…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ฮูชิงซ่งเองก็ได้จับมือกับพวกเขาก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“หลังจากนี้เราเป็นพี่น้องกัน ฉันเป็นคนจากทางเหนือซึ่งพวกเราเป็นคนที่ตรงไปตรงมา ตราบใดที่จริงใจกับฉันก็รับรองได้เลยว่าฉันจะไม่เล่นลูกไม้อะไรแน่นอน ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคนทางเหนือเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเพราะฉันเองก็เพิ่งได้เพื่อนจากคนทางเหนือเช่นกัน”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้ลูบคางของเขาพร้อมปาดเลือดที่ริมผีปากแล้วพูดว่า

“ตอนแรกฉันก็เผลอคิดว่าจะเข้ากันไม่ได้กับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเสียอีก ดูเหมือนว่าฉันจะตื่นกลัวไปเองนะเนี่ย มาเถอะเรามาดื่มกัน วันนี้ใครเป็นคนเลี้ยงงั้นหรอ ? แค่นี้จะพอ ? ”

เยวี่ยไคเองก็ชอบที่ฮูชิงซ่งเป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกัน เขาได้ตบไปที่หน้าอกตัวเองพร้อมกับพูดว่า

“มันพออย่างแน่นอนตราบใดที่นายกล้าดื่มฉันก็กล้าสั่งเพิ่มอย่างไรก็ตามไวน์สองขวดนี้ฉันได้ขโมยมาจากพ่อดังนั้นหลังจากสองขวดนี้แล้วก็ไม่มีอีกแล้ว เราคงจะต้องหาไวน์จากทางร้านเอา”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้ยกแก้วขึ้นมาพร้อมทั้งชื่นชมออกมาว่า

“หมดแก้วกันเพื่อนเยวี่ยไค หลังจากดื่มเสร็จแล้วเรามาหาเรื่องอะไรพูดคุยกันเถอะ”

“หมดแก้ว”

ไวน์หนึ่งแก้วก็ได้ตกถึงท้องของทุกคน

เยวี่ยไคได้สำรวจไปที่แผลฟกช้ำบนใบหน้าของฮูชิงซ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า

“เพื่อนฮู ไหนบอกมาสิว่าใครสร้างปัญหาให้นายระหว่างทางมา ? ในเมื่อเราดื่มกันแล้วก็ถือว่าเราเป็นเพื่อนกัน หากว่าใครกล้าหาเรื่องเราก็จะต้องกระทืบมัน”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า

“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนหน้านี้ฉันเห็นว่าใครบางคนกำลังลวนลามเด็กสาวอยู่ดังนั้นก็เลยจัดการพวกมันซะ ฉันสู้กับพวกมัน1ต่อ4และมันก็กลัวจนวิ่งหางจุกตูดกลับไปแล้ว อย่างไรก็ตาม……ฉันเองก็โดนมาไม่น้อยเลยล่ะ”

เยวี่ยไคเองก็ได้ถามออกมาด้วยความตกตะลึงว่า

“นายสู้กับคน4คนงั้นหรอ ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“แน่นอนสิ ก่อนหน้านี้ฉันเรียนอยู่โรงเรียนนักกีฬาและจริงๆแล้วฉันไม่ได้เลือกเรียนคณะนี้แต่ถูกบังคับมา พวกนายรู้ไหมว่าตั้งแต่ที่ตระกูลเราไม่สามารถหาหลุมศพบรรพบุรุษได้พ่อของฉันก็แทบจะเหมือนผีสิง เขาได้ทำทุกวิถีทางและแม้กระทั่งไปหานักโบราณคดีจากเมืองหลวงแต่ก็ยังไม่มีใครสามารถหาหลุมศพนั่นพบ ฉันกลัวว่าเขาจะเครียดตายดังนั้นเลยต้องมาเข้าคณะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์นี่ล่ะ ”

เซ่าเหลียงเองก็ได้หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า

“ดูเหมือนว่าพ่อของนายนี่จะเลอะเทอะไปหน่อยมั้ง”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้ตบไปที่ขาของเขาพร้อมกับพูดออกมาในเชิงเห็นด้วยว่า

“มีนักดูฮวงจุ้ยคนหนึ่งมาบอกว่ามันเป็นเพราะฮวงจุ้ยของบรรพบุรุษนั้นเปลี่ยนไปจึงทำให้หลุมฝังศพนั้นเคลื่อนที่ นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ ฉันเองก็ถามพ่อแล้วเหมือนกันว่าจะให้ฉันเรียนประวัติศาสตร์ไปทำไม น่าจะให้ฉันไปเรียนฮวงจุ้ยแบบนั้นด้วย”

“พุฟ…….”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า …”

เยวี่ยไคและฮูชิงซ่งเองก็ได้หัวเราะออกมาพร้อมกัน

แม้ว่าถังซิ่วจะแสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาแต่ก็กำลังคิดถึงคำพูดของฮูชิงซงเช่นกัน “สภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงเพราะฮวงจุ้ยเปลี่ยนไป”

เขาเข้าใจเกี่ยวกับค่ายกลและความหมายของมันดี บางที่อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมรอบๆข้างจึงทำให้ฮวงจุ้ยเปลี่ยนไปและอาจจะทำให้โชคดีมากๆ

ถังซิ่วที่ได้เงียบไปนั้นก็ได้เปิดปากถามออกมาว่า

“ฮูชิงซ่ง ฉันถามอะไรอย่างได้ไหม ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้โบกมือพร้อมกับพูดว่า

“เพื่อนถัง มีอะไรก็ถามมาเลย ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“ในเมื่อหลุมศพบรรพชนของตระกูลนายหายไปแล้ว มันมีเรื่องสำคัญอะไรที่เกิดขึ้นในตระกูลของนายบ้างหรือเปล่า ? งานฉลองหรืองานศพอะไรพวกนี้ ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้ชะงักไปพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“งานศพไม่มีที่มีงานฉลองอยู่บ้าง พี่ชายของฉันได้ภรรยาที่สวยมากๆและพี่สะใภ้เองก็ได้ลูกแฝดมา เด็กทั้งสองแข็งแรงดีมากและในอนาคตก็คงไม่ต่างอะไรจากฉันที่สามารถปกป้องตัวเองได้ อ่อใช่พ่อของฉันเองก็ได้รับกำไรมาจากธุรกิจเช่นกัน ตอนแรกฉันเองก็ตั้งใจที่จะมาเลี้ยงอาหารในวันนี้แต่ดันถูกตัดหน้าไปโดยเพื่อนเยวี่ยไคซะได้”

ถังซิ่วเองก็เข้าใจได้ทันทีว่ายังดีที่การที่ฮวงจุ้ยเปลี่ยนไปนั้นมันเป็นไปในทางที่ดี

“โคร๊ม……..”

ประตูของห้องได้ถูกถีบเข้ามาจากด้านนอก

ชายหลายคนเองก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับท่อเหล็กและมีด พวกมันได้มองมาที่พวกเขาทั้งสี่และด้านๆหลังพวกมันเองก็มีชายหนุ่ม4คนที่หน้าตาฟกช้ำ

“พี่ชาย ไอ้คนที่หน้ามีรอยฟกช้ำนั่นแหละ ”

ชายหนุ่มคนนั้นเองก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

ชายวัยกลางคนเองก็ได้มองไปที่ฮูชิงซ่งก่อนที่จะแสยะออกมาแล้วพูดว่า

“ไอ้เด็กน้อย แกงั้นหรอที่ทำร้ายน้องๆเหล่านี้ ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้มองไปที่คนเหล่านี้ที่แววตาดุร้ายพร้อมกับความตั้งใจที่ชั่วร้ายของพวกมันจึงได้ตบไปที่โต๊ะพร้อมทั้งชี้ไปที่เยวี่ยไคและถังซิ่วก่อนที่จะพูดว่า

“เวรเอ้ย ฉันก็คิดว่าพวกแกเป็นเพื่อนที่หอพักเสียอีก พวกแกกลับเป็นคนของไอ้พวกนี้งั้นหรอ รู้งี้ฉันน่าตื้บพวกแกไปก่อนแล้ว จะเริ่มเลยไหม ? ”

เยวี่ยไคและเซ่าเหลียงเองก็ถึงกับตกตะลึง

ทันใดนั้น

เยวี่ยไคเองก็ได้หยิบขวดขึ้นมาพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า

“ฮูชิงซง นายทำงี้หมายความว่าไง ? เราเพิ่งจะเป็นเพื่อนกันเมื่อกี้นะ ตอนนี้จำไม่ได้แล้วหรอ ? ฉันบอกไว้ก่อนเลยว่าเราเป็นเพื่อนร่วมหอพักกันแล้วและหากใครกล้าหาเรื่องนายรับรองเลยว่าฉันจะจัดการมัน”

เซ่าเหลียงเองก็แสดงความรู้สึกกลัวออกมาแต่ก็ยังหยิบขวนไวน์ขึ้นมาเช่นกัน

ถังซิ่วที่ได้เห็นว่าฮูชิงซ่งจะพูดอะไรต่อนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะตบไปที่บ่าเขาแล้วพูดว่า

“เอาล่ะ พอได้แล้ว ฉันรู้ว่านายตั้งใจพูดอย่างนั้นก็เพื่อที่จะไม่ให้เราเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างไรก็ตามเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันแล้วก็ต้องช่วยเหลือกัน ”

“แปะ แปะ แปะ !!!!”

ชายวัยกลางคนเองก็ได้ปรบมือพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ดีมาก ตอนนี้ยังมีคนที่นิสัยแบบนายเหลืออยู่ไม่มาก! พวกนายคิดว่าแค่พวกนายสี่คนจะสามารถออกไปจากห้องอาหารนี้ได้งั้นหรอ ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาว่า

“จะออกไปได้ไหมก็ไม่ใช่อะไรที่ขึ้นอยู่กับแก ใครมันกล้าที่จะลงมือฉันจะฆ่ามัน ”

ชายวันกลางคนเองก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า

“ฉันเองก็แค่อยากจะมาพูดคุยกับพวกนายดูก่อนแต่ไม่คิดเลยว่าพวกแกจะไร้มารยาทขนาดนี้ ทุบตีพวกมันซะ ”

ใบพริบตานั้นชายหนุ่มหลายคนเองก็เริ่มที่จะเหวี่ยงท่อเหล็กและมีดไปทางถังซิ่วและคนอื่นๆ ชายอีก 5-6 คนเองก็เริ่มที่จะพุ่งไปทางเยวี่ยไคและเซ่าเหลียง

“ปึ้กกก ปึ้กกก……..”

ถังซิ่วได้แย่งท่อเหล็กมาและแต่ละครั้งที่เขาเคลื่อนไหวเองก็สามารถล้มชายหนุ่มไปได้หลายคน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขายกโต๊ะอาหารขึ้นมาแล้วทุ่มไปทางชายหนุ่มหลายคนที่กำลังจะเข้าไปหาเยวี่ยไค

ท่าทางของชายวัยกลางคนเองก็เปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับหยิบมีดออกมาแล้วกระโจนเข้าใส่ถังซิ่ว

“ไสหัวไปซะ ”

ถังซิ่วถีบอัดไปที่หน้าอกของฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับชกไปที่แขนของเขา ขณะที่มีดหล่นลงไปตรงพื้นนั้นถังซิ่วเองก็ได้ตบไปที่ใบหน้าของเขาอีกครั้ง

“หยุดเดียวนี้ !”

ชายหนุ่มคนอื่นๆที่กำลังคลานอยู่ตรงพื้นเองก็หยุดทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงของถังซิ่ว

ถังซิ่วได้ยกขาขึ้นมาเหยียบไปบนใบหน้าของชายวัยกลางคนพร้อมกับแสยะออกมาว่า

“พวกแกออกไปจากห้องนี้ไม่ได้แล้ว แกกล้าที่จะขัดจังหวะการทานอาหารของพวกเราและหากว่าพวกแกไม่มีข้อแก้ตัวที่ดีพอก็คงจะต้องหักขาพวกแกทั้งหมดก่อนที่จะให้ขอขมาพวกเราแล้วคลานออกไป”

ชายหนุ่ม5-6คนเองก็ได้มองไปที่ชายวัยกลางคนที่อยู่ใต้เท้าของถังซิ่วพร้อมกับชายคนอื่นๆที่โดนทุบตีอย่างทารุณด้วยใบหน้าที่สิ้นหวัง

ถังซิ่วได้มองไปที่เซ่าเหลียงพร้อมกับพูดว่า

“ไปหาคนรับผิดชอบห้องอาหารนี้มา เราทานอาหารอยู่แต่กลับถูกรบกวนโดยอันธพาลเหล่านี้ นี่เป็นความรับผิดชอบของทางร้านอาหาร”

“ได้ ฉันจะไปเอง ”

เซ่าเหลียงเองก็คิดว่าวันนี้จะต้องถูกทุบจนต้องนอนโรงพยาบาลแน่นอนแต่ใครจะไปคิดว่าถังซิ่วจะมีพลังขนาดนั้นกัน มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปที่ทางเดินทันที

หลังจากผ่านไป 2 นาที

เซ่าเหลียงเองก็ได้ทำผู้หญิงวัยกลางคนและหน่วยรักษาความปลอดภัยมาที่นี่สี่คน

หญิงวัยกลางคนเองก็ได้มองไปที่ฉากตรงหน้าพร้อมกับชะงักไปครู่หนึ่งแล้วมองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดว่า

“ฉันได้รับรายงานมาว่ามีคนมาสร้างความวุ่นวาย”

ถังซิ่วได้แสยะออกมาแล้วพูดว่า

“รายงาน ? เสียงการต่อสู้ของเราเมื่อครู่นี้เองก็ไม่ใช่เบาๆอย่าบอกนะว่าไม่มีใครในร้านอาหารได้ยินเลย ? ”

หญิงวัยกลางคนเองก็ได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่จะพูดว่า

“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่ห้องนี้มันเป็นห้องปิดกั้นเสียงและเราเองก็เห็นว่าคุณยังไม่ออกมาจึงไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ครั้งแรกที่ฉันเห็นพวกเขาเดินเข้าไปก็คิดว่าพวกเขามาทานอาหาร ฉันขอแนะนำตัวก่อนว่าฉันเป็นผู้จัดการของร้านนี้มีชื่อว่า เสวี่ย”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ฉันไม่สนใจหรอกแต่ฉันอยากจะถามว่าเราทานอาหารในร้านของคุณแต่กลับถูกอันธพาลเหล่านี้มารุมทำร้าย คุณต้องรับผิดชอบไหม ?”

หญิงวัยกลางคนเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“เรารับผิดชอบค่ะ ไปจับพวกมันเอาไว้ ! หลังจากนี้เราจะแจ้งตำรวจและค่าอาหารทั้งหมดของคุณในวันนี้จะถูกยกเว้น”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมพูดว่า

“ไม่จำเป็นต้องละเว้น ”

เมื่อพูดจบถังซิ่วเองก็ได้เตะชายวัยกลางคนพร้อมกับจ้องมองเขาที่กำลังตะเกียกตะกายแล้วพูดว่า

“แกทำให้พวกฉันหมดอารมณ์ทานอาหารดังนั้นแกต้องเป็นคนจ่ายค่าอาหาร”

“ฉันจะจ่าย !”

ชายวัยกลางคนเองก็ถูกทุบตีอย่างโหดร้าย ตอนนี้เขารู้สึกปวดไปทั่วหน้าอกพร้อมกับลมหายใจที่ติดขัด เขาไม่คิดเลยว่าไม่ใช่แค่ไอ้เด็กหนุ่มที่สามารถล้มคนทั้ง4ไปได้จะแข็งแกร่งแต่ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าอีก