…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ป่าไผ่ที่ตกแต่งแบบตะวันตกพร้อมกับสิ่งก่อสร้างอีก3หลัง เมื่อถังซิ่วมาถึงที่จอดรถแล้วเลขาฯของหลี่จูเหลินเองก็ได้มาต้อนรับเขาพร้อมกับนำเขาเข้าไปในห้องทันที

“สวัสดีน้องชายถัง ”

หลี่จูเหลิงเองก็ได้ต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะจับมือกับเขาแล้วพูดว่า

“ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ต้องลำบากออกมาด้วยตัวเอง จริงๆแล้วผมต้องการจะปรึกษาเรื่องธุรกิจกับคุณ ”

หลี่จูเหลิงเองก็ได้เชิญให้ถังซิ่วนั่งลงพร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัยว่า

“เรื่องอะไรงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“เท่าที่ผมรู้มาคือคุณเองก็มีบริษัทขนส่งใช่ไหม ? ผมต้องการที่จะเช่าเรือของคุณส่วนเรื่องระยะเวลานั้นไม่แน่นอนแต่ผมจะจ่ายเป็นรายเดือน”

หลี่จูเหลินเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสบว่า

“แล้วน้องชายจะเช่าเรือเหล่านี้ไปทำอะไรงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ผมได้ซื้อเกาะส่วนตัวไว้ที่มหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งกำลังจัดทำโครงการขนาดใหญ่ซึ่งต้องใช้เรือบรรทุกสินค้าจำนวนมาก จริงๆแล้วผมเองก็ได้เช่าเรือบรรทุกสินค้าจากเกาะไซปันพร้อมกับสั่งซื้อเครื่องบินบรรทุกมาเช่นกันแต่ว่ามันยังห่างไกลกับคำว่าพอ ”

หลี่จูเหลินเองก็ได้ถามออกมาว่า

“ต้องการมากแค่ไหนกัน ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“20ลำ”

หลี่จูเหลิงเองก็ได้ชื่นชมออกมาว่า

“น้องชายนี่สุดยอดจริงๆ ฉันจะให้เธอเช่าทั้ง20ลำส่วนเรื่องระยะเวลาก็เอาตามที่สะดวกเลย ค่าจ้างนั้นไม่เป็นไรเพราะฉันเองก็ได้ติดหนี้บุญคุณห้องอาหารร้อยงานฉลองอยู่มากมายหากว่าฉันยังจะรับเงินอีกก็คงจะไม่เหมาะเท่าไหร่”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“ธุรกิจก็คือธุรกิจ เงินเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ คุณว่าราคามาได้เลยไม่เช่นนั้นผมจะไปขอเช่าจากที่อื่น ”

หลี่จูเหลินเองก็ได้ใช่ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“เอาเถอะ ในเมื่อเธอพูดถึงขนาดนี้ฉันรับเงินไว้ก็ได้ เรื่องราคา……แล้วแต่เธอเลยแล้วกัน”

ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เอางั้นแล้วกัน หลังจากนี้ผมจะให้เพื่อนของผมโทรหาคุณเพื่อนัดเจอและตกลงกันที่เกาะฮ่องกงนี่แล้วกัน”

หลี่จูเหลินเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัยว่า

“น้องชายถัง ดูเหมือนว่าราคาและค่าใช้จ่ายในการแต่งเติมตัวเกาะที่เธอซื้อไว้คงจะไม่น้อยเลยใช่ไหม ? ฉันอยากจะรู้ว่าทำไมถึงได้ไปซื้อเกาะที่ห่างไกล ? หรือว่าเธออยากจะละจากเรื่องทางโลกงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่ใช่ละจากเรื่องทางโลกหรอกแต่เพราะหลังจากนี้เองก็จะมีเครื่องบินและรถยนต์อีกมายมาย จริงๆแล้วผมอยากจะสร้างสวรรค์ของตัวเองซึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ”

หลี่จูเหลินได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ขนาดรู้ว่าค่าใช้จ่ายมหาศาลแล้วเธอยังจะทำอีกนะ ! มาเถอะ ……. ดื่มชาชั้นเลิศของที่นี่กัน รสชาติของมันดีมากๆเลยล่ะ”

“อื่ม ถือว่าใช้ได้ ”

ถังซิ่วเองก็ได้ปรึกษากับหลี่จูเหลินอยู่กว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะรีบจากไปทันที หลังจากนั้นเขาก็ได้โทรไปหาเฮาเหล่เพื่อเช็คราคาของค่าเช่าเรือ หลังจากที่เขาทราบราคาแล้วก็ได้โอนเงินไปให้หลีจูเหลินทันที

ในช่วงเย็น

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปทางหยีเหลียนหยานที่กำลังแบกถุงสินค้าอยู่มากมายก่อนทีจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ดูเหมือนว่าจะได้อะไรมาเยอะเลยสินะ !”

หยีเหลียนหยานเองก็ได้ทิ้งของไว้บนโซฟาก่อนที่จะปาดเหงื่อของเธอแล้วฝืนยิ้ม

“เห้อ ฉันละรู้สึกเสียใจจริงๆที่ออกไปซื้อของ อากาศโครตจะบรรลัยร้อนเลย เห็นกล่องสีขาวนั่นไหม ? ฉันให้นายเป็นของขวัญสำหรับที่ดูแลฉันช่วงที่ผ่านมา”

ของขวัญ ?

ถังซิ่วเองไม่ค่อยจะได้รับของขวัญเท่าไหร่จึงได้สงสัยเป็นอย่างมากว่าเธอซื้ออะไรมาให้เขา อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเปิดกล่องออกแล้วก็มองอย่างโง่งมทันทีก่อนที่จะถามว่า

“เธอแน่ใจนะว่านี่ซื้อมาเป็นของขวัญให้ฉัน ? ”

ในกล่องสีขาว

มีตุ๊กตานำโชคสีม่วงน่ารักๆขนาดเท่าฝ่ามือวางเอาไว้

หยีเหลียนหยานเองก็ได้พูดออกมาว่า

“แน่นอนอยู่แล้วว่าซื้อมาเป็นของขวัญให้นายไง ฉันเลือกมันอยู่ตั้งนานเพราะจิตสังหารของนายมันหนาแน่นมากๆซึ่งดูแล้วไม่น่าเข้าใกล้เสียเท่าไหร่ หากว่าคนแปลกหน้าได้มาเห็นก็คงจะเดินหนีอย่างแน่นอนดังนั้นฉันจึงคิดว่าพวงกุญแจจำโชคนี้น่าจะเหมาะกับนาย”

ถังซิ่วได้ชะงักไปก่อนที่จะถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“จิตสังหารของฉันรุนแรงขนาดนั้นเลยหรอ ? ”

หยีเหลียนหยานเองก็ได้นึกถึงภาพวินาทีแรกที่ได้พบกับถังซิ่วทันที ทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือดพร้อมกับท่าทางที่เคร่งขรึมก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า

“แม้ว่าฉันจะรู้ว่าการฆ่าพวกโจรสลัดนั้นเป็นสิ่งที่ดีแต่มันก็ยังเป็นการฆ่าคนอยู่ดี ฉันกลัวว่านายนะได้รับกรรมดังนั้นจึงได้ซื้อของชิ้นนี้มาให้ หากว่านายไม่พอใจก็เอามาเดี๋ยวฉันจะเอากลับไปคืน”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันพอใจ ขอบคุณนะ ”

หยีเหลียนหยานเองก็ได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น

ถังซิ่วได้มองไปที่หยีเหลียนหยานที่กำลังเดินเข้าไปที่ประตูขาออกของสนามบิน หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วเขาเองก็ได้นั่งเครื่องไปเหมือนกันแต่จุดหมายไม่ใช่บลูซิตี้ทว่าเป็นเกาะจิงเหมิน เมื่อเขามาถึงที่ห้องอาหารร้อยงานฉลองนั้นก็เป็นเวลา10โมงเช้าแล้ว

“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านต้องการมาหาท่านอาจารย์งั้นหรอค่ะ ? ”

กู่เสี่ยวเสวี่ยที่ได้เห็นถังซิ่วนั้นก็ได้ถามออกมาทันที

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ใช่แล้ว ข้าต้องการที่จะพบเธอยิ่งไปกว่านั้นไปเอาโสมป่าพันปีที่ได้มาจากฮ่องกงมาด้วยข้าจำเป็นต้องกลั่นยาให้เธอ”

กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ตอนนี้โสมพันปีอยู่กับผู้อาวุโสจี่ค่ะ หลังจากที่ท่านกลับมาแล้วก็ได้เก็บมันไว้ในห้องเก็บสมุนไพรในเจดีย์ทองคำ ตอนนี้ท่านก็น่าจะบ่มเพาะพลังอยู่ที่นั่นเช่นกันค่ะ”

ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ไปถึงที่เจดีย์ทองคำพร้อมกับเอาโสมป่ามาจากจี่ฉีเหม่ยแล้วไปหากู่หยานเอ๋อที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง

“ครั้งก่อนที่เธอตื่นขึ้นใช้เวลาไปนานแค่ไหนกัน ? ”

“5เดือนค่ะ ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“หากเทียบจากหลักของการฟื้นสติแล้วเธอต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ถึงจะฟื้นขึ้นมา?”

กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“น่าจะประมาณ1เดือนค่ะ อย่างไรก็ตามท่านอาจารย์ได้รับยาไปแล้วก็น่าจะทำให้ท่านฟื้นขึ้นเร็วกว่าเดิมค่ะ”

ถังซิ่วได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ข้าจะกลับไปที่เมืองสตาร์ซิตี้ในวันนี้ วันที่1ของเดือนกันยายนเองก็จะเริ่มเปิดเรียนแล้วดังนั้นข้าต้องกลับไปรายงานตัว เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะไปขอยืมเครื่องบินส่วนตัวของลูลู่และเมื่อหยานเอ๋อฟื้นขึ้นเมื่อไหร่ก็ให้แจ้งข้าทันที”

“ได้ค่ะ ! ”

กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้พยักหน้า

ถังซิ่วเองก็ได้เอามีดมาจากจี่ฉีเหม่ยก่อนที่จะตัดลงไปบนโสมป่าพันปีพร้อมทั้งใส่มันลงไปในปากของเธอ จากนั้นเขาก็ได้ลูบไปที่จุดพลังของเธออยู่ครู่หนึ่งแล้วปล่อยกลับดังเดิม

“หลังจากนี้ทุกๆ7วันให้ตัดโสมชิ้นนี้ให้เธอกินพร้อมทั้งนวดจุดพลังของเธอ30วินาทีเพื่อให้เธอสามารถดูดซึมผลของยา”

กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“หลังจากนี้ศิษย์จะเป็นคนจัดการด้วยตัวเองค่ะ ”

ถังซิ่วเองก็ได้โบกมือพร้อมกับพูดว่า

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ ”

ขณะที่กู่เสี่ยวเสวี่ยและจี่ฉีเหม่ยออกไปนั้นถังซิ่วเองก็ได้กอดกู่หยานเอ๋อพร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า

“หยวนเอ๋อ อาจารย์ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้เพราะข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการ อย่างแรกคือความต้องการของแม่ข้าที่ต้องเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแถมข้ายังมีเรื่องที่ต้องออกไปหาเงินเพื่อซื้อทรัพยากรบ่มเพาะอีก อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ เมื่อข้าไปถึงระดับหนึ่งแล้วข้าจะใช้ทุกวิธีทางเพื่อรักษาเจ้าให้ได้ ”

“ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้ค้นพบสถานที่ที่เหมือนกับฐานทัพมุขเก้ามังกรของเราบนโลกนี้ เมื่อเราสามารถจัดการมันได้ทั้งหมดแล้วข้าจะย้ายเจดีย์ทองคำแห่งนี้ไปอยู่ที่นั่น เมื่อถึงเวลาแล้วข้าจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อนำเจ้าไปให้ได้ ”

“ข้าได้ค้นพบพลังวิญญาณจักรพรรดิม่วงในที่แห่งนั้น เมื่อถึงเวลาที่เจ้าย้ายไปอยู่ที่นั่นแล้วมันจะช่วยให้ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นซึ่งข้าคิดว่ามันเป็นผลดีกับเจ้าแน่นอน ”

“รีบๆตื่นมาได้แล้ว ให้อาจารย์ได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสของเจ้า ”

“………..”

ถังซิ่วได้พูดจนถึงช่วงค่ำก่อนที่เขาจะจากที่นี่ไป เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นแล้วโอหยางลูลู่เองก็ได้รีบบุกเข้ามาที่นี่ทันที

“ถังซิ่ว ได้ยินมาว่านายอยากจะยืมเครื่องบินส่วนตัวของฉันงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ใช่แล้ว ฉันต้องยืมของเธอ”

โอหยางลูลู่เองก็ได้มองไปที่เขาด้วยแววตาดุร้ายก่อนที่จะพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“ไม่ให้ยืม !!!!”

ถังซิ่วเองก็ได้ชะงักไปพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“แต่ว่าเราเป็นเพื่อนกันนะ !”

โอหยางลูลู่เองก็ได้โอดโอยออกมาว่า

“อย่าได้เอาสถานะเพื่อนมาขู่ฉันเชียวนะ จนถึงตอนนี้นายเองก็ยังไม่ทำตามสัญญาที่พูดไว้เลยด้วยซ้ำอย่าให้ฉันต้องต่อความยาว สาวความยืดนะ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“ฉันสัญญาอะไรไว้กับเธองั้นหรอ ? ”

โอหยางลูลู่เองก็ได้ตบตะเกียบลงบนโต๊ะก่อนที่จะยืนขึ้นแล้วคำรามออกมาด้วยความโกรธว่า

“นายลืมเรื่องที่จะไปพบกับครอบครัวฉันแล้วงั้นหรอ ? แล้วเป็นไงล่ะ ผ่านมา2เดือนแล้วนายก็ยังไม่ได้ไปเลย !!!”

“…….”

ถังซิ่วถึงกับโง่งมทันที

เป็นเพราะว่าเขาต้องจัดการเรื่องต่างๆจึงทำให้ลืมเรื่องที่สัญญาไว้กับเธอ เขาได้ถามออกมาว่า

“หรือว่าเราจะไปกันเลยไหมล่ะ ? ”

โอหยางลูลู่เองก็ได้แสยะออกมาแล้วพูดว่า

“วันนี้ไม่ได้ พ่อแม่ของฉันไม่อยู่ที่นี่ ไปหาพวกเขาก็ไม่ได้อะไรหรอก ช่างมัน อย่างน้อยนายเองก็ยังมีความคิดที่จะไปพบกับพวกเขาดังนั้นฉันจะยกโทษให้ เครื่องบินส่วนตัวของฉันจอดอยู่ที่สนามบินต้องการจะใช้เมื่อไหร่ก็บอกได้เลย ฉันจะให้เบอร์นักบินนายเพื่อติดต่อกับเขาแล้วกัน”

“ขอบคุณมากๆ !”

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะพูด

โอหยางลูลู่เองก็ได้จ้องมองอย่างดุร้ายไปที่เขาก่อนที่เธอจะหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วพูดว่า

“การรู้จักกับนายนี่มันเป็นโชคร้ายของฉันจริงๆ ! โดนหลอกใช้ประโยชน์ทุกครั้งเชียว ไม่ว่านายจะไปที่ไหนก็ไม่พาฉันไปด้วย ! เราจะต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนว่าหลังจากนี้ไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องพาฉันไปด้วย !”

“ไม่มีปัญหา !”

ถังซิ่วได้ตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จแล้วนั้นถังซิ่วก็ได้ลุกขึ้นแล้วพูดว่า

“ฉันต้องไปล่ะ วันนี้ต้องกลับไปยังเมืองสตาร์ซิตี้เพราะพรุ่งนี้ต้องกลับไปที่เซี่ยงไฮ้เพื่อรายงานตัวอีก ”

โอหยางลูลู่เองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ฉันตัดสินใจได้แล้ว !”

ถังซิ่วถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“ตัดสินใจอะไร ? ”

โอหยางลูลู่เองก็ได้โอดโอยออกมาว่า

“ฉันยังไม่บอกนายหรอกรอให้ฉันทำมันเสร็จก่อนแล้วนายจะรู้เอง !”