…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“เอาล่ะไม่จำเป็นต้องแจ้งตำรวจ หากว่ายังกล้าก่อปัญหาเราจะอัดพวกมันเอง ตอนนี้ก็ให้คนช่วยไปเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้หน่อยส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ให้ไปเก็บกับคนเหล่านี้ ”
“ได้ค่ะ ”
หญิงวัยกลางคนเองก็ไม่คิดเลยว่าถังซิ่วจะเป็นคนง่ายๆขนาดนี้ ทันใดนั้นเธอก็ได้มองไปที่เขาด้วยความรู้สึกขอบคุณ ต้องรู้ก่อนนะว่าหากเรื่องนี้ไปถึงหูตำรวจก็จะทำให้ร้านนี้เสียชื่อเสียงได้ ที่เธอพูดก่อนหน้านี้นั้นเธอเองก็ต้องการที่จะชดใช้ให้ถังซิ่วและอยากจะเชิญเขาออกไปคุยกันข้างนอกเพื่อไม่ให้เรื่องมันบานปลายไปถึงขั้นที่ต้องแจ้งความ
หลังจากนั้น
หญิงวัยกลางคนก็ได้นำตัวอันธพาลที่โดนอัดน่วมเหล่านี้ออกไปพร้อมกับย้ายห้องให้ถังซิ่วและคนอื่นๆ เซ่าเหลียงที่เพิ่งนั่งลงนั้นก็ได้ยกนิ้วโป้งขึ้นมาชื่นชมด้วยความตื่นเต้นว่า
“ลูกพี่ถัง นายมันสุดยอดไปเลย ฉันทำได้แค่ป้องกันเท่านั้นแต่กลับเพิ่งเห็นว่านายสามารถอัดพวกมันจนน่าอนาถขนาดนั้น ”
เยวี่ยไคเองก็ได้ถูมือกับท่อเหล็กก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ฉันเองก็ทุ่มสุดตัวไปกับพวกมันเลยไม่มีเวลาไปมองการเคลื่อนไหวของนาย นายทำได้อย่างไร นี่มันเหมือนกับผู้ฝึกวิทยายุทธจากในนิยายเลยนะ ?”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยายุทธหรอกแต่ก็พอจะสู้ได้แบบงูๆปลาๆบ้าง หากว่าต้องสู้กับผู้เชี่ยวชาญจริงๆฉันก็คงไม่ใช่คู่มือของมันหรอก แค่การที่จะทุบตีอันธพาลไม่กี่คนนั้นไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่เพราะหากพวกมันต้องการจะทุบตีเรา เราก็ต้องตอบโต้ อะไรที่ใช้ได้ก็ใช้ จานชามก็เอาไปฟาดมันให้หมอบไปเลย ”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้ตบไปที่บ่าของถังซิ่วก่อนที่จะพูดว่า
“ในเมื่อพวกเขาเรียกนายว่าลูกพี่งั้นฉันก็จะเรียกแบบนั้นเหมือนกัน ! ขอบคุณที่ช่วยกันฝ่าฟันไปด้วยกันนะ ฉันจะจดจำเรื่องเหล่านี้ไว้ในใจหากว่าพวกนายมีปัญหาอะไรในอนาคตก็สามารถเรียกฉันได้เลย ฉันพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อพวกนาย”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เรื่องเล็กหน่า ไม่จำเป็นต้องสนใจหรอก ”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า
“หากว่าวันนี้ไม่ได้พวกนายก็รับรองเลยว่าฉันต้องจบแบบไม่สวยแน่ ต้องโทษฉันเองแหละที่ไม่คิดหน้าคิดหลังที่ไปต่อยพวกอันธพาลเหล่านั้นแต่พวกมันกลับมีคนคอยหนุนหลัง ไม่จำเป็นต้องพูดขอบคุณกันให้เยอะ มาเถอะในระหว่างที่อาหารยังไม่มาเราก็มาดื่มไวน์กันดีกว่า”
“มา ”
“ดื่ม !”
เยวี่ยไคและเซ่าเหลียงเองก็ได้พูดออกมาทันที
การต่อสู้ด้วยความบังเอิญนี้เป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกสร้างขึ้นยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเองก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย
เมื่อทานอาหารเสร็จ
พวกเขาทั้งสี่คนเองก็ได้กอดคอกันออกนอกร้านอาหารเหมือนคนเมา
ฮูชิงซ่งที่เป็นคนคอแข็งนั้นก็ได้ดื่มเหล้าไปเยอะมาก เยวี่ยไคและเซ่าเหลียงเองก็เดินส่ายไปส่ายมาก่อนที่ฮูชิงซ่งจะมองไปที่ถังซิ่วแล้วถามออกมาว่า
“ลูกพี่ เราไปไหนกันดี ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“กลับไปที่โรงเรียนกัน ไปส่งพวกเขาที่หอพัก ”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้พยักหน้าพร้อมพูดว่า
“เอางั้นแล้วกัน ไม่คิดเลยว่าเยวี่ยไคเองก็เป็นคนคอแข็งเหมือนกันนะถึงเซ่าเหลียงจะธรรมดาๆก็เถอะ ดื่มไปแค่ไม่กี่ขวดก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“ได้ยินมาว่าคนทางเหนือคอแข็ง วันนี้ฉันได้สัมผัสแล้วล่ะ ”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วตอบว่า
“ลูกพี่ อย่าได้อวยฉันเลย แม้ว่าฉันจะยังสามารถยืนได้แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับนายได้เลย นายดื่มไปมากกว่าฉันแต่กลับทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ ฉันเดาว่าหากว่าให้นายดื่มอีกนายก็ยังไหวแน่นอน”
ถังซิ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ก่อนที่จะพูดว่า
“หากว่าดื่มมากกว่านี้ฉันก็เกรงว่านายจะไม่ได้แบกแค่2คนแต่ต้องแบกฉันด้วยอีกคน”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“หลังจากนี้ถ้ามีเวลาว่างเราต้องมาแข่งกันหน่อยแล้ว ”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับเอากุญแจรถมาจากกระเป๋ากางเกงของเยวี่ยไคก่อนที่จะส่งพวกเขาไปนั่งที่นั่งด้านท้ายและตัวเองนั่งข้างคนขับแล้วพูดว่า
“จะยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ ขึ้นมาสิ ”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้ถามออกมาด้วยใบหน้าที่ชื่นชมว่า
“นี่รถนายงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“นี่มันของเยวี่ยไค เขาเป็นลูกหลานคนรวยน่ะ ”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้ชื่นชมออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าเขาคงจะสามารถจีบสาวได้ด้วยดีเลยสินะ BMW นะ แม่ยายเถอะ ! นักศึกษาขับBMW ……..”
ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะขับออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงหอพักแล้วถังซิ่วเองก็ไม่ได้พบกับเพื่อนร่วมหอคนสุดท้ายเพราะเขายังไม่มาถึง ถังซิ่วได้ทักทายกับคนอื่นๆก่อนที่จะกลับไปที่ห้องของเขา
“ลูกพี่ถัง มีอะไรในช่วงบ่ายหรือเปล่า ?”
ฮูชิงซ่งได้ถามออกมาด้วยความสงสัย
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ตั้งใจว่าจะออกไปเที่ยวเล่นน่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่มาที่นี่และยังไม่ได้ไปไหนเลย ฉันคิดว่าหลังจากที่มหาวิทยาลัยเปิดจริงๆแล้วคงไม่ค่อยมีเวลาไปเดินเที่ยวนัก ”
ฮูชิงซ่งได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ลูกพี่ถัง ฉันได้ยินว่านายเป็นที่หนึ่งของจังหวัดชวนฉิงในวิชาวิทยาศาสตร์นิ ดูเหมือนว่าหลังจากที่จบการฝึกทหารแล้วนายคงจะหมกตัวอ่านหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัยสินะ ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ใช่แหละถ้าไม่ติดปัญหาอะไรนะ ”
ฮูชิงซ่งได้พูดออกมาว่า
“งั้นฉันจะออกไปด้วย ! ยังไงช่วงบ่ายฉันก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ”
ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า
“ก่อนหน้านี้เยวี่ยไคได้บอกมาว่าในหอนี้จะมีการนัดพบกันตอนเย็นและฉันเองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการดังนั้นคงไม่ได้เข้าร่วม หากว่านายไปกับฉันก็จะไม่ได้เข้าร่วมเช่นกันนะ ”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
“ไม่เข้าก็ไม่เข้า ยังไงเดี๋ยวก็ได้ออกไปดื่มด้วยกันวันหลังอยู่แล้ว เราออกไปเที่ยวกันดีกว่า ลูกพี่ถังรู้ไหมว่าตั้งแต่ที่ฉันได้ก้าวขาออกจากรถไฟแล้วก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่สดชื่นและปลดปล่อยเพราะฉันไม่ต้องถูกพ่อคอยควบคุมแล้ว”
ถังซิ่วได้มองไปที่ตาของเขาก่อนที่จะพูดออกมาอย่างสงบว่า
“มันดีแล้วที่ยังมีคนคอยดูแลหรือควบคุม ”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะชี้ไปที่กุญแจแล้วถามออกมาว่า
“เราไม่ขับรถไปงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า
“รถเป็นของเยวี่ยไค มันจะต้องเป็นปัญหาแน่นอนหากว่าเขาตื่นขึ้นแล้วต้องการออกไปข้างนอก เราจะไปรถแท็กซี่กัน”
“ได้ ”
ฮูชิงซ่งได้พยักหน้าตาม
ตลอดเวลาช่วงบ่ายนี้ถังซิ่วและฮูชิงซ่งได้เที่ยวไปทั่ว พวกเขาได้ไปเที่ยวแถวๆแม่น้ำฮ่วงปูและตึกไข่มุก ดื่มกาแฟที่ถนนหนานจิงและไหว้พระที่วัดประจำเมืองก่อนที่จะไปยังพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เมื่อถึงช่วงเย็นถังซิ่วก็ได้รับสายจากฮั่นชิงหวู
“ถังซิ่ว เธออยู่ที่ไหนกัน ? ”
เสียงมีความสุขของฮั่นชิงหวูได้ถูกส่งผ่านมาทางปลายสาย
ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“อยู่ที่ทางเข้าพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับเพื่อนที่หอพัก เราเดินเที่ยวไปทั่วเซี่ยงไฮ้ในช่วงบ่ายวันนี้และไม่คิดเลยว่าจะนานขนาดนี้ ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้พูดออกมาว่า
“พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ? ฉันรู้จักที่นั่น เราจะนัดกันที่ไหน ? เราไปทานอาหารเย็นกัน ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ไปรอที่ห้องอาหารร้อยงานฉลองสาขาเซี่ยงไฮ้ได้เลย เดี๋ยวพวกเราสองคนจะนั่งรถแท็กซี่ไปที่นั่น ”
“ได้ ”
ฮั่นชิงหวูได้ตอบตกลง
ถังซิ่วได้เก็บโทรศัพท์พร้อมมองไปทางฮูชิงซ่ง
“ช่วงเย็นครูฮั่นจะมาทานอาหารกับเรา สถานที่เองก็ได้ถูกเลือกไว้แล้วเราจะไปที่นั่นทันที ”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า
“ครูฮั่นคือใคร ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ครูประจำชั้นของเรา ฮั่นชิงหวู ”
ฮูชิงซ่งถึงกับหวาดผวาก่อนที่จะมองไปที่ถังซิ่วด้วยความไม่อยากจะเชื่อแล้วโห่ร้องออกมาว่า
“ฮั่นชิงหวู ครูฮั่นจะมาทานอาหารเย็นกับเรางั้นหรอ ? นาย…….นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันล้อเล่นแล้วได้อะไรกัน ? แค่ไปทานอาหารด้วยกันเอง มันจะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดตรงไหนกัน ? ”
ฮูชิงซ่งได้พูดออกมาว่า
“ไม่แปลกได้ไงกัน นี่เพิ่งจะเป็นวันรายงานตัววันแรกนะแต่ไม่คิดเลยว่านายจะรวดเร็วขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้นเป้าหมายคือครูฮั่นอีก เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆและฉันแทบจะไม่มองไปทางอื่นเลยตั้งแต่ที่พบเธอ ”
ถังซิ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ก่อนที่จะพูดว่า
“ฮั่นชิงหวูเป็นอาจารย์ประจำชั้นของฉันตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว ฉันเองก็ไม่คิดเลยว่าอยู่ดีๆเธอจะมาเข้าเป็นคุณครูที่นี่ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นครูประจำชั้นของห้องเราอีกดังนั้นเราจึงแค่ไปทานอาหารกันเท่านั้น”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าทำไมเยวี่ยไคและเซ่าเหลียงถึงได้เรียกนายว่าลูกพี่ ความสามารถในการจีบหญิงของนายนี่มันสุดยอดจริงๆ ไม่คิดเลยว่าครูฮั่นจะถูกนายชิงหัวใจไปตั้งแต่สมัยมัธยม นายมันสุดยอดจริงๆเลยลูกพี่”
“ไปไกลๆเลยไป ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปอย่างอับอาย
ห้องอาหารร้อยงานฉลองสาขาเซี่ยงไฮ้
ห้องอาหารแบบ8เหลี่ยมซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางพร้อมทั้งบรรยากาศที่ดีตรงลานจอดรถแต่ที่หน้าประตูทางเข้าเองก็มีชายรูปร่างกำยำอยู่สี่คนซึ่งยืนรักษาการอยู่ตรงนั้น ข้างๆพวกเขาเองก็มีหญิงสาวสวยสวมชุดกี้เพ้ายืนต้อนรับแขกต่างๆอย่างอบอุ่น
ในห้องอาหาร
ที่ชั้นแรกนั้นเป็นห้องอาหารที่ถูกตกแต่งแนวไม้สลักพร้อมกับโต๊ะที่มีแสง7สีส่องไปทั่วทุกพื้นที่ซึ่งทำให้มันสวยงามเป็นอย่างมาก
ห้องอาหารร้อยงานฉลองสาขาเซี่ยงไฮ้เองก็ถูกบริหารโดยเทียนหลี่เช่นกันทว่าเทียนหลี่ต้องกลับไปฝึกที่เกาะจิงเหมินดังนั้นจึงได้ให้รองผู้จัดการของแต่ละที่ดูแลกันไป รองผู้จัดการของสาขาเซี่ยงไฮ้นั้นเป็นสมาชิกหลักของห้องอาหารซึ่งเธอมีชื่อว่า ฉีหนาน
ณ ตอนนี้
ฉีหนานเพิ่งกลับออกมาจากด้านนอนพร้อมกับมองไปที่ฉากคึกคักในร้านอาหารและรู้สึกสิ้นหวัง เธอต้องการไปที่เกาะจิงเหมินเช่นกันเพราะที่นั่นสามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างสบายใจแถมบางครั้งยังได้ออกไปทำภารกิจลับต่างๆ
“หัวหน้าฉี ห้องวีไอพีที่ชั้น4ได้ถูกใช้ไปโดยเหมี่ยวเหวินถังซึ่งนำเพื่อนมาหลายคน ผมได้สั่งให้คนนำไวน์และอาหารชั้นเลิศไปเสิร์ฟแล้ว”
ผู้จัดการฝ่ายต้อนรับก็ได้เดินมาแจ้งด้วยความเคารพ
แขกผู้ทรงเกียรติ ?
เหมี่ยวเหวินถัง ?
ฉีหนานเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ฉันเข้าใจแล้ว ไปจัดการเรื่องที่ต้องทำเถอะ ! เดี๋ยวฉันจะจัดการที่เหลือเอง”
“ได้ครับ !”