับอุบัติเหตุนะไม่เช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับนายคุณปู่และคุณย่าเองก็คงจะหักขาฉันทิ้งแน่นอน ฉันคงจะแบกรับบาปนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้ดังนั้นนายไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”

ถังซิ่วเองก็ทำได้แค่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“เอาล่ะช่างมันเถอะ เราจะผ่านเข้าไปแบบเงียบๆ……ไม่ใช่สิ เวรเอ้ย คนในสำนักงานนั่นมันพบพวกเราแล้ว”

ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“พวกมันค้นพบเราได้อย่างไรกัน ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ขมวดคิ้วพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“ก่อนหน้านี้เราฆ่าคนที่นี่และจำได้ไหมว่าพวกมันกำลังคุยโทรศัพท์กัน ? หากว่าฉันเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นเพราะพวกมันติดต่อไปที่ฝั่งข้างๆอีก2ที่แต่ไม่ได้รับสายดังนั้นพวกมันก็น่าจะสรุปได้ว่าน่าจะเกิดเรื่องขึ้น ”

“ริ้งงงงง ริ้งงงงงงงง ริ้งงงงงง…….”

ถังซิ่วที่เพิ่งจะพูดจบเองก็ได้เห็นว่าโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของชายที่เขาเพิ่งจะฆ่าไปนั้นกำลังสั่นพร้อมกับส่งเสียง

ถังซิ่วและถังเหว่ยเองก็ได้มองไปที่กันและกัน

“ใช่จริงๆด้วย”

ถังเหว่ยเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมา

ถังซิ่วเองคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เราคงไม่สามารถลอบโจมตีพวกมันได้อีกแล้ว ตอนนี้เราถอยกันก่อนพร้อมกับรวมกลุ่มกับคนที่อยู่ทางประตูหน้า หลังจากนั้นก็ถอนตัวเต็มกำลังหากว่ามีใครกล้ามาขวางก็ฆ่ามันเลย”

ถังเหว่ยเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“เราคุ้มแล้วที่สามารถฆ่าพวกมันไปได้ตั้งหลายคน อย่างไรก็ตามจะเอายังไงกับเขา ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่ชายรูปร่างกำยำที่ถูกทำให้หมดสติพร้อมกับเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“เก็บมันไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ฆ่ามันซะ ”

“ได้ ”

มีดของถังเหว่ยเองก็ได้สับลงมาพร้อมทั้งฆ่าชายคนนั้นทันที

หลังจากนั้น

ผู้คนทั้งหมดเองก็ได้รีบกลับไปที่จุดจอดรถโดยทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง ?”

เสวี่ยเจี่ยเองที่ได้รออยู่ด้านนอกนั้นก็ได้ถามออกมาทันทีหลังจากที่ได้เห็นถังซิ่วและคนอื่นๆกลับมา

ถังเหว่ยเองก็ได้ปาดเลือดที่เลอะตัวเขาก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ป้าเสวี่ย หลังจากที่น้องชายของผมเป็นคนบัญชาการนั้นเราทำได้แย่มาก ~~~ เราไม่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้แต่กลับฆ่าไปได้เพียง30คนเท่านั้น ….หลังจากที่เราถูกค้นพบแล้วก็จึงได้ถอยออกมาทันที”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ลนลานว่า

“ไปเพียงแค่30นาทีไม่ใช่หรอ ? พวกเธอฆ่าคนฝั่งนู้นไปถึง30คนเลยหรอ ? ทำ…..ทำได้อย่างไรกัน ? ”

ถังเหว่ยเองก็ได้ชี้ไปที่ถังซิ่วแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ป้าถามเขาสิ ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เราได้ลอบโจมตีพากมันพร้อมกับที่ผมรู้ตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามอยู่ก่อนแล้วดังนั้นเราจึงได้ลงมือพร้อมๆกันซึ่งฆ่าพวกมันที่แบ่งออกเป็น3กลุ่มโดยที่ไม่ให้รู้ตัว เอาล่ะเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ เราจะได้ไปรวมตัวกับคนของเรา”

“ได้”

เสวี่ยเจี่ยเองก็กำลังรู้สึกตกตะลึงมากๆแต่ก็ยังพยักหน้าตาม

หลังจากนั้น

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้โทรไปหาหลี่เสี่ยวจี่พร้อมกับบอกให้พวกเขาเตรียมตัวถอนกำลัง หลังจากที่พวกเขาไปถึงถนนข้างๆโรงงานทำตู้แล้วนั้นหลี่เสี่ยวจี่เองก็ได้เห็นรถอีก4 คันดังนั้นพวกเขาจึงขับตามพร้อมกับรวมกลุ่มกับถังซิ่วทันที

รถ 8 คัน ได้ถอนตัวออกจากพื้นที่นี้อย่างรวดเร็ว

ในโรงงานทำตู้ ท่าทางของท๊อปเฟอร์สันเองก็ดุร้ายเป็นอย่างมาก เขาปลดปล่อยจิตสังหารออกมาพร้อมกับทำให้คนรอบข้างเองถึงกับกลัว

น่าอับอาย

เขารู้สึกอับอายอย่างมากเพราะเขาไม่รู้ถึงสถานการณ์อะไรแม้แต่น้อยทว่าลูกน้องที่เขาวางไว้ตามจุดต่างๆกลับถูกฆ่าทั้งหมด

“รายงาน พบศพอีกสองราย ”

ชายรูปร่างกำยำเองก็ได้วิ่งข้ามารายงานด้วยใบหน้าที่ตื่นกลัว

“ไอ้ระยำเอ้ย ”

ท๊อปเฟอร์สันเองก็ได้ชกไปที่แผ่นเหล็กก่อนที่จะนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาได้โทรไปหาเบอร์หนึ่งพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างดังว่า

“ไอ้มู่รุย ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง ? ”

“ไม่มีวี่แววเลย พวกมันเองก็กำลังอยู่ในรถกัน……. ไม่สิ มันมีรถเพิ่มมาอีก 4 คัน”

เสียงของไอ้มู่รุยเองก็ได้ส่งผ่านมาทางปลายสาย

ท่าทางของท๊อปเฟอร์สันเองก็เปลี่ยนไปพร้อมกับพูดว่า

“อย่าได้หยุดพวกมัน หากว่าพวกมันเข้ามาในโรงงานก็ปล่อยให้พวกมันเข้ามาแต่หากว่ามันจะหนีก็ปล่อยมันไป ”

ไอ้มู่รุยเองก็ได้ถามออกมาว่า

“ทำไมกัน ? แผนมันไม่ใช่แบบนี้หนิ !”

ท๊อปเฟอร์สันเองก็ได้พูดออกมาพร้อมกับขบฟันว่า

“มันมีศัตรูลอบเข้ามาในโรงงานพร้อมกับฆ่าคนทั้ง30คนที่ฉันวางเอาไว้ทั้งหมด ”

“อะไรนะ ? ”

ไอ้มู่รุยเองก็ได้โห่ร้องออกมาเสียงหลง

บนถนนที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองชางบูหลายกิโลเมตร รถยนต์หลายคันเองก็ได้พุ่งมาด้วยความเร็วสูง รถAudiที่อยู่ตรงกลางนั้นถังหยุนเป็นกำลังมีท่าทางที่มืดมนขณะที่นึกถึงคำพูดของพ่อเขาเมื่อครู่นี้

“ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ต้องรับประกันความปลอดภัยของซิ่วน้อยและเหว่ยน้อยให้ได้ อย่างมากเราก็แค่ทิ้งจังหวัดฟูคังและกวนหยางไป หากว่าตระกูลเหยาเองมันกล้าที่จะสู้กับเราในจังหวัดอื่นพวกเราเองก็กล้าที่จะทุ่มสุดตัวเช่นกัน ”

ถังหยุนเป็งเองก็ได้รู้สึกเสียใจที่ตอบตกลงกับถังซิ่วเป็นอย่างมาก

เขารู้ว่าถังซิ่วเป็นเด็กหนุ่มที่มากความสามารถซึ่งเขาเปิดบริษัทของตัวเองได้โดยไม่พึ่งความช่วยเหลือของใครแม้แต่น้อย

ในกรณีนี้หากให้เวลาถังซิ่วอีกไม่กี่ปีก็จะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอนและหากว่ารวมกับการสนับสนุนของตระกูลถังแล้วเขาก็แทบไม่อยากจะนึกเลยว่าความแข็งแกร่งของถังซิ่วจะไปถึงระดับไหนกัน

แม้กระทั่งเขาสามารถเห็นภาพที่ตระกูลถังของเขาเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและคงใช้เวลาอีกไม่กี่ปีที่ตระกูลของเขาจะกลับไปสู่ยุคทอง

เมื่อถึงเวลานั้น

จะมีตระกูลไหนที่กล้าล่วงเกินตระกูลถัง ?

“ทั้งเมืองหลวงหรือทั้งประเทศนี้ยังมีเด็กหนุ่มคนไหนที่โดดเด่นไปกว่าถังซิ่วอีกหรอ ? เพื่ออนาคตของตระกูลถังแล้วเราก็ต้องแบกรับความทุกข์ทรมานนี้เอาไว้ ไม่ว่าจะต้องเสียสละเท่าไหร่หรือแม้ว่าฉันจะต้องเสียชีวิตไปก็ต้องรับประกันความปลอดภัยของเด็กคนนั้น”

ถังหยุนเป็งเองก็ได้หรี่ตาลงพร้อมกับตัดสินใจ